ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO


ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ
บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ
เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร

ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย 
         
    ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ
                แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั้งหมด เพราะพวกเราที่มาจากต่างโลก ต่างได้รับสกิลมาด้วย แถมในโลกนี้ก็มีเวทมนต์ที่ทำให้สามารถแสดงค่าสถานะต่างๆ ได้แบบเกมส์
                สกิลที่พวกผมได้มาจัดว่าขี้โกงเลยทีเดียว เพราะขนาดเลเวลแค่หนึ่งยังสู้กับมอนสเตอร์เลเวลสูงกว่าได้ แต่ก็ไม่ได้สบายนัก และนี้ก็ไม่ใช่เกมจริงๆ ถ้าพลาดก็มีเจ็บมีตาย ปราสาทจอมมารเองก็กว้างใหญ่ ขนาดเดือนหนึ่งแล้วพวกเรายังยึดครองได้ไม่ถึงครึ่ง และระหว่างนั้นเพื่อนร่วมห้องจาก 34 ชีวิตก็เหลือก็แค่ 23 คน
                แต่ทำไมผมที่เป็นหนึ่งใน 23 คนที่รอดชีวิต กลับต้องมานั่งซักกางเกงในให้เพื่อนร่วมห้องนะเหรอ ก็เพราะสกิลที่ผมได้รับมาก็คือ พ่อบ้านสมบูรณ์แบบ ชื่อสกิลเหมือนกับชื่ออาชีพเลยล่ะ แต่เพราะมันรวมเอาสกิลงานบ้านร้อยแปดเอาไว้ เลยตั้งรวมๆ ไว้ล่ะมั่ง
                เช่นเวทมนต์กองไฟ ที่ปรับอุณหภูมิได้ตามใจชอบ ซึ่งไว้สำหรับทำอาหาร และเวทมนต์ตัดๆ หั่นๆ ที่ทำให้วัตถุดิบถูกแปรรูปได้ตามใจนึก ผมเลยไม่มีปัญหากับการทำอาหารเลี้ยงคนจำนวนมาก แถมด้วยเวทมนต์ คลีนนิ่ง ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกายจนถึงเสื้อผ้าได้
หา? อะไรนะ อ้อ ถ้าถามว่าถ้ามีเวทมนต์นี้แล้ว ทำไมถึงต้องมานั่งซักกางเกงในด้วยล่ะ ก็เพราะมันเป็นกางเกงในน่ะสิถึงได้มาซักด้วยมือ
                ด้วยข้ออ้างแถสีข้างแหก ผมได้บอกสาวๆ ไปว่า เวทมนต์คลีนนิ่งมันจะทำให้ชุดชั้นในของพวกเธอขาดเสียหายได้ เพราะเนื้อผ้าที่บอบบาง ถ้าพวกเธอไม่อยากโนแพนโนบรากัน ก็ต้องซักด้วยมือเท่านั้น ซึ่งทำให้พวกเธอยอมรับได้ ส่วนผมนะเหรอ ก็ได้นั่งสูดดมกลิ่นสดๆ ของชุดชั้นในที่พึ่งถอดมาอย่างไงล่ะ สุขฟินเวอร์แบบนี้จะมีที่ไหนอีก
                และเพราะผมไม่มีความสามารถต่อสู้ที่แนวหน้าได้ จึงต้องรับเอางานพวกนี้มาทำคนเดียวทั้งหมด จริงๆ ก็ไม่ได้หนักใจอะไรหนักหรอก ที่โลกเดิมผมก็มีชีวิตแบบนี้อยู่แล้ว มีสาวๆ เต็มบ้าน แต่มีแค่ผมที่ทำงานบ้านได้ หรือเพราะอย่างนี้ผมถึงได้สกิลพ่อบ้านสมบูรณ์แบบมา?
                ช่างเถอะตอนนี้ขอสูดอีกสักฟอดก่อนที่ทุกคนจะกลับมาล่ะกัน
                เรื่องอาหารการกินก็มีพร้อมอยู่ เพราะจุดแรกๆ ที่พวกเรายึดได้คือห้องครัว ซึ่งมีอาหารเก็บเอาไว้พอสมควร บวกกับมอนสเตอร์บางตัวกินได้ ถึงแรกๆ จะมีคนต่อต้านกัน แต่พอเห็นผมนั่งสวาปามอย่างกับปอบเข้าสิง ไอ้ความอีเดียตก็โยนทิ้งกันไปหมด
                งานบริการของผม ไม่ใช่แค่ดูแลทำความสะอาดที่พัก และทำอาหารหรอกนะ แต่รวมถึงงานบริการตอนกลางคืนด้วย
                “ดี! อีกนิด อา อ๊า จะถึงแล้ว อ๊า! เสียวซิบหายเลย อ๊าง!!”
                อย่างเธอคนนี้ที่กำลังขย่มผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็เป็นหนึ่งในงานของผมด้วยเช่นกัน เพราะว่าการไปสู้เสี่ยงชีวิตนั้น สร้างความเครียดเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง แถมความหวังจะกลับโลกเดิมได้ก็ยังไม่เห็นทาง ความรู้สึกแบบนั้นทำให้ทุกคนอยากปลดปล่อยตัวเองออกมา
                สำหรับส่วนใหญ่ที่มีคู่กัน ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าจะมีพวกอีปลวกที่ไร้คู่เท่านั้นแหละ ที่บังคับให้ผมต้องบริการพวกเธอด้วยการสนองกามแบบจัดเต็ม เอ่อ ผมเองไม่ใช่หน้าตาย่ำแย่ อ้วนพุงกลม หรือบุคลิกย้ำแย่หรอกนะ ก็อยู่ในเกณฑ์กลางๆ แฟนเองก็มีแล้วด้วย แต่เพราะอยู่กันคนละห้อง เลยมีแต่ผมที่ต้องมาโลกนี้ตามลำพังแบบไร้คู่
                “จะ จะ ถึงแล้ว! อา! แตกแล้ว! อร๊างงงง!”
                สาวสไตร์เด็กเที่ยวคนนี้มีชื่อว่า อุเอชิดะ มายุ เป็นอีร่านประจำห้อง ก่อนมานี้เห็นว่าคบกับยากูซ่าอยู่ แต่พอมานี้ก็หาเหยื่อไม่ได้จนอดยากปากแห้ง สุดท้ายต้องลงกับผมซึ่งไม่เคยคุยกันมาก่อนเลย แต่ผมก็ไม่รังเกียจหรอกนะ เพราะเธอก็ตาหน้าใช้ได้ ผมสั้นดัดเป็นลอนและยอมสีทองผิวสีแทน ถึงจะไม่ใช่แบบที่ชอบ แต่เธอก็เอามันส์ดีใช้ได้ อย่างน้อยก็รับดุ้นไซส์สัตว์ประหลาดของผมอยู่
ใช่แล้วล่ะ จุดเดียวที่ไม่ธรรมดาของผมก็คือเจ้าหนอนน้อยไซส์จัมโบ้นี้ล่ะ ขนาดกับแฟนตัวเอง ผมยังต้องกล่อมเธออยู่นานกว่าจะยอมมีอะไรด้วย ไม่นับว่าต้องลองกันอยู่หลายครั้งกว่าผมจะดันดุ้นผมเข้าไปในถ้ำหรรษาของเธอได้
“โรมะคุง อีกรอบสิ”
                มายุดึงแขนผมไว้ตอนผมถอนหนอนน้อยชุ่มน้ำออกมา
                “ไม่ได้ ต้องไปทำมื้อเย็นให้ทุกคน”
                ผมตอบแต่ก่อนจะได้แต่งตัว เธอก็คว้าหนอนผมเข้าปากดูดเป็นไอติมไปแล้ว
                “ยังแข็งอยู่เลย”
                มายุพูดเสร็จก็ก้มหัวลง ดันหนอนผมทะลวงคอหอยเธอต่อ ท่าทางราวกับขาดมันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกทำหน้าเหมือนไม่มีทางเลือก เห็นผมเป็นแค่กระปู๋เทียมใช้แก้ขัดเท่านั้น แต่พอได้ลิ่มรสหนอนผมเข้าไป ก็ถึงขั้นเสพติดเลย ทุกครั้งที่เธอกลับมาจากการล่ามอนสเตอร์ เธอต้องตรงเข้ามาลากผมมากินตับกันแบบนี้ทุกครั้ง ไม่นับรอบดึกที่ไม่สลบคาหนอนก็ไม่ยอมหยุดกระแทกเอวใส่ แต่นอกจากนั้น เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอก็ยังปฏิบัติกับผมแบบไม่ใส่ใจใยดีเหมือนเคยล่ะนะ แต่ว่าไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่ผมต้องคอยบริการน้ำกามให้กินทุกวัน
                “มายุนหยุดเลยนะ!”
                คนที่เปิดประตูห้องเข้ามาคือคุณหัวหน้าห้อง มีชื่อว่า มิโซะโนะ ยุมิโกะ สาวแว่นผมเปียเจ้าระเบียบ ตามแบบคุณหัวหน้าสากลทุกประการ รายนี้ก็ไม่มีคนเอา จนมาเห็นผมทำสงครามน้ำกามกับมายุแบบเต็มตา แต่ขนาดเข้ามาห้ามและต่อว่า มือยังล้วงใต้กระโปรงแล้วตกเบ็ดไปด้วย แบบว่าท่าทางนี้ไปคนละเรื่องกับคำพูด คงอัดอั้นไว้จนเสี้ยนถึงที่สุดแล้วแน่ๆ ผมเลยสนองเธอด้วยการจับกด โดยมีมายุช่วยอีกแรง แรกๆ ก็ทำเป็นขัดขืน แต่ขัดขืนภาษาอะไรก็ไม่รู้ถ่างขาซะกว้างเลย ส่วนหลังจากนั้นนะเหรอ
                “ตกลงกันแล้วไง ว่าต้องแบ่งฉันครึ่งหนึ่งด้วย”
                โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอตรงเข้ามาดึงหนอนผมออกจากปากมายุ แล้วเสียบเข้าปากเธอแทนทันที ถึงเทคนิคการดูดกระปู๋ของเธอจะสู้มายุไม่ได้ แต่เธอดูดแรงมากราวกับจะสูบเอาแยมขาวผมไปกินให้ได้ ผมเลยจำใจต้องปล่อยให้พวกเธอกินกันรอบหนึ่งก่อน
                หลังจากมื้อเย็นแล้ว ทุกคนก็มาต่อแถวเพื่อรับคลีนนิ่งของผม ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนกัน ส่วนผมเองตลอดหนึ่งเดือนมานี้ก็ไม่ได้ปล่อยเวลาไปเฉยๆ หรอก ช่วงที่คนอื่นออกไปสู้และผมเสร็จจากงานปกติแล้ว ก็จะไปที่ห้องสมุดของปราสาทซึ่งเป็นอีกห้องที่ยึดมาได้ เพื่อทำการฝึกการอ่านและเขียนภาษาของโลกนี้
                ซึ่งมันไม่ได้ยากเท่าไร มีวิธีเขียนและออกเสียงคล้ายกับภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยทำให้เรียนรู้ได้ในเวลาอันสั้น แถมยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ อย่างปราสาทจอมมารแห่งนี้ มันตั้งอยู่กลางพื้นที่รกร้าง ล้อมด้วยเขตแดนเวทมนต์ ซึ่งทำให้เข้าออกไม่ได้ เพราะงั้นเรื่องที่จะหนีออกไป เลยเป็นอันต้องพับเก็บ และถึงหนีออกไปได้ ก็ไม่มีเมืองของมนุษย์อยู่ใกล้ๆ เลย รอบๆ นี้มีแต่หมู่บ้านของมอนสเตอร์ กับสิ่งที่เรียกว่าดันเจี้ยนเต็มไปหมด
                แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ผมได้รู้มาในวันนี้ มันสำคัญขนาดที่อาจพลิกกระดานได้เลย ผมรีบกลับออกมาจากห้องสมุด เพราะได้ถึงเวลาทำงานรอบดึกแล้ว และขืนไปช้าผมอาจถูกลงโทษด้วยการต้องเลียหอยเหม็นๆ ของพวกเธอก็ได้ ซึ่งผมไม่ชอบเลยสักนิด
                พอไปถึงห้องพักก็เห็นมายุกับยุมิโกะ กำลังวอร์มเครื่องรออยู่ด้วยการเล่นฉิ่งฉับ พวกเธอรู้ว่าผมชอบแบบนี้ เลยยังไม่หยุดแถมเร่งจังหวะขึ้นอีก ส่วนผมก็ถอดเสื้อผ้าและไปนั่งดูติดขอบจอ รอจนพวกเธอเสร็จยกแรกกันไปก่อน จากนั้นก็ถึงเวลาอาหารหลักแบบ 3P จนพวกเธออิ่มแล้วถึงจะยอมนอนกันได้
                ผมรอจนแน่ใจว่าทั้งคู่หลับสนิทแล้ว จึงลุกขึ้นแต่งตัวแล้วกลับเข้าไปในครัวเพื่อทำมื้อดึก ถึงเป็นเวลาพัก แต่ทุกคนก็จะแบ่งเวรยามกันเป็นกะๆ เพื่อไปเฝ้าจุดที่เรียกว่า สะพานแห่งความตาย ที่ตั้งชื่อนี้เพราะมันเป็นจุดที่มีการปะทะกันบ่อยครั้งที่สุด และมีคนตายมากที่สุด
                สะพานแห่งนี้เป็นจุดเดียวที่จะข้ามไปอีกด้านของปราสาทได้ และเพราะเป็นจุดที่แคบทำให้กองทัพมอนสเตอร์ที่มีจำนวนมากกว่า ไร้ความหมายไปในทันที พวกเราจึงยึดจุดนี้ไว้ในการตั้งรับและสลับกันมาเฝ้าทั้งวันทั้งคืน
                แต่ที่ผมมาไม่ใช่เพราะต้องดูแลตามหน้าที่หรอก เพราะปกติคนที่อยู่กะกลางคืนผมจะเตรียมเสบียงเผื่อไว้ให้แล้วตอนเย็น ที่เอาของกินมานั้นก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
                “อ้าว โรมะคุงยังไม่นอนเหรอ”
                เธอหันมายิ้มทักผม
                เธอผมมีผมยาวสีดำสลวย กับส่วนสูงเท่าเด็กประถม ผู้ซึ่งได้ฉายาประจำตัวว่าตุ๊กตาเจ้าหญิง
                ซากิโมริ ริกะ
เธอคือไอดอลในใจของผม
                ใช่ ผมเป็นโลลิค่อนตัวพ่อสายฮาร์ดคอร์
                “อืม วันนี้ค่อนข้างหนาว เลยทำซุปอุ่นๆ กับขนมปังมาให้กินน่ะ”
                ผมเดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม ที่พยายามปิดบังออร่าความหื่นไว้เต็มที่
                “อ้าว แฟนเธอหลับยามซะแล้ว”
                และแน่นอนเธอเองก็มีแฟนแล้ว
                “แฮะๆ ปล่อยเขาไปเถอะ ขอบใจนะ”
                เธอรับซุบผมไปกินอย่างยิ้มแย้ม เธอเป็นแบบนี้เสมอ ตอนที่ถูกส่งมาที่นี้ ในขณะที่ทุกคนโวยวายแตกตื่น เธอกลับใช้ความร่าเริงของตัวเองดึงสติของทุกคนกลับมา
                และถึงเธอจะมีแฟนแล้ว แต่ผมมั่นใจเต็มร้อยว่าเธอยังบริสุทธ์อยู่ เพราะอะไรนะเหรอ ก็ผมดมกางเกงในเธอทุกวันเลยไงล่ะ กางเกงในลูกไม้สีดำแบบผูกเชือกกับบราเข้าชุดไซส์ AA
                แล้วแค่กลิ่นก็บอกได้เลยเหรอว่าใครบริสุทธ์อยู่ คำตอบคือ บอกได้อย่างแม่นยำเลย
                เนื่องจากเวลาใช้คลีนนิ่ง ผมจะไม่ทำความสะอาดหอยน้อยให้พวกเธอด้วย ถึงจะไม่ต้องแตะต้องตัวก็เถอะ แต่พอคิดว่าต้องทำความสะอาดจุดที่มีแยมขาวคนอื่นติดอยู่ มันขยักแขยงอ่ะ เพราะงั้นที่กางเกงในของพวกเธอเลยมักจะมีกลิ่นติดอยู่เสมอ ยิ่งกลิ่นแรงก็แปลว่าทำกันบ่อย
                จะมีแค่ของริกะเท่านั้นที่กลิ่นไม่เคยเปลี่ยน และหอมสดชื่นอยู่เสมอ ในขณะที่ผมเลิกดมของคนอื่นไปแล้ว ก็มีแต่ของริกะเท่านั้น ที่วันไหนไม่ได้ดมผมจะรู้สึกไม่มีแรงทำอะไร จะว่าโรคจิตก็ตามใจ แต่ในโลกแบบนี้ก็ต้องหาสิ่งผ่อนคลายไว้ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรกวิตาถารแค่ไหนก็เถอะ
                แถมผมรู้ด้วยล่ะว่า ทำไมสาวน้อยแสนบริสุทธ์นามริกะจัง ถึงได้มีรสนิยมใส่ชุดชั้นในบ้ากามได้ขนาดนี้ นั่นก็เพราะแฟนของเธอเอง
                เมื่อก่อนเขาเคยมาขอคำปรึกษาจากผม ในฐานะที่เป็นสหายร่วมสถาบันโลลิค่อน (ถึงผมจะโคตรเกลียดมันที่คว้าเอาไอดอลริกะจังตัดหน้าผมไปก็เถอะ) ปัญหาของไอ้เจ้าเพื่อนคนนี้ก็คือ…นกเขาไม่ขัน
                ไม่ใช่ว่าเพราะว่าดุ้นหมดอายุการใช้งานหรอกนะ แต่เจ้านี้มันเป็นหนุ่มเวอจิ้น ที่พอถึงเวลาปฏิบัติการจริง ก็จะตื่นเต้นจนเกินไป ขนาดกลายเป็นความเครียด อาการแบบนี้เรียกว่า เครียดลงจู๋
                ที่ริกะจังต้องมาใส่ชุดชั้นในแสนน่าอายแบบนี้ ก็เพื่อให้แฟนหนุ่มหน้ามืดจนเอาชนะความเครียดให้ได้ แต่ผลก็เหลวอีก เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมแอบมาเห็นทั้งคู่พลอดรักกัน
                โดยริกะยืนถลกกระโปรงขึ้น โชว์กางเกงในสุดวิวให้แฟนหนุ่มดู แต่ขนาดมันตั้งหน้าตั้งตาชักธงรบอยู่นาน ธงก็ไม่ยอมขึ้นสู่ยอดเสาสักที หนอนน้อยของมันยังคงหลับอย่างสงบอยู่เช่นเดิม เป็นผมเนี่ยล่ะที่ชักจนทะลุยอดเสาไปเลย ส่วนเจ้าแฟนหนุ่มไม่ได้เรื่องของริกะก็ยอมแพ้ไปตามระเบียบ
                “คิดอะไรอยู่เหรอโรมะคุง?”
                เสียงของริกะเรียกผมกลับมาจากเรื่องหื่นๆ ในหัว ใช่ผมมานี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะถามเธอให้ได้
                “อ่ะ ก็นิดหน่อย ซากิซังผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
                “หือ ทำไมพิธีรีตองจัง”
                “ก็เรื่องสำคัญน่ะสิ”
                ใช่เรื่องสำคัญถึงขั้นตัดสินอนาคตกันเลย
                “คุณซากิอยากกลับบ้านหรือเปล่า”
                “เอ๋? ก็ต้องอยากกลับสิ ทำไมโรมะคุงถึงถามแบบนี้ล่ะ”
                “ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากแน่ใจนะ เพราะเห็นมีบางคนไม่อยากจะกลับอยู่ด้วย”
                “อ้อ พวกผู้ชายสินะ แต่ฉันว่ามากกว่าครึ่งก็อยากจะกลับบ้านกันจะแย่อยู่แล้ว แล้วโรมะคุงล่ะ อยากกลับหรืออยากอยู่นี้”
                “ผมน่ะอย่างไงก็ได้ แต่ถ้าอยากกลับไหม ก็อยากล่ะนะ เพราะมีแฟนรออยู่ด้วย”
                “เธอไม่รอโรมะคุงหรอก”
                “…”
                ผมอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่ริกะพูดสวนออกมา
                “คะ แค่เดือนสองเดือน เธอคงยังไม่ทิ้งผมหรอกน่า”
“ก็อาจจะ แต่ถึงอย่างไงพอกลับไป เธอก็ต้องเลิกกับโรมะคุงอยู่ดี”
                “เฮ้! ทำไมพูดแบบนั้นแหละ”
                ผมเริ่มหัวเสียเล็กน้อย ถึงจะเป็นริกะที่ผมหลงใหล แต่สิ่งที่เธอพูดมันล้ำเส้นเกินไปแล้ว
                “เพราะฉันจะเอาไอ้นี้ให้เธอดูไงล่ะ”
                ริกะบอกพร้อมกับเปิดมือถือขึ้นมาและยื่นมาให้ผมดู มันเป็นวิดีโอที่อัดไว้ตอนผมทำสงครามสามฝ่ายกับพวกมายุนั้นเอง
                “ของคืนนี้ก็มีนะ”
                “ดะ เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ว่าแบตมือถือหมดกันไปแล้วหรอกเหรอ”
                “ของฉันเป็นรุ่นใช้แสงแดดซาร์ตไฟได้”
                “...ช่วยลบออกได้ไหม”
                “ไม่”
                ริกะตอบทันที แถมเธอไม่ยิ้มด้วย แปลว่าไม่ได้ล้อกันเล่นแน่ๆ
                “เธอทำแบบนี้ไปทำไมกัน!”
                “ทำไมน่ะเหรอ”
                ริกะฉีกยิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและนั่งลงบนตักของผม
                เธอดึงผ้าห่มของผมไปคลุมตัวเธอไว้ แต่สิ่งที่เกิดใต้ผ้าผ้าห่มนั้น คือมือเล็กๆ ของริกะที่กำลังงัดเอาหนอนน้อยของผมออกมาจากกางเกง เธอสอดมันเข้าไประหว่างกางเกงในของเธอที่แหวกออก ตอนนี้ดุ้นของผมแน่บติดกับหอยบนพื้นทรายที่อ่อนนุ่มไม่มีสาหร่ายสักต้น
                หนอนน้อยของผมคึกสุดขีด มันตื่นตัวเต็มที่ เปลี่ยนร่างจากหนอนน้อยเป็นอนาคอนด้า ยืดหัวผ่านขอบกางเกงในตัวจิ๋วของเธอออกมาด้านบนเพื่อสูดอากาศ แต่ว่าก็ถูกมือที่เล็กและอุ่นนุ่มของเธอคว้าไว้ทั้งสองมือ
                “ซากิซัง”
                “…”
                ริกะที่นั่งหนีบหนอนน้อยผมอยู่ไม่พูดอะไร แต่เริ่มโยกเอวสไลด์หนอนผมด้วยหอยฝาปิดของเธอ ส่วนมือก็รูดส่วนบนไปด้วยท่าทางเลยเหมือนเธอกำลังชักว่าวให้ตัวเองอยู่
                ระหว่างพวกเราไม่มีคำพูดอะไร มีแค่เสียงหอบหายใจของริกะ
                เธอเริ่มถูเร็วขึ้น ชนิดถ้าเป็นการจุดไฟด้วยไม้ มันคงไฟลุกไปแล้ว แต่หนอนน้อยผมถูกอาบไปด้วยน้ำหวานจากเนื้อหอยของเธอ จนเปียกแฉะไปถึงกางเกง น้ำหวานจากหอยของริกะมีมากจนน่าตกใจจริงๆ
                ผมรู้สึกเสียวจนทนไม่ไหวแล้ว เลยยื่นมือไปจับเอวของริกะ เพื่อเตรียมส่งหนอนน้อยเข้าไปทำความรู้สึกด้านในหอยของเธอ แต่ริกะจับมือผมเพื่อห้ามเอาไว้ เธอยังคงก้มหน้าแต่เอวไม่ยอมหยุดสไลด์
                ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ริกะยังรักแฟนของเธออยู่ สิ่งที่เธอทำมันเลยออกมาแบบครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรได้ เลยเลื่อนมือขึ้นมาที่หน้าอกของเธอแทน ซึ่งริกะไม่ได้ต่อต้านอะไร
                “ฉะ ฉันไม่มีหน้าอก ขะ ขอโทษด้วยนะ”
                ริกะพึมพำออกมาด้วยความอายด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ผมตอบเธอด้วยการใช้นิ้วแตะไปบนตำแหน่งจุก ถึงจะเป็นการสัมผัสผ่านเสื้อผ้า แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงรูปลักษณ์มันได้อย่างชัดเจน
                ผมขยับนิ้วเขี่ยจุกของริกะไปมาอย่างอ่อนโยน ตัวเธอกระตุกเป็นจังหวะตาม พร้อมกับเม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงหลุดออกมา ส่วนเอวเธอไม่ว่าจะอย่างไงก็ไม่ยอมหยุดสไลด์หนอนผมเลย จึงต้องทำการโจมตีกลับไปบ้าง ผมบีบจุกที่แข็งจนยื่นเป็นรูป ด้วยการบีบเป็นจังหวะแบบส่งสัญญาณมอร์ส แต่ดูท่าจะรุนแรงเกินไป เพราะริกะถึงกรีดร้องออกมา
                “กรี๊ด!!”
                เธอร้องสุดเสียงจนผมตกใจ รีบหันไปทางแฟนของเธอ ที่นอนหลับอยู่บนพื้นห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว เสียงตะกี้ต่อให้หลับลึกแค่ไหนเขาก็ต้องตื่นแน่ๆ
                “มะ ไม่เป็นไร ฉันร่ายเวท Sleep ใส่เขาไว้ ถ้าไม่ถูกกระแทกแรงๆ ที่หัว อย่างไงก็ไม่มีทางตื่นหรอก”
                ริกะบอกพร้อมกับเริ่มส่งเสียงครางออกมาดังขึ้น
                “รู้สึกดีจัง! อ๊าง อา อา อี๋!”
                เธอหอบหายใจแรงมาก เสียงร้องกระเส่าก็กระตุ้นอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
                “นะ นี้มัน โรมะ โรมะ จะมีอะไรออกมาก็ไม่รู้ ฉะ ฉันกลัว!”
                “เธอพึ่งเคยถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรกเหรอ!?”
                “จุดสุดยอด! อ๊า! อา! ฉันจะถึงแล้ว อร๊างงงง! โรมะฉันรักเธอออออ!”
                ริกะถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรง ตัวเธอกระตุกติดกันหลายครั้ง เธอหนีบหนอนน้อยผมไว้แน่นพร้อมกับพ่นน้ำอุ่นๆ ใส่แบบไม่ยั้งเหมือนท่อแตก
                โอ่ นี้สินะถึงแบบบาซูก้า
                หลังจากเธอกระตุกอีกสองสามครั้งจนหมดแรง ก็ปล่อยฉี่ออกมารดหนอนน้อยผมอีก ดูท่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นกับฉี่ของเธอจนเสร็จตามไป ปล่อยแยมขาวใส่เต็มมือของริกะ
                พอพวกเรานั่งหอบกันได้พักหนึ่ง ริกะก็ลุกขึ้นจากตัวผม ได้จังหวะที่แฟนของเธอพลิกตัวตื่นขึ้นมาพอดี
                “หือ นี้ฉันเผลอหลับไปเหรอ ขอโทษนะ ริกะ”
                “ไม่เป็นไรๆ ดูนี้สิโรมะคุงเอาซุปมาให้พวกเราด้วยนะ”
                ริกะหันไปพูดคุยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเอง ที่เธอยกมือที่มีแยมขาวของผมติดอยู่ขึ้นมา และเอาเข้าปากดูดนิ้วอย่างเอร็ดอร่อยจนไม่มีเหลือสักหยดต่อหน้าแฟนตัวเอง
                “อืม อร่อยมากเลย”
                ผมนี้สั่นไปทั้งตัวเลย
                “โอ่ น่ากินจริงๆ ด้วย แต่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ วันนี้มันหนาวจริงๆ เลย”
                พอแฟนหนุ่มลุกออกไปได้สักพัก ริกะก็หันมาทางผม พร้อมกับประกบปากจูบใส่ทันที ลิ้นของเธอสอดใส่เข้ามาอย่างรุนแรงและเร้าร้อน เราจูบกันนานกว่าหนึ่งนาทีกว่าเธอจะยอมถอนปากกลับออกไป น้ำลายของพวกเราผสมกันจนเหนียวยืดเป็นเส้น
                “รักนะ”
                ริกะกระซิบบอกข้างหูผมเบาๆ แต่พอจะขยับออก เธอก็พุ่งเข้ามาจูบอีกครั้งราวกลับห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมหยุด เพราะได้เวลาที่แฟนของเธอจะกลับมาแล้ว ส่วนผมต้องรีบลุกขึ้นแล้วกลับห้องไป เพื่อเอาอารมณ์ที่ค้างอัดแน่นอยู่ในเจ้าหนอนน้อย ไปปล่อยใส่สองสาวคู่ขาของผม
                แถมผมรู้สึกคึกกว่าปกติ เลยจัดพวกเธอเต็มแรง กระทั่งพวกเธอร้องขอให้หยุดเพราะรับต่อไม่ไหวแล้ว แต่ผมก็ไม่ยอมหยุด เพราะนี้จะเป็นคืนสุดท้ายแล้ว

ความคิดเห็น

  1. อยากจะกราบคุณเลยจริงๆ ขอบคุณมากเลยอยากกลับมาอ่านอีกมาก (ลงแดงไปนานเลย)

    ตอบลบ
  2. นี้มันสมบัติของจอมมารที่ได้หายสาบสูญไปนี้

    ตอบลบ
  3. หานานมากค่ะขอบคุณที่เก็บไว้ให้อ่าน งื้ออ

    ตอบลบ
  4. คิดถึงเรื่องนี้มากครับได้แต่เสียดายที่เรื่ิิองนี้โดนปิด

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  6. จำได้ว่าชื่อไรท์ ใช่ม้ะ ไปเรียกไรท์มาต่อดิ๊ ศิลปินน่ะ ถ้าเพื่อผลงานของตัวเองแล้วไม่ต้องไปสนหรอกสังคมน่ะ ไม่ว่าจะใครหน้าไหน หรือ เกิดอะไรขึ้น มีอย่างเดียวคือทำผลงานของตัวเองให้เสร็จ ไม่งั้นมันก็เป็นแค่ความล้มเหลว

    ตอบลบ
  7. คุณสุดยอดที่สุดตามหามานานได้อ่านแล้วที่เก่าปิดไปชะงันเสียด้ายมาก

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้