ตอนนี้มีประโยคขาดหายระหว่างการก๊อปใครพอจะจำประโยคได้เม้นทิ้งไว้ด้วยนะคับจำไม่ได้ก็ช่างมันน่าจะมีอยู่ 2 ช่วงคับ
ตอนที่ 3 จบแล้วเหรอ?
“ฮ่าๆๆ เจ้านี้น่าสนใจจริงๆ ขนาดคิดมาหลอกปีศาจอย่างพวกข้า ด้วยเรื่องโกหกงี่เง่าพรรณนี้”
มุเอมะหัวเราะประชดใส่ แต่ผมไม่ถือหรอก ก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเชื่อง่ายๆ คงต้องค่อยอธิบายไปเท่านั้น
“พวกคุณคิดว่า พวกเราสู้ไปเพื่ออะไรครับ”
“ก็เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกข้าไงล่ะ”
“ผิดแล้วครับ เพื่อจะได้กลับบ้านต่างหาก”
“เอ๋?”
“ถึงจะไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ แต่อย่างน้อย สู้เพื่อที่จะได้หาทางกลับบ้าน ก็เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่พวกเราใช้เพื่อหำหั่นอีกฝ่ายอยู่ในตอนนี้ แล้วถ้าข้ออ้างนั้นหายไปล่ะ…เข้าใจไหมครับ มนุษย์อย่างผมน่ะ ต้องคิดถึงความชอบธรรมของตัวเองไว้ก่อนเสมอ แต่ถ้าขาดสิ่งนั้นไปแล้ว พวกเราก็จะขาดความมั่นใจในการตัดสินใจไป สรุปง่ายๆ ก็คือ ขอแค่หาวิธีพาทุกคนกลับบ้านได้ ก็ไม่ต้องห่วงพวกที่คิดต่างแล้ว เพราะมันจะกลายเป็นสภาพที่ว่า เสียงส่วนมากลากไป สุดท้ายทุกคนก็จะยอมกลับไปแต่โดยดี เอาล่ะครับ ตรงนี้คือสิ่งที่ผมจะมาขอเจรจา พวกคุณมีวิธีส่งพวกผมกลับบ้านไหม”
“…”
มุเอมะเริ่มคิดตามที่ผมอธิบายไปแล้ว ดูเธอใจเย็นลง ที่เหลือก็แค่จะออกหัวหรือก้อยเท่านั้น
“ขอเวลาเดี๋ยวนะ”
“เชิญครับ”
“เรียกทุกคนมาที”
มุเอมะหันไปสั่งปีศาจชุดเกราะ จากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับปีศาจอีกหลายตน ซึ่งล้วนแต่ดูมีอายุ
“พวกเจ้ามีใครรู้วิธีส่งตัวข้ามมิติบ้างไหม”
มุเอมะตั้งหัวข้อขึ้นมา หลังจากที่ระดมข้อมูลของแต่ละคนออกมาแล้ว ก็ได้ข้อสรุปที่เธอนำมาบอกกับผม
“มีวิธีอยู่”
“สำเร็จ!”
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว แต่ว่า
“เดี๋ยว อย่าพึ่งดีใจไป เพราะมันยังมีปัญหาอยู่”
“ปัญหาแบบไหน”
“ตามที่รู้มา ท่านจอมมารคนก่อนก็ถูกผู้กล้าต่างโลกฆ่าเหมือนกัน หลังจากนั้นพวกมันก็ได้กลับโลกไปทันที จากตรงนี้ข้าคิดว่า พวกมันคงใช้พลังของท่านจอมมารที่เหลืออยู่เปิดประตูข้ามมิติแน่ๆ”
“แบบนี้เอง แต่ว่าตอนนี้จอมมารยังไม่คืนชีพ เพราะงั้นก็เท่ากับว่ายังไม่มีวิธีกลับ”
“ใช่แล้วล่ะ เจ้าคิดว่าเพื่อนๆ ของเจ้าจะรอได้หรือเปล่า”
“นานแค่ไหนครับ”
“ตามการคำนวณแล้ว ท่านจอมมารจะกลับมาในอีกสองร้อยปีข้างหน้า”
“พวกผมแก่ตายก่อนพอดี”
“ไม่ได้จริงๆ ด้วยสินะ”
“ครับ รอเวลาไม่ได้ เพราะในกลุ่มพวกผมมีพวกคลั่งการต่อสู้อยู่ด้วย พวกนี้ไม่ยอมอยู่เฉยแน่”
“งั้นจะทำอย่างไง เจ้ามีวิธีอื่นไหม”
“…มีครับ แต่เรื่องนี้ต้องให้พวกคุณเป็นคนตัดสินใจ”
“ว่ามา”
มาถึงขั้นนี้มุเอมะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เชื่อใจได้
“พวกคุณต้องให้ผมขึ้นเป็นจอมมาร”
“ว่าไงนะ!”
“เท่าที่ผมรู้มา จอมมารจะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เป็นเผ่ามนุษย์เท่านั้น”
“นี้เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!?”
“ไม่รู้ก็แปลกครับ เพราะจอมมารคนก่อนบันทึกไว้อย่างละเอียดเลย”
“อึก! นี้พวกข้าละเลยห้องสมุดไปถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“แล้วเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ”
“ถูกต้องแล้วล่ะ จอมมารจะถือกำเนิดขึ้นมาจากมนุษย์เท่านั้น แต่มงกุฎราชาปีศาจเท่านั้น ที่จะตัดสินว่าคนนั้นคู่ควรไหม”
“พวกคุณต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะครับ ว่าจะให้ผมเป็นจอมมารคนใหม่หรือเปล่า”
“ดูเจ้ามั่นใจจังนะ รู้หรือไม่ ถ้ามงกุฎตัดสินว่าเจ้าไม่เหมาะสม ดวงวิญญาณจะถูกเผาด้วยไฟอเวจี จนสูญสลายไปทั่วนิรันดร์นะ”
“ทราบครับ แต่ผมเป็นได้แน่ เพราะพลังของจอมมารนั้นใกล้เคียงกับผู้กล้า คิดในอีกแง่ ผู้กล้าก็มีความใกล้เคียงที่จะเป็นจอมมารมากที่สุด ถึงผมจะไม่มีพลังอะไรเลย แต่ก็ยังเป็นภาชนะที่เหมาะสมอยู่ดี”
“ข้าเชื่อเจ้าเลย ที่คิดแบบนี้ได้ แต่แน่ใจแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะกลับบ้านหรอกหรือ”
“ผมคิดไว้สองทาง อย่างแรกถ้าพวกคุณมีวิธีพาพวกผมกลับก็ดีไป อย่างที่สอง ถ้าไม่มีทางกลับ ผมจะเป็นจอมมารแล้วยุติการต่อสู้ไร้สาระนี้ซะ”
“คิดไว้ถึงขั้นนี้เชี่ยวเหรอ…”
“สำหรับกรณีแบบนี้ ถึงผมเลือกเป็นจอมมารก็ยังสามารถพาทุกคนกลับได้ ต้องบอกว่าเกินคาดไปเหมือนกัน”
“ยอมเสียสละตัวเองเหรอ”
“เปล่า ผมไม่คิดจะทำขนาดนั้นเพื่อใคร แต่เพราะไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเก่า ผมก็ยังใช้ชีวิตของผมต่อไปได้ เรียกว่าเป็นคนที่ยอมรับผลลัพธ์ได้ทั้งสองทาง เลยเหมาะกับหน้าที่นี้ที่สุด”
“หือ เข้าใจล่ะ งั้นไม่จำเป็นต้องปรึกษากับใครหรอก เพราะในที่นี้ข้าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเอง และข้ายอมรับให้เจ้าได้รับการทดสอบเป็นจอมมารได้”
“เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่จะตกลง ผมขอบอกจุดยืนตัวเองไว้ก่อน ถ้าผมได้เป็นจอมมาร จุดยืนของผมไม่ใช่การนำพาให้เผ่าปีศาจปกครองโลก ไม่ใช่สงคราม แต่ผมจะหาทางให้เผ่าปีศาจอยู่ได้อย่างมั่นคงยาวนาน ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นได้”
“…ฮ่าๆๆ เจ้านี้น่าสนใจจริงๆ เอาสิ ถ้าเจ้าเป็นจอมมารได้ การตัดสินใจทุกอย่างจะเป็นของเจ้า จะพาพวกเราไปบุกสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็เชิญทำตามใจได้เลย และข้ามุเอมะคนนี้จะตามรับใช้เจ้าจนตราบสิ้นลมหายใจเลย”
“ตามรับใช้…หมายถึงผมสั่งอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“แม้จะเป็นเรื่องลามกก็ได้สินะครับ”
“…หนอยนี้เจ้าล้อข้าเล่นอีกแล้ว!”
“ไม่ปฏิเสธแปลว่าได้ งั้นรีบพาไปด่วนเลยครับ ต่อให้ต้องตายผมก็ต้องเป็นจอมมารให้ได้!”
ผมไม่สนใจท่าทางโมโหของมุเอมะ แต่ให้เธอรีบพาผมไปทดสอบ เพราะยิ่งผมได้เป็นจอมมารเร็วแค่ไหน ผมก็ยิ่งได้เธอมาสนองความหื่นของตัวเองเร็วแค่นั้น
……………………..
ภายในห้องลับของปราสาทจอมมาร ที่นั่นมีชุดเกราะเหล็กสีดำตั้งเอาไว้กลางห้อง โดยมีรูปปั้นปีศาจรายล้อมอยู่ทั่วทั้งห้อง ในท่าคุกเข่าและหันหน้าเข้าไปทางชุดเกราะ บนชุดเกราะนั้นตรงส่วนหัวคือกะโหลกของจอมมารรุ่นแรก
“กะโหลกนั่นก็คือมงกุฎราชาปีศาจสินะ แล้วผมต้องทำอย่างไง”
ผมถามมุเอมะที่ยังหน้าแดงไม่เลิก เพราะตลอดทางผมพึมพำออกไป ว่าจะทำอะไรกับเธอบ้างหลังจากได้เป็นจอมมาร แน่นอนว่ามีแต่เรื่องใต้สะดือทั้งนั้น
“คะ แค่หยิบออกมาส่วม การตัดสินก็จะออกมาทันที”
พอมุเอมะบอกเสร็จ ผมก็ไม่รอช้า ตรงไปหยิบมันออกมาส่วมลงไปทันที
ถึงขนาดจะใหญ่เกินไปจนแค่เอียงหัวนิดหน่อย มันก็สามารถเลื่อนหลุดไปได้แล้ว แต่ทันทีที่ใส่ลงไป มันก็ปรับขนาดให้เข้ากับรูปทรงของศีรษะได้ทันที
‘หือ อะไรกันนี้ เจ้ามันมีแต่ความต้องการทางเพศล้วนๆ เลยไม่ใช่เหรอ’
เสียงดังขึ้นมาในหัวของผม ซึ่งเดาได้ทันทีว่าเป็นเสียงของมงกุฎที่ใส่อยู่แน่ๆ
“หนวกหูน่า รีบๆ ตัดสินซะ ดุ้นของผมมันอยากมุดเข้าไปในตัวมุเอมะจะแย่อยู่แล้ว”
‘ใจเย็นสิ ข้าต้องให้พลังที่เหมาะกับเจ้าซะก่อน แต่สำหรับเจ้า ข้าเลือกได้ไม่ยากเลย เหมือนกับว่าเจ้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็ว่าได้ ฮ่าๆๆ จงฟัง จอมมารรุ่นที่ 6 จากนี้ไปข้าขอมอบอำนาจแห่งมารราคะให้กับเจ้า จงใช้มันควบคุมสตรีเพศทั้งโลกนี้ซะ’
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ผมก็รู้สึกถึงพลังประหลาดที่ไหลทะลักเข้ามาในร่าง น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกถึงมัน และเข้าใจมันได้ทันที ช่างแสนสะดวกสบายอะไรเช่นนี้
ชุดเกราะสีดำเองก็ตอบรับเจ้านายคนใหม่ ด้วยการแยกส่วนเป็นชิ้นๆ และพุ่งเข้ามาประกอบตามร่างกาย
นี้มันไอรอนแมนชัดๆ!
“โอ้ นี้มันวิเศษมาก”
หลังจากใส่ชุดเกราะแล้วเหมือนตัวเองใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่งได้ แถมเสียงกe="word-wrap: break-word;"> ูโหดชะมัด
“อะ อ่า ท่านจอมมารกลับมาแล้ว! ท่านจอมมาร ข้า มุเอมะ พร้อมรับใช้ท่านแล้ว”
“ตามสบายๆ”
ผมยังพูดกับเธอตามปกติ เพราะนอกจากพลังแล้ว ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนเดิมเลย เรื่องที่กลัวว่าจะโดนทำให้นิสัยและความนึกคิดเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะแค่คิดมากไปเอง
“งั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
ผมเดินตรงไปหามุเอมะ และจับตัวเธอเข้ามากอดทันที
เธอขัดขืนเล็กน้อยแต่ไม่ต่อต้าน ยิ่งทำให้เธอน่ากินยิ่งกว่าเดิม
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิท่านจอมมาร แล้วที่พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะส่งพวกผู้กล้ากลับบ้านล่ะ”
มุเอมะเตือนสติผมได้ทันเวลาพอดี
“จริงด้วย ลืมไปซะสนิทเลย”
“นี้ลืมเป้าหมายตัวเองได้อย่างไงกัน!”
“ต้องโทษความงามของคุณที่ทำให้ผมละสายตาไปจากมันไม่ได้”
“ทะ ท่านจอมมาร”
มุเอมะถึงกับเคลิ้มจนตัวอ่อนละทวย
“เรียกผมว่าโรมะเถอะ”
“ค่ะท่านโรมะ นายเหนือหัวของข้า”
“อืม ก่อนผมจะอดใจไม่ไหว เรารีบไปจัดการให้จบๆ กันดีกว่า”
จากนั้นผมก็ใช้ส่วนหนึ่งของพลังจอมมาร ส่งเสียงตัวเองไปถึงเพื่อนร่วมห้อง ที่ตอนนี้ตั้งขบวนเตรียมบุกโจมตีแล้ว และก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนเสียงตัวเองให้กลับไปเป็นแบบเดิมด้วย เพื่อความสะดวก
“ฮัลโหลๆ ทุกคนได้ยินใช่ไหม นี้โรมะเองจ้า”
“อย่าเล่นสิคะ ท่านโรมะ”
เสียงตำหนิของมุเอมะแทรกเข้ามา จนทุกคนหันมามองหน้ากันแบบงงๆ
“งั้นเข้าเรื่องเลยนะ แบบว่า ดีใจด้วยนะ ทุกคนกำลังจะได้กลับบ้านแล้วล่ะ เพราะงั้นตอนนี้ช่วยอยู่เฉยๆ นะ ห้ามลงมือจนเกิดการต่อสู้ขึ้นล่ะ เดี๋ยวขอเวลาทางนี้เตรียมการอีกแปบ เสร็จแล้วจะติดต่อไปใหม่นะ”
พอผมตัดสายไป ก็หันกลับมาทางพวกลูกน้องปีศาจ ที่กำลังช่วยกันเตรียมวงแหวนเวทขนาดใหญ่ ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว
“ท่านจอมมาร โปรดวางมือลงบนลูกแก้วที่แท่นตรงกลาง เพื่อส่งพลังด้วยครับ” ปีศาจเฒ่าตนหนึ่งเดินเข้ามาบอก
“แบบนี้สินะ”
ผมเดินไปวางมือตามที่บอก ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมล่ะ?”
“ดูเหมือนพลังของท่านยังไม่ฟื้นขึ้นมาขอรับ”
ปีศาจสามตาเป็นคนตอบ
“งั้นขอเวลาผมฟื้นพลังครึ่งชั่วโมง”
ผมรู้ได้ทันทีว่าจะฟื้นพลังตัวเองได้อย่างไง ผมจึงหันไปหามุเอมะ พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าหญิง
“ห้องของท่านอยู่ทางนี้ครับ”
แถมปีศาจชุดเกราะก็รู้งานเป็นอย่างดี รีบนำทางเขาไปทันทีก่อนที่มุเอมะได้ทันตั้งสติและร้องโวยวายอะไรออกมา
เมื่อมาถึงห้องนอนขนาดใหญ่จนเกินพอดี ผมก็วางมุเอมะลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
ผมถามออกไป
“ข้าเป็นของท่านแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญเถอะค่ะ”
มุเอมะหลับตาและกำมือแน่น แต่ผมไม่ได้ทำรุนแรงกับเธอ เพียงแค่กุมมือเธอเอาไว้พร้อมกับกระซิบข้างหู
“ผมจะไม่บังคับหรอกนะ ถ้ามุเอมะไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ แต่เพียงครั้งแรกที่พวกเราพบกัน ในใจผมก็ได้มุเอมะมาอยู่เคียงข้างทันที”
“จริงเหรอ ตะ แต่ข้า…ข้าเป็นดาร์คเอลฟ เผ่าพันธุ์ที่ถูกสาป วิญญาณข้านั้นแสนอัปลักษณ์ยิ่งนัก”
“งั้นดีใจเถอะ เพราะผมมองแค่รูปกายภายนอกเท่านั้น”
“นี้ท่าน!”
“ล้อเล่นๆ แต่ก็จริงที่ผมถูกใจรูปกายภายนอกเป็นอย่างแรก แต่ทั้งความเป็นผู้นำและความทุ่มเทของเธอผมก็ชอบเหมือนกันนะ”
“แต่ข้าแก่กว่าท่านเยอะเลย ป้าแก่ๆ ไร้ประสบการณ์คนนี้จะมอบความสุขให้แก่ท่านได้อย่างไรกัน”
“ไร้ประสบการณ์!!! มุเอมะนี้เธอยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ!”
“…อืม”
มุเอมะหน้าแดงจนถึงหู ก่อนจะพยักหน้าด้วยความเขินอาย
“อ่ะ งั้นเปลี่ยนใจล่ะ”
“เอ๋!”
“ถึงเธอไม่ยอม ผมก็จะขอขืนใจแทน”
“เอ๋!!!”
“ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอ ผมไม่ยอมปล่อยมือยกให้ใครได้ไปเด็ดขาด”
“ขะ ข้าดีพอสำหรับท่านเหรอ”
“ดีเกินพอเลยล่ะ มุเอมะ เธอจะยอมมาเป็นผู้หญิงของผมไหม”
“ค่ะ! ด้วยความยินดี”
เจ้าชุดเกราะดำก็รู้งานเช่นกัน มันถอดออกจากตัวผมแล้วไปประกอบเรียงอยู่ที่มุมห้อง ตอนนี้เนื้อตัวผมปราศจากเสื้อผ้า หนอนน้อยของผมพร้อมทำงานตั้งแต่ตอนอุ้มเธอมาแล้ว
แต่ในเมื่อเป็นครั้งแรกของมุเอมะ ผมก็อยากจะอ่อนโยนกับเธอ จึงค่อยจูบเบาๆ จากริมฝีปาก ไปที่แก้ม จากแก้มไปที่ใบหู จากนั้นก็กลับมาจูบที่ปากและค่อนใช้ลิ้นแทรกเข้าไป
มุเอมะไร้ประสบการณ์อย่างที่บอกจริงๆ เพราะขนาดจูบยังแข็งทื่อ เหมือนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมเลยไม่ฝืน เปลี่ยนมาจูบไซร้ตามไปซอกคอ พร้อมกับปลดชุดคลุมเธอออก
ผมทำอย่างลื่นไหลจนเธอไม่รู้ว่าโดนผมปลดชุดคลุมออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ชุดกระโปรงสั้นรัดรูปสีดำ ซึ่งก็ถูกผมถอดออกจังหวะที่ลากลิ้นไปตามไหปลาร้าของเธอ บราไร้สายสีขาวก็ตามไปด้วย ผมเลื่อนหน้าจนมาหยุดอยู่บริเวณหน้าอกของเธอ
ขนาดน่าจะประมาณคัพ C รูปทรงโค้งเชิดขึ้น ตรงจุกเป็นทรงกลมออกสีคล้ำเล็กน้อยตามสีผิวของเธอ และสัมผัส…นิ่มๆ ออกไปทางเหลวๆ ไม่แข็งเด้งสู้มือเท่าไร แต่ว่าออกไปทางเซ็กซี่ แบบนี้เวลาให้เธอขึ้นค่อมแล้วดูนมเธอส่าย คงได้อารมณ์แบบสุดๆ แต่ท่านั้นคงเร็วไปสำหรับเธอที่ดูเป็นคนขี้อายกับเรื่องแบบนี้ เพราะแค่โดนจับหน้าอก ก็รีบพลิกตัวลงไปนอนคว่ำหน้าแล้ว
แต่ผมยังต้องไปสำรวจด้านล่างต่อ เลยจับเธอแยกขาและชันเข่าขึ้น เหมือนเดิมเธอขัดขืนเล็กน้อยแต่ไม่ต่อต้าน น่ารักอะไรแบบนี้เนี่ย แต่ชุดชั้นในเธอแบบว่าธรรมดาไปหน่อย ผมว่ามุเอมะเหมาะกับกางเกงในแบบจีสตริง เพราะก้นเธองอนสวยได้รูป แค่มองผมยังคิดอุตริอยากลองเล่นประตูหลังเธอเลย ไว้คราวหลังต้องหาชุดชั้นในมาเปลี่ยนให้เธอแล้ว
พอผมลอกคราบเธอได้ทั้งตัวแล้ว ก็ซุกหน้าลงไปที่เนินสามเหลี่ยม ซึ่งมันนูนใหญ่มาก ขนสีเงินนุ่มลื่นมือลูบได้เพลินสุดๆ แถมไม่รกจนเกินไป ฝาของเธอปิดสนิทแน่นราวกับของเด็กทารก
ปกติแล้วผมไม่ชอบเลียให้ เพราะยิ่งผ่านการใช้งานมาเยอะและถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี จะมีกลิ่นเหม็นมาก ดีไม่ดีจะทำให้หมดอารมณ์ไปเลย แต่สำหรับของที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ผมไม่พลาดที่จะลิ่มชิมรสมันแน่ๆ ทว่าแค่กลิ่นของเธอก็ทำให้ผมน้ำลายไหลแล้ว
ผมแตะลิ้นไปที่ฐานล่าง ลากตามแนวตวัดขึ้นไปถึงฐานบนและกดลิ้นขยี้ไปยังจุดตายคริตอริสจัง เพียงแค่นั้น ร่างของมุเอมะก็เด้งขึ้นมากดหน้าผมจนจมล่องเธอ ร่างเธอสั่นกระตุกราวกับโดนไฟดูด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงกระแทกเตียงอย่างหมดแรง
ถึงแล้วล่ะ แค่ลงลิ้นไปทีเดียว มุเอมะก็เสร็จแล้วล่ะ
“สะ สุดยอดเลยค่ะท่านโรมะ นี้น่ะเหรอเซ็กส์ วิเศษอะไรแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย ร่างกายร้อนราวกับถูกหลอมละลาย แต่ก็รู้สึกเบาเหมือนจะบินได้ในเวลาเดียวกัน หัวของฉันเบลอไปหมดแล้วค่ะ”
“เอ่อ มุเอมะซังครับ ตะกี้เขาเรียกว่าออรัลเซ็กส์ครับ ยังไม่ใช่เซ็กส์”
“…ยังมีมากกว่านี้อีกเหรอคะ”
ผมพยักหน้ารับ
“มีทำให้รู้สึกดีกว่าตะกี้อีกเหรอคะ”
ผมพยักหน้ารับ
“ไม่ไหวๆๆๆๆๆๆ!!!”
มุเอมะคลานหนีแบบหมดแรงไปที่ปลายเตียงอีกด้านทันที
น่ารักอะไรแบบนี้เนี่ย! ผมอยากจะกดเธอซะเดี๋ยวนี้เลย แต่จะรีบร้อนไม่ได้ ผมอยากให้เธอได้เข้าถึงความสุขระดับสุดยอดของผู้หญิงซะก่อน
“มุเอมะ มาตรงนี้แล้วถางขาออกซะ นี้เป็นคำสั่ง”
ผมใช้ไม้นี้เพื่อไม่ให้เธอหนี เพราะเวลามีไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จะมัวแต่เล่นไล่จับกันไม่ได้ แถมเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับเธอด้วย
มุเอมะยอมคลานกลับมาที่เดิม แต่ตอนถางขาออกตรงหน้าผมเนี่ย เธอหน้าแดงจนเหมือนจะเป็นลมให้ได้
จากนั้นผมก็ลงไปชิมหอยต่อ ด้วยการเลียไปรอบฝา วนไปสองรอบก่อนจะกลับมาตวัดลิ้นรัวๆ ที่เนื้อหอยตรงกลาง
“อั่ก! โอย! เสียว! ไม่ไหว! เสียวจะตายอยู่แล้ว! นายท่าน! นายท่านที่รักของข้า! อร๊าง!!”
มุเอมะคลางออกมาพร้อมกับเด้งเอวไปมาไม่หยุด แต่เหมือนร่างกายเธอเริ่มรู้สึกถึงความต้องการแล้ว เพราะมือของเธอจับหัวผมกดแน่นลงไปไม่ยอมให้เงยกลับขึ้นมาเลย
คราวนี้ผมแทรกลิ้นเข้าไปในเนื้อหอย เพียงเท่านั้นมันก็ฉีดน้ำเข้าปากผมทันทีมุเอมะเสร็จเป็นครั้งที่สอง
“อืม รสชาติดี ไม่มีกลิ่นคาวเลย”
ผมดูดน้ำหวานเธอจนไม่มีเหลือ แต่ตอนที่ดูดนั้นเอง เธอก็เสร็จไปอีกครั้งการเสร็จติดๆ กันแบบนี้ทำให้เธอหมดแรง แม้แต่สติเองก็คงเลือนรางไปแล้ว แต่ผมยังไม่หยุดหรอก ยังมีเพียบเลยที่อยากให้เธอได้ลิ่มรสมัน ทว่าพอจรดลิ้นลงไปอีกรอบ เสียงประหลาดๆ ก็ดังเข้ามาในหัวของผม
ระวัง ถ้ายังทำต่อ จะส่งผลกระทบต่อจิตใจและบุคลิกภาพของเป้าหมาย
“เอ๋!? อะไรเนี่ย”
ไม่ใช่แค่เสียงอ่ะ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็มีตัวหนังสือเรืองแสงลอยอยู่หน้าด้วย แต่พออ่านจบมันก็หายไป
“อ่ะ หรือว่า!?”
ผมเริ่มเข้าใจแล้ว เปิดหน้าต่างข้อมูลตัวเองขึ้นมา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะทีเดียว แต่ผมยังไม่สนใจมันในตอนนี้ ที่ผมสงสัยคือการตั้งค่าของสกิลที่มีการแจ้งเตือนอยู่
มันคือสกิลมารราคะ ซึ่งก่อนจะเข้าไปอ่านในส่วนของรายละเอียด ต้องผ่านการตั้งค่าซะก่อน ตรงนี้เองที่มีการให้ปรับออฟชั่นการแจ้งเตือนความปลอดภัย ซึ่งมีตั้งแต่ส่งผลเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง
สรุปก็คือ ถ้าผมไปกระตุ้นอีกฝ่ายมากเกินไป จะทำให้เป็นพวกบ้าเช็กส์ถึงขั้นเสพติดเซ็กส์ขึ้นมาได้ ซึ่งผมไม่อยากให้มุเอมะเป็นผู้หญิงแบบนั้น ผมอยากให้ผู้หญิงของผมมีความสุขกับเซ็กส์ แต่ก็อยากให้เธอสมบูรณ์พร้อมในด้านอื่นด้วย ผมจึงไม่เปลี่ยนการตั้งค่า ให้มันแจ้งเตือนแม้จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยทันที ถึงจะเสียดาย แต่วันนี้คงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อน
ผมจับเธอให้ไปนอนบนเตียง และห่มผ้าให้ดูสีหน้าเธอมีความสุขมากๆ แค่นี้ก็บรรเทาความหื่นผมลงได้(นิดหน่อย)แล้ว
เมื่อกลับมาดูที่ค่าพลังของตัวเอง ดูเหมือนจะฟื้นคืนขึ้นมาหน่อยแล้ว แม้จะยังไม่ได้ทำอะไรก็เถอะ หรือแค่กระตุ้นความหื่นในตัวออกมา มันก็ฟื้นพลังได้แล้ว จะสะดวกเกินไปแล้วมั่งเนี่ย
ผมกลับออกมาที่ประกอบวิธี ซึ่งตอนนี้วงแหวนเวทถูกเขียนเสร็จแล้ว และพอถามปีศาจสามตาดูเรื่องพลัง ก็รู้ว่าตอนนี้ผมมีพลังเพียงพอจะส่งทุกคนกลับบ้านได้แล้ว
“ฮัลโหลๆ โรมะอีกแล้วล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม การส่งตัวกลับจะเริ่มในอีกหนึ่งนาทีนะ”
ผมส่งเสียงแจ้งเตือนไปยังทุกคน ซึ่งตอนนี้เห็นตำแหน่งที่อยู่ของทุกคนถูกล็อคไว้หมดแล้ว พร้อมกับที่ใต้เท้าของทุกคนเริ่มมีแสดงจ้าปรากฏขึ้นมา
“อย่ายื่นมือออกไปล่ะ มือขาดไม่รู้ด้วยนะ”
ผมต้องเตือนเผื่อเจ้าพวกที่ซนๆ ไว้ก่อน แต่ก่อนที่จะเริ่มการส่งตัวนั้นเอง
“เดี๋ยวก่อน! โรมะคุง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ”
ริกะรู้ตัวซะแล้ว เอาไงดีล่ะเนี่ย
“เอ่อ อยู่ใกล้ๆ นี้ล่ะ”
ใช่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้อง="TH" style="word-wrap: break-word;">“…จะกลับไปพร้อมพวกเราใช่ไหม”
เจอคำถามนี้ไปผมถึงกับพูดไม่ออก แต่ว่าถ้าปล่อยไปแบบที่ยังค้างคาแบบนี้ คงไม่ค่อยดีเท่าไร
“ผมจะอยู่ที่นี้”
เลยต้องบอกความจริงออกไป
“ทำไมล่ะ!”
“เพราะผมอยากจะลองเป็นนักผจญภัยที่โลกนี้ดู”
บางส่วน
“ไม่นะ! เดี๋ยวก่อน โรมะคุงกลับไปกับพวกเราเถอะ!”
“รักษาตัวด้วยนะริกะ แล้วก็ ลาก่อน”
ผมเรียกชื่อเธอเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ก่อนที่เวทมนต์ข้ามมิติจะทำงาน และส่งทุกคนกลับสู่บ้าน
“…จบแล้วเหรอครับ”
ปีศาจอัศวินเดินเข้ามาถาม คงอยากจะหาเรื่องคุย เพื่อไม่ให้ผมรู้สึกเศร้า
“ยังไม่จบหรอก พวกเรายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะเลย”
ใช่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องฟื้นฟูที่นี้ขึ้นมาก่อนล่ะนะ
………………………….
“ฮ่าๆๆ เจ้านี้น่าสนใจจริงๆ ขนาดคิดมาหลอกปีศาจอย่างพวกข้า ด้วยเรื่องโกหกงี่เง่าพรรณนี้”
มุเอมะหัวเราะประชดใส่ แต่ผมไม่ถือหรอก ก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเชื่อง่ายๆ คงต้องค่อยอธิบายไปเท่านั้น
“พวกคุณคิดว่า พวกเราสู้ไปเพื่ออะไรครับ”
“ก็เพื่อกำจัดปีศาจอย่างพวกข้าไงล่ะ”
“ผิดแล้วครับ เพื่อจะได้กลับบ้านต่างหาก”
“เอ๋?”
“ถึงจะไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ แต่อย่างน้อย สู้เพื่อที่จะได้หาทางกลับบ้าน ก็เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่พวกเราใช้เพื่อหำหั่นอีกฝ่ายอยู่ในตอนนี้ แล้วถ้าข้ออ้างนั้นหายไปล่ะ…เข้าใจไหมครับ มนุษย์อย่างผมน่ะ ต้องคิดถึงความชอบธรรมของตัวเองไว้ก่อนเสมอ แต่ถ้าขาดสิ่งนั้นไปแล้ว พวกเราก็จะขาดความมั่นใจในการตัดสินใจไป สรุปง่ายๆ ก็คือ ขอแค่หาวิธีพาทุกคนกลับบ้านได้ ก็ไม่ต้องห่วงพวกที่คิดต่างแล้ว เพราะมันจะกลายเป็นสภาพที่ว่า เสียงส่วนมากลากไป สุดท้ายทุกคนก็จะยอมกลับไปแต่โดยดี เอาล่ะครับ ตรงนี้คือสิ่งที่ผมจะมาขอเจรจา พวกคุณมีวิธีส่งพวกผมกลับบ้านไหม”
“…”
มุเอมะเริ่มคิดตามที่ผมอธิบายไปแล้ว ดูเธอใจเย็นลง ที่เหลือก็แค่จะออกหัวหรือก้อยเท่านั้น
“ขอเวลาเดี๋ยวนะ”
“เชิญครับ”
“เรียกทุกคนมาที”
มุเอมะหันไปสั่งปีศาจชุดเกราะ จากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับปีศาจอีกหลายตน ซึ่งล้วนแต่ดูมีอายุ
“พวกเจ้ามีใครรู้วิธีส่งตัวข้ามมิติบ้างไหม”
มุเอมะตั้งหัวข้อขึ้นมา หลังจากที่ระดมข้อมูลของแต่ละคนออกมาแล้ว ก็ได้ข้อสรุปที่เธอนำมาบอกกับผม
“มีวิธีอยู่”
“สำเร็จ!”
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว แต่ว่า
“เดี๋ยว อย่าพึ่งดีใจไป เพราะมันยังมีปัญหาอยู่”
“ปัญหาแบบไหน”
“ตามที่รู้มา ท่านจอมมารคนก่อนก็ถูกผู้กล้าต่างโลกฆ่าเหมือนกัน หลังจากนั้นพวกมันก็ได้กลับโลกไปทันที จากตรงนี้ข้าคิดว่า พวกมันคงใช้พลังของท่านจอมมารที่เหลืออยู่เปิดประตูข้ามมิติแน่ๆ”
“แบบนี้เอง แต่ว่าตอนนี้จอมมารยังไม่คืนชีพ เพราะงั้นก็เท่ากับว่ายังไม่มีวิธีกลับ”
“ใช่แล้วล่ะ เจ้าคิดว่าเพื่อนๆ ของเจ้าจะรอได้หรือเปล่า”
“นานแค่ไหนครับ”
“ตามการคำนวณแล้ว ท่านจอมมารจะกลับมาในอีกสองร้อยปีข้างหน้า”
“พวกผมแก่ตายก่อนพอดี”
“ไม่ได้จริงๆ ด้วยสินะ”
“ครับ รอเวลาไม่ได้ เพราะในกลุ่มพวกผมมีพวกคลั่งการต่อสู้อยู่ด้วย พวกนี้ไม่ยอมอยู่เฉยแน่”
“งั้นจะทำอย่างไง เจ้ามีวิธีอื่นไหม”
“…มีครับ แต่เรื่องนี้ต้องให้พวกคุณเป็นคนตัดสินใจ”
“ว่ามา”
มาถึงขั้นนี้มุเอมะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เชื่อใจได้
“พวกคุณต้องให้ผมขึ้นเป็นจอมมาร”
“ว่าไงนะ!”
“เท่าที่ผมรู้มา จอมมารจะเป็นใครก็ได้ ขอแค่เป็นเผ่ามนุษย์เท่านั้น”
“นี้เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ!?”
“ไม่รู้ก็แปลกครับ เพราะจอมมารคนก่อนบันทึกไว้อย่างละเอียดเลย”
“อึก! นี้พวกข้าละเลยห้องสมุดไปถึงเพียงนี้เลยหรือ”
“แล้วเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ”
“ถูกต้องแล้วล่ะ จอมมารจะถือกำเนิดขึ้นมาจากมนุษย์เท่านั้น แต่มงกุฎราชาปีศาจเท่านั้น ที่จะตัดสินว่าคนนั้นคู่ควรไหม”
“พวกคุณต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะครับ ว่าจะให้ผมเป็นจอมมารคนใหม่หรือเปล่า”
“ดูเจ้ามั่นใจจังนะ รู้หรือไม่ ถ้ามงกุฎตัดสินว่าเจ้าไม่เหมาะสม ดวงวิญญาณจะถูกเผาด้วยไฟอเวจี จนสูญสลายไปทั่วนิรันดร์นะ”
“ทราบครับ แต่ผมเป็นได้แน่ เพราะพลังของจอมมารนั้นใกล้เคียงกับผู้กล้า คิดในอีกแง่ ผู้กล้าก็มีความใกล้เคียงที่จะเป็นจอมมารมากที่สุด ถึงผมจะไม่มีพลังอะไรเลย แต่ก็ยังเป็นภาชนะที่เหมาะสมอยู่ดี”
“ข้าเชื่อเจ้าเลย ที่คิดแบบนี้ได้ แต่แน่ใจแล้วเหรอ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะกลับบ้านหรอกหรือ”
“ผมคิดไว้สองทาง อย่างแรกถ้าพวกคุณมีวิธีพาพวกผมกลับก็ดีไป อย่างที่สอง ถ้าไม่มีทางกลับ ผมจะเป็นจอมมารแล้วยุติการต่อสู้ไร้สาระนี้ซะ”
“คิดไว้ถึงขั้นนี้เชี่ยวเหรอ…”
“สำหรับกรณีแบบนี้ ถึงผมเลือกเป็นจอมมารก็ยังสามารถพาทุกคนกลับได้ ต้องบอกว่าเกินคาดไปเหมือนกัน”
“ยอมเสียสละตัวเองเหรอ”
“เปล่า ผมไม่คิดจะทำขนาดนั้นเพื่อใคร แต่เพราะไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกเก่า ผมก็ยังใช้ชีวิตของผมต่อไปได้ เรียกว่าเป็นคนที่ยอมรับผลลัพธ์ได้ทั้งสองทาง เลยเหมาะกับหน้าที่นี้ที่สุด”
“หือ เข้าใจล่ะ งั้นไม่จำเป็นต้องปรึกษากับใครหรอก เพราะในที่นี้ข้าเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างเอง และข้ายอมรับให้เจ้าได้รับการทดสอบเป็นจอมมารได้”
“เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่จะตกลง ผมขอบอกจุดยืนตัวเองไว้ก่อน ถ้าผมได้เป็นจอมมาร จุดยืนของผมไม่ใช่การนำพาให้เผ่าปีศาจปกครองโลก ไม่ใช่สงคราม แต่ผมจะหาทางให้เผ่าปีศาจอยู่ได้อย่างมั่นคงยาวนาน ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่นได้”
“…ฮ่าๆๆ เจ้านี้น่าสนใจจริงๆ เอาสิ ถ้าเจ้าเป็นจอมมารได้ การตัดสินใจทุกอย่างจะเป็นของเจ้า จะพาพวกเราไปบุกสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็เชิญทำตามใจได้เลย และข้ามุเอมะคนนี้จะตามรับใช้เจ้าจนตราบสิ้นลมหายใจเลย”
“ตามรับใช้…หมายถึงผมสั่งอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
“แม้จะเป็นเรื่องลามกก็ได้สินะครับ”
“…หนอยนี้เจ้าล้อข้าเล่นอีกแล้ว!”
“ไม่ปฏิเสธแปลว่าได้ งั้นรีบพาไปด่วนเลยครับ ต่อให้ต้องตายผมก็ต้องเป็นจอมมารให้ได้!”
ผมไม่สนใจท่าทางโมโหของมุเอมะ แต่ให้เธอรีบพาผมไปทดสอบ เพราะยิ่งผมได้เป็นจอมมารเร็วแค่ไหน ผมก็ยิ่งได้เธอมาสนองความหื่นของตัวเองเร็วแค่นั้น
……………………..
ภายในห้องลับของปราสาทจอมมาร ที่นั่นมีชุดเกราะเหล็กสีดำตั้งเอาไว้กลางห้อง โดยมีรูปปั้นปีศาจรายล้อมอยู่ทั่วทั้งห้อง ในท่าคุกเข่าและหันหน้าเข้าไปทางชุดเกราะ บนชุดเกราะนั้นตรงส่วนหัวคือกะโหลกของจอมมารรุ่นแรก
“กะโหลกนั่นก็คือมงกุฎราชาปีศาจสินะ แล้วผมต้องทำอย่างไง”
ผมถามมุเอมะที่ยังหน้าแดงไม่เลิก เพราะตลอดทางผมพึมพำออกไป ว่าจะทำอะไรกับเธอบ้างหลังจากได้เป็นจอมมาร แน่นอนว่ามีแต่เรื่องใต้สะดือทั้งนั้น
“คะ แค่หยิบออกมาส่วม การตัดสินก็จะออกมาทันที”
พอมุเอมะบอกเสร็จ ผมก็ไม่รอช้า ตรงไปหยิบมันออกมาส่วมลงไปทันที
ถึงขนาดจะใหญ่เกินไปจนแค่เอียงหัวนิดหน่อย มันก็สามารถเลื่อนหลุดไปได้แล้ว แต่ทันทีที่ใส่ลงไป มันก็ปรับขนาดให้เข้ากับรูปทรงของศีรษะได้ทันที
‘หือ อะไรกันนี้ เจ้ามันมีแต่ความต้องการทางเพศล้วนๆ เลยไม่ใช่เหรอ’
เสียงดังขึ้นมาในหัวของผม ซึ่งเดาได้ทันทีว่าเป็นเสียงของมงกุฎที่ใส่อยู่แน่ๆ
“หนวกหูน่า รีบๆ ตัดสินซะ ดุ้นของผมมันอยากมุดเข้าไปในตัวมุเอมะจะแย่อยู่แล้ว”
‘ใจเย็นสิ ข้าต้องให้พลังที่เหมาะกับเจ้าซะก่อน แต่สำหรับเจ้า ข้าเลือกได้ไม่ยากเลย เหมือนกับว่าเจ้าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็ว่าได้ ฮ่าๆๆ จงฟัง จอมมารรุ่นที่ 6 จากนี้ไปข้าขอมอบอำนาจแห่งมารราคะให้กับเจ้า จงใช้มันควบคุมสตรีเพศทั้งโลกนี้ซะ’
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ผมก็รู้สึกถึงพลังประหลาดที่ไหลทะลักเข้ามาในร่าง น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกถึงมัน และเข้าใจมันได้ทันที ช่างแสนสะดวกสบายอะไรเช่นนี้
ชุดเกราะสีดำเองก็ตอบรับเจ้านายคนใหม่ ด้วยการแยกส่วนเป็นชิ้นๆ และพุ่งเข้ามาประกอบตามร่างกาย
นี้มันไอรอนแมนชัดๆ!
“โอ้ นี้มันวิเศษมาก”
หลังจากใส่ชุดเกราะแล้วเหมือนตัวเองใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่งได้ แถมเสียงกe="word-wrap: break-word;"> ูโหดชะมัด
“อะ อ่า ท่านจอมมารกลับมาแล้ว! ท่านจอมมาร ข้า มุเอมะ พร้อมรับใช้ท่านแล้ว”
“ตามสบายๆ”
ผมยังพูดกับเธอตามปกติ เพราะนอกจากพลังแล้ว ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนเดิมเลย เรื่องที่กลัวว่าจะโดนทำให้นิสัยและความนึกคิดเปลี่ยนไป ดูเหมือนจะแค่คิดมากไปเอง
“งั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
ผมเดินตรงไปหามุเอมะ และจับตัวเธอเข้ามากอดทันที
เธอขัดขืนเล็กน้อยแต่ไม่ต่อต้าน ยิ่งทำให้เธอน่ากินยิ่งกว่าเดิม
“ดะ เดี๋ยวก่อนสิท่านจอมมาร แล้วที่พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะส่งพวกผู้กล้ากลับบ้านล่ะ”
มุเอมะเตือนสติผมได้ทันเวลาพอดี
“จริงด้วย ลืมไปซะสนิทเลย”
“นี้ลืมเป้าหมายตัวเองได้อย่างไงกัน!”
“ต้องโทษความงามของคุณที่ทำให้ผมละสายตาไปจากมันไม่ได้”
“ทะ ท่านจอมมาร”
มุเอมะถึงกับเคลิ้มจนตัวอ่อนละทวย
“เรียกผมว่าโรมะเถอะ”
“ค่ะท่านโรมะ นายเหนือหัวของข้า”
“อืม ก่อนผมจะอดใจไม่ไหว เรารีบไปจัดการให้จบๆ กันดีกว่า”
จากนั้นผมก็ใช้ส่วนหนึ่งของพลังจอมมาร ส่งเสียงตัวเองไปถึงเพื่อนร่วมห้อง ที่ตอนนี้ตั้งขบวนเตรียมบุกโจมตีแล้ว และก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนเสียงตัวเองให้กลับไปเป็นแบบเดิมด้วย เพื่อความสะดวก
“ฮัลโหลๆ ทุกคนได้ยินใช่ไหม นี้โรมะเองจ้า”
“อย่าเล่นสิคะ ท่านโรมะ”
เสียงตำหนิของมุเอมะแทรกเข้ามา จนทุกคนหันมามองหน้ากันแบบงงๆ
“งั้นเข้าเรื่องเลยนะ แบบว่า ดีใจด้วยนะ ทุกคนกำลังจะได้กลับบ้านแล้วล่ะ เพราะงั้นตอนนี้ช่วยอยู่เฉยๆ นะ ห้ามลงมือจนเกิดการต่อสู้ขึ้นล่ะ เดี๋ยวขอเวลาทางนี้เตรียมการอีกแปบ เสร็จแล้วจะติดต่อไปใหม่นะ”
พอผมตัดสายไป ก็หันกลับมาทางพวกลูกน้องปีศาจ ที่กำลังช่วยกันเตรียมวงแหวนเวทขนาดใหญ่ ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว
“ท่านจอมมาร โปรดวางมือลงบนลูกแก้วที่แท่นตรงกลาง เพื่อส่งพลังด้วยครับ” ปีศาจเฒ่าตนหนึ่งเดินเข้ามาบอก
“แบบนี้สินะ”
ผมเดินไปวางมือตามที่บอก ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมล่ะ?”
“ดูเหมือนพลังของท่านยังไม่ฟื้นขึ้นมาขอรับ”
ปีศาจสามตาเป็นคนตอบ
“งั้นขอเวลาผมฟื้นพลังครึ่งชั่วโมง”
ผมรู้ได้ทันทีว่าจะฟื้นพลังตัวเองได้อย่างไง ผมจึงหันไปหามุเอมะ พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมาในท่าอุ้มเจ้าหญิง
“ห้องของท่านอยู่ทางนี้ครับ”
แถมปีศาจชุดเกราะก็รู้งานเป็นอย่างดี รีบนำทางเขาไปทันทีก่อนที่มุเอมะได้ทันตั้งสติและร้องโวยวายอะไรออกมา
เมื่อมาถึงห้องนอนขนาดใหญ่จนเกินพอดี ผมก็วางมุเอมะลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
ผมถามออกไป
“ข้าเป็นของท่านแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญเถอะค่ะ”
มุเอมะหลับตาและกำมือแน่น แต่ผมไม่ได้ทำรุนแรงกับเธอ เพียงแค่กุมมือเธอเอาไว้พร้อมกับกระซิบข้างหู
“ผมจะไม่บังคับหรอกนะ ถ้ามุเอมะไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ แต่เพียงครั้งแรกที่พวกเราพบกัน ในใจผมก็ได้มุเอมะมาอยู่เคียงข้างทันที”
“จริงเหรอ ตะ แต่ข้า…ข้าเป็นดาร์คเอลฟ เผ่าพันธุ์ที่ถูกสาป วิญญาณข้านั้นแสนอัปลักษณ์ยิ่งนัก”
“งั้นดีใจเถอะ เพราะผมมองแค่รูปกายภายนอกเท่านั้น”
“นี้ท่าน!”
“ล้อเล่นๆ แต่ก็จริงที่ผมถูกใจรูปกายภายนอกเป็นอย่างแรก แต่ทั้งความเป็นผู้นำและความทุ่มเทของเธอผมก็ชอบเหมือนกันนะ”
“แต่ข้าแก่กว่าท่านเยอะเลย ป้าแก่ๆ ไร้ประสบการณ์คนนี้จะมอบความสุขให้แก่ท่านได้อย่างไรกัน”
“ไร้ประสบการณ์!!! มุเอมะนี้เธอยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ!”
“…อืม”
มุเอมะหน้าแดงจนถึงหู ก่อนจะพยักหน้าด้วยความเขินอาย
“อ่ะ งั้นเปลี่ยนใจล่ะ”
“เอ๋!”
“ถึงเธอไม่ยอม ผมก็จะขอขืนใจแทน”
“เอ๋!!!”
“ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอ ผมไม่ยอมปล่อยมือยกให้ใครได้ไปเด็ดขาด”
“ขะ ข้าดีพอสำหรับท่านเหรอ”
“ดีเกินพอเลยล่ะ มุเอมะ เธอจะยอมมาเป็นผู้หญิงของผมไหม”
“ค่ะ! ด้วยความยินดี”
เจ้าชุดเกราะดำก็รู้งานเช่นกัน มันถอดออกจากตัวผมแล้วไปประกอบเรียงอยู่ที่มุมห้อง ตอนนี้เนื้อตัวผมปราศจากเสื้อผ้า หนอนน้อยของผมพร้อมทำงานตั้งแต่ตอนอุ้มเธอมาแล้ว
แต่ในเมื่อเป็นครั้งแรกของมุเอมะ ผมก็อยากจะอ่อนโยนกับเธอ จึงค่อยจูบเบาๆ จากริมฝีปาก ไปที่แก้ม จากแก้มไปที่ใบหู จากนั้นก็กลับมาจูบที่ปากและค่อนใช้ลิ้นแทรกเข้าไป
มุเอมะไร้ประสบการณ์อย่างที่บอกจริงๆ เพราะขนาดจูบยังแข็งทื่อ เหมือนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมเลยไม่ฝืน เปลี่ยนมาจูบไซร้ตามไปซอกคอ พร้อมกับปลดชุดคลุมเธอออก
ผมทำอย่างลื่นไหลจนเธอไม่รู้ว่าโดนผมปลดชุดคลุมออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ชุดกระโปรงสั้นรัดรูปสีดำ ซึ่งก็ถูกผมถอดออกจังหวะที่ลากลิ้นไปตามไหปลาร้าของเธอ บราไร้สายสีขาวก็ตามไปด้วย ผมเลื่อนหน้าจนมาหยุดอยู่บริเวณหน้าอกของเธอ
ขนาดน่าจะประมาณคัพ C รูปทรงโค้งเชิดขึ้น ตรงจุกเป็นทรงกลมออกสีคล้ำเล็กน้อยตามสีผิวของเธอ และสัมผัส…นิ่มๆ ออกไปทางเหลวๆ ไม่แข็งเด้งสู้มือเท่าไร แต่ว่าออกไปทางเซ็กซี่ แบบนี้เวลาให้เธอขึ้นค่อมแล้วดูนมเธอส่าย คงได้อารมณ์แบบสุดๆ แต่ท่านั้นคงเร็วไปสำหรับเธอที่ดูเป็นคนขี้อายกับเรื่องแบบนี้ เพราะแค่โดนจับหน้าอก ก็รีบพลิกตัวลงไปนอนคว่ำหน้าแล้ว
แต่ผมยังต้องไปสำรวจด้านล่างต่อ เลยจับเธอแยกขาและชันเข่าขึ้น เหมือนเดิมเธอขัดขืนเล็กน้อยแต่ไม่ต่อต้าน น่ารักอะไรแบบนี้เนี่ย แต่ชุดชั้นในเธอแบบว่าธรรมดาไปหน่อย ผมว่ามุเอมะเหมาะกับกางเกงในแบบจีสตริง เพราะก้นเธองอนสวยได้รูป แค่มองผมยังคิดอุตริอยากลองเล่นประตูหลังเธอเลย ไว้คราวหลังต้องหาชุดชั้นในมาเปลี่ยนให้เธอแล้ว
พอผมลอกคราบเธอได้ทั้งตัวแล้ว ก็ซุกหน้าลงไปที่เนินสามเหลี่ยม ซึ่งมันนูนใหญ่มาก ขนสีเงินนุ่มลื่นมือลูบได้เพลินสุดๆ แถมไม่รกจนเกินไป ฝาของเธอปิดสนิทแน่นราวกับของเด็กทารก
ปกติแล้วผมไม่ชอบเลียให้ เพราะยิ่งผ่านการใช้งานมาเยอะและถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี จะมีกลิ่นเหม็นมาก ดีไม่ดีจะทำให้หมดอารมณ์ไปเลย แต่สำหรับของที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ผมไม่พลาดที่จะลิ่มชิมรสมันแน่ๆ ทว่าแค่กลิ่นของเธอก็ทำให้ผมน้ำลายไหลแล้ว
ผมแตะลิ้นไปที่ฐานล่าง ลากตามแนวตวัดขึ้นไปถึงฐานบนและกดลิ้นขยี้ไปยังจุดตายคริตอริสจัง เพียงแค่นั้น ร่างของมุเอมะก็เด้งขึ้นมากดหน้าผมจนจมล่องเธอ ร่างเธอสั่นกระตุกราวกับโดนไฟดูด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงกระแทกเตียงอย่างหมดแรง
ถึงแล้วล่ะ แค่ลงลิ้นไปทีเดียว มุเอมะก็เสร็จแล้วล่ะ
“สะ สุดยอดเลยค่ะท่านโรมะ นี้น่ะเหรอเซ็กส์ วิเศษอะไรแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย ร่างกายร้อนราวกับถูกหลอมละลาย แต่ก็รู้สึกเบาเหมือนจะบินได้ในเวลาเดียวกัน หัวของฉันเบลอไปหมดแล้วค่ะ”
“เอ่อ มุเอมะซังครับ ตะกี้เขาเรียกว่าออรัลเซ็กส์ครับ ยังไม่ใช่เซ็กส์”
“…ยังมีมากกว่านี้อีกเหรอคะ”
ผมพยักหน้ารับ
“มีทำให้รู้สึกดีกว่าตะกี้อีกเหรอคะ”
ผมพยักหน้ารับ
“ไม่ไหวๆๆๆๆๆๆ!!!”
มุเอมะคลานหนีแบบหมดแรงไปที่ปลายเตียงอีกด้านทันที
น่ารักอะไรแบบนี้เนี่ย! ผมอยากจะกดเธอซะเดี๋ยวนี้เลย แต่จะรีบร้อนไม่ได้ ผมอยากให้เธอได้เข้าถึงความสุขระดับสุดยอดของผู้หญิงซะก่อน
“มุเอมะ มาตรงนี้แล้วถางขาออกซะ นี้เป็นคำสั่ง”
ผมใช้ไม้นี้เพื่อไม่ให้เธอหนี เพราะเวลามีไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จะมัวแต่เล่นไล่จับกันไม่ได้ แถมเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับเธอด้วย
มุเอมะยอมคลานกลับมาที่เดิม แต่ตอนถางขาออกตรงหน้าผมเนี่ย เธอหน้าแดงจนเหมือนจะเป็นลมให้ได้
จากนั้นผมก็ลงไปชิมหอยต่อ ด้วยการเลียไปรอบฝา วนไปสองรอบก่อนจะกลับมาตวัดลิ้นรัวๆ ที่เนื้อหอยตรงกลาง
“อั่ก! โอย! เสียว! ไม่ไหว! เสียวจะตายอยู่แล้ว! นายท่าน! นายท่านที่รักของข้า! อร๊าง!!”
มุเอมะคลางออกมาพร้อมกับเด้งเอวไปมาไม่หยุด แต่เหมือนร่างกายเธอเริ่มรู้สึกถึงความต้องการแล้ว เพราะมือของเธอจับหัวผมกดแน่นลงไปไม่ยอมให้เงยกลับขึ้นมาเลย
คราวนี้ผมแทรกลิ้นเข้าไปในเนื้อหอย เพียงเท่านั้นมันก็ฉีดน้ำเข้าปากผมทันทีมุเอมะเสร็จเป็นครั้งที่สอง
“อืม รสชาติดี ไม่มีกลิ่นคาวเลย”
ผมดูดน้ำหวานเธอจนไม่มีเหลือ แต่ตอนที่ดูดนั้นเอง เธอก็เสร็จไปอีกครั้งการเสร็จติดๆ กันแบบนี้ทำให้เธอหมดแรง แม้แต่สติเองก็คงเลือนรางไปแล้ว แต่ผมยังไม่หยุดหรอก ยังมีเพียบเลยที่อยากให้เธอได้ลิ่มรสมัน ทว่าพอจรดลิ้นลงไปอีกรอบ เสียงประหลาดๆ ก็ดังเข้ามาในหัวของผม
ระวัง ถ้ายังทำต่อ จะส่งผลกระทบต่อจิตใจและบุคลิกภาพของเป้าหมาย
“เอ๋!? อะไรเนี่ย”
ไม่ใช่แค่เสียงอ่ะ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็มีตัวหนังสือเรืองแสงลอยอยู่หน้าด้วย แต่พออ่านจบมันก็หายไป
“อ่ะ หรือว่า!?”
ผมเริ่มเข้าใจแล้ว เปิดหน้าต่างข้อมูลตัวเองขึ้นมา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะทีเดียว แต่ผมยังไม่สนใจมันในตอนนี้ ที่ผมสงสัยคือการตั้งค่าของสกิลที่มีการแจ้งเตือนอยู่
มันคือสกิลมารราคะ ซึ่งก่อนจะเข้าไปอ่านในส่วนของรายละเอียด ต้องผ่านการตั้งค่าซะก่อน ตรงนี้เองที่มีการให้ปรับออฟชั่นการแจ้งเตือนความปลอดภัย ซึ่งมีตั้งแต่ส่งผลเล็กน้อย ปานกลาง และรุนแรง
สรุปก็คือ ถ้าผมไปกระตุ้นอีกฝ่ายมากเกินไป จะทำให้เป็นพวกบ้าเช็กส์ถึงขั้นเสพติดเซ็กส์ขึ้นมาได้ ซึ่งผมไม่อยากให้มุเอมะเป็นผู้หญิงแบบนั้น ผมอยากให้ผู้หญิงของผมมีความสุขกับเซ็กส์ แต่ก็อยากให้เธอสมบูรณ์พร้อมในด้านอื่นด้วย ผมจึงไม่เปลี่ยนการตั้งค่า ให้มันแจ้งเตือนแม้จะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยทันที ถึงจะเสียดาย แต่วันนี้คงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อน
ผมจับเธอให้ไปนอนบนเตียง และห่มผ้าให้ดูสีหน้าเธอมีความสุขมากๆ แค่นี้ก็บรรเทาความหื่นผมลงได้(นิดหน่อย)แล้ว
เมื่อกลับมาดูที่ค่าพลังของตัวเอง ดูเหมือนจะฟื้นคืนขึ้นมาหน่อยแล้ว แม้จะยังไม่ได้ทำอะไรก็เถอะ หรือแค่กระตุ้นความหื่นในตัวออกมา มันก็ฟื้นพลังได้แล้ว จะสะดวกเกินไปแล้วมั่งเนี่ย
ผมกลับออกมาที่ประกอบวิธี ซึ่งตอนนี้วงแหวนเวทถูกเขียนเสร็จแล้ว และพอถามปีศาจสามตาดูเรื่องพลัง ก็รู้ว่าตอนนี้ผมมีพลังเพียงพอจะส่งทุกคนกลับบ้านได้แล้ว
“ฮัลโหลๆ โรมะอีกแล้วล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม การส่งตัวกลับจะเริ่มในอีกหนึ่งนาทีนะ”
ผมส่งเสียงแจ้งเตือนไปยังทุกคน ซึ่งตอนนี้เห็นตำแหน่งที่อยู่ของทุกคนถูกล็อคไว้หมดแล้ว พร้อมกับที่ใต้เท้าของทุกคนเริ่มมีแสดงจ้าปรากฏขึ้นมา
“อย่ายื่นมือออกไปล่ะ มือขาดไม่รู้ด้วยนะ”
ผมต้องเตือนเผื่อเจ้าพวกที่ซนๆ ไว้ก่อน แต่ก่อนที่จะเริ่มการส่งตัวนั้นเอง
“เดี๋ยวก่อน! โรมะคุง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ”
ริกะรู้ตัวซะแล้ว เอาไงดีล่ะเนี่ย
“เอ่อ อยู่ใกล้ๆ นี้ล่ะ”
ใช่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้อง="TH" style="word-wrap: break-word;">“…จะกลับไปพร้อมพวกเราใช่ไหม”
เจอคำถามนี้ไปผมถึงกับพูดไม่ออก แต่ว่าถ้าปล่อยไปแบบที่ยังค้างคาแบบนี้ คงไม่ค่อยดีเท่าไร
“ผมจะอยู่ที่นี้”
เลยต้องบอกความจริงออกไป
“ทำไมล่ะ!”
“เพราะผมอยากจะลองเป็นนักผจญภัยที่โลกนี้ดู”
บางส่วน
“ไม่นะ! เดี๋ยวก่อน โรมะคุงกลับไปกับพวกเราเถอะ!”
“รักษาตัวด้วยนะริกะ แล้วก็ ลาก่อน”
ผมเรียกชื่อเธอเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ก่อนที่เวทมนต์ข้ามมิติจะทำงาน และส่งทุกคนกลับสู่บ้าน
“…จบแล้วเหรอครับ”
ปีศาจอัศวินเดินเข้ามาถาม คงอยากจะหาเรื่องคุย เพื่อไม่ให้ผมรู้สึกเศร้า
“ยังไม่จบหรอก พวกเรายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะเลย”
ใช่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องฟื้นฟูที่นี้ขึ้นมาก่อนล่ะนะ
………………………….
ขอไฟล์อ่านหน่อยครับ
ตอบลบ