ตอนที่ 11 ลุยดันเจี้ยนครั้งแรก
ผมกับฟรานพาดาเซสออกมาจากร้านค้าทาส และตรงไปที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านเดิม เพื่อเลือกเสื้อผ้าให้ดาเซส คราวนี้ผมให้ฟรานไปเลือกชุดของตัวเองด้วย
ผมคิดระหว่างทางที่เดินมา ว่าจะให้ดาเซสใส่ชุดแบบไหนถึงจะเหมาะ เธอมีมาดคุณหนูแบบคนมีชาติตระกูล ถึงจะดูแข็งกระด้างแต่ก็มีด้านที่อ่อนหวานอยู่ ผมเลยตัดสินใจให้ชุดเธอเป็นชุดกระโปรงแบบวันพีชเรียบๆ โทนสีน้ำเงินเข้มหลายๆ แบบ
ชุดชั้นในเป็นลูกไม้สีขาวที่เป็นรูปดอกไม้แบบผูกเชือกด้านข้าง ส่วนด้านบนให้ใส่เป็นเสื้อซับในเนื้อผ้าบางเบาแบบซีทรู
ส่วนชุดที่ฟรานเลือกมา ยังคงเป็นแบบโกธิคโลลิต้า แต่ตัวนี้กระโปรงสั้นมาก
“ฟรานผมดีใจนะที่เธอเลือกชุดมาเพื่อให้ผมดีใจ แต่ว่าผมอยากให้เธอมีชุดที่ตัวเองชอบอยู่ด้วย เข้าใจใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ว่าชุดที่หนูชอบที่สุดก็คือชุดที่ใส่แล้วนายท่านชอบค่ะ”
“เป็นงั้นไป เอาเถอะ ถ้าเธอว่างั้นผมก็ไม่มีอะไรจะว่า”
ค่าเสื้อผ้าของเมื่อวานกับวันนี้รวมกันแล้วก็…435,000 รีล เพื่อสนองนีทของตัวเองแล้ว แค่นี้ถูกมาก!
“ดาเซส ชุดเกราะที่เธอใส่เมื่อวานไปไหนแล้วล่ะ”
พอเดินออกมาจากร้านเสื้อผมก็ถามขึ้นมาทันที ดาเซสเมื่อได้ยินก็ทำท่าอึกอัก ก่อนจะบอกออกมา
“โดนเจ้าหนี้ยึดไปแล้ว”
“มันเป็นของสำคัญของเธอใช่ไหม”
“…อืม เป็นชุดเกราะประจำตระกูล”
“งั้นพาฉันไปหาเจ้าหนี้เธอซะ ตอนนี้เลย”
“เอ๋!?”
“ไม่ต้องเอ๋ นำทางไป”
ผมสั่งแบบเฉียบขาด เพราะถ้ายิ่งช้าก็มีโอกาสที่เจ้าหนี้ จะเอาเกราะของดาเซสไปปล่อยขายที่อื่น
เมื่อไปถึงร้านเหล้าที่เจ้าหนี้คนที่ว่าเป็นเจ้าของ ผมก็เจรจาต่อรองของซื้อชุดเกราะของดาเซสคืน โชคดีที่มันยังไม่โดนขายไป แต่เจ้าหนี้มันรู้ว่าผมมีเงิน และรู้ว่าเกราะของดาเซสมีความสำคัญ มันเลยเรียกราคาแพงกว่าราคาจริงไปเป็นเท่าตัว แต่ผมก็ยอมจ่ายไปทันทีโดยไม่ต่อรองราคาแม้แต่น้อย เพราะต้องการมันคืนมาให้เร็วที่สุด จนได้มันคืนมาพร้อมกับดาบเงินที่ต้องจ่ายไปคือ 1,000,000 รีล สำหรับชุดเกราะและอาวุธแล้ว เป็นราคาที่บ้าบอมาก
“เอา แล้วอย่าให้หลุดมือไปอีกล่ะ”
ผมส่งชุดเกราะกับดาบคืนให้กับดาเซสไป เธอรับมันไปแบบงงๆ
“ทำไมล่ะ? ฉันเป็นทาสของนายนะ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้!”
“แล้วเธอดีใจไหมล่ะที่ได้มันคืน”
ผมถามด้วยคำถามง่ายๆ ซึ่งดาเซสก็พยักหน้ารับทันที
“งั้นแค่นั้นก็เกินพอแล้ว สำหรับความจำเป็น”
ด้วยคำพูดจากใจจริงของผม ก็ทำให้สาวแกร่งอยากดาเซสได้ร้องไห้ออกมากลางถนน
………………
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี ซึ่งเดเม่ได้ทำมื้อเที่ยงรอไว้แล้ว ด้วยแซนวิสตามสูตรที่ผมจดไว้ให้
และตอนนี้ก็มีสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างดาเซสเพิ่มเข้ามา ผมจึงแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน ถ้าไม่นับยัยเทพไร้ประโยชน์เอร่าซึ่งไม่รู้อายุเท่าไร ตอนนี้ดาเซสก็ถือว่าอาวุโสที่สุด แต่ระหว่างกินมื้อเที่ยงกลับเป็นคนที่โวยวายเสียงดังที่สุด
“ไอ้นี้มันอะไรกัน! ขนมปังทำไมมันนิ่มหวานลิ้นขนาดนี้ได้ แล้วไอ้ขนมปังแข็งๆ ที่ฉันเคยกินมาตลอดนั้นมันอะไรกัน!”
“เงียบๆ แล้วกินไปเถอะน่า”
ผมหันไปว่าดาเซส พลางมองดูรายการของที่มาส่งจนหมดแล้ว เดเม่ตรวจเช็คได้ดีมาก จนผมคิดว่าคงต้องให้เธอเรียนเพิ่ม อย่างน้อยก็อยากให้เขียนได้ แล้วถ้ายังไหวก็จะให้เรียนเรื่องการคำนวณด้วย
“แล้วไอ้น้ำข้นๆ โคตรอร่อยที่เหมือนที่นายปล่อยใส่ข้างในฉันนี้มันอะไรกัน!”
ผมแทบจะพ่นเอาแซนวิสออกมาจากปาก คนอื่นๆ ก็พากันอ้าปากค้างไปเหมือนกัน
“สิ่งนี้เรียกว่า มายองเนส ค่ะ เป็นสิ่งที่นายท่านทำขึ้นมาด้วยตัวเอง”
ฟรานเป็นคนที่ช่วยตอบให้ แถมดูภูมิใจราวกับเป็นคนทำเอง
“ทำอาหารเอง!? นี้นายเป็นพ่อครัวของวังหลวงที่แอบหนีมาเหรอ!”
“เลิกบ้าสักทีเถอะ เอ่อจริงสิ ดาเซส ผมจะให้เธอเป็นทหารยามรักษาการที่นี้ เธอทำได้ใช่ไหม”
“งาน…นี้นายจะให้งานฉันทำเหรอ”
“ก็แน่สิ ทุกคนที่นี้ต้องทำงาน หรือเธอไม่อยากทำ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ แค่เลี้ยงตัวไร้ประโยชน์อย่างยัยนี้แค่คนเดียวก็เต็มที่แล้ว”
ผมชี้นิ้วโป้งไปทางเอร่าที่ยัดแซนวิซเข้าไปเต็มปากอยู่
“อย่าโยนมาทางนี้สิ! ฉันเองก็เป็นคนสวนให้นายอยู่นะ ลืมแล้วเหรอ!”
“ยังไม่เห็นผลงานเลย”
“อึก! กะ ก็รอมันโตก่อนสิ”
“อืม ถ้าดอกไม้ไม่โตล่ะก็ เธอเตรียมไปนอนที่คอกม้าได้เลย”
“แง!!”
“ว่าไงดาเซส เรื่องงานเธอจะทำไหม”
“ทำสิ! ต้องทำอยู่แล้ว นึกว่านายจะจับฉันขังไว้เพื่อเย็ดอย่างเดียวซะอีก”
ผมเกือบพ่นแซนวิสออกมาอีกรอบ
“บนโต๊ะอาหารอย่าพูดคำหยาบสิคะ”
ฟรานเป็นคนเตือนดาเซส จนเธอต้องรีบขอโทษออกมา เฮ้ยๆ นี้เธออาวุโสสุดนะ ทำไมถึงปล่อยให้โดนเด็กแบบฟรานมาสั่งสอนได้ล่ะเนี่ย
“…แปลกจัง?”
ดาเซสเอียงคอด้วยความสงสัย เพราะหลังจากมองไปรอบๆ ทุกคนล้วนแต่เป็นทาส แต่ที่นี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น นั่งกินข้าวพร้อมกันบนโต๊ะเดียวกัน พูดคุยหยอกล้อ หัวเราะไปกับมื้ออาหาร สิ่งนี้มันใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับทาสที่ควรมีชะตากรรมอันเลวร้ายเหรอ ดาเซสไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างหนึ่งที่รู้ได้ก็คือ เธออยากอยู่ที่นี้ และอยากได้รับความสุขที่โรมะมอบให้อีก
…………………….
ช่วงบ่ายคนงานที่จะมาทำห้องน้ำก็มาถึง ผมบอกจุดที่จะสร้างให้ โดยตั้งใจจะใช้พื้นที่สองห้องของชั้นหนึ่ง ด้วยการทุบกำแพงออก ก่อนจะออกไปกับฟราน ผมก็ย้ำกับดาเซสให้ดูแลเดเม่กับเอร่าด้วย เพราะบ้านนี้มีแต่ผู้หญิง เลยอาจถูกพวกคนงานทำมิดีมิร้ายได้
ดาเซสเองพอได้เกราะคืนมา ก็ใส่มันตลอดเวลาตอนทำงาน เป็นเหมือนเครื่องแบบของเธอไปเลย
พอออกจากบ้านผมกับฟรานมุ่งหน้าไปที่กิลอีกครั้ง และไปดูกระดานเควส ซึ่งถ้าเป็นเควสเกี่ยวกับดันเจี้ยน จะมีงานอยู่สองสามแบบ หลักๆ เลยคือหาวัตถุดิบที่ได้จากมอนสเตอร์ กับงานกู้ภัยช่วยเหลือ
ผมรับเควสรวบรวมเนื้อไก่ จากดันเจี้ยนประจำเมืองชื่อ ลูปัน ซึ่งตั้งอยู่ที่ประตูทิศตะวันตก มันเป็นดันเจี้ยนประเภทสุสานใต้ดิน ความลึกราวๆ 30 ชั้น ลึกสุดที่เคยไปกันได้คือชั้น 12 เหตุที่ไปกันได้ไม่ไกล เพราะว่าเป็นดันเจี้ยนที่กว้างมาก การจะพิชิตให้ได้นั้น จะต้องนอนค้างด้านใน ซึ่งพอตกกลางคืนแล้ว มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาก แถมยังเป็นอันเดดซะเกือบหมด
ที่ทางเข้ามีโต๊ะยาวตั้งอยู่ คนที่จะเข้าไปต้องแสดงบัตรก่อน และขากลับเองก็ต้องมารายงานตัวที่นี้อีกครั้ง เพื่อเป็นการตรวจเช็คสำหรับคนที่สูญหายไป กรณีที่หายไปนานเกิน ก็จะตั้งทีมกู้ภัยลงไปช่วยตามหา ที่นี้ยังมีพวกยาฟื้นพลังขายด้วย แบบขวดเล็กราคาอยู่ที่ 10 รีลเท่านั้น ผมเลยซื้อมาสิบขวด
ประตูลงดันนั้นค่อนข้างกว้าง เป็นเหมือนสนามหญ้าที่ลาดชั้นลงไป พอเข้าไปแล้วก็จะมีทางเดินหลายสายแยกกันไป ที่ชั้นแรกๆ จะมีอุปกรณ์เวทที่ให้แสงสว่างติดอยู่ตามกำแพง เลยไม่มีปัญหาเรื่องการมองเห็น แต่ชั้นที่ลึกลงไป จะต้องเตรียมตะเกียงไปเอง
และที่นี้ไม่ได้ถูกดูแลโดยเผ่าปีศาจ ผมเลยล่าได้อย่างสบายใจ
ชั้นแรกมอนสเตอร์คือไก่ลาสเตอร์ มันเหมือนไก่ปกติ แต่ตัวใหญ่กว่ามาก ถึงเป็นมอนสเตอร์เลเวลต่ำสุด แต่ก็เคยมีนักผจญภัยโดนมันจิกจนไส้หลุดออกมาแล้ว เลยต้องระวังตรงปากมันเป็นพิเศษ
ไก่ลาสเตอร์เวลาตายแล้วจะกลายเป็นเนื้อไก่น้ำหนัก500 กรัม ซึ่งเควสจะให้ราคาชิ้นละ 3 รีล อย่างต่ำต้องได้สิบชิ้นถึงจะผ่านเควส แต่ถ้าได้เกินมาทางกิลก็จะรับซื้อไว้เหมือนกัน
ส่วนค่าพลังตอนนี้ของผมคือ
ชื่อ มุเกน โรมะ
เผ่า มนุษย์
อาชีพ ยังไม่มีอาชีพ
Lv 1/ No limit
Hp 60 / 60 (Grow up)
Mp 33 / 33
Str 10
Vit 12
Dex 20
Agi 9
Int 30
พลังโจมตีอาวุธ 12
พลังป้องกันเกราะ 10
Skill
-พ่อบ้านสมบูรณ์แบบ Lv max
-มารราคะ Lv max
-ขโมย Lv 1
-ตรวจสอบ Lv 1
Passive skill
-Leadership lv 1
-Hp Grow up lv 1
อุปกรณ์
มีดสั้นเงินx2
เกราะเหล็กเฉพาะส่วน
Passive Skillส่วนของฟราน
ชื่อ ฟรานซิสก้า
เผ่า แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์
อาชีพ ไม่ระบุ
Lv 1/30
Hp 210 / 210
Mp 180 / 180
Str 30
Vit 20
Dex 8
Agi 32
Int 12
พลังโจมตีอาวุธ 42
พลังป้องกันเกราะ 7
Passive Skill
-Drain lv 1
อุปกรณ์
ขวานด้ามยาวเหล็กกล้า
หมวกเหล็ก
ถุงมือเหล็ก
ค่าพลังของฟรานค่อนข้างสูงอย่างที่คิดไว้ ก็เป็นเผ่าแวมไพร์นี่น่า แล้วพอผมตั้งปาร์ตี้แล้วใส่ชื่อฟรานลงไป เธอก็ได้รับผลของ Leadership ทำให้ค่าพลังเธอบวกอีก 5 ทุกอย่าง
ฟรอมเมชั่นที่ผมคิดว่า คือตัวผมอยู่ด้านหน้าเป็นตัวชน แล้วให้ฟรานหาจังหวะโจมตีหนักๆ ปิดท้าย
เดินเข้าไปไม่ถึงสองนาทีพวกเราก็เจอไก่ลาสเตอร์ตัวแรก มันอยู่ตัวเดียวพอดีเหมาะแกกว่าทดสอบพลังของพวกเราตอนนี้
ผมหันไปหาฟรานและพยักหน้าให้เป็นสัญญาณเริ่มโจมตี แต่พอผมออกวิ่งไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกฟรานวิ่งแซงซะแล้ว ต้องบอกว่าเธอพุ่งตัวแบบกระโจนโดยเท้าไม่แตะพื้น ทีเดียวเข้าถึงตัวไก่ลาสเตอร์เลย และเพียงจามขวานลงไปเพียงครั้งเดียว ร่างของไก่ลาสเตอร์ก็แบะออกเป็นสองฉีกอย่างสวยงาม ก่อนจะกลายเป็นเนื้อไก่ตกลงมา…ทีเดียวจอดเลยอ่ะ
“นายท่านปลอดภัยนะคะ”
“อะ อืม”
เป็นทาสที่พึ่งได้จริงๆ แฮะ
รอบสองที่เจอไก่ลาสเตอร์ พวกมันอยู่กันสามตัว ผมคิดว่าจะดึงความสนใจมัน แล้วให้ฟรานเก็บไปทีละตัว แต่คราวนี้ฟรานทะยานออกไป และเหวี่ยงขวานในแนวขวาง ฉับ ไก่ลาสเตอร์ทั้งสามตัวขาดเป็นสองท่อนพร้อมกัน…จะเก่งเกินไปแล้ว!
พวกไก่ลาสเตอร์ไม่ใช่คู่มือของฟรานเลย แถมแบบที่อยู่เป็นกลุ่มสูงสุดก็แค่สามตัว แค่ไม่ถึงห้านาทีฟรานก็จัดกาไก่ลาสเตอร์ไปครบสิบตัวแล้ว
ตอนนี้ผมกับฟรานเลเวลอัพขึ้นมาเป็น 2 เควสก็ผ่านแล้ว ผมเลยลองเข้าไปให้ลึกกว่านี้ดู
มอนสเตอร์ที่อยู่กลางๆ ของชั้น 1 จะเป็นลิตเติลลิซาร์ดแมน เป็นมนุษย์จิ้งเหลนที่สูงประมาณหนึ่งเมตรใช้หอกเป็นอาวุธ เจ้านี้ดรอปหนังลิซาร์ด ซึ่งราคาพอๆ กับเนื้อไก่ แต่มันมีโอกาสดรอปหอกที่ใช้ด้วย เอาไปขายก็ได้ราวๆ 10 รีลต่อชิ้น
เข้าใจล่ะว่าทำไมค่าเงินถึงได้แพง เพราะว่าเงินหายากนี้เอง ถ้าเป็น Rank 1 หาเงินได้วันล่ะ 100 รีลก็ถือว่าเก่งแล้ว
กับลิตเติลลิซาร์ดแมนการโจมตีของฟรานก็ยังดูรุนแรงกว่าอยู่ดี ถ้าพวกมันป้องกันด้วยหอกไม่ทัน ก็จะโดนฟรานจามทีเดียวตาย และถึงกันได้อาวุธก็จะพังทันที พริบตาเดียวฟรานก็กวาดล้างพวกมันไปแล้วโหลหนึ่ง และจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้สู้เลย
“นายท่านเหนื่อยไหมค่ะ”
ฟรานหันมาถามผมด้วยท่าทางเป็นกังวล แต่แค่เดินตามเธอมาอย่างเดียวเนี่ย อย่าว่าแต่เหนื่อยเลย เหงื่อยังไม่ออกสักหยด
“ฟรานถ้าเหนื่อยก็พักซะนะ อย่าฝืนเด็ดขาด”
“ค่ะ แต่ถ้ามอนสเตอร์ระดับนี้ล่ะก็ คิดว่าคงสู้ได้เรื่อยๆ ทั้งวันเลยค่ะ”
…นี้เราเผลอซื้อสัตว์ประหลาดมาเหรอเนี่ย
หลังฆ่าลิตเติลลิซาร์ดตัวที่ 20 ลง เลเวลก็ยังไม่อัพ ผมเองก็อยากจะทดสอบดูว่าระดับของฟรานตอนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เลยลองเข้าไปลึกขึ้นอีกหน่อย ในส่วนลึกของชั้น 1 จะมีมอนสเตอร์ชื่อ ร็อคโรลอยู่ มันเป็นก้อนหินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 70เซน โจมตีด้วยการกลิ้งเข้าชน ผิวของมันเป็นหินการโจมตีด้วยอาวุธเลยไม่ค่อยได้ผล
ส่วนเลเวลของมอนสเตอร์ทีเจอมา ไก่ลาสเตอร์ lv 1-2 ลิตเติลลิซาร์ดแมนlv2-4 และสำหรับร็อคโรลคือ lv 4-7 ซึ่งขนาดของมันจะใหญ่ขึ้นตามเลเวล พวกเลเวล 7 จะมีขนาดเกือบเมตรเลยทีเดียว
คราวนี้ฟรานต้องโจมตีมันถึงสามถึงสี่ครั้ง ถึงจะจัดการร็อคโรลลงได้ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ตึงมือ เพราะมันเคลื่อนไหวเรียบง่าย และค่อนข้างช้า
ที่ร็อคโรลดรอปคือ แร่ดิบ ราคาของมันคือก้อนล่ะ 5รีล ผมลองใช้ตรวจสอบกับร็อคโรลดู ปรากฏว่ามีรายชื่อไอเท็มที่มันดรอปด้วย ร็อคโรลดรอปไอเท็มอยู่สามแบบ แต่นอกจากแร่ดิบแล้ว ที่เหลืออีกสองอย่างยังเป็น XXX อยู่ สงสัยต้องทำให้ดรอปออกมาได้ก่อน ถึงจะเห็นชื่อไอเท็มนั้นได้
ผมเลยให้ฟรานปักหลักสู้กับร็อคโรลที่นี้ นานๆ ครั้งถึงจะเห็นมันพวกมันออกมาสองตัวพร้อมกัน ถึงจะยากสักหน่อย แต่ฟรานก็ชนะได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย หลังจากฆ่ามันไปได้ห้าตัว เลเวลของผมกับฟรานก็อัพเป็น 3
เลเวลขึ้นยากพอสมควรเรื่องนี้ผมรู้มาจากพวกเพื่อนๆ เพราะขนาดที่ปราสาทจอมมารมีแต่มอนสเตอร์ระดับสูง เลเวลยังขึ้นช้ามากเลย
เท่าที่ศึกษาดูจากห้องสมุด รู้สึกว่าสำหรับนักผจญภัยแล้ว การจะไปให้ถึงเลเวลสิบ จะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเป็นอย่างต่ำ แต่จะไปให้ถึงเวลายี่สิบแล้วต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปี
ผมเลเวลสามแล้ว น่าจะแข็งแกร่งขึ้นมาพอสมควร เลยขอสู้ด้วยตัวเองดู แต่พอได้สู้ก็รู้สึกถึงความยากขึ้นมาทันที ที่ฟรานทำดูเหมือนง่าย เพราะว่าเธอมีความเร็วกับพละกำลังที่สูง เลยเคลื่อนไหวร่างกายได้ดี ทว่าสำหรับผมมันยากมากที่จะเคลื่อนที่ไปด้วยแล้วโจมตีไปด้วย
มีดที่ใช้เองก็มีพลังโจมตีต่ำ ทำให้เจาะผิวของร็อคโรลแทบไม่เข้า ขนาดแทงไปที่ตรงดวงตาที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดอ่อนของมัน ก็ทำได้แค่รอยข่วนเล็กๆ เท่านั้น อารมณ์ประมาณผมตีเลือดมันลดทีละหนึ่งเท่านั้น
แต่พอฟันมันไปได้พักใหญ่ๆ ก็มีเสียง กริ๊ง ดังขึ้นมาในหัว มันทำให้ผมชะงักไป จนถูกร็อคโรลพุ่งเข้ากระแทกใส่ตรงหน้าอก เกราะบริเวณอกถึงกับยุบตัวลงไป ผมนี้เจ็บไปถึงกระดูกเลย พอดูพลังชีวิตตัวเอง ก็เห็นว่ามันลดไปเกือบครึ่งหลอดทีเดียว
“นายท่าน!”
ฟรานตะโกนด้วยความตกใจ และพุ่งเข้ามาจามร็อคโรลด้วยความโมโหสุดขีด ขวานไม่ใช่แค่ผ่าร่างมันออกแต่ยังจมลงไปบนพื้นจนมิดด้ามทีเดียว…พลังโจมตีตอนโมโหนี้รุนแรงขึ้นได้อีกเหรอ!
“นายท่าน! ขออภัยด้วยค่ะที่ทำให้ต้องบาดเจ็บ ปะ เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ! ตะ ต้องรีบพานายท่านไปรักษา”
ฟรานแตกตื่นจนออกอาการรนราน ผมจึงต้องลูบหัวเธอเพื่อให้ใจเย็นลง
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของฟราน แถมบาดเจ็บแค่นี้ดื่มยาฟื้นพลังไปขวดเดียวก็หายแล้ว”
ว่าแล้วผมก็หยิบยาออกมาดื่ม รสชาติมัน…เหมือนน้ำอัดลมแฮะ แต่ค่อนข้างจืดไปหน่อย หลังจากนั้นพลังชีวิตผมก็ฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ จนกลับมาเต็มได้ในเวลาหนึ่งนาที ไม่ใช่ยาแบบเพิ่มพรวดเดียวเต็ม ต้องระวังซะแล้ว
“จะว่าไปเสียงตะกี้มันหรือว่า”
ผมสงสัยว่าเสียงที่ทำให้เสียสมาธิไปนั้น น่าจะมาจากสกิลขโมยที่ทำงานเอง เลยลองเทของในกระเป๋าออกมาดู นอกจากเนื้อไก่ หนังลิซาร์ด หอกเหล็ก และแร่ดิบแล้ว ยังมีแร่อีกชนิดอยู่ด้วย ผมใช้ตรวจสอบดู เลยรู้ว่ามันคือ แร่เหล็กนิล ซึ่งไม่รู้ราคาเท่าไร แต่น่าจะราคาดีกว่าแร่ดิบ แล้วพอหาร็อคโรลเจอก็ลองตรวจสอบดู เครื่องหมาย XXX อันที่สองกลายเป็นชื่อแร่เหล็กนิลไปแล้ว
โอ้ แบบนี้ก็ใช้สกิลนี้ขโมยไอเท็มจากมอนสเตอร์ได้สินะ ผมเลยต้องเปลี่ยนวิธีนิดหน่อย
“ฟราน จากนี้ไปผมจะเข้าไปสู้ก่อน พอผมโจมตีแล้วเธอค่อยตามเข้าไปนะ”
“แต่ว่า”
ฟรานเป็นห่วงกลัวว่าผมจะบาดเจ็บอีก
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมมีฟรานอยู่ด้วยไงล่ะ”
ผมไม่ได้ยอนะ แต่ผมรู้ว่าถึงจะโดนแบบเมื่อกี้ไปอีก ฟรานก็จะเข้ามาช่วยผมได้ทันเวลา แต่ฟรานที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา และดูฮึดขึ้นมากว่าเดิมซะอีก
หลังจากนั้นผมก็ใช้วิธีนี้จัดการร็อคโรลไปอีกสองตัว แต่ยังขโมยไม่ติด จนกระทั่งตัวที่สามก็มีเสียงกริ๊งดังขึ้นมาอีก หลังสู้จบผมตรวจดูของอีกรอบ พบว่ามีแร่ดิบเพิ่มขึ้นมาอีกก้อน
“ถึงจะเป็นของห่วย แต่ก็ถือว่าได้ปริมาณเพิ่มขึ้นล่ะนะ ว่าแต่เทของเข้าเทของออกแบบนี้มันเสียเวลาแฮะ น่าจะมีวิธีตรวจสอบดูว่าขโมยอะไรได้นะ
ผมลองดูที่สกิลอีกครั้ง และพอใช้นิ้วเลื่อนๆ ดู ตรงสกิลขโมย มันสามารถเลื่อนไปด้านข้างได้ โดยจะเป็น Log รายชื่อของที่ขโมยมาได้ โดยเรียงตามเวลา
“โอ้ว แบบนี้ใช้ได้ เอาล่ะฟราน จะลุยต่อเนื่องกันเลยล่ะนะ”
“รับทราบค่ะ!”
จากนั้นพวกผมก็กวาดล้างร็อคโรลไปเกือบห้าสิบตัว จนในที่สุดก็ได้ไอเท็มชิ้นสุดท้ายของมันมาจากสกิลขโมย
แร่ทองคำดิบ!
ผมนี้ร้องเฮออกมาเลย และยิ่งทำให้อยากรู้ว่าจะขายได้เท่าไร เลยว่าวันนี้จะพอเท่านี้ก่อน แต่ขากลับผมก็ส่องดูลิลเติลลิซาร์ดแมนกับไก่ลาสเตอร์ด้วย แต่ว่าไม่มีไอเท็มอะไรอื่นนอกจากที่ได้มาแล้ว โดยเฉพาะไก่ลาสเตอร์มีดรอปแค่เนื้ออย่างเดียวจริงๆ
พอรายงานตัวที่ทางเข้าเสร็จ ผมก็ตรงไปยังกิลชั้นหนึ่งเพื่อรายงานเควสก่อน และก็ถูกมอเรียกวักมือเรียกอีกเช่นเคย ตกลงนี้เป็นขาประจำกันไปแล้วสินะ
“โห นี้จัดการไปได้ตั้งเยอะเลยนะคะ”
มอเรียพอตรวจดูบัตรแล้ว ก็ตกใจกับจำนวนมอนสเตอร์ที่พวกผมกำจัดไป
“เป็นฝีมือของฟรานน่ะครับ ผมแทบไม่ได้ทำอะไร”
ผมชมฟรานพลางลูบหัวเธอไปด้วย ผมจะลูบหัวเธอทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะสัมผัสที่เส้นผมของเธอนั้น มันวิเศษสุดจริงๆ
“รวมเควสรวบรวมเนื้อไก่ หนังลิซาร์ด และแร่ดิบแล้ว เท่ากับว่าตอนนี้คุณโรมะผ่านไปครบสิบเควสพอดีเลยค่ะ ยินดีด้วยนะค่ะพวกคุณได้เลื่อนเป็น Rank2แล้ว หายากนะคะเนี่ยวันเดียวก็อัพ Rank ได้แล้ว”
“แฮะๆ โชคดีของผมที่มีคู่หูดีครับ”
ผมยกผลประโยชน์ให้กับฟรานทั้งหมด
“ไอเท็มที่ได้มา เอาไปขายที่ชั้น 2 นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
พอผมจะลุกออกไป มอเรียก็ดึงปลายแขนเสื้อผมไว้ และยื่นหน้ามากระซิบข้างหู
“คืนนี้ถ้าว่างไปกินเหล้าด้วยกันไหมคะ”
“ตกลงครับ”
ผมตอบไปโดยไม่ต้องคิด
“งั้นฉันเลิกงานตอนสองทุ่ม รอฉันที่ด้านหน้ากิลนะคะ”
“ครับ ผมจะตั้งตารอเลยครับ”
ฟรานมองผมด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ก็นะนิสัยเสียของผมก็คือความหื่นที่ไม่มีลิมิตเนี่ยล่ะ
เมื่อขึ้นมาที่ชั้นสอง และนำไอเท็มที่ได้ไปขาย เงินที่ได้จาก เนื้อไก่ หนังลิซาร์ด หอกเหล็ก และแร่ดิบ ก็ได้มา 380 รีล ผมรู้สึกเป็นเงินจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบเงินที่ผมใช้จ่ายไป แต่สำหรับหน้าใหม่เช่นผม การหาเงินได้ระดับนี้ถือว่าเยอะมากแล้ว
ยังเหลือแร่เหล็กนิลกับแร่ทองคำดิบอยู่ ผมเลยลองถามราคาขายกับพนักงานดู ก็ได้รู้ราคาว่า เหล็กนิลขายได้ก้อนล่ะ 1000 รีล ส่วนทองคำดิบก้อนล่ะ5000 รีล ผมมีเหล็กนิลอยู่ 4 ก้อน ทองคำดิบ 1 ก้อน เลยได้เพิ่มมาอีก 9000 รีล กำไรงามดีจริงๆ แบบนี้คงต้องเน้นแต่แร่หายากจากร็อคโรลซะแล้ว แต่ฆ่าไปเกือบร้อยตัวให้มาแค่ก้อนเดียว แถมได้มาจากสกิลขโมยอีก โอกาสได้คงต่ำจริงๆ
ตอนที่ 12 หม้อไฟ
ผมกลับออกมาจากกิล และตรงกลับบ้านทันที พอมาถึงก็เห็นดาเซสยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูบ้าน
“ปลอดภัยกลับมากันสินะ!”
เธอตะโกนทักพวกผมเสียงดัง แต่ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปหา
“นี้ดาเซส ถึงผมบอกให้เป็นยามก็เถอะ แต่ไม่ต้องมายืนเฝ้าแบบนี้ทั้งวันก็ได้”
“ได้อย่างไง! มันเป็นอย่างของฉันนะ!”
“เข้าใจ แต่ว่าถ้ายืนตากแดดจนผิวสวยๆ ของเธอไหม้ ผมเองก็ไม่ชอบใจหรอกนะ”
“อะ อืม”
พอโดนชมว่าผิวสวยเข้าไป ดาเซสก็หน้าแดงขึ้นมา
“จริงสิ ดาเซส พอรู้ไหมว่าจะเอาเงินไปฝากไว้ได้ที่ไหน”
“เอ๋? ก็ต้องที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินน่ะสิ”
“ผมไม่เคยไปใช้บริการ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย”
“ก็ไม่ยากหรอก แค่เอาเงินไปฝากไว้ ทางนั้นจะบันทึกข้อมูลลงในบัตรกิลให้ เสียค่าแค่บริการครั้งแรก1,000 รีล จากนั้นทางร้านจะรับประกันความปลอดภัยของเงินให้”
“ไม่มีดอกเบี้ยให้ แต่เป็นการประกันตัวเงินแทนเหรอ…งั้นดาเซส ผมวานเอาเงินนี้ไปฝากไว้ที”
“ได้สิ แต่ขอยืมม้าไปใช้นะ จะได้รีบไปรีบกลับ”
“อืม ว่าแต่นี้ผมต้องไปด้วยหรือเปล่า เพราะมันต้องใช้บัตรกิลด้วยนี้”
“ไม่ต้องหรอก เพราะว่าฉันเป็นทาสของนาย ข้อมูลทางการเงินในบัตรกิลของทาส จะถูกโอนไปเป็นของเจ้านายทันที”
“อ้อแบบนี้เอง งั้นก็รีบกลับมากินข้าวเย็นนะ”
“โอ้ว!”
เงินที่ผมฝากดาเซสไปคือ 30 เหรียญทองคำขาว เพื่อเป็นเงินเก็บสำหรับกรณีฉุกเฉิน ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้ในบ้าน เงินที่หาได้จากดันเจี้ยน ก็จะเอามาใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันไป ผมต้องวางแผนใช้เงินให้ดี เพื่อความมั่นคงในการใช้ชีวิต และพยายามไม่คิดถึงส่วนที่ผมเป็นจอมมารด้วย เพราะชีวิตที่แสนสะดวกสบายเช่นนั้น มันคงทำให้ผมเบื่อตายไปแน่ๆ
พอเข้ามาในบ้าน เดเม่ก็มารายงานทันที ว่าซื้อของตามที่สั่งครบแล้ว และห้องน้ำก็สร้างเสร็จแล้วด้วยเช่นกัน สมกับที่จ่ายไปแพง แค่ครึ่งวันก็เสร็จเลยเหรอ
มื้อเย็นวันนี้ผมคิดจะทำเป็นหม้อไฟ เลยทำแค่น้ำจิ้มเพียงอย่างเดียว ส่วนวัตถุดิบก็ใช้สกิลพ่อบ้านสมบูรณ์แบบตัดๆ หั่นๆ จนเสร็จในพริบตา เดเม่เลยไม่มีส่วนร่วมในการช่วยทำอะไรเลย ทำให้เธอคอตกและดูเศร้าไปทันตาเห็น
“เดเม่ ไปช่วยผมเตรียมน้ำอาบไหม”
ผมเลยต้องหางานให้เธอทำเพื่อจะได้รู้สึกดีขึ้น
“ไปค่ะนายท่าน!”
เธอขานรับด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็ลืมไป ว่าผมสามารถใช้สกิลเตรียมน้ำร้อนได้ในพริบตาเหมือนกัน
“เอ่อ เดเม่ เธอช่วยบอกทีนะว่าน้ำร้อนพอดีหรือยัง”
นั้นคือสิ่งที่ผมหาให้เธอทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้
อ่างน้ำที่ผมออกแบบไว้ สร้างจากไม้ ทรงสี่เหลี่ยมกว้างห้าเมตร ยาวเจ็ดเมตร ขอบยกสูงประมาณลงไปนั่งแช่น้ำได้ ก็ใหญ่พอจะว่ายเล่นได้เลยล่ะ ผมเผื่อไว้กรณีที่พวกผู้หญิงเข้ามาอาบพร้อมกันหลายๆ คน และยังมีรูบนพื้นที่เปิดปิดได้ด้วยจุกยาง ไว้เวลาถ่ายน้ำออก ซึ่งต่อท่อไปยังด้านหลังบ้าน ส่วนด้านข้างก็เป็นอ่างที่เล็กกว่า ผมไว้ใส่น้ำสำหรับล้างตัวก่อนลงไปแช่ ส่วนพวกสบู่ยาสระผมก็ไม่จำเป็น เพราะผมใช้คลีนนิ่งได้
“ว้าว น้ำร้อนจริงๆ ด้วยค่ะ นายท่านสุดยอด!”
“อืม ประมาณนี้พอไหม”
“เอ่อ คือ ขอโทษค่ะ แต่หนูไม่ทราบจริงๆ ว่าแต่สิ่งนี้มันใช้อย่างไงเหรอคะนายท่าน?”
“แช่น้ำไง”
“แช่น้ำ?”
“เอ๋ หรือว่าเธอไม่เคยแช่น้ำ”
เดเม่ส่ายหน้าพั่บๆ แย่ล่ะสิ ผมไม่ทันคิดเรื่องนี้ สงสัยคืนนี้ต้องสอนพวกเธอแช่น้ำก่อนแล้ว
“อืม ไม่เป็นไร ตอนนี้ไปเรียกทุกคนมากินข้าวเถอะ น่าจะได้เวลาดาเซสกลับมาแล้วด้วย”
“ค่ะ”
แล้วเดเม่ก็เดินยิ้มหน้าบานออกไปทำตามที่สั่ง ดูเหมือนว่ามื้ออาหารจะเป็นอะไรที่ทุกคนในบ้านนี้เฝ้ารออยู่
แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง คือโต๊ะกินข้าวมันใหญ่ไป แบบนี้ไม่เหมาะไว้ตั้งหม้อไฟ ผมเลยมองหาโต๊ะตัวเตี้ยๆ (โต๊ะญี่ปุ่น) เพื่อไว้ตั้งหม้อได้ ซึ่งไปเจอตัวหนึ่งในห้องรับแขก ซึ่งปกติไว้เพียงแค่วางแจกัน ผมเลยขนมันมาไว้ที่ห้องนั่งเล่นหน้าเตาผิงแทน จากนั้นก็ใช้ผ้าปู และตั้งฐานไว้ใส่กองไฟไว้และวางหม้อลง ก็เป็นอันเสร็จ
“เอ๋!? วันนี้จะกินกันตรงนี้เหรอคะ?”
เดเม่ที่กลับมาเห็นก็ทำหน้าประหลาดใจ เพราะมันไม่มีเก้าอี้อยู่รอบโต๊ะ หรือจะบอกว่าโต๊ะเตี้ยเกินกว่าจะใช้เก้าอี้ได้ดี
“อืม หม้อไฟต้องกินแบบนี้แหละ ไปเอาจานมาทีสิ”
“รับทราบค่ะ”
ถึงเดเม่จะทำหน้างงๆ แต่ก็ไปทำตามที่บอก ส่วนผมก็เอาเบาะลองนั่งมาว่างรอบโต๊ะให้พอกับจำนวนคน
เมื่อทุกคนมาถึงก็ทำหน้าประหลาดใจไม่แพ้เดเม่ จะอธิบายก็เสียเวลา ผมเลยทำให้ดูด้วยการนั่งลง และจัดการเอาวัตถุดิบใส่ลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดอยู่
“นั่งกินกับพื้นเหรอ!?”
“ทะ ทำไปกินไปเหรอค่ะ?”
“โหย น่าสนใจดีนี่นา อะไรกันล่ะเนี่ย”
แต่สักพักทุกคนก็มานั่งประจำที่แล้ว ผมเลยสอนวิธีกินให้ แต่เพราะทุกคนใช้ตะเกียบไม่เป็น ผมเลยทำช้อนตะแกงให้ โดยให้คีบวัตถุที่ต้องการใส่ในตะแกงแล้วเอาไปต้มในหม้อ พอสุกแล้วก็เอาออกมาใส่จานจิ้มกับน้ำจิ้ม
พอทำเป็นแล้วทุกคนก็ดูสนุกสนานขึ้นมาทันที เพราะไม่ใช่แค่นั่งกินเฉยๆ แบบทุกที แต่เหมือนกับได้ทำกินเองไปด้วย แถมวัตถุดิบก็ปรุงกันสดๆ เลยได้ความสดชื่นเป็นพิเศษ แถมน้ำจิ้มก็ยังเพิ่มรสชาติอีก
ฟรานเห็นผมใช้ตะเกียบ เลยขอให้สอนเธอใช้ด้วย ไม่นานเธอก็เริ่มใช้เป็น และพอคนอื่นๆ เห็นก็พากันขอให้สอนด้วยเหมือนกัน กลายเป็นว่าทุกคนใช้ตะเกียบเป็นหลักกันไปแล้ว
แต่จู่ๆ ผมก็เห็นเดเม่ร้องไห้ออกมา เลยต้องรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าจะไปทำให้เธอนึกถึงเรื่องไม่ดีขึ้นมา
“เดเม่เป็นอะไร!?”
“หนูดีใจค่ะ เกิดมาหนูไม่เคยกินอาหารที่มีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย”
“หนูด้วย”
ฟรานเองก็พลอยร้องไห้ไปอีกคน ผมเลยต้องดึงตัวพวกเธอเข้ามากอดไว้
“อย่าร้องๆ จากนี้ไปฉันจะพยายามทำให้พวกเธอมีความสุขแบบนี้ทุกวันเลย”
“นะ นายท่าน!”
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาที่มองมานั้น ราวกับมองดูสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องกราบไหว้ทุกวันไม่มีผิด
“ฉะ ฉันก็ด้วย”
ดาเซสพึมพำเบาๆ กับตัวเอง แต่ไม่พ้นหูผมไปได้ เลยดึงเธอเข้ามากอดด้วยอีกคน เล่นเอาเถอะหน้าแดงจนแทบไหม้ แต่กลับไม่ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด
หลังจากกินเสร็จและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผมก็บอกเรื่องอ่างอาบน้ำ และก็อย่างที่คิดไม่เคยมีใครเคยแช่น้ำมาก่อน แม้แต่เอร่าเองก็ด้วย
ผมจึงต้องให้ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน
“ไม่เอา! ทำไมเทพอย่างฉันต้องไปแก้ผ้าให้นายดูด้วย”
“ไม่ได้ให้แก้หมดสักหน่อย เอาผ้าเช็ดตัวห่อไว้ก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากแช่น้ำก็ดีเหมือนกัน ประหยัดไปได้หนึ่งที่”
พอผมบอกแบบตัดเยื่อใย ก็ทำให้เอร่าอดไม่ไหว ต้องยอมตามเข้าไปด้วย
ทุกคนอยู่ในสภาพมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวปิดบังร่างกายไว้ เดเม่ดูจะขี้อายที่สุด เธอกดผ้าเช็ดตัวไว้แน่นและยืนหันหลังให้ผม ดาเซสดูเขินๆ ยืนบิดไปบิดมา ส่วนฟรานดูปกติที่สุด แค่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย
“ก่อนอื่นต้องล้างตัวทางนี้ก่อน วันนี้ฉันจะใช้สกิลคลีนนิ่งให้ก่อน ไว้หาสบู่ได้แล้วจะได้อารมณ์ในการอาบน้ำมากกว่านี้”
หลังใช้คลีนนิ่งแล้ว ผมก็ให้ทุกคนตักน้ำราดตัวอีกรอบ ก่อนจะให้ลงไปแช่ในอ่างใหญ่ โดยผมลงไปแช่ก่อน เพราะทุกคนดูเก้งๆ กังๆ ไม่รู้ต้องทำอย่างไง
ผมนั่งลงจนน้ำขึ้นมาถึงบริเวณคาง การได้แช่น้ำร้อนๆ เนี่ย สุดยอดที่สุดแล้ว จากนั้นผมก็เรียกให้ทุกคนลงมาแช่ด้วย ถึงจะรู้สึกเกรงๆ แต่ในที่สุดทุกคนก็ยอมลงมาแช่
“นะ นี้มัน!”
เป็นดาเซสที่ร้องออกมาเป็นคนแรก
“เป็นไงชอบไหม”
“ชอบไหมเหรอ!? พูดอะไรน่ะ นี้มันสวรรค์ชัดๆ”
“อา อุ่นจังเลย รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะนายท่าน”
เดเม่เองก็ชอบเหมือนกัน ส่วนเอร่าหลบไปอยู่ตรงมุมคนเดียว แต่ก็ทำหน้าฟินออกมาซะแล้ว
“หือ เป็นอะไรอะไรเหรอฟราน”
ผมเห็นฟรานก้มหน้าไม่พูดอะไร ตั้งแต่ลงมาแช่เลยหันไปถาม
“นะ นายท่านค่ะ คะ คือว่า”
ฟรานหน้าแดงจัด ก่อนจะค่อยๆ เขยิบเข้ามากระซิบข้างหูผม สรุปก็คือ เธอรู้สึกดีจนเสี่ยนขึ้นมานั้นเอง
“ไม่เป็นไร มานั่งตรงนี้สิ”“ซd-wrap: break-word;">ผมให้ฟรานมานั่งตัก แบบหันข้าง และใช้นิ้วช่วยเธอตกเบ็ด ฟรานพยายามไม่ให้มีเสียงร้องออกไปจนต้องยกนิ้วขึ้นมากัดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็รู้ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่
“ขะ ขี้โกง ทำให้แต่ฟรานคนเดียว”
ดาเซสบ่นอุบอิบขึ้นมา
“เอ๋ อยากให้ฉันทำให้ด้วยเหรอ งั้นก็พูดออกมาสิว่าอยากให้ฉันทำอะไร”
ผมตั้งข้อตกลงนี้ขึ้นมาก็เพื่อแกล้งดาเซสโดยเฉพาะ
“อึก! ชะ ช่วย”
เธอกลืนน้ำลายดังเฮือก และพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบบิดเบี้ยว
“ซะ ช่วยใช้นิ้วของนาย สะ ใส่เข้ามา นะ ในหีของฉันด้วย”
“ดีมาก มาทางนี้สิ”
ผมให้ดาเซสมานั่งอีกข้าง และใช้มือที่ว่างเริ่มตกเบ็ดให้เธอ คราวนี้ฟรานเลยไม่ต้องเก็บเสียงแล้ว เลยร้องออกมาลั่น ดาเซสเองพอเครื่องติดแล้วก็ร้องประสานเสียงไปด้วยเหมือนกัน กว่าจะรู้ตัวเดเม่เองก็มากอดแขนผมไว้แล้ว แต่เธอก้มหน้าไม่พูดอะไรเลย
มือของผมเต็มแล้ว เลยต้องจัดท่าให้ ผมจับฟรานให้นั่งหันหน้าออก แล้วให้เธอหนีบดุ้นผมไว้ตรงหว่างขา ผมจับเอวเธอสไลด์ไปมา จนเมื่อเธอเริ่มขยับได้เอง ผมก็หันไปแหยงรูของดาเซสกับเดเม่ต่อ
ถ้ำของเดเม่รัดนิ้วผมแน่นมาก ตั้งแต่รักษาภายในให้เธอแล้ว ช่องคลอดของเธอก็แน่นกระซับราวกับสาวบริสุทธิ์แถมทำทีหลังคนอื่นแต่ดันเสร็จไปเป็นคนแรก ยิ่งกว่านั้นเดเม่สลบไปแล้ว เสร็จไวไม่พอยังไม่อึดด้วย
พอมือผมเริ่มว่าง ก็ใช้มือไปเล่นกับหน้าอกของฟรานต่อ และขอบอกว่าผมรักหน้าอกเธอที่สุดเลย เพราะมันไม่ถึงกับแบนราบเหมือนของดาเซส ของฟรานมีนูนขึ้นมาเล็กน้อยและนิ่มมากๆ เวลาใช้นิ้วกดลงไปมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนมาสเมลโล และหัวนมของเธอก็ถูกใจผมที่สุด ตรงจุกนั้นเป็นสีชมพูปลายแหลมและค่อนข้างยื่นยาวออกมาเวลามันแข็ง ส่วนลานนมก็สีชมพูลอ่อนๆ ดูนวลตาไม่กว้างจนกินพื้นที่น่าอกจนเกินไปด้วย ผมเล่นหน้าอกของเธอฟรานได้ไม่มีเบื่อเลย
จนผมพึ่งสังเกตว่าฟรานกำลังพยายาม จะเอาดุ้นของใส่เข้าไปในน้องสาวของเธออยู่ แต่เพราะผมยังไม่ได้ปรับขนาด มันเลยใหญ่เกินไปที่น้องสาวของเด็กสิบขวบจะรับไหว แต่เธอก็ยังฝืนเต็มที่โดยไม่ยอมร้องออกมาสักแอะ เธอคงรู้ว่าถ้าร้องออกมาผมคงต้องรีบหยุดแน่เพราะความเป็นห่วงเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ขนาดของหนอนน้อยผมไม่ใช่สิ่งที่แค่พยายามแล้วจะใส่เข้าไปได้สักหน่อย
ผมเห็นสีหน้าที่เกือบจะร้องไห้ของฟรานแล้ว ก็รู้ว่าความอดทนของเธอมาถึงขีดสุดแล้ว และวันนี้เธอก็ทำงานได้เป็นอย่างดี ผมเลยต้องให้รางวัลเธอสักหน่อย จึงปรับขนาดของหนอนน้อยให้มีไซส์ให้เหมาะกับน้องสาวของฟราน
ฟรานหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ผมก็ยิ้มแล้วลูบหัวเธอ
“อย่าฝืนเลย มามีความสุขไปด้วยกันเถอะ”
ผมบอกพร้อมกับค่อยๆ กดเอวเธอลงมา ถึงจะปรับขนาดแล้ว แต่หนอนน้อยก็ยังเข้าไปในถ้ำได้อย่างยากลำบาก เพราะบริเวณปากถ้ำนั้นแคบมาก แต่ฟรานกลับทิ้งสะโพกลงมาสุดแรง บังคับให้หนอนน้อยทะยานเข้าไปสู่จุดลึกสุดของถ้ำในครั้งเดียว
ความเจ็บปวดของฟรานทำให้เธออ้าปากกว้างแต่ไม่มีเสียงร้องออกมา แต่ทั้งๆ ที่เจ็บเธอก็ยังพยายามจะขยับเอวเพื่อโยกต่อ ผมเลยจับเอวเธอไว้ให้อยู่นิ่งๆ ก่อน ผมรอให้ถ้ำของเธอคุ้นเคยกับหนอนน้อยซะก่อน โดยที่ระหว่างรอก็กลับไปเล่นหน้าอกเธออย่างเพลิดเพลิน จนฟรานส่งเสียงครางกระเส่าออกมา วิธีครางของเธอนั้น ผมบอกได้เลยว่าขนาดผู้ใหญ่ที่มากประสบการณ์ระดับดาราหนังAV มาเห็นยังต้องอาย ผมกล้าพนันเลย แค่ฟังเสียงเธอกระเส่าก็ทำให้ผู้ชายถึงจุดสุดยอดได้แล้ว
พอรู้ว่าเธอหายเจ็บแล้ว ผมก็เริ่มจับเอวเธอโยก อย่างช้าๆ และอ่อนโยน ผมรู้ว่าเธอเคยเจอแต่ประสบการณ์ที่ถูกทำอย่างรุนแรงมาตลอด ดูได้จากวิธีการที่เธอพยายามทำให้ผมมีความสุข ผมจึงต้องทำให้เธอรู้สึกกับความสุขของการเพศสัมพันธ์อย่างอ่อนโยน
ผมค่อยทำอย่างช้าๆ นุ่มนวลที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่วิธีนี้เหมือนฟรานจะชอบมาก เพราะสะโพกเธอกระตุกเป็นระยะ ผมจับคางเธอและหันมาจูบปาก แต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะดาเซสเองก็อยากให้ผมจูบด้วย เลยดึงหัวผมไปดูดปากเองเลย และพอแลกลิ้นได้แปบเดียว ดาเซสก็เสร็จไปอีกคน
พอเหลือแค่ฟรานคนเดียวแล้ว ผมเลยจัดได้เต็มที่ มือหนึ่งเล่นหน้าอกเธอ มือหนึ่งเขี่ยไปที่คริตอริส และขบกัดใบหูของเธอไปเบาๆ ด้วย โดยการโจมตีหลายจุดพร้อมกัน ฟรานไม่อาจทนต่อความเสียวได้อีกต่อไป เธอจึงถึงจุดสุดยอดพร้อมกับระเบิดเสียงร้องออกมา เสียงร้องของเธอต่างไปจากตอนกระเส่า เสียงร้องตอนเธอถึงจุดสุดยอดนั้นราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง ในถ้ำเธอตอดผมรัวถี่ยิบราวกับปืนกล เจอแบบนี้ไปต่อให้ผมทนแค่ไหนก็ไม่ไหว เลยต้องระเบิดแยมขาวใส่ข้างในเธอไป
ตอนผมอุ้มเธอขึ้นจากอ่างน้ำ เธอก็มองผมด้วยสายตาเอียงอาย และบอกว่านี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกดีแบบนี้ เธอไม่เคยถึงจุดสุดยอดแบบนี้มาก่อนเลย และขอให้ผมทำกันเธออีกเยอะๆ ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว แต่พึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีเอร่าอยู่ด้วย ตอนที่คิดว่าเธอคงหนีไปตั้งแต่พวกเราเริ่มกันแล้ว ก็หันไปเห็นบางอย่างลอยอยู่บนอ่างน้ำ
เป็นเอร่าที่สลบจนจมน้ำไปแล้วนั้นเอง สงสัยจะตื่นเต้นจัดตอนดูพวกผมสนุกกัน เลือดเลยพุ่งขึ้นหัวจนเป็นลม ผมเลยต้องเอาเธอขึ้นมา เช็ดตัวให้และแบกขึ้นไปนอนบนห้องของเธอ ส่วนเดเม่เองฟรานกับดาเซสช่วยกันจัดการให้และพาไปนอนที่ห้องแล้วเหมือนกัน เกือบลืมบอกไป ห้องของดาเซสอยู่ที่ชั้นหนึ่งใกล้กับประตูหน้า
ผมพาฟรานกับดาเซสกลับมาที่ห้องผม และจัดพวกเธอต่อคนละสามยกจนสลบไป ซึ่งทั้งสองคนต่างกันคนละขั้ว ดาเซสเป็นพวก M ที่ชอบเซ็กส์แบบรุนแรง ยิ่งใช้คำหยาบๆ ยิ่งทำให้เธอมีอารมณ์ ส่วนของฟรานชอบแบบนุ่มนวลอบอุ่น ราวกับผู้ที่โหยหาความรัก มีเฉพาะตอนที่เธอเสร็จเท่านั้นแหละที่รุนแรงจนดาเซสเทียบไม่ติด
เมื่อพวกเธอหลับไปแล้ว ผมก็ตรวจสอบดูค่าพลังของพวกเธออีกครั้ง
ชื่อ ดาเซส
เผ่า มนุษย์
อาชีพ อัศวิน
Lv 36 / 50
Hp 7290 / 7290 grow up + 30up
Mp 230 / 230
Str 850 + 3up
="word-wrap: break-word;">ส่วนขอormal" style="word-wrap: break-word;">Dex 310 + 1up
Int 10 +0up
Agi 350 +3up
Skill
-Slashx3 lv 5
-Flash Slash lv3
-Howl of Raise lv 7
-Wall stone lv7
Passive skill
-Hp regenerate lv 1
-Hp grow up lv3
-Str chance lv Max
ส่วนของฟราน
Lv 3/30
Hp 340 / 340 + 40up
Mp 200 / 200 +40up
Str 55
Vit 30+3up
Dex 10+1up
Agi 40+4up
Int 18+4up
หือ? ขึ้นมาน้อยกว่าตอนมุเอมะลิบลับเลย ผมจัดกับฟรานไปสี่ยก…หรือว่ายกหนึ่งจะขึ้นมาแค่หนึ่งเอง งงเป็นบ้า แต่มันได้มาฟรีๆ นี้ ถือว่าเป็นผลพลอยได้ไปล่ะกัน แถมผมก็ได้สกิล Drain มาแล้วด้วย
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาดูเวลามันก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ลืมไปเลยว่านัดกับมอเรียไว้ ผมจึงรีบลุกขึ้นแต่งตัวแล้ววิ่งออกจากบ้านไปอย่างเร็วที่สุด
ตอนที่ 13 ขอเพียงหื่นก็ทำได้ทุกอย่าง
ผมมาช้ากว่าเวลานัดไปเกือบสิบนาที แต่มอเรียก็ยังยืนรอผมอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษครับที่มาช้า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเองก็พึ่งออกมา ว่าแต่พวกเราไปกันเลยดีไหม”
“ครับ”
มอเรียรู้จักร้านดีๆ อยู่เยอะ เลยเป็นคนนำผมไป ร้านเหล้าที่เธอแนะนำติดอยู่กับแม่น้ำ ถึงคนจะน้อยและค่อนข้างเงียบ แต่บรรยากาศดีเหมาะแก่การดื่มด่ำบรรยากาศไปพร้อมกับเหล้า
ที่โลกเก่าถึงผมจะอายุไม่ถึงเกณฑ์ให้ดื่มของมึนเมาได้ แต่ที่บ้านผมมีพี่สาวขี้เหล้าอยู่คนหนึ่ง วันดีคืนดีก็จะโดนลากไปให้นั่งดื่มเป็นเพื่อนด้วย ผมเลยคอแข็งเพราะการฝึกของพี่สาว ชนิดที่ว่ากระดกได้หมดขวดในรวดเดียว แล้วเดินบนราวสะพานได้แบบไม่มีเซเลย
มอเรียเองก็คอแข็งใช่ได้ แค่พวกเราสองคนก็หมดเหล้าไปเท่ากับคนห้าคนดื่มแล้ว พอได้มานั่งคุยกันแบบนี้รู้สึกว่ามอเรียจะเป็นผู้หญิงที่น่ารักจริงๆ เธอสุภาพอ่อนหวานกับทุกคน ไม่ใช่แบบต่อหน้าพูดดี ลับหลังกูมึง แถมมีความรู้เยอะ สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง
เมื่อก่อนเธอเคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน แต่เพราะบาดเจ็บสาหัสจนต้องเลิกไป ผมแอบถามเรื่องส่วนตัวเธอไป เช่นว่ามีคนที่คบหากันอยู่หรือเปล่า ซึ่งเธอตอบว่าเคยคบอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่ก็คบได้ไม่นานแล้วก็เลิกกันไป ตอนนี้เลยยังโสดอยู่
จากนั้นพวกเราก็นั่งดื่มกันจนถึงเกือบเที่ยงคืน มอเรียออกอาการว่าเมาแล้ว ผมเลยอาสาพาเธอไปส่งที่พัก ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ ร้านที่ไปนั่งกินกัน
ที่พักของมอเรียเป็นโรงเตี๋ยม ที่ห้องค่อนข้างเล็ก ซึ่งพนักงานสาวๆ ของกิลต่างก็มาพักที่นี้กันหมด เพราะได้ส่วนลดจากที่ทำงานมา
ผมพอวางเธอลงบนเตียงแล้วก็หาน้ำเปล่ามาให้เธอดื่ม และเช็ดหน้าเช็ดตาให้ด้วย เรียกว่าดูแลเป็นอย่างดี เพราะผมทำกับพี่สาวแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก่อนจะกลับมอเรียก็ดึงมือผมไว้
“…คืนนี้ค้างที่นี้ไหม”
มอเรียเอาหน้าซุกกับหมอนตอนที่ถามขึ้นมา
“ถ้าคุณไม่รังเกียจผู้ชายหน้าปลวกแบบผมล่ะก็”
“ฉันไม่สนใจเรื่องหน้าตาหรอก”
“งั้นทำไมคุณถึงเลือกผมล่ะครับ”
“ฉันทำงานมาหลายปี พบเจอคนมาทุกรูปแบบ เลยพอจะมองออกว่าใครเป็นอย่างไงน่ะ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน ขนาดทาสที่เธอมาด้วยวันนี้ ยังดูมีความสุขแบบนั้น ฉันเองไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ ทาสนักสู้ที่เคยเห็นมา มีแต่พวกที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ในแววตามีแต่ความกลัวที่จะถูกบังคับให้ไปตาย แต่เด็กคนนั้นเหมือนกับมาเที่ยวเล่นไม่มีผิด อืม ถึงทีแรกฉันจะติดใจเธอก็ให้ทิปก็เถอะนะ”
มอเรียเป็นคนจริงใจดีจริงๆ ผมเลยก้มลงไปจูบกับเธอทันที เธอเองก็จูบได้ร้อนแรงไม่ใช่เล่น แต่พอผมเริ่มจะปลดเสื้อผ้าเธอออก มอเรียกลับรีบคว้ามือห้ามผมไว้
“ระ เราทำกัน บะ แบบใส่เสื้อผ้าได้ไหม”
“แบบนั้นผมก็ชอบครับ แต่ว่า…มีอะไรที่ไม่อยากให้เห็นเหรอครับ”
“…”
มอเรียไม่ตอบแต่จับเสื้อตัวเองไว้แน่น แต่สุดท้ายแล้วเหมือนเธอจะตัดสินใจอะไรได้ เลยลุกขึ้น และค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกต่อหน้าผม
ร่างกายของเธอขาวหมดจด หน้าอกประมาณคัพ C+แต่ว่าหน้าอกของเธอแหว่งหายไปส่วนหนึ่ง มันมีลอยแผลที่ลากจากไหล่พาดเฉียงลงไปถึงเอว เป็นแผลสาหัสที่ดูแล้วไม่น่ารอดมาได้เลย
“คนที่ฉันคบด้วยทุกคน พอได้เห็นแผลเป็นอันนี้ ก็วิ่งหนีกันไปหมด ฉันเองก็เข้าใจนะถ้าเธอจะหมดอารมณ์เพราะสิ่งนี้”
มอเรียยกมือขึ้นมากอดตัวเองเพื่อปิดบังบาดแผลเอาไว้ เธอยังคงรอยยิ้มอยู่ แต่เป็นรอยยิ้มแบบเหงาๆ
ส่วนคำตอบของผมน่ะเหรอ
โดยไม่รอช้า ผมถอดเสื้อผ้าตัวเองออกหมดในวินาทีเดียว พร้อมกับโชว์หนอนน้อยที่ชูหัวขึ้นอย่างแข็งแรง
“…”
มอเรียถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่จ้องดุ้นผมพลางกลืนน้ำลายดังเฮือก
“ขอโทษนะครับคุณมอเรีย แต่ผมมันเป็นพวกหื่นกามแบบไร้ทางเยียวยา แค่แผลเป็นเท่านั้นไม่ทำให้ผมหมดอารมณ์ได้หรอก”
ผมบอกออกไปพร้อมกับดึงเธอมากอด และเริ่มเล้าโลมเธอด้วยการนวดไปที่หน้าอก
“ดะ เดี๋ยวก่อน!”
“อะไรเหรอครับ?”
“คะ คือ…อ่อนโยนกับฉันหน่อยนะ คะ คือฉันไม่ยังเคย”
“เอ๋!? ยังไม่เคย”
มอเรียพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่า
“เธอรังเกลียดผู้หญิงอายุมากกว่าที่ไร้ประสบการณ์หรือเปล่า”
“แล้วคุณรังเกลียดผู้ชายปลวกที่นิสัยลามกแบบผมหรือเปล่าครับ”
มอเรียตอบคำถามของผมด้วยการดึงผมไปจูบอย่างเผ็ดร้อน เธอคงกระหายความกระสันมานานแล้ว พอมีคนพร้อมใจจะมอบมันให้ เธอจึงตระคลุบมันอย่างตระกะตระกาม
แต่ตอนนี้ผมปิดสกิลมารราคะถูกอย่างไง เพราะผมอยากรู้ว่าลำพังเทคนิกของผมเพียงอย่างเดียว จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้หญิงในโลกนี้ได้แค่ไหน เรียกได้ว่าเป็นการทดลองก็ว่าได้
ผมเลยทั้งใช้นมหนีบ ดูดไอติม เล่นทุกท่าจนไปถึงระดับท่ายากเพื่อดูการตอบสนอง ส่วนมอเรียได้สุขสมอารมณ์หมาย จนแตกไปนับครั้งไม่ถ้วน ผ้าปูที่นอนเปรอะไปด้วยเลือดของเธอผสมกับน้ำกาม ผมไม่ได้นับเลยว่าจัดเธอไปกี่ยกแล้ว แต่ผมจัดมาราธอนให้เธอจนถึงเช้าแบบที่ไม่ปล่อยให้หนอนน้อยออกมาสูดอากาศเลย
แต่เพราะผมต้องกลับไปทำมื้อเช้าให้ทุกคนด้วย แถมออกมาโดยไม่ได้บอกกลัวจะเป็นห่วงกัน เลยรีบกลับไปโดยที่ไม่ได้ปลุกคุณมอเรียขึ้นมา ส่วนผลการทดลอง…ดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงเกินไปสำหรับผู้หญิงในโลกนี้
………………..
-มุมมองของมอเรีย
เมื่อคืนฉันได้พาผู้ชายที่พึ่งรู้จักกันได้เพียงวันเดียวมาที่ห้อง นี้ฉันคงเหงาจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แล้วสินะ
ถึงพยายามมอมเหล้าเขาแล้ว แต่กลับคอแข็งกว่าฉันซะอีก แบบนี้เดี๋ยวมีหวังวิ่งหนีไปแบบคนก่อนๆ แน่ อย่าทิ้งฉันไปอีกเลยนะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว
ตอนที่เขาพาฉันมาส่ง เขาสุภาพมากๆ ดูแลฉันที่เมาอยู่ราวกับเป็นเจ้าหญิง ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ เขาเองก็คงดูแลทาสด้วยความอ่อนโยนแบบนี้เหมือนกันสินะ อ่า ฉันอยากเป็นทาสของเขาจัง
และขนาดฉันเปิดทางให้เขาโจมตีได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังสุภาพจนถึงที่สุด พอดูแลฉันเสร็จแล้วเขาก็จะกลับไปโดยไม่แตะต้องฉันเลย วินาทีนั้นฉันคิดได้เพียงอย่างเดียว ฉันจะต้องจับเขาให้ได้ ผู้ชายดีๆ แบบนี้ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ
ตอนที่ฉันชวนเขาค้างด้วย ฉันอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ฉันไม่เคยรุกใครมากขนาดนี้มาก่อน ยิ่งตอนที่เขาจูบฉัน…โลกของฉันก็ได้หยุดนิ่งลง
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป แต่รู้ว่าได้ระบายความต้องการออกไปทางจูบอย่างน่าละอาย กลัวเหลือเกิน กลัวเขาเกลียดฉันเหลือเกิน
ฉันหลงไปกับจูบที่แสนหวานของเขา จนเกือบถูกเขาถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ฉันรีบปฏิเสธ จะให้เขาเห็นมันไม่ได้ แต่ว่า…ฉันอยากให้เขาเห็น ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่ฉันไม่อยากโกหกเขา ไม่อยากทรยศความอ่อนโยนที่เขามีให้
อยากร้องไห้เหลือเกิน เพราะเขาก็คงวิ่งหนีฉันไปเหมือนคนอื่นๆ เพราะรอยแผลแสนอัปลักษณ์ของฉัน แต่จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก แล้วนั้นมันอะไรน่ะ? ทำไมถึงมีท่อนแขนไปงอกอยู่ตรงหว่างขาเขาได้? หรือว่ามันจะเป็นสิ่งนั้นของผู้ชาย! ไม่จริงน่า มันใหญ่ยาวขนาดนี้เลยเหรอ มันเอาเข้ามาในตัวฉันไม่ได้หรอก แต่สิ่งที่ดึงสติของฉันกลับมาคือคำพูดของเขา
นั้นฉันไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม เขาบอกว่ามีอารมณ์กับผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างฉัน กว่าจะรู้ตัวเขาก็เข้ามาจูบฉันแล้ว แล้วยังจับไปที่หน้าอกที่พิกลพิการของฉันด้วย อูย นี้สินะความรู้สึกที่ถูกผู้ชายสัมผัส
คืนนี้ฉันจะต้องเสียความบริสุทธิ์แล้วใช่ไหม ฉันตื่นเต้นจนหัวใจแทบกระเด็นหลุดออกมาอยู่แล้ว แต่ว่าฉันอายุมากกว่าเขานะ แถมยัง…ไม่มีใครเอามาจนถึงอายุปูนนี้แล้ว แต่แล้วเขาก็ไม่แสดงอาการรังเกลียดฉันออกมาแม้แต่น้อย แววตาของเขาเหมือนอยากจะกลืนกินฉันจะแย่อยู่แล้ว ส่วนฉันเองก็อยากให้เขากินฉันเร็วๆ เหลือเกิน
ใช่ใส่เข้ามาเลย ฉันคิดว่ามันเจ็บ แต่ฉันจะทนมันให้ได้ เพราะฉันอยากเป็นของของเขา ฉันอยากถูกเขาทำให้แปดเปื้อน อยากถูกเขาย่ำยี แต่ว่าเขากลับไม่ใส่ของเขาเข้ามาในตัวฉัน ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
ทว่าเขากลับกำลังทำอะไรบางอย่าง เขาดูดหน้าอกของฉันอย่างสนุกสนาน เลียส่วนสกปรกของฉันอย่างเอร็ดอร่อย เขาแย่งนิ้วเข้ามาด้านในฉัน เขาใช้ของเขาใส่เข้ามาทางปากของฉันเขาใช้หน้าอกของฉันหนีบของเขาเอาไว้ ฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังทำอะไร แต่ฉันรู้เพียงอย่างเดียว ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะความสุขกับสิ่งที่เขาทำ
แต่ทั้งๆ ที่คิดว่ามันคือจุดสูงสุดของความสุขแล้ว ตอนที่เขาแทงมันเข้ามาในตัวฉัน สิ่งที่เหมือนกับจะฉีกตัวฉันให้ขาดเป็นเสี่ยงๆ สิ่งนั้นมันทำลายตัวตนของฉันจนหมดสิ้น ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากสัมผัสความสุขที่ล้นทะลักออกมาไม่หยุด หัวของฉันขาวโพล่นไปหมด คิดอะไรไม่ออก ปล่อยให้ร่างกายตอบสนองไปเองพร้อมกับสำลักความสุขที่เหลือล้น
ฉันตื่นนอนขึ้นมาในตอนเที่ยง เป็นครั้งแรกที่ฉันตื่นสายขนาดนี้จนต้องขาดงานช่วงเช้า แต่ว่าไม่ได้ตื่นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเพราะเมาค้างแบบทุกที ตรงกันข้ามฉันรู้สึกว่าสีสันรอบตัวมันสดใสขึ้น ร่างกายก็รู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งที่เป็นเหมือนตะกอนขุ่นๆ ที่ค้างอยู่ในใจเวลาลุกจากที่นอนก็หายไปแล้ว ฉันรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาของตัวเอง
มีแต่ตรงของลับเท่านั้นที่รู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ได้เจ็บแบบทรมานอะไร เป็นความเจ็บที่ทำให้ฉันยังรู้สึกได้ถึงความสุขสมที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ฉันไม่ใช่ฝันไป
รอยเลือดและคราบบนผ้าปูที่นอนเป็นสิ่งยืนยันได้ ฉันทิ้งตัวลงไปใส่จุดที่ยังเปื้อนคราบ และมันยังมีกลิ่นอยู่ กลิ่นของเขายังติดอยู่ตรงนี้ บนผ้าปูที่นอน ฉันสูดดมมันราวกับพวกโรคจิต แต่ฉันไม่สน มากกว่านี้อีก ฉันอยากได้มากกว่านี้ อยากสัมผัสได้ถึงเขามากกว่านี้อีก พอคิดแบบนั้นตรงของลับมันก็เต้นตุบๆ ราวกับจะตอบมาว่า ฉันเองก็ต้องการเหมือนกัน
บางทีถ้าฉันไปที่กิลตอนนี้ อาจจะได้ทันเจอเขาตอนขากลับก็ได้ ฉันอดใจรอที่จะพบเขาไม่ไหว เลยรีบลุกขึ้นไปแต่งตัว แต่ขณะกำลังเช็ดตัวอยู่ ฉันพบว่ามีบางสิ่งมันไม่ถูกต้อง สิ่งที่สัมผัสอยู่มันไม่ใช่ร่างกายของฉัน นี้มันร่างกายของใครกัน? ผิวที่ไร้ตำหนิ ขาวเนียนลื่นมือ ไม่มีรอยแผลเป็น หน้าอกไม่ได้พิกลพิการ
ฉันก้มมองดูด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าสัมผัสที่มือจะหลอกลวงฉัน แต่สิ่งที่เห็นยิ่งกว่าสัมผัสที่มือบอกมาซะอีก ไม่มีอีกแล้ว รอยแผลจากในอดีตที่ทำลายชีวิตของฉัน มันหายไปแล้ว ไม่ได้เลือนหายไป แต่มันราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
เพราะเขา
ฉันมั่นใจได้ในทันที ถึงไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร แต่ต้องเป็นเขาที่ทำให้มันหายไป ความรู้สึกเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจของฉัน มันร้อน ร้อนจนแทบทนไม่ไหว ความรู้สึกรุนแรงที่รู้สึกได้ตอนนี้คืออะไรกัน หัวใจฉันเต้นถี่รัวราวกับเด็กสาวที่พึ่งเคยมีความรัก…ความรัก ใช่แล้ว ฉันตกหลุมรักเขา รัก รัก รัก!
อยากให้เขาประทับใจในตัวฉันมากกว่านี้ อยากให้เขาหลงเสน่ห์ของฉัน ใช่แล้ว วันนี้ฉันลองแต่งหน้าไปดีกว่า อ่ะ แล้วนี้มันอะไรกัน กระจกที่ฉันส่องอยู่ มีใบหน้าของใครสะท้อนอยู่กัน ใบหน้าที่แสนอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาวอายุ 14-15 เอ๋ นี้มันฉันเหรอ ใบหน้าของฉันตอนอายุ 14-15 มันเหลือเชื่อมาก เพียงแค่คืนเดียวเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไง
ฉันรู้แล้ว
เขาต้องเป็นเทพมาจุติแน่ๆ เทพแห่งความสุข เทพที่จะปัดเป่าความทุกข์ของผู้คน ท่านเทพฉันอยากพบท่านอีกเหลือเกิน…ท่านโรมะ
……………………..
อ่านเพลินมาก
ตอบลบ