ตอนที่ 135 ฝึกสุนัข
“แรงงานไม่พอครับ”
พอผมกลับออกมาจากโรงแรม เคาท์โอคูลอน ก็มาพบผมทันที
“หา!? นี้ตรวจสอบแรงงานเสร็จแล้วเหรอครับ”
“ได้ท่านนายกอาเดไลท์กับคนของท่านเจ้าเมืองช่วยน่ะครับ ข้าแทบจะได้แต่นั่งดูเฉยๆ เลย”
“ฮะๆๆ ขอโทษด้วยนะครับ พวกสาวๆ ของผมพอไฟติดแล้วก็เป็นแบบนี้แหละ ส่วนเรื่องแรงงานนี้ขาดส่วนไหนบ้างครับ
“รวมช่างฝีมือเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่พอซ่อมบ้านเรือนเลยครับ เลยไม่มีเหลือไปซ่อมกำแพงเมือง ตอนนี้ลอร์ดเฮนทรัสเลยคุยกันอยู่ว่าจะซ่อมเมืองก่อนดี หรือจะซ่อมกำแพงก่อนดี”
“ไม่ครับ ฝากบอกลอร์ดเฮนทรัสด้วยว่า ให้ซ่อมทั้งสองที่พร้อมกันเลย ส่วนแรงงานผมว่าหาไม่ยากหรอกครับ ลองไปที่สลัมแล้วประกาศรับดูสิครับ”
“เรื่องนั้นผมไม่เห็นด้วยนะครับท่านเจ้าเมือง แรงงานจากสลัมเป็นพวกไร้ความสามารถ เอามาทำงานไม่ได้หรอก”
“อืมไม่ใช่ไร้ความสามารถหรอกครับ แต่ยังไม่มีความสามารถกับงานที่จะให้ทำเท่านั้นเอง แต่งานก่อสร้างเป็นงานใช้แรงงานเป็นหลัก แต่ละคนทำงานแค่ประเภทเดียว ให้คนงานที่เป็นงาน คุมงานและคอยสอนงานกลุ่มแรงงานใหม่ ไม่กี่วันก็ทำกันเป็นหมดแล้วครับ”
“แบบนี้เอง เช่นนั้นผมจะไปทำตามที่ท่านเจ้าเมืองบอกทันที”
“เดี๋ยวก่อนครับ เรื่องค่าจ้าง ช่วยจ่ายให้พวกเขาอย่างยุติธรรมด้วยนะครับ”
“จะดีเหรอครับ”
“ผมอยากจะกระจายเม็ดเงินไปสู่ระบบน่ะครับ ถ้าประชาชนมีเงิน การจับจ่ายซื้อของก็จะเพิ่มมากขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มเดินหน้า ทุกอย่างจะเดินตาม
มันไปเองครับ อีกอย่างผมคิดจะเผาสลัมทิ้งแล้วสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาพอดี”
“เผาสลัมทิ้ง!”
“อ้อ ขอโทษครับ ใช้คำพูดแรงไปหน่อย คือ ผมอยากสร้างบ้านใหม่แทนที่สลัมแบบเดิมครับ ผมเชื่อว่าคนเราเปลี่ยนได้ ถ้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น อีกอย่างสลัมเป็นแหล่งก่ออาชญากรรมรวมถึงเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคด้วย ซํ้ายังเป็นการปรับภูมิทัศน์ในเมืองให้สวยงามและน่ามอง เพื่อเปลี่ยนให้เป็นเมืองท่องเที่ยวในอนาคตด้วยครับ”
“ท่านเจ้าเมือง! นี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ท่านต้องเรียกประชุมใหญ่แล้วล่ะครับ”
“แต่ว่าผมยังเขียนแผนงานไม่เสร็จเลย แถมยังต้องไปตรวจสอบดูอะไรอีกนิดหน่อย ว่าเสร็จเรียบร้อยเมื่อไร ค่อยเอาเข้าที่ประชุมอีกที”
เคาท์โอคูลอนมองผมอย่างตกตะลึง ก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานและเดินโซเซออกไปจากห้องทำงานผม
แต่พอมานั่งๆ คิดดู แรงงานถึงจะเกณฑ์เอาคนในสลัมมาด้วย ก็คงไม่พออยู่ดี
เมื่อคิดแบบนั้น ผมเลยหยุดมือจากงานเอกสาร และลุกขึ้นออกไปจากห้องทำงาน โดยมีฟรานกับเดเม่ตามไปด้วยเพราะพวกเธอเป็นองค์รักษ์ของผม
ฟรานมีทักษะหลายอย่างที่มีประโยชน์ในการใช้งาน ส่วนเดเม่ตอบสนองต่อการลอบโจมตีได้ดี ผมเลยอุ่นใจมากถ้ามีสองคนนี้ไปด้วย
แต่ก่อนออกจากจวนเจ้าเมือง มอเรียก็เข้ามาหาผมก่อน พร้อมกับแจ้งข่าว
“เป็นอย่างที่ท่านโรมะบอกไว้เลยค่ะ พวกมันจะประชุมกันคืนนี้”
“ขอบคุณนะ ว่าแต่ไปสำรวจเส้นทางมายังครับ”
“ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“สมเป็นมอเรียทำงานรวดเร็วจริงๆ”
“แล้วนี้ท่านโรมะจะไปไหนกันเหรอคะ?”
“ผมกำลังจะไปกิลนักผจญภัยน่ะ”
“…ให้คนอื่นไปแทนเถอะค่ะ”
“พอดีมีเรื่องจะคุยกับซารีด้วย เลยต้องไปเอง”
“ขอถามได้ไหมคะ ทำไมถึงยังเก็บผู้หญิงคนนั้นเอาไว้อีก เธอน่าจะเป็นภัยกับท่านโรมะได้นะคะ”
“ก็จริงอย่างที่มอเรียบอก แต่ซารียังมีประโยชน์อยู่ มันเลยคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเก็บเธอเอาไว้”
“แต่ว่า!”
“ไม่ต้องห่วงมอเรีย การที่ผมเก็บซารีไว้ไม่ได้หมายความว่า ผมจะปล่อยให้เธอทำอะไรก็ได้ แต่ผมจะใส่ปลอกคอเธอให้เหมือนกับสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่งเลยล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าท่านโรมะต้องการเช่นนั้น แต่ฉันขอไปด้วยนะคะ”
“ได้สิ แต่แบบนี้ซารีคงปวดใจหน่อยล่ะนะ”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”
พอมาถึงกิลนักผจญภัย บรรยากาศก็ดูแปลกไปในทันที พวกนักผจญภัยส่วนใหญ่ หลีกทางให้ผมกันหมด แต่ไม่ใช่หลีกเพราะกลัว น่าจะรังเกียจมากกว่า แต่พวกพนักงานสาวๆ ก็โบกมือและยิ้มทักทายผมตามปกติ
ผมขึ้นไปบนชั้นสามเพื่อติดต่อตั้งเควส แต่พนักงานทำหน้าอึกอัก แล้วพูดว่า
“ทะ ท่านโรมะไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งเควสค่ะ”
“ซารีสั่งไว้สินะ”
“…”
“งั้นไม่เป็นไร ผมขอเข้าพบซารีหน่อย”
“ต ตอนนี้ไม่ได้ค่ะ หัวหน้าติดคุยธุระกับท่านอื่นอยู่”
“ผมรอไม่ได้ นี้เป็นเรื่องเร่งด่วนของบ้านเมือง”
ว่าแล้วผมก็เดินขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาทันที และไม่เคาะประตูแต่เปิดโครมเข้าไปเลย
ภาพที่เห็นคืนซารีที่กำลังยืนโก่งตูด ให้ชายร่างอ้วนเหมือนหมูตะบันเอวใส่อยู่อย่างบ้าคลั่ง
“ใครให้เข้ามา!”
ซารีหันมาตะโกนว่า แต่ผมไม่สั่งเสียงเดินตรงเข้าไปจับคอของชายคนนั้น และเหวี่ยงออกไปนอกห้องทันที ไม่ใช่แค่รูปร่างเหมือนหมูแต่เสียงร้องยังเหมือนอีกต่างหาก
“แก! รู้ไหมเขาเป็นใคร กว่าฉันจะติดต่อมาได้ แถมนี้เป็นการตกลงความร่วมมือครั้งใหญ่ ที่เกี่ยวกับการคงอยู่กิลนักผจญภัยด้วยนะ!”
ผมไม่สนที่ซารีบอก แต่จับเธอโยนลงไปบนโต๊ะ และกับขาเธอถางออก…อย่างที่คิดไว้จริงๆ
“นี่ ซารี เข้าใจนะว่าเธอใช้ร่างกายในการติดต่อทำธุรกิจ และถึงเจ้าหนูของคู่ขาเธอมันจะเล็กและสั้นอย่างไงก็เถอะ แต่เล่นให้เสียบทั้งๆ ที่ของเธอยังไม่แฉะเนี่ย เดี๋ยวก็ได้แผลหรอก”
“แล้วแกมายุ่งอะไรกับน้องสาวของฉันด้วยล่ะ!”
“หา? คิดว่าใครกันล่ะที่ซ่อมน้องสาวของเธอจนกลับมาสวยได้แบบนี้ แล้วฉันเองก็ยังจะต้องใช้น้องสาวของเธอด้วย”
“ฉันไม่ยอมมีเซ็กส์กับแกอีกแล้ว!”
“เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะตัดสินใจได้อีกแล้ว”
“นี้แกจะข่มขืนฉันเหรอ!”
“ใช่ แต่ก่อนอื่นมาคุยธุรกิจกันก่อนดีกว่า”
ผมบอกพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปในปากของเธอ และปลายนิ้วลากตั้งแต่ตรงกลางมาจนถึงปลายลิ้น ร่างของซารีชักกระตุกขึ้นมาทันที…ไม่ใช่แค่ซารีที่รู้จุดอ่อนของผม แต่ผมก็รู้จุดอ่อนของเธอเหมือนกัน
“ตอนนี้กิลนักผจญภัยประสบปัญหาเงินหมุนเวียน กับเส้นทางปล่อยสินค้าอยู่ใช่ไหมล่ะ”
ผมคุยไปเรื่อย ขณะที่ใช้นิ้วเล่นไปกับลิ้นของซารี ซึ่งเธอก็อ้าปากค้างแลบลิ้นออกมาให้ผมเล่นอย่างไม่อาจจะขัดขืนได้
“แต่ผมช่วยแก้ปัญหานั้นได้ ผมจะตั้งเควส โดยจะรับสมัครแรงงานเพื่อไปซ่อมแซมบ้านเรือนและกำแพงเมือง กับอีกเควสจะรับสมัครกองทหารอาสา ระยะเวลาขั้นตํ่าครึ่งปี ทั้งสองเควสนี้เป็นเควสที่จ่ายด้วยเงินสด เพราะงั้นจะช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนได้”
พอผมพูดจบผมก็หยุดมือที่เล่นลิ้นของซารีอยู่ เพราะผมดูออกว่าเธอใกล้จะเสร็จแล้ว หอยที่จากแห้งๆ ตอนนี้มีนํ้าหวานไหลเยิ้มเต็มหน้าขาแล้ว
“แย่หน่อยนะ แต่กิลนักผจญภัยไม่ได้มีนโยบายให้ความช่วยเหลือเผ่าปีศาจซะด้วย”
“หา? สมงสมองไปหมดแล้วเหรอเธอน่ะ ดูอย่างไงถึงคิดว่างานนี้เป็นการช่วยเผ่าปีศาจ ทั้งการซ่อมแซมเมืองและสร้างกองทหารอาสา ทั้งหมดก็ทำเพื่อเมืองกรอซ่า และคนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชนกับกิลนักผจญภัยนะ เธอน่ะเลิกใช้อคติในการตัดสินใจได้แล้ว”
พอซารีอ้าปากจะเถียงผมก็สอดมือเข้าไปเล่นกับลิ้นเธอใหม่ และคราวนี้ใช้อีกมือล้วงนิ้วเข้าไปในหอยของเธอด้วย
“จะบอกให้นะ ถึงงานนี้เธอไม่ยอม แต่ผมก็สามารถทำมันได้อยู่ดี เพียงแค่ผมใช้กิลของตัวเอง เปิดบริหารงานแบบเดียวกับกิลนักผจญภัย แต่ปล่อยงานให้โดยไม่ต้องเป็นสมาชิก นักผจญภัยที่กำลังขาดเควสอยู่
ในช่วงนี้ มีแต่จะแห่มารับเควสจากผมไป ที่มาเสนอให้ทางกิลนักผจญภัยก่อน ก็เพราะผมไม่อยากให้กิลนักผจญภัยต้องล่มสลายไปต่างหากล่ะ”
ผมหยุดมือตอนซารีใกล้จะเสร็จอีกครั้ง สีหน้าของซารีดูเจ็บปวดมาก ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ผมพึ่งพูดไป แต่เธออยากจะถึงจุดสุดยอดจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว
“…อยากเสร็จใช่ไหม ซารี”
“…”
เธอไม่ตอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธ แต่สายตาที่เธอมองผม เป็นสายตาที่แสดงถึงการวิงวอนขอความเมตตา
“แต่ฉันจะไม่ให้เธอเสร็จหรอกนะ ซารี”
แล้วผมก็หันไปหามอเรียที่แอบอยู่หลังประตู ซึ่งพอผมกวักมือเรียก เธอก็เดินเข้ามา ซารีที่เห็น
มอเรียก็รีบหันหน้าหลบทันที แต่ผมไม่ให้เธอขยับหนีได้เลยใช้มือกอดเอวเธอเอาไว้
ผมกระซิบบอกมอเรียอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งพอได้ยินแผนของผม มอเรียก็ยิ้มออกและหันไปหาซารีที่ตอนนี้ถูกผมอุ้มไปวางไว้บนโต๊ะและจับขาถางออก
“ไม่นะ!”
ซารีบรีบใช้มือปิดน้องสาวเอาไว้ แต่มอเรียคว้าแขนเธอและดึงออก จากนั้นก็ซุกหน้าลงไปและเริ่มลงลิ้นเลียน้องสาวของซารีอย่างถึงพริกถึงขิง มาตอนนี้ซารีกั้นเสียงไม่ไหว เลยร้องควรญครางออกมาแบบไม่อายใคร
“ช้าหน่อยมอเรีย”
ผมต้องคอยบอกมอเรีย เพราะแค่เธอแย้งลิ้นลงไป ซารีก็แทบจะเสร็จอยู่แล้ว
“เป็นไง เหมือนฝันเป็นจริงเลยใช่ไหม”
ผมกระซิบข้างหูซารี พลางลากนิ้วไปบนลิ้นของเธอที่แล่บออกมาจนสุด แค่ไม่กี่วินาทีซารีก็ทำท่าเหมือนจะเสร็จแล้ว ผมเลยต้องสะกิดให้มอเรียหยุดไว้แค่นั้น
“ด เดี๋ยว!”
“เดี๋ยวอะไรเหรอคุณซารี”
“ได้โปรดเถอะ! ทำให้ฉันเสร็จที!”
ความอดทนของเธอน้อยกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก แต่เท่านี้ไม่เพียงพอจะฝึกเธอให้กลายเป็นสุนัขเชื่องได้หรอก
“ตะกี้ว่าถึงไหนแล้วนะ อ้อ ใช่ๆ เรื่องการระบายสินค้าก็เหมือนกัน”
ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่ซารีร้องขอ และกลับมานั่งที่เก้าอี้และคุยเรื่อธุรกิจต่อ
“ทางผมจะรับซื้อไอเท็มทุกอย่างจากทางกิลเอง แถมจะให้ราคาสูงเต็มเพดานด้วย แต่นี้เป็นแค่มาตรฐานรองรับนะ เพราะผมกำลังดำเนินการจัดการทำให้กิลอื่นๆ กลับมาซื้อขายทำธุรกิจกับกิลนักผจญภัยได้ตามปกติอยู่ ว่าไง จะรับข้อเสนอของผมไว้ไหม”
“…”
“แน่นอนว่างานนี้ไม่ได้ช่วยกันฟรีๆ แต่ผมคิดไม่แพงหรอก แค่เธอมาเป็นของเล่นของผม แทนจะไปโก่งก้นให้พวกหมูสกปรกพวกนั้นก็พอแล้ว”
“แก!”
ยังไม่ทันจะได้ด่าผม มอเรียก็ตรงเข้าไปจูบแลกลิ้นกับซารี เพียงแค่นั้นขาของซารีก็เกร็งจนชี้ขึ้นฟ้าทันที
แต่แน่นอนผมไม่ให้ซารีถึงจุดสุดยอดได้โดยเด็ดขาด
“ไม่นะ!!!”
พอมอเรียผละออกมา ซารีก็ร้องปานจะขาดใจตาย
“จำเอาไว้ คนที่จะทำให้เธอเสร็จได้มีแค่ผมคนนี้คนเดียว ถ้าอยากให้มอเรียทำให้ ก็ต้องขอผมเท่านั้น”
จากนั้นผมก็ดึงมอเรียเข้ามากอด และเริ่มบรรเลงเพลงรักให้ซารีดู ยิ่งตอนที่ผมสอดใส่เข้าไปในตัวมอเรีย ซารีก็ยื่นมือออกมาราวกับจะขอมีส่วนร่วมด้วย แต่กลับถูกมอเรียปัดมือนั้นทิ้งไปอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนจะเป็นฝ่ายขย่มผมอย่างเมามันส์ นํ้ารักที่เป็นกลุ่มฟองกระเด็นใส่เต็มหน้าของซารี จนเธอต้องตกเบ็ดไปด้วย แต่นั้นไม่ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดได้หรอก เพราะซารีไม่มีจุดจี นั่งเขี่ยมันทั้งวันก็ไม่มีทางเสร็จ
พอมอเรียจะเสร็จผมก็จับเธอหมุนตัวออกไป และจับขาถางออก ให้ซารีเห็นเต็มๆ ตาตอนที่มอเรียถึงจุดสุดยอด นํ้ารักของมอเรียฉีดใส่เต็มหน้าของซารี จนเธอทำสีหน้าสุดฟินออกมา
“เริ่มทำหน้าเหมือนสุนัขแล้วนี้ ซารี”
หลังจากนั้นผมก็ไปเล่นตามจุดที่ไวต่อสัมผัสของซารี แต่ไม่ว่าอย่างไงผมก็ไม่ให้เธอได้เสร็จ ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ซารีก็ร้องออกมาเหมือนคนเสียสติ
“ท ท่านโรมะได้โปรดทำให้ฉันเสร็จด้วยเถอะค่ะ จะอะไรฉันก็ยอมหมดแล้ว!”
ความต้องการเป็นฝ่ายชนะอคติ
“ดีมาก”
“ใช้ฉันเป็นของเล่นของท่านโรมะเลยค่ะ!”
ซารีนอนลงบนโต๊ะและใช้นิ้วถางน้องสาวออก สีหน้าเธอบิดเบี้ยวราวกับคนเสียสติ
ผมเลยหันไปมองมอเรีย ซึ่งก็รู้งานตรงเข้าไปจูบกับซารีอีกที ขณะที่ผมแทงดุ้นเข้าไปในหอยที่ชุ่มนํ้าของซารี เพียงแค่ใส่เข้าไปซารีก็เสร็จทันที แถมเสร็จแรง
มากจนนํ้าเธอทะลักจนแทบจะดันดุ้นผมออกมา แต่ผมยังไม่หยุด ยังสอยเอวถี่ๆ ขณะที่ข้างในตอดรัดผมแน่นไปหมด
ขณะที่ซารีเสร็จค้างสติเธอก็โบยบินไปแล้ว แต่ผมยังทำต่อจนพ่นนํ้าเชื้ออัดใส่มดลูกเธอจนล้น นี้ก็เป็นอีกหนึ่งปลอกคอที่ผมจะใส่ให้กับซารี ปลอกคอสามเส้นที่จะใช้ควบคุมเธอ
ปลอกคอเส้นแรก ผมจะทำลายจิตใจเธอด้วยการทรมาน กับมอบความสุขไปพร้อมกันด้วยเซ็กส์ นั้นจะทำให้เธอเชื่อฟังผม
ปลอกคอเส้นที่สอง ผมจะทำให้เธอท้องและมีลูกกับผม ลูกของผมจะกลายเป็นข้อผูกมัดที่มีตัวตน จนเธอไม่อาจจะหนีไปจากผมได้
และปลอกคอเส้นสุดท้าย สิ่งที่จะทำให้เธอไม่มีทางทรยศ หรือหันคมดาบใส่ผมได้อีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งอีกไม่นานซารีจะต้องยอมใส่ปลอกคอเส้นนี้ ไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
ก่อนจะกลับออกมา ผมได้วางขวดที่ใส่เจลหล่อลื่นเอาไว้ข้างตัวเธอ สิ่งนี้ทำมาจากชิ้นส่วนของสไลม์ และเป็นสินค้าตัวหนึ่งที่เผ่าปีศาจผลิตขึ้นมา
“คราวหน้าคราวหลัง ถ้าจะแหกหอยให้ใครอีก ก็ใช้เจลนี้ทาซะก่อนล่ะ”
แต่ไม่รู้ที่พูดไปจะเข้าหูซารีหรือเปล่า ผมเลยเขียนโน้ตทิ้งไว้ด้วย และก็กลับลงไปที่ชั้นสามเพื่อตั้งเควสกับพนักงานใหม่ ซึ่งผมบอกไปว่าถ้ามีปัญหาก็ให้ขึ้นถามซารีเอง ซึ่งพอพนักงานขึ้นไปเห็นสภาพของซารีแล้ว
ก็เดินกลับลงมาด้วยใบหน้าซีดเผือก ก่อนจะยอมรับการตั้งเควสของผม
พอเสร็จเรื่องแล้ว พวกผมก็เตรียมจะกลับ แต่มอเรียสะกิดผมขึ้นมา
“ท่านโรมะค่ะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มอเรียกลับอมยิ้มขึ้นมา ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้อยู่
“งั้นก็ต้องจูบล้างปากสินะ”
แล้วผมก็อุ้มมอเรียขึ้นมา และจูบอย่างดูดดื่มอยู่หลายนาที จนพวกฟรานต้องสะกิด เพราะถ้าพวกเธอเห็นไปมากกว่านี้ คงทนไม่ไหวและกระโดดขยํ้าผมต่อหน้าคนอื่นแน่
พอกลางคืน ผมก็ออกมาจากจวนเจ้าเมือง แต่ไม่ได้ตรงกลับปราสาทจอมมารแบบทุกที ช่วงนี้พวกผมจะพักที่ปราสาทจอมมารจนกว่าคฤหาสน์จะสร้างเสร็จ จริงๆ อยากไปพักที่โรงแรมมากกว่า แต่ห้องเต็มตลอดเลยเนี่ยสิ เดี๋ยวคงต้องสร้างห้องไว้สำหรับตัวเองและพวกสาวๆ แล้ว
ที่เดินไปกับผมตอนนี้ก็มี ฟราน เดเม่ เรโมริก้า มิริน มอเรีย เพียงเท่านี้ ส่วนที่เหลือผมให้กลับไปพักที่ปราสาทจอมมารก่อน พวกผมใส่ผ้าคลุมสีดำเพื่อปกปิดตัวเอง ขณะเดินฝ่าเข้าไปในความมืดเงียบๆ
……………
ณ.ห้องประชุมลับใต้ดิน
“แมร่งเอย!”
เสียงสบถด่าพร้อมกับทุบโต๊ะดังปัง แสดงถึงความไม่พอใจสุดขีดของหัวหน้ากิลท่านหนึ่ง
“ตอนนี้แมร่งนอกจากได้เป็นเจ้าเมืองแล้ว ยังถือครองวัตถุดิบทั้งหมดเอาไว้อีก นี้พวกเราจะทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอวะ!”
“ไม่ไหวหรอก มันมีเผ่ามังกรหนุนหลังอยู่ ทำให้มีเงินทุนไม่จำกัด ต่อให้พวกเรารวมเงินจากทุกสาขามาไว้ ก็ใช้สู้มันไม่ไหว”
“ทั้งหมดเป็นเพราะเธอนั้นแหละซารี!”
หัวหน้ากิลคนหนึ่งพุ่งเป้าไปที่ซารี ซึ่งนั่งก้มหน้าด้วยความอดทน เพราะเธอเองก็ควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องคับแค้นมากกว่าอีก กับสิ่งที่พวกเขากระทำกับเธอ
“ถ้าตอนแรกไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้ ก็จบเรื่องแล้วแท้ๆ”
“เธอปล่อยโอกาสดีสุดหลุดมือไป!”
ซารีอยากจะลุกขึ้นด่าจริงๆ ว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ตอนนั้นโรมะหนีไปได้ ขืนเขาตายไปป่านี้เมืองกรอซ่ารวมถึงทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ คงได้จมอยู่ใต้มหาสมุทรด้วยนํ้ามือของเจ้าหญิงโชแล้ว
“โทษกันไปโทษกันมาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก จากนี้ไปพวกเราจะทำอย่างไงกันต่อดี เพราะไอ้คุณเจ้าเมืองมันเล่นลดสิทธิ์ทางการค้าของพวกกิลต่างๆ ลงเพียบเลย”
“ก็ไม่เห็นต้องง้อมัน พวกเราก็แค่ถอนตัวออกมา ทิ้งเมืองนี้ไว้ให้เป็นภาระของมันซะ ถ้าไม่มีกิลคอยบริหารเมืองก็อยู่ไม่รอดหรอก”
“จะใช่เหรอ ทั้งขุนนาง ข้าราชการ รวมถึงประชาชนตอนนี้อยู่ข้างมันหมดแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร พวกเราก็ยกเลิกการค้าขายกับเมืองกรอซ่าไปเลย ต่อให้มีเงินเยอะแค่ไหน มันก็ประคองรักษาเมืองไว้ได้ไม่นานหรอก”
“แต่พวกเราเองก็ต้องสูญเสียรายได้ไปเยอะเหมือนกันนะ อย่าลืมว่าดันเจี้ยนจำนวนมากที่อยู่รอบๆ กรอซ่าเป็นแหล่งรายได้หลักของพวกเราเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราย้ายไปดันเจี้ยนอื่นเอาก็ได้ ถึงจะได้รายได้น้อยลง แต่ถ้าตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกไป คงพออยู่กันได้ ไว้ไอ้โรมะมันทำให้เมืองนี้ล่มจมจนตัวเองอยู่ไม่ได้ พวกเราค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย”
“ใช่ ไม่เกินหนึ่งปีหรอก แล้วมันจะสำนึกว่ากิลของพวกเรามีความสำคัญแค่ไหน”
ซารีฟังที่ทุกคนพูดแล้วก็แทบอยากจะลุกขึ้นไปอัดปากเรียงตัว กิลอื่นก็พูดง่ายนี้ แต่สำหรับกิลนักผจญภัยไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้ เพราะเมืองกรอซ่าคือทำเลที่ดีที่สุด ทั้งจำนวนดันเจี้ยนรวมถึงความยากง่ายของดันเจี้ยน มันเหมาะสมและลองรับจำนวนมากได้ แถมที่กรอซ่าคือสาขาหลักของกิล ขืนย้ายหนีไป จะเอาหน้าไปไว้ไหน นักผจญภัยจะเชื่อถือกิลที่สาขาหลักย้ายหนีปัญหาได้เหรอ มีปัจจัยเป็นร้อยๆ อย่างที่ทำให้ซารีไม่สามารถทิ้งกิลสาขาหลักไปได้
ที่สำคัญทุกคนประเมินโรมะตํ่าเกินไป ซารีรู้ในข้อนั้นเป็นอย่างดี โรมะไม่ใช่แค่มีคนหนุนหลังที่ดี แต่ตัวเขาเองก็มีความสามารถที่น่ากลัว แค่เห็นการสร้าง
โรงแรมยูโทเปียขึ้นมา ทุกคนก็น่าจะเข้าใจศักยภาพของโรมะได้แล้ว เพราะแค่เขาวางแนวทางให้และช่วยบริหารเพียงไม่กี่วัน โรงแรมก็สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้อย่างมั่นคงแล้ว
โรมะไม่ใช่คนที่จะทำอะไรฉาบฉวย แต่เขาจะวางรากฐานไว้อย่างมั่นคง และวางเป้าหมายไว้ที่อนาคต มีการคิดแผนและดำเนินการจัดการอย่างรัดกุม ที่เธอหลอกล่อโรมะได้สำเร็จ ไม่ใช่เพราะเขาทำพลาดอะไรหรอก เพียงแต่เธอใช้ช่องว่างในความเป็นคนจริงใจของโรมะเล่นงานเขา ซึ่งนอกเหนือจากวิธีนี้แล้ว เธอไม่เห็นช่องที่จะใช้เล่นงานโรมะได้อีกเลย
เพราะงั้นสิ่งที่พวกหัวหน้ากิลคิดอยู่ในตอนนี้ล้วนผิดถนัด อย่าว่าแต่เมืองเลย ต่อให้เป็นประเทศทั้งประเทศ โรมะก็สามารถปกครองได้ และไม่ใช่
แค่ทำให้อยู่รอดไปวันๆ แต่เขาจะเนรมิตให้สิ่งที่อยู่ในมือเขา กลายเป็นแดนสวรรค์เช่นเดียวกับที่โรงแรมยูโทเปียเป็น
เจ้าเมืองแบบที่ทุกคนรู้จัก จะบริหารงานไม่เป็น มีปัญหามาหนึ่งอย่างก็แก้ไปหนึ่งอย่าง ที่เหลือก็เอาแต่นอนกินภาษีไปวันๆ และจัดงานเลี้ยงสังสรรค์หรูหราทุกวัน แต่ตั้งแต่โรมะเป็นเจ้าเมืองมา เคยมีงานเลี้ยงอะไรให้เห็นไหม ก็ไม่มี แค่วันแรกก็เรียกประชุมขุนนางแล้ว แถมยังจิกหัวใช้ทำงานแบบไม่เกรงใจใครเลย ใครไม่ทำงานเขาก็จะตัดออกนอกสาระบบไป เขาทำงานตั้งแต่เช้าจรดมืด มีคนวิ่งเข้าออกจวนเจ้าเมืองทั้งวันจนบันไดแทบพัง เห็นแค่นี้ยังไม่รู้กันอีกเหรอว่าโรมะเป็นนักบริหารมืออาชีพ และเป็นคนทำงานจริงๆ ไม่ใช่เก่งแค่ชี้นิ้วสั่ง
ครึ่งปี…นั้นคือเวลาที่ซารีคิดไว้ ภายในครึ่งปีโรมะจะพัฒนาเมืองกรอซ่าไปถึงจุดที่รุ่งเรืองสุดขีด ชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต้องอะไร แค่วันนี้วันเดียว เขาก็มากำราบเธอซะอยู่หมัด ซํ้ายังมัดมือชกให้ทำงานให้อีก เธอรู้ตัวเลยว่ากำลังถูกผู้ชายคนนี้ชักใยอยู่ แต่รู้ทั้งรู้ก็ปฏิเสธไม่ได้ พออคติของเธอถูกทำลายไป ด้วยการทรมานที่สุดแสนโรคจิตของเขา ก็ทำให้เธอเห็นผลประโยชน์มากมายที่เขาเอามากองไว้ให้ตรงหน้า มันเย้ายวนจนเธอไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากหมอบคลานไปกับพื้นเพื่อรับมันเอาไว้ และทำเป็นหูตาบอดไปกับบางเรื่อง
ตอนนี้ซารีไม่แคร์เลยว่าพวกกิลต่างๆ จะตัดสินใจทำอะไรกัน เพราะตราบใดที่เธอยังอ้าปากรับอาหารที่โรมะป้อนให้ กิลนักผจญภัยก็สามารถอยู่ต่อไป
ได้ แม้จะไม่มีกิลใดให้การสนับสนุนเลย แต่ว่าเธอก็ยังคงรู้สึกต่อต้านในเรื่องนี้ และถ้ามีหนทางไหนที่ดีกว่า เธอจะรีบคว้ามันเอาไว้ทันที แต่ไม่ว่าจะคิดหรือมองไปทางไหน ซารีก็ไม่เห็นวิธีที่จะดีไปกว่าสิ่งที่โรมะให้กับเธอเลย
ที่ซารียอมมาเข้าประชุมสภาใต้ดิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสี่ยง ก็เพราะกำลังมองหาตัวเลือกอื่นอยู่นั้นเอง แต่ดูท่าความตั้งใจของเธอจะเสียเปล่าแล้ว เพราะพวกหัวหน้ากิลอื่นๆ ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไรอยู่ ขืนทำอย่างที่ว่า และทิ้งเมืองนี้ไป โรมะจะยิ่งทำงานได้ง่ายขึ้น ส่วนพวกเขาก็ถูกลิดรอนอิทธิพลไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะเป็นเพียงกิลเล็กๆ ไร้กำลัง รอวันโดนโรมะเขี่ยทิ้งให้กลายเป็นปุ๋ยอยู่ข้างทาง แต่เธอจะพูดอย่างไงดีให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้…เป็นไปไม่ได้ คนพวกนี้โง่เกินกว่าจะทำความเข้าใจสิ่งที่เหนือกว่าตัวเองได้
ตอนที่ซารีถอนหายใจอย่างท้อแท้ออกมานั้นเอง หัวหน้ากิลคนหนึ่งก็กระอักเลือดออกมา ก่อนจะลงไปชักกระตุกคาโต๊ะ คนอื่นๆ เองก็เริ่มมีอาการออกมาเหมือนกัน ทั้งกระอักเลือดและชัก ก่อนจะขยับร่างกายไม่ได้ ซารีรีบตรวจดูคนที่นั่งข้างๆ เธอ ซึ่งพบว่าเขายังไม่ตาย ประสาทสัมผัสยังทำงานอย่างครบถ้วน เพียงแต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายให้ขยับได้
ซารีรีบอุดจมูกทันที เพราะรู้ว่านี้คือการวางยา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงมีแต่เธอที่ไม่เป็นอะไรเลย
“ไม่ต้องปิดจมูกหรอกซารี เธอจะไม่เป็นอะไร”
เสียงหนึ่งพูดขึ้นมา และเธอก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร
“โรมะ!”
ถึงจะเรียกแบบหวนๆ ออกไป แต่ซารีไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมแค่ได้ยินเสียงเขาและได้เห็นแววตาคู่นั้น ตัวของเธอร้อนรุ่มขึ้นมา กางเกงในของเธอเปียกแฉะไปด้วยนํ้าหวานที่ไหลออกมาราวกับปัสสาวะราด
“ผมเองล่ะ ดีจังทุกคนอยู่กันครบเลย งั้นเรามาเปิดศาลกันเลยดีกว่า”
……………….
ผมเดินมายังทางลับใต้ดิน ที่นี้กว้างใหญ่พอสมควร มีทางเข้าออกไปทั่วทุกจุดของเมือง ต่อไปผมจะเปลี่ยนที่นี้เป็นท่อระบายนํ้าหลักของเมืองดีกว่า
ระหว่างคิดใช้ประโยชน์จากทางลับ สมาชิกคนหนึ่งของสภาใต้ดิน ซึ่งตอนนี้โดนเรโมริก้าสะกดจิตให้
เป็นทาสอยู่ ก็เดินนำพวกผมมาถึงสถานที่จัดประชุม ซึ่งเป็นตอนที่ยาพิษออกฤทธิ์พอดีเลย ส่วนเรื่องการวางยาพิษ ผมก็ให้พวกที่โดนโดนสะกดจิตเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังดูเป็นปกติดีอยู่ นั้นก็คือซารี เหตุที่เธอไม่โดนพิษ เพราะผมให้ยาแก้พิษกับเธอไปตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว ขณะที่กำลังเล่นกับลิ้นของเธอ ผมก็ใช้นิ้วที่เคลือบไว้ด้วยยาแก้พิษ แตะลงไปด้วย ซึ่งมีผลอยู่ราวสิบสองชั่วโมง
ผมเดินเข้าไปหาซารี และผลักเธอออกไป ก่อนจะนั่งแทนที่ของเธอพร้อมกับยกขาขึ้นพาดไว้บนโต๊ะ มองดูเจ้าพวกสารเลวที่คิดจะเล่นงานผมด้วยความเพลิดเพลิน
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไม่ใช่พิษที่ทำให้ถึงตายหรอก ทุกอย่างยังปกติดี เพียงแค่ขยับตัวไม่ได้เท่านั้นเอง”
“นี้แก! รวมหัวกันเล่นงานพวกข้าเหรอ!”
หัวหน้ากิลคนหนึ่งเหลือบตาไปทางซารีด้วยแววตาอาฆาต
“ม ไม่”
ซารีพยายามจะแก้ตัว แต่การที่เธอไม่ได้ติดพิษก็เป็นหลักฐานมัดตัวไปแล้ว เธอหันมามองผมด้วยสีหน้าแววตาที่ตกใจสุดขีด เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าโดนผมแทงข้างหลังเข้าให้แล้ว นี้คือปลอกคอเส้นที่สามที่ผมเตรียมไว้ให้เธอ ในเมื่อเธออยากเป็นจูดาส ผมก็จะให้เธอเป็น ตอนนี้เธอคือจอมทรยศในสายตาทุกคนไปแล้ว
“ไม่ต้องกลัวซารี ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดี รวมถึงกิลนักผจญภัยด้วย”
ตอนแรกซารีทำท่าโมโห เหมือนอยากจะโจมตีใส่ผม แต่แล้วเธอก็ทำท่าหมดแรง และยอมจำนนโดยไร้ซึ่งคำพูด
“ถ้ารู้ตัวแล้วก็ดี งั้นมาทำงานของเธอซะ”
ผมชี้ไปที่พื้นตรงเท้าผม ซารีเลยเดินมาคุกเข่าลงแบบไร้เรี่ยวแรง ผมรูดกางเกงลงงัดเอาดุ้นออกมา และจับหัวเธอให้อมมันเข้าไป ซารีไม่เคยทำ Blow job มาก่อน ผมเลยต้องจับหัวเธอให้ขยับเอง
แต่พอโดนดุ้นผมเสียบเข้าปากไปเท่านั้นแหละ ซารีก็สะท้านไปทั้งตัว เพราะจุดไวต่อสัมผัสของเธอคือลิ้น เมื่อจุดนั้นได้มาสัมผัสโดยตรงกับดุ้น เธอถึงกับออกอาการเมาดุ้นขึ้นมาทันที และเพียงไม่นานเธอ
ก็ทำเป็นและผมก็ไม่ต้องใช้มือช่วย ปล่อยให้เธอทำของเธอไป ส่วนผมก็จะได้มาจัดการสะสางบัญชีหนี้ค้างให้มันจบๆ ไป
“แกจะเอาอย่างไงกับพวกข้าว่ะ!”
“ผมกำลังเปิดศาลอยู่ ถึงจะเป็นแค่ศาลเตี้ยก็เถอะ ถ้าผมไม่อนุญาตให้พูด ก็หุบปากไว้ซะ”
ผมบอกพลางหยิบบัญชีหนังหมา(บัญชีดำที่จดชื่อคนที่หมายหัวเอาไว้)ออกมากางออก
“อย่าคิดว่าพวกข้าจะกลัวแกน่ะโว้ย!”
พอหัวหน้ากิลคนหนึ่งซึ่งเป็นเผ่าดวาฟพูดออกมา ฟรานก็เดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับคีมหนีบในมือ ก่อนจะจัดการถอนฟันให้ฟรีไม่คิดเงิน เสียงร้องของดวาฟ
ที่ว่ากันว่าอึดถึกและทนที่สุด น่าจะดังขึ้นไปถึงเมืองด้านบนเลยทีเดียว
หลังจากฟรานถอนฟันให้เสร็จ เดเม่ก็เดินมาพร้อมกับเข็มและด้าย และทำการเย็บปากของดวาฟคนนั้นไว้อย่างแน่นหนา
“ถ้ามีใครอยากถอนฟันอีก ก็เชิญพูดออกมาได้เลยนะ”
“…”
ภายในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงแค่เสียงสะอื้นไห้ออกมา
“ทั้งนี้ผมจะไม่นับเรื่องที่พวกคุณสุ่มหัววางแผนเรื่องร้ายๆ กันตอนนี้หรอกนะ เพราะไม่มีโอกาสที่
พวกคุณจะได้ทำตามแผนแล้วล่ะ งั้นมาเริ่มจากจำเลยคนแรก หัวหน้ากิลการโรงแรม โจฮา”
ผมมองไปทางชายหน้าแหลม ที่พอถูกเรียกชื่อ ก็ถึงกับปัสสาวะราดออกมา
“ด้วยคดี…ช่างหัวแมร่ง ก็รู้ๆ กันอยู่แล้วล่ะเนอะว่าใครทำอะไรบ้าง อย่าเสียเวลาเลย มาลงโทษกันดีกว่า”
ผมยิ้มบอก พร้อมกับที่ฟรานหยิบถังนํ้ามันออกมาจากในกระเป๋า และราดลงบนตัวของโจฮา แต่ก่อนที่จะจุดไฟ เดเม่ก็จับยัดยาฟื้นฟูระดับสูงให้ดื่มไปก่อน
“ผมผิดไปแล้ว! จะไม่ทำอีกเด็ดขาด ปล่อยผมไปเถอะ! พระเจ้า! ไม่นะ!”
“ศาลไม่รับฟังคำแก้ตัว”
ผมบอกพร้อมกับที่มิรินใช้เวทมนต์สร้างลูกไฟเล็กๆ เท่ากับหัวไม้ขีด ก่อนจะโยนใส่โจฮา ร่างของเขาลุกไหม้ด้วยเปลวไฟทันที แต่เขายังไม่ตาย มีเพียงแต่เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน พร้อมกับกลิ่นเนื้อมนุษย์ย่างลอยตลบอบอวนไปทั่วห้องประชุม เล่นเอาหัวหน้ากิลคนอื่นๆ พากันอาเจียนออกมา
กว่าโจฮาจะตายเพราะถูกเผาทั้งเป็น ก็กินเวลาไปหลายสิบนาที เพราะตราบใดยาฟื้นฟูยังไม่หมดฤทธิ์ Hp ของโจฮาก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับที่ลดลงไปเพราะถูกไฟครอก ระหว่างรอให้เสียงร้องของโจฮาเงียบ ผมก็รู้สึกว่าปากของซารีที่ดูดดุ้นผมอยู่สั่นกระตุกแถมยังกัดลงมาเบาๆ ด้วย ผมจึงก้มหน้าลงไปต่อว่าเธอ
“เป็นผู้หญิงที่ลามกจริงๆ เลยนะซารี แค่ดูดดุ้นผมก็ถึงกับเสร็จเองเลยเหรอ”
ซารีตอบผมด้วยการตวัดลิ้นไปรอบๆ ดุ้นผม ดูเหมือนเธอจะติดใจจนหยุดตัวเองไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็ปล่อยให้เธอทำต่อไป และหันกลับขึ้นมาตัดสินคดีต่อ เพราะเสียงร้องของโจฮามีแต่เสียง ฟรี้ เบาๆ ออกมา เพราะหลอดลมคงถูกเผาจนเกรียมหมดแล้วล่ะมั่ง
“จำเลยคนที่สอง หัวหน้ากิลช่างตีเหล็ก โบรัม”
ผมหันไปยิ้มให้ทางดวาฟที่ถูกถอนฟันไปในตอนแรก ถึงจะพูดไม่ได้เพราะโดนเย็บปากอยู่ แต่สีหน้านี้แววตานี้แสดงความตื่นกลัวแบบสุดขีด
แต่เพราะปากถูกเย็บอยู่ ผมเลยต้องใช้วิธีฉีดยาให้แทน แน่นอนว่าเป็นยาฟื้นฟูระดับสูง จากนั้นฟรานกับเดเม่ก็ถือค้อนตีเหล็กขึ้นมา
“เมื่อก่อนนอกจากจะกีดกันไม่ยอมให้ยูรินขึ้นเป็นนายช่างใหญ่แล้ว ตอนนี้ยังมากล่าวหาพวกผมแบบไม่มีมูลความจริงอีก เพียงเพราะแค่อิจฉาที่ทางผมสามารถทำอาวุธที่ดีกว่าออกมาได้ เพราะงั้นนี้คือโทษที่แกจะได้รับ”
พอผมพูดจบ ฟรานกับเดเม่ก็สลับกันหวดค้อนลงบนตัวของโบรัม เสียงทุบเนื้อและเสียงกระดูกหักดังประสานเสียงกันอย่างลงตัว บางครั้งก็มีลูกกระตาหลุดกระเด็นออกมาบ้าง กระดูกทิ่มเนื้อออกมาบ้าง ตับไตไส้พุ่งทะลักออกมาทางปากหรือก้นบ้าง แต่ตราบใด Hp ยังไม่หมดก็ยังจะไม่ตาย
การลงทัณฑ์ของผมโหดเหี้ยมราวกับการลงทัณฑ์จากนรก จนเริ่มมีคนสติแตกหัวเราะออกมาทั้งนํ้าตา
และพอผมจะเรียกชื่อจำเลยคนต่อไป หัวหน้ากิลที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็รีบตะโกนออกมา
“ท ท่านโรมะ! ดิฉันยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว ได้โปรดใช้ฉันเป็นนางบำเรอของท่านด้วยเถอะค่ะ ทั้งรูปร่างหน้าตาและลีลาบนเตียงฉันเก่งกว่ายัยซารีอีกนะคะ”
“หา!?”
ผมตะวัดเสียงแบบไม่พอใจทันที พร้อมกับดึงแขนของซารีให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ผมถอดกางเกงเธอออก ซึ่งตอนนี้มันเปียกโชกเลย จากนั้นหันหน้าเธอออก
และช้อนแขนยกเธอขึ้น ในสภาพถางขาออกโชว์น้องสาวให้ทุกคนดูอย่างเต็มตา
“อย่าเอาหอยโสโครกของเธอ มาเทียบกับหอยเรียบเนียน และนูนเหมือนหอยเด็กสาวอย่างนี้เชี่ยวนะเฟ้ย!”
ผมตะโกนว่าพร้อมกับเสียบดุ้นเข้าไปในหอยของซารีทีเดียวมิดด้าม ซารีเลยกรีดร้องแบบสะใจออกมา
“ข้างในก็ตอดดีจริงๆ ที่สำคัญหน้าตาร่านๆ แบบนี้มันโคตรเร้าอารมณ์เลย”
ผมที่โดดดูดมาจนเกือบจะเสร็จก่อนหน้าแล้ว เลยสอยใส่จนนํ้าแตกยัดจนเต็มมดลูกของซารี
“เฮ้ อย่าพึ่งหลับ”
ผมตบแก้มซารีเบาๆ ก่อนจะกลับมานั่งลงและให้เธอดูดดุ้นผมต่อ
“อย่างที่ว่าไป ฉันไม่สนใจข้อเสนอของเธอ อยู่เฉยๆ รอรับการลงโทษซะ ไม่งั้นเธอจะได้รับบทลงโทษที่ทรมานกว่าที่ควรเป็นซะอีก”
สิ้นหวัง หวาดกลัว เสียใจ นั้นคือสิ่งที่แสดงออกมาทางแววตาของทุกคนในห้องเวลานี้ ไร้ซึ่งการเมตตาและโอกาสในการดิ้นรน ขุนนรกแห่งการลงทัณฑ์ของผมยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืน
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโดนโทษจากผม สำหรับพวกหัวหน้ากิลที่แค่มีส่วนรู้เห็นและออกเสียง แต่ไม่ได้มีความบาดหมางอะไรลึกซึ้งกับผม จะปล่อยตัวไปโดยไม่ลงโทษอะไร เพียงแต่ผมได้เอาครอบครัวลูกเมียของพวกมันมา และเก็บไว้เป็นตัวประกันที่ปราสาทจอมมาร โดย
ที่ผมจะให้พวกมันนั่งในตำแหน่งเดิม และทำงานไปแบบเดิม เพียงแต่ห้ามออกจากเมือง ห้ามกระด้างกระเดื่องหรือทรยศผม และต้องทำงานให้กับผม ถ้าผิดจากนี้แม้แต่เพียงนิดเดียว โทษทัณฑ์นั้นจะตกไปสู่ครอบครัวและลูกเมียของพวกมัน
ทว่าผมก็รับปากว่าจะไม่แตะต้องตัวประกันแม้แต่ปลายเล็บ และจะดูแลเลี้ยงดูให้การศึกษาเป็นอย่างดี แถมพอครบสิบปี ผมก็จะปล่อยทุกคนเป็นอิสระ
หัวหน้ากิลที่รอด ต่างกลัวผมจนแค่ได้ยินชื่อก็ถึงกับขี้ราดกันแล้ว อย่าว่าแต่เรื่องคิดทรยศเลย แค่แอบด่าผมในใจยังไม่กล้าเลย เพราะภาพนรกแตกในคืนนี้จะติดตาฝั่งใจพวกเขาไปชั่วชีวิต พวกมันไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ขนาดที่ยอมฆ่าตัวตายดีกว่าจะโดนการลงทัณฑ์จากผม นอกจากนี้ผมยังกุมชีวิตครอบครัวของพวกมันไว้
อีก พร้อมกับยังให้ความหวังไว้ ด้วยระยะเวลา 10 ปี ตอนนี้พวกหัวหน้ากิลเลยเป็นเหมือนผึ้งงานให้กับผม ที่ทั้งซื่อสัตย์และขยันยิ่งกว่าทาสซะอีก
ส่วนเจ้าพวกที่โดนผมลงทัณฑ์จนเสียชีวิตไป ผมก็หาคนที่ไว้เสียบแทนที่ไว้แล้ว แถมทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่โดนเรโมริก้าสะกดจิตไว้เป็นทาส เลยไม่ต้องห่วงเรื่องการโดนทรยศหรือขัดคำสั่งเลย ซํ้าถ้ามีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็จะรีบมารายงานให้ฟังทันที
ด้านซารีตอนนี้ถูกผมส่วมปลอกคอ และโดนต้อนเข้ามุมไปแล้ว ที่เหลือก็ค่อยๆ ฝึกจนเธอเชื่อง แต่อย่างไงซะผมก็ยังไม่ไว้ใจเธอ เรื่องที่ผมปล่อยให้หัวหน้ากิลบางคนรอด ก็เพื่อเป็นชนักติดหลังซารีเอาไว้ วันใดที่เธอคิดกำแหงขึ้นมาอีก ผมจะใช้ชนักอันนี้ฝั่งเธอให้จมดินไปเลย
เพียงเท่านี้ผมก็ปิดบัญชีเรียบร้อย ทั้งบุญคุณความแค้นทั้งหมดถูกลบออก ล้างหน้าไพ่และเริ่มต้นเกมส์ใหม่
ตอนที่ 136 ขุนพลปีศาจ
“หือ? เวเนซ่าไม่อยู่แล้วเหรอ”
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น พอผมมาถึงจวนเจ้าเมือง โมอาก็เข้ามารายงานเรื่องนี้ให้ผมฟังเป็นอย่างแรก
“ค่ะ ท่านเวเนซ่าบอกว่าจะไปตามพรรคพวกที่พึ่งพาได้มาช่วย”
“พรรคพวกเหรอ…”
ไม่รู้ทำไมผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย อาจเพราะเคยได้ยินมาว่ายุคสมัยของเวเนซ่า มีแต่พวกตัวโหดๆ เดินกันไปทั่ว เพราะถือว่าเป็นยุคที่กำลังอยู่เหนือทุกสิ่ง
“แล้วนอกจากนี้เจ้าหญิงโชส่วนคุณเพนกวินมาบอกว่า พรุ่งนี้คฤหาสน์จะสร้างเสร็จแล้ว ขอเชิญท่านโรมะและพวกเรากลับไปพักที่คฤหาสน์ด้วยค่ะ”
“เร็วดีจริงๆ แต่กลับไปคงงานยุ่งน่าดู”
ใช่เพราะต้องทำใหม่หมดเลย ทั้งแอร์ทั้งห้องนํ้า ดีที่สวนไหม้ไฟไปแค่บางส่วนเท่านั้น
เรื่องคฤหาสน์คราวนี้ ทำให้พวกผมรู้ว่าการป้องกันจากภายในยังอ่อนแออยู่มาก ถึงจะมีกำแพงหนา และมีมอนสเตอร์ปกป้องอยู่รอบนอก แต่ถ้าผ่านเข้ามาข้างในแล้ว ใครจะทำอะไรก็ได้ ปกติจะมีพวกไรโมดอลคอยเฝ้าให้ แต่เพราะพอโรงแรมเปิด พวกไรโมดอลเลย
ต้องไปทำงานที่ร้านตัดเสื้อกันหมด ในคฤหาสน์ก็เลยไม่มีใครเฝ้า
แต่ต่อไปผมว่าจะให้เจ้าโฮ่งมาเฝ้าที่คฤหาสน์แทน เพราะปกติผมจะปล่อยเจ้านี้ให้เป็นอิสระ มันเลยชอบเข้าป่าไปลึกๆ เพื่อล่าสัตว์กินเอง สองสามวันถึงจะโผล่หัวมาที แถมยังชอบไปหมกตัวอยู่กับเจ้านายของมัน ซึ่งก็คือเอร่าที่เอาแต่นอนทั้งวัน แต่ถ้ามีอาหารให้มันครบสามมื้อ มันคงยอมทำงานให้
นอกจากนี้ผมว่าจะต้องคิดเรื่องการวางกับดัก รวมถึงสัญญาณเตือนภัยไว้ในคฤหาสน์ด้วย แล้วไหนๆ ทุกคนก็รู้ฐานะผมกันหมดแล้ว อาจจะไปเอาพวกเผ่าปีศาจประเภทเงาหรือวิญญาณมาอยู่ที่คฤหาสน์สักกลุ่มหนึ่ง
ส่วนอาณาบริเวณรอบๆ ปราสาทหลังกำแพง ผมอาจจะปล่อยให้พวกมอนสเตอร์เข้ามาได้ เพราะจนถึงตอนนี้ ถ้าไม่นับตอนคลั่งเพราะเอร่าคราวก่อน ก็คือว่าพวกมันทำตัวดีมาโดยตลอด
“มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าครับโมอา?”
ผมเห็นโมอายืนจ้องผมแบบตาไม่กระพริบ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยต้องถามขึ้นเอง
“ค คือหน้ากากของท่านโรมะไปไหนแล้วละคะ”
โมอาทักขึ้นมา ผมเลยพึ่งนึกขึ้นได้
“อ้อ ทำลายไปล่ะครับ ทีแรกที่ใช้ก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมเป็นเผ่าปีศาจหรือจอมมาร แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าผมเป็นเผ่าปีศาจ เลยไม่จำเป็นต้อง
ปิดบังอีก แถมสกิลเองก็ไม่เหลือให้ปิดบังแล้วด้วย ที่สำคัญด้วยฐานะเจ้าเมืองของผมตอนนี้ คิดว่าควรใช้ใบหน้าที่แท้จริงมากกว่า”
“…แบบนี้ก็แย่สิคะ”
“แย่อย่างไงเหรอ?”
โมอาไม่ได้ตอบคำถามผม แต่เพียงเห็นเธอยืนบิดไปบิดมาผมก็เข้าใจแล้ว
“งั้นเดี๋ยวผมจะทำให้รู้สึกดีขึ้นเอง”
แล้วผมก็ซัดโมอาในห้องทำงาน พร้อมกับทำงานไปด้วย จนเมยอาเข้ามาเห็น พอโวยวายเสร็จเธอก็เข้าร่วมรบด้วย แต่เล่นทำกันตั้งแต่เช้าแบบนี้ แถมไม่มีสกิลมารราคะช่วย รู้สึกเพลียอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แถมเมื่อคืนก็จัดการเจ้าพวกสภาใต้ดินจนไม่ได้นอนอีก
แต่กับเมยอาดีอย่าง ตรงนี้ถึงพวกเราจะมีเซ็กส์กัน ก็ยังสามารถคุยงานกันไปด้วยได้ เหมือนความรู้สึกกับความคิดแยกกันคนละส่วน แต่ตอนมีเซ็กส์เนี่ยหัวแล่นสุดๆ เลยล่ะ
“เรื่องวางระบบธนาคารเสร็จสิ้นแล้วค่ะ วันนี้สามารถเปิดใช้งานได้เลย ที่เหลือแค่หาแหล่งที่จะเอาเงินฝากไปลงทุน”
“แล้วเงินสำรองตอนนี้มีเท่าไรแล้ว”
“ค่ะ ก็มีเงินทุนจากหุ้นส่วนอย่างเจ้าหญิงโช เป็นจำนวนเงิน สองหมื่นล้านรีล กับเงินทุนจากนายท่านที่เป็นผู้ถือหุ้นหลัก เป็นจำนวนเงิน สามหมื่นล้านรีล บวกกับผู้ถือหุ้นรายย่อยๆ อีก รวมๆ แล้วได้เกือบหกหมื่นล้านรีลค่ะ”
“ดี ยิ่งมีเงินสำรองจ่ายมากเท่าไร ความน่าเชื่อถือของธนาคารก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และตอนนี้ก็น่าจะมีเกินพอแล้ว งั้นเปิดทำการตั้งแต่วันนี้เลย”
“รับทราบค่ะ อ่ะ นายท่านอย่าแตกในนะคะวันนี้ ถ้าจะเสร็จช่วยแตกใส่ในก้นแทนด้วยค่ะ”
“รับทราบ”
พวกผมคุยกันเหมือนเรื่องปกติ ขณะเปลี่ยนรูเสียบ ยังหยิบเอาเอกสารขึ้นมาเช็นต์กันอยู่เลย เพราะผมถือคติถึงจะต้องทำงาน แต่ก็จะไม่ละเลยพวกสาวๆ ถ้าพวกเธอมีความต้องการเมื่อไร ไม่ว่าที่ไหนผมก็จะสนองให้พวกเธอทันที
ผลกระทบของการไม่มีสกิลมารราคะ หลักๆ ไม่ใช่เป็นเพราะผมจะทำได้น้อยลงหรอก จำนวนครั้งยังคงทำได้เยอะอยู่ แต่ร่างกายมันเสียนํ้าเยอะและ
อาการอ่อนเพลียนี้สิ แล้วส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยเสร็จหรือต้องใช้เวลามากกว่าเดิม เพราะผมแทงดุ้นเข้าไปได้ไม่สุด จึงต้องสอยแบบยั้งๆ เป็นเหตุทำให้ไม่ค่อยถึงอารมณ์เท่าไร แถมที่หนักกว่าตัวผมก็คือพวกสาวๆ เพราะหลังจากเสร็จกิจกันรอบหนึ่งก็ต้องหยุดแล้ว เพราะห้องเครื่องของพวกเธอมันบวมและจะเริ่มเจ็บถ้าจะทำต่อรอบสอง สำหรับบางคนถึงกับต้องงดการมีเซ็กส์กับผมไปเลย อย่างเดเม่ ยูรินหรือกระทั่งมิริน เพราะถ้าเสียบพวกเธอด้วยไซส์ปกติของผมล่ะก็ หอยของพวกเธอจะต้องฉีกขาดทุกครั้ง ปกติมีแยมขาวไว้รักษาเลยไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว พวกเธอเลยต้องอดทนรอจนกว่าผมจะได้สกิลมารราคะคืนมา
กลับมาเรื่องธนาคาร หลังจากที่ปรึกษากับเมยอาและอาเดไลท์แล้ว พวกผมตัดสินใจใช้ระบบกิลกัน
โดยจะให้สมาชิกของกิลการค้ารวมถึงสมาชิกกิลอื่นๆ ที่เก่งเรื่องการคำนวณและตัวเลข แยกออกมาตั้งกิลใหม่ คือกิลธนาคาร และยังคงเปิดรับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เพราะในอนาคตจะมีแผนขยายสาขาไปยังเมืองอื่นด้วย
และพอธนาคารเริ่มเปิดให้บริการ ก็มีคนแห่เข้ามาใช้บริการทันที เหตุผลง่ายๆ เพราะธนาคารจะมีการให้ดอกเบี้ยกับเงินฝาก ตามความเข้าใจของคนทั่วไปก็คือ เอาเงินไปฝากแล้วทิ้งไว้เฉยๆ ก็จะได้เงินเพิ่มขึ้นมา มันจึงเป็นเหตุจูงใจทำให้มีคนมาใช้บริการเยอะ
นอกจากนี้ผมยังสร้างอุปกรณ์เวทรูปบัตรออกมา ทำให้มันมีคุณสมบัติเป็นเหมือนบัตร ATM และบัตรเครดิตในตัวเอง เพราะสามารถใช้กดเงินออกมาได้ทุกเวลา เพียงแค่กดรหัสตัวเลขลงบัตร และบอกจำนวนเงินที่ต้องการถอน เงินก็จะออกมาจากบัตรได้
ทันที หรือไม่ก็เพียงใช้บัตรนี้สแกนผ่านอุปกรณ์เวทอีกชิ้น ที่ร้านค้าสามารถมาขอรับจากธนาคารไปใช้ได้อย่างฟรีๆ ก็จะหักเงินจากในบัญชีของผู้ซื้อเอง และไปเติมเงินในบัญชีของผู้ค้าแทน แต่ผมไม่ต้องการให้เกิดความฟุ่มเฟือย และความทุกข์จากการเป็นหนี้ ผมเลยไม่ให้ใช้จ่ายเงินเกินจำนวนเงินฝากที่มี จึงเรียกว่าเป็นระบบบัตรเครดิตยังไม่ได้
คนที่มาใช้บริการของธนาคารส่วนมากแล้วกลับเป็นนักผจญภัย เพราะเป็นกลุ่มคนที่มักจะมีเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก เลยเสี่ยงต่อการถูกปล้น แต่ถ้าใช้ฝากเงินผ่านทางธนาคาร เขาก็เพียงแค่พกบัตร ต่อให้ถูกปล้นหรือขโมยไป ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้รหัสผ่าน ก็ไม่มีทางเอาเงินออกไปจากบัตรได้โดยเด็ดขาด ซํ้ายังมีระบบรักษาความปลอดภัย กรณีที่บัตรเปลี่ยนมือใช้โดยไม่มีการ
ติดต่อมาที่ธนาคาร จะมีการส่งเสียงเตือนดังลั่นออกมาจากตัวบัตรทันที
และสิ่งที่ตามมากับธนาคารก็คือการกู้เงินเพื่อการลงทุน หรือก็คือเอาเงินที่คนเอามาฝากไปให้คนอื่นลงทุน และเก็บดอกเบี้ยจากเงินกู้อีกที แต่สิ่งที่ทำกำไรให้กับธนาคารได้ดีสุดก็คือ การเข้าซื้อกิจการมาบริหารต่อ เพราะกิจการที่ซื้อจะกลายเป็นของธนาคาร หรือก็คือนับเป็นทรัพย์สินที่แปลงเป็นตัวเงินได้ ยิ่งถึงบริหารดีๆ จนเพิ่มมูลค่าของมันให้สูงขึ้น ก่อนจะปล่อยขายต่ออีกทอด ก็จะได้กำไรมหาศาลกลับมา
เพราะฉะนั้นการทำงานของกิลธนาคารจึงต้องสัมพันธ์กับกิลอื่นด้วย เช่นกิลการค้า กิลช่างตีเหล็ก กิลอาวุธ กิลไอเท็ม หรือกระทั่งกิลนักผจญภัย
เรื่องการบริหารเงินลงทุนผมไม่ห่วงหรอก เพราะเตรียมแผนไว้หลายอย่าง เช่นการตั้งแผนกวิจัยการลงทุน ซึ่งจะคอยแนะนำรวมถึงพัฒนาธุรกิจที่ผู้กู้ยืมคิดจะทำ อย่างน้อยก็ช่วยลดหนี้สูญได้
แต่ที่ผมตั้งใจจะทำจริงๆ ก็คือการปล่อยหุ้นของตัวเองให้กับสามขุนนาง ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร โดยผมจะให้พวกเขาทำความเข้าใจกับวิธีบริหารจัดการธนาคารซะก่อน และต้องเข้าใจด้วยว่าธนาคารคือสถาบันการเงิน ที่ต้องสร้างความเชื่อใจให้กับลูกค้ามากแค่ไหน หรือที่เรียกว่าภาพลักษณ์ของธนาคาร จริงอยู่ที่ว่าเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล แต่ก็สามารถพังทลายได้ในชั่วข้ามคืนเหมือนกัน จึงต้องใช้ความระวังและรอบคอบอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้พวกขุนนางจะยังไม่มีเงินมาซื้อหุ้นจากผม แต่ผมจะให้โบนัสพวกเขาด้วยหุ้นจำนวนหนึ่ง โดยหุ้นจำนวนนั้นเมื่อได้รับเงินปั่นผลมาแล้ว พวกเขาจะไม่ได้เงิน แต่เงินจำนวนนั้นจะหักมาซื้อหุ้นต่อจากผมไปเรื่อยๆ หรือถ้าพวกเขาเริ่มมีเงิน ก็สามารถนำเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มได้ตามที่ต้องการ สุดท้ายแล้วหุ้นที่ผมมีทั้งหมด จะกระจายไปสู่มือทั้งสามขุนนางแบบเท่าเทียมกัน และเจ้าหญิงโชจะขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นหลักแทนผม ส่วนทั้งสามขุนนางก็จะได้รับเงินปั่นผลเป็นเงินมหาศาล ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ผมได้บอกว่าจะให้กับพวกเขาในตอนแรก
ส่วนตัวผมก็ได้กำไรมาจากช่วงที่ยังถือหุ้นอยู่ และจะได้ลอยตัวหลังโยนภาระบริหารงานให้คนอื่นไปทำต่อ งานนี้วินกันทุกฝ่าย ยกเว้น…ร้านแลกเปลี่ยน
เงิน ที่ถึงกับต้องล้มละลายกันเลยทีเดียว หลังจากโดนคนแห่มาถอนเงินพร้อมกัน และหันไปใช้ระบบธนาคารแทน
และด้วยระบบธนาคารนี้เอง ที่เรียกเอาพ่อค้าจากต่างแดน แห่กันมาปักหลักปักฐานกันที่เมืองกรอซ่ากันเลย ทำให้อสังหาริมทรัพย์และการค้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้รัฐได้ภาษีมากขึ้น พอได้ภาษีมากขึ้น ผมก็มีเงินไปใช้พัฒนาการเกษตร และการศึกษาได้ต่อซึ่งผลผลิตจากการพัฒนา ก็จะเปลี่ยนมาเป็นรายได้สู่รัฐในอนาคตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…ฮิๆๆ เป็นไปตามแผน
……………
…มุมมองของเวก้า
ชื่อของฉันคือ เวก้า หนึ่งในขุนพลปีศาจ
ฉันได้ร่วมรบกับท่านจอมมารเวเนซ่าไปทุกสมรภูมิ พิชิตตั้งแต่ตะวันออกถึงตะวันตก สังหารผู้กล้ามาแล้วมากมาย แต่อย่างที่ท่านเวเนซ่าเคยกล่าวไว้ พวกเราอาจชนะศึกเบื้องหน้าได้ทุกศึก แต่พวกเราไม่อาจชนะศึกเบื้องหลังได้ทุกครั้ง
ในวันหนึ่งฉันได้พลาดท่าเสียทีให้กับพวกมนุษย์ พวกมันวางแผนใช้เมืองใต้การปกครองของฉัน ซ่องสุ่มกำลังและรอเล่นงานตอนที่ฉันอ่อนล้าจากการรบและกลับมารักษาตัว ด้วยกับดักของพวกสารเลว ฉันถูกสังหาร
แต่ด้วยพลังของท่านเวเนซ่า ทำให้วิญญาณของฉันไม่สูญสลายไป เพียงแต่รอเวลาให้ร่างเนื้อก่อตัวขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่ฉันก็รู้ว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จอมมารที่ปกครองเผ่าปีศาจจะไม่ใช่ท่านเวเนซ่า
อีกแล้ว ด้วยพลังที่ไหลเข้ามาในตัวฉันตอนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกได้ แต่ฉันก็ไม่คิดจะรับใช้มัน
จริงสิ เราฆ่ามันซะแล้วรอให้ท่านเวเนซ่าคืนชีพมาใหม่ก็ได้นี่น่า ฉันกอดความคิดนั้นและจมอยู่ความฝันที่ยาวนาน
กระทั่งวันหนึ่ง ก็ได้มีเสียงเรียกปลุกฉันขึ้นมาจากความฝัน
“เฮ้”
“ตื่นได้แล้ว ยัยคนขี้เซา”
“ถ้าไม่ตื่นฉันจะเผารังลับเธอล่ะนะ”
ฉันสะดุ้งพรวดและรีบทำลายคริสตัลที่ซ่อนตัวเองไว้ออกไปทันที
“อย่านะ! ที่นี้เป็นรังลับแห่งสุดท้ายแล้ว ขืนโดนทำลายไปต้องแย่แน่!”
“เธอเนี่ยนะ นิสัยขี้ขลาดยังแก้ไม่หายอีกเหรอ ซานูน่า”
“เอ๋ เสียงและวิธีพูดแบบนี้!?”
ซานูน่าเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่มาปลุกตัวเองขึ้นมา ถึงแม้รูปกายจะเปลี่ยนไปแค่โครงหน้ากับดวงตายังเหมือนเดิม
“ท่านเวเนซ่า!!!”
ซานูน่าพุ่งเข้าไปทำท่าจะกอด แต่ถูกเวเนซ่ายกเท้าขึ้นยันใบหน้าเอาไว้
“เธอหลับมาตั้งกี่ร้อยปีแล้ว ไปอาบนํ้าซะก่อนเลยไป๊!”
“ซักคิวบัสอย่างฉันไม่จำเป็นต้องอาบนํ้าหรอกค่ะ ท่านเวเนซ่าก็น่าจะรู้”
ซานูน่าบอกพร้อมกับกางปีกออกมา จากนั้นผิวหนังของเธอก็ปล่อยสารหล่อลื่นเคลือบผิวหนังทั้งหมดไว้ และพอผมละเหยหายไป ร่างกายของเธอก็กลับมามีผิวพรรณใสสะอาด
ซานูน่าเป็นสาวงามรูปร่างค่อนข้างสูง ผิวขาวซีด หน้าอกโต มีผมยาวยักศกสีครีม มีปีกและหาง และยังชอบเปลือยกายเหมือนเวเนซ่าด้วย
“ถึงจะรู้ แต่เห็นกี่ทีก็ขยะแขยงอ่ะ”
“ขยะแขยง!!”
ซานูน่ากลับทำหน้าฟินที่ถูกว่า แต่เวเนซ่าไม่สนใจและพูดต่อ
“ตื่นแล้วก็ดี ฉันมีงานให้เธอทำ”
“จะครองโลกกันต่อใช่ไหมคะ!”
“ไม่ใช่”
“อ้อ จริงสิ ต้องฆ่าจอมมารคนปัจจุบันก่อนใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่”
“งั้นก็…จะให้ฉันทำอะไรเหรอคะ?”
“ฉันจะให้เธอไปเป็นลูกน้องของจอมมารคนปัจจุบัน”
“แบบนี้เอง…ขอปฏิเสธค่ะ!!”
“คนที่ฉันรับใช้มีเพียงท่านเวเนซ่าคนเดียวเท่านั้น คนอื่นต่อโดนฉีกปีกเผาหาง ฉันก็ไม่มียอมไปสวามิภักดิ์ด้วยเด็ดขาด”
“ฮ่าๆๆ กะแล้วต้องพูดแบบนี้ คลูนิส ที่เหลือฝากด้วยนะ”
เวเนซ่าหันไปบอกปีศาจสามตาที่พามาด้วย
“ได้ครับท่านเวเนซ่า”
คลูนิสตอบก่อนจะเดินเข้ามหาซานูน่า พร้อมกับล้วงเอาลูกแก้วขนาดใหญ่ขนาดต้องใช้สองแขนโอบขึ้นมา
“นี้คือนายท่านของพวกเราครับ ท่านซานูน่า”
ในลูกแก้วฉายภาพของโรมะขึ้นมาในอิริยาบถต่างๆ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่คลูนิสแอบขโมยมา จากคอเล็กชั่นของมุเอมะ
“น หน้าตาก็ไม่เลว แต่ข้าไม่สนใจหรอก”
คลูนิสไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้ภาพฉายไปต่อ จนถึงฉากที่โรมะกำลังอาบนํ้า ซึ่งพอเห็นเจ้าโลกของโรมะเข้าไป ซานูน่าถึงกับนํ้าลายไหลออกมา
“จ เจ้าโลกน่ากินอยู่หรอก แต่บอกแล้วไงข้าไม่สนใจ”
คลูนิสยังคงเงียบ และปล่อยให้ภาพบอกเล่าแทนตัวเอง ซึ่งต่อมาคือภาพที่ดุ้นของโรมะกำลังแข็งตัว พอได้เห็นซานูน่าถึงกับตกใจจนเข่าอ่อนลงไป เธอจ้องเจ้าโลกของโรมะแบบตาไม่กระพริบ หัวนมของเธอแข็งขึ้นมาทันที
จากนั้นก็เป็นภาพที่โรมะกำลังร่วมรักกับสาวๆ อยู่ ซึ่งทั้งลีลา เทคนิก ความอึดทนนาน แม้แต่ซักคิวบัสอย่างเธอยังตกอยู่ในความงงงวย และหลุดปากออกมาหลายครั้งว่า แบบนั้นก็ได้เหรอ มีท่านี้ด้วยเหรอ
แต่นั่งดูเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้เธอถึงจุดสุดยอดไปแล้วหลายครั้ง
“สุดยอดไปเลยใช่ไหมครับ นอกจากนี้ท่านโรมะยังสนองตอบ ต่อรสนิยมทางเพศของผู้หญิงได้ทุกแบบเลยนะครับ”
“ทุกแบบเลยเหรอ!”
“ใช่ทุกแบบครับ”
สำหรับซักคิวบัสแล้ว โลกนี้เปรียบเหมือนดังนรก เพราะเซ็กส์สเปกของผู้ชายตํ่ามาก ทั้งขนาด ทั้งความอึด ทั้งลีลา ร่วมถึงเรื่องการตอบสนองรสนิยมเบี้ยวๆ ของผู้หญิงก็ทำไม่ได้ด้วย พวกซักคิวบัสเลยรู้สึกหิวโหยอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยอิ่มและเพียงพอกับการมีเซ็กส์
ครั้นจะให้ไปเสพสมกับเผ่าอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ รสชาติของพลังชีวิตที่สูบมาตอนมีเซ็กส์ ก็ห่วยแตกจนถึงขั้นต้องอาเจียนออกมา ฉะนั้นสำหรับพวกเธอแล้ว โรมะคือความหวังที่พวกเธอรอคอยมาตลอด
“ฮิ งั้นฉันคนนี้จะไปช่วยสนองราคะให้เขาเป็นบางครั้งบางคราวก็ได้”
“เอ่อ ท่านซานูน่าครับ ทางที่ดีรีบสวามิภักดิ์ต่อนายท่านของพวกเราเร็วๆ จะดีกว่านะครับ”
“ถึงเขาจะน่าฟัดอย่างไง แต่ฉันไม่คิดจะเป็นลูกน้องทำงานรับใช้เขาหรอก…นะ”
ขณะที่ซานูน่าพูด ภาพในลูกแก้วก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นภาพการลงทัณฑ์แบบต่างๆ
ที่โรมะเป็นคนคิดค้นขึ้นมา ตั้งแต่ทัณฑ์นรกทะลวงตูด จนถึงครั้งล่าสุดที่ใช้ทัณฑ์พิพากษาพวกสภาใต้ดิน
“โรมะน่ะ ไม่ใช่คนที่ควรจะเป็นศัตรูด้วย เพราะเขาเป็นคนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น เทวะซาตาน คือมีทั้งด้านดีสุดขั้วและด้านร้ายสุดติ่ง และเธอคงไม่อยากเจอด้านร้ายของเขาไปหรอกใช่ไหมล่ะ”
พอได้ยินที่เวเนซ่าบอก ซานูน่าก็รีบส่ายหน้าทั้งนํ้าตา เพราะขนาดเธอผ่านสงครามที่เรียกว่าโหดร้ายทารุณมามากแล้ว ยังไม่เคยเห็นความน่ากลัวและวิปลาสแบบนี้มาก่อน เพียงแค่คิดว่าตัวเองต้องถูกการลงทัณฑ์ของโรมะเข้าไป ก็ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะไม่ให้ไหลออกมาได้
“ละ แล้วจะให้ฉันไปรับใช้อะไรท่านจอมมารที่แสนโหดเหี้ยมผู้นี้ได้เหรอคะ”
ซานูน่าถามเสียงสั่น
เวเนซ่าจึงยิ้มและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“ตามที่เล่าไป ฉันเลยต้องการใช้ความสามารถของเธอ ช่วยโรมะฟื้นคืนสำนึกแห่งศาสตร์ Lust Mastery ให้เร็วที่สุด”
“รับทราบค่ะ ฉันจะทำอย่างเต็มสามารถเลย”
แต่ก่อนจะออกเดินทาง ซานูน่าก็รีบไปแต่งตัวด้วยชุดที่สุดเวอร์ออกมา
“…ทำไมต้องแต่งตัวซะขนาดนั้นด้วย”
เวเนซ่าอดถามไม่ได้
“ต ต่อหน้าท่านจอมมาร ฉ ฉันต้องทำตัวให้สุภาพไว้ใช่ไหมละคะ ม ไม่งั้นถ้าท่านจอมมารโกรธขึ้นมา…อี๊!!!”
แค่คิดซานูน่าก็อดจะหวีดร้องออกมาไม่ได้
ดูเหมือนภาพลักษณ์ของโรมะ จะทำให้ซานูน่ากลัวจนหลอนไปแล้ว
ตอนที 137 ผู้กระทำผิดที่แท้จริง
วันนี้เป็นวันที่จะได้ย้ายกลับไปอยู่คฤหาสน์สักที แต่พอมาถึงพวกผมก็อ้างปากค้าง เพราะว่ามันถูกสร้างขึ้นใหม่แบบอลังการยิ่งกว่าเดิม เรื่องกำแพงยังดีที่ไม่มีการต่อเติมเท่าไร เพราะพวกทีมมอนสเตอร์ผมสั่งย้ายไปช่วยซ่อมกำแพงเมืองแล้ว โดยให้นักผจญภัยส่วนหนึ่ง มาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้
การให้นักผจญภัยที่ปกติเคยได้แต่ล่ามอนสเตอร์ ให้ปกป้องมอนสเตอร์แทน ทำเอาหลายคนคันไม้คันมือเหมือนกัน แต่นักผจญภัยถือว่าเป็นมืออาชีพ ถ้ารับงานอะไรมาแล้ว ไม่เกี่ยงว่าเนื้อหางานจะเป็นอย่างไง แต่พวกเขาจะทำมันอย่างดีที่สุด
วันแรกๆ มีปัญหาเหมือนกัน ในการที่มีมอนสเตอร์จำนวนมากโผล่ออกมา มันทำให้ชาวเมืองตกอยู่ในความหวาดกลัว จนไม่กล้าออกมาจากบ้าน แต่พอเวลาที่พวกสาวๆ ว่างจากงาน ก็จะไปเล่นพวกมอนสเตอร์ ทำให้คนอื่นที่เห็นด้านที่น่ารักของพวกมอนสเตอร์ และเข้ามาใกล้พวกมันทีละนิด
แต่ตอนนี้พวกเด็กๆ ติดมอนสเตอร์ จนต้องให้พวกนักผจญภัยกันพวกเด็กๆ ออกไปแทน ไม่งั้นพวกมอนสเตอร์ก็จะเอาแต่เล่นไม่ยอมทำงานกัน นอกจากนี้
ชาวบ้านยังนำเอาอาหารมาให้กับมอนสเตอร์อีก เป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ
ทว่าไม่ใช่มอนสเตอร์ทุกตัวที่จะเป็นแบบนี้ ผมเลยต้องเตือนทุกคนอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความประมาทและเข้าใกล้มอนสเตอร์ที่ไม่รู้จักแบบไม่ระวังตัว
ส่วนในพื้นที่สวนตอนนี้ มีรูปปั้นมากมายตั้งเอาไว้ ซึ่งมันไม่ใช่รูปปั้นปกติ แต่จริงๆ แล้วมันคือกับดักประเภทหนึ่ง เจ้าหญิงโชให้ลูกน้องขนออกมาจากดันเจี้ยนนํ้าตก ซึ่งปกติกับดักพวกนี้จะอยู่ในชั้นลึกๆ มันจะทำงานเมื่อมีผู้บุกรุกเข้าใกล้ โดยการโจมตีสามรูปแบบ อย่างแรกปล่อยแสงทำให้ศัตรูเป็นหิน อย่างที่สองส่งเสียงกรีดร้องทำให้ศัตรูเป็นอัมพาต อย่างที่สามกลายร่างเป็นมอนสเตอร์ออกมาสู้โดยตรง
ด้วยกับดักนี้ทำให้การป้องกันส่วนในแข็งแกร่งขึ้นมามาก ซํ้ากับพวกระบบป้องกันไฟไหม้ หรือระบบต่อต้านผู้บุกรุกจากในตัวคฤหาสน์อีก ทำให้หมดห่วงเรื่องความปอลดภัยกระทั่งตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน
คฤหาสน์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ สูงถึงห้าชั้นและกว้างกว่าเดิมเกือบห้าเท่า มีคอคอยสูงอยู่ทั้งสี่มุม วังมังกรเองก็ถูกสร้างใหม่จนมีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน
น่าสงสารพวกลูกน้องของเจ้าหญิงโช ถูกใช้แรงงานสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเวลาจำกัด คงเหนื่อยแทบตาย เพราะพอสร้างเสร็จแล้วก็หายตัวกันไปเลย เหลือแต่พวกเพนกวินที่ทำหน้าที่เหมือนคนรับใช้ส่วนตัว
ทว่าช่วงนี้ในเขตวังมังกร จะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม เพราะท้องของเจ้าหญิงโชเริ่มโตแล้ว มันอยู่ใน ช่วงอันตราย เจ้าหญิงโชเลยต้องงดการมีเช็กส์ และเก็บตัวอยู่ในสภาพกึ่งจำศีล ระหว่างนี้เธอจะดุร้ายมาก จึงห้ามไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน ซึ่งเป็นธรรมชาติของมังกร
มีเพนกวินตัวหนึ่งเล่าให้ฟัง ว่าปกติมังกรเพศเมียจะเผาหรือทำลายพื้นที่รัศมี 100 กิโลเมตร เพื่อสร้างรังออกลูกโดยไม่ให้ถูกรบกวน ฉะนั้นของเจ้าหญิงโชนี้คือควบคุมตัวเองได้มากแล้ว
แต่เพื่อป้องกันอันตราย บางวันก็จะมีมังกรแปลกหน้ามาบินโฉบดูรอบๆ พื้นที่เหมือนกัน เหมือนมาตรวจความเรียบร้อย เพราะการคลอดมังกรสายเลือดราชัน ถือเป็นเรื่องใหญ่ของเผ่ามังกร ขนาดดราเกียพอทราบข่าวแล้ว ก็ยังออกมาจากดันเจี้ยนเพื่อมาแสดงความยินดีด้วย
แต่ดราเกียเป็นเผ่ามังกรที่สวามิภักดิ์ให้กับเผ่าปีศาจ พวกมังกรทั่วไปเลยจะไม่ค่อยนับญาติด้วย แต่ก็ไม่ได้ขับไสไล่ส่งหรือแสดงความเป็นศัตรูต่อกัน เพราะมังกรจะให้ความสำคัญกับสายเลือดมาก่อนเป็นอันดับแรก ตราบใดที่เป็นมังกรเหมือนกัน ต่อให้ยืนอยู่คนละฝ่าย พวกเขาก็จะไม่โจมตีกันเองโดยเด็ดขาด
เพราะจริงๆ ที่ดราเกียหรือมังกรตัวอื่นๆ ที่ยอมมาสวามิภักดิ์กับเผ่าปีศาจ เพราะต้องการสร้างความแน่ใจ ว่าเผ่ามังกรจะไม่ถูกทำให้สูญพันธุ์ ถ้าเอาตามแนวความคิด มังกรทุกตัวล้วนคิดเหมือนกัน เพียงแต่วิธีการต่างกันเท่านั้น ฉะนั้นพวกเขาจึงเข้าอกเข้าใจกันและไม่รู้สึกมีความเป็นศัตรูกันให้เห็นเลย ยิ่งได้ฟังเรื่องราวของเผ่ามังกร ผมยิ่งรู้สึกประทับใจ
ตอนนี้ผมย้ายที่ทำงานมาไว้ที่คฤหาสน์ ถึงจะทำให้คนที่จะมาติดต่อเดินทางไกลกันหน่อย แต่มันได้เรื่องความปลอดภัย และเรื่องความสะดวก เพราะที่จวนเจ้าเมืองมีพื้นที่จำกัด ห้องรับรองเลยมีน้อย ใช้คุยธุรกิจไม่สะดวก
แต่ถ้าเป็นที่คฤหาสน์จะรับรองแขกได้อย่างเต็มที่ ซํ้าถ้าเดินทางมาจากต่างเมืองและต้องพักค้างแรม ก็จะมีพักให้พร้อมในตัว
ส่วนจวนเจ้าเมือง ผมดัดแปลงให้กลายเป็นสำนักงาน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาติดต่อ หรือแจ้งปัญหาต่อข้าราชการโดยตรง
ด้านธนาคารก็ไปได้สวย ผมกว้านซื้อพวกธุรกิจที่ไปไม่รอด มาจากกิลต่างๆ และโยนแผลการพัฒนาไปให้ ส่วนบางแห่ง ผมให้ย้ายไปเริ่มธุรกิจที่เมือง
อื่นแทน เพราะธุรกิจบางอย่างไม่เหมาะกับที่กรอซ่า อย่างพวกอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เพราะแร่ที่ได้จากดันเจี้ยนคุ้มค่ากว่า แต่ใช่ว่าแร่ทุกอย่างจะหาได้จากดันเจี้ยน แถมผมมีข้อมูลสายแร่ต่างๆ จากบันทึกเก่าของเผ่าปีศาจ ทำให้รู้แหล่งที่จะให้พวกอุตสาหกรรมไปตั้งฐานได้
ยิ่งพอให้บริการไป คนยิ่งเห็นถึงความสะดวกและปลอดภัยของระบบธนาคาร เลยแหกันเอาเงินมาฝาก ธนาคารจึงมีเงินทุนให้ใช้แบบไม่มีวันหมด
แต่เมยอาก็มีมาบ่นๆ ผมเหมือนกัน ว่าผมทำให้บัญชีเป็นตัวแดง เพราะมีแต่ใช้เงินออก แต่รายได้ยังแทบไม่มี แต่เมยอาเข้าใจดีว่า สภาพตัวแดงจะหมดไปในไม่กี่เดือน เพราะผิวเผินเหมือนผมใช้เงินอย่างบ้าระหํ่า แต่เพราะผมพัฒนาทุกส่วนพร้อมกัน และเป็นการเร่ง
พัฒนาแบบระยะยาวโดยให้เห็นผลในระยะสั้น ไม่แปลกเลยที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
แถมเงินที่ลงไปก็เป็นเงินของตัวเอง ถึงผิดพลาดไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ก็แค่เสียเงินฟรี แต่ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร มันเหมือนกู้เงินตัวเองดอกเบี้ยก็เลยไม่มี ไว้ทุกอย่างสร้างเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นผมก็จะได้เงินที่ลงทุนไปกลับคืนมาเอง
ส่วนแรงต้านจากประชาชน…เป็นศูนย์ คนในกรอซ่าไม่สนใจเรื่องการเปลี่ยนตัวเจ้าเมือง หรือเจ้าเมืองคนใหม่เป็นเผ่าปีศาจเลย เพราะการมาของผมไม่ได้ไปกระทบวิถีชีวิตเดิมของพวกเขา แต่กลับยิ่งพัฒนาให้มันดีขึ้น
การที่ผมเข้าควบคุมกิลอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตลาดบนดินมีการแข่งขันที่เปิดกว้างมากขึ้น ประชาชน
เริ่มหันมาประกอบธุรกิจกันเป็นจำนวนมาก เพราะไม่ต้องห่วงว่าจะไปเหยียบเท้าเจ้าถิ่น ซํ้ายังสามารถกู้เงินจากธนาคารพร้อมกับคำแนะนำแบบสำเร็จรูปให้อีก
เมืองกรอซ่าเลยกลับมาอยู่ในสภาพคึกคักยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา ราวกับมีงานเทศกาลอยู่ทุกวัน
ส่วนจุดที่เคยเป็นสลัม ผมเผามันทิ้งอย่างที่เคยบอกไว้จริงๆ และได้สร้างให้มันเป็นพื้นที่อาคารที่ชุดแบบคอนโด และปล่อยสิทธิ ในการเช่าอยู่ให้กับคนที่อยู่ในสลัมก่อน ระหว่างที่ก่อสร้างก็ให้พักอยู่ในค่ายพักไปก่อน ถึงจะแออัดไปหน่อย แต่สภาพดีกว่าตอนอยู่สลัมแน่นอน
ระหว่างนี้ชาวสลัมก็สามารถทำงานเก็บเงินไปในตัว เพราะงานก่อสร้างผมให้ทำอีกมาก จนสามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้
แต่ผมยังมีตัวเลือกอีกอย่างให้กับชาวสลัม เพราะผมกับซารีช่วยกันเปิดโรงเรียนสอนนักผจญภัยขึ้นมา จากข้อมูลของซารี ทำให้รู้ว่านักผจยภัยนั้นยังขาดแคลนอยู่ ถ้าเทียบกับจำนวนดันเจี้ยนที่ค้นพบในตอนนี้ ดันเจี้ยนบางแห่งถูกปล่อยทิ้งร้างเพราะนักผจญภัยมีไม่พอ อย่างที่เมืองวิลเฟนเฮเป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวสลัมสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนสอนนักผจญภัย ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เพียงแต่หลังจบมาแล้ว ในช่วง 2 ปีแรก รายได้ 20% จะถูกหักออกมาเข้ากิล ถือเป็นการจ่ายค่าเรียนย้อนหลัง
ไม่เพียงแต่ชาวสลัม แม้แต่นักผจญภัยบางคนยังขอเข้าเรียนด้วย เพราะหลักสูตรที่สอน ล้วนแต่เป็นวิชาที่ใช้เอาตัวรอดในดันเจี้ยนและวิธีสู้กับมอนสเตอร์
แบบต่างๆ ซึ่งนักผจญภัยบางคน ยังไม่ทราบเรื่องพวกนี้เลยด้วยซํ้า
ยังไม่หมดแค่นั้น แต่ผมยังให้เปิดรับสมัครทหารประจำการด้วย ชาวสลัมและบรรดาคนวางงาน เลยมีตัวเลือกมากมายในเมืองกรอซ่าในตอนนี้
นอกจากนี้ยังมีการออกกฎหมายคุ้มครองทาส โดยที่ระบุไว้ว่าถ้ามีทาสเสียชีวิตที่ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ เช่น อดตาย ถูกทำร้ายถึงตาย หรือป่วยตาย เจ้าของจะมีความผิด จุดนี้คือเส้นตรงกลางที่ทางผมและทางผู้ประกอบการค้าทาสคุยกันไว้ คือ ผมช่วยได้มากสุดเท่านี้ และทางนั้นก็ยอมได้มากสุดเท่านี้เหมือนกัน
แต่ในตัวกฎหมายยังมีกฎอีกข้อหนึ่ง ว่าทาสที่เจ้าของทาสส่งมาเป็นทหารประจำการ จะได้รับการยกเว้นภาษี นอกจากนี้เบี้ยเลี้ยงของทาสจะ
กลายเป็นของเจ้านายทั้งหมด แต่ถ้าทาสคนใด เป็นทหารประจำการครบ 10 ปี ทาสคนนั้นก็จะได้รับอิสรภาพทันทีและเพื่อให้เจ้านายยอมปล่อยทาสมาเป็นทหาร ผมเลยเพิ่มภาษีทาสให้แพงขึ้นอีกเท่าตัว
และกฎของนี้ยังถูกบังคับใช้ ว่าต้องให้ทาสทุกคนรับรู้ ถ้าทาสใต้ปกครองของคนใดไม่รู้ ความผิดจะตกอยู่กับผู้เป็นนาย
แต่งานนี้ถือว่าทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน จึงไม่มีใครค้านและสร้างปัญหาขึ้นมา
เพราะเจ้าของทาสก็จะได้เงินมาโดยไม่ต้องทำอะไร เหมือนปล่อยให้ทาสทำงานให้แทน ไม่ต้องรับภาระเรื่องภาษีอีก ส่วนทาสก็จะมีความหวัง เพราะเป็นทหารแค่สิบปีก็เป็นอิสระแล้ว ถึงแม้จะโดนฝึกหนักและต้องทำงานเสี่ยงชีวิต แต่ดีกว่าถูกใช้อย่างทารุณ ยิ่ง
พ่อค้าทาสนี้ยิ้มหวานเลย เพราะด้วยกฎหมายนี้ ทำให้ความต้องการทาสเพิ่มขึ้น รายได้พวกเขาเลยเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
เท่านี้ผมก็แก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนทหาร ปัญหาเรื่องทาส ปัญหาเรื่องพ่อค้าทาส ไปพร้อมกันได้ในระดับหนึ่งแล้ว
เมื่อผมสะสางงานทุกอย่างจนเสร็จแล้ว วันทำงานของผมก็ลดลง ที่เหลือก็จะไปหนักที่อาเดไลท์และเมยอาแล้ว อารมณ์ประมาณผมเป็นคนกำหนดและสร้างแนวทางไว้ ส่วนอาเดไลท์คือคนที่จะเข้าไปบริหารต่อ และเมยอาจะทำหน้าที่จัดการ
แต่ในวันที่ทุกคนย้ายกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ วันนี้ถือเป็นวันหยุด เพราะทุกคนต่างต้องการจะมาอยู่
พร้อมหน้ากัน เสียเพียงแต่มีแขกคนหนึ่งที่ทำให้พวกสาวๆ พากันทำหน้าหงุดหงิดไปตามกัน
“ท่านโรมะคะ ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ว่าท่านเป็นคนพายัยนี้เข้ามา”
มิรินชี้ไปที่ซารี ที่นั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้รับแขก
“ไม่หรอก ผมเป็นคนชวนเธอมาเอง และจากนี้ไปซารีจะมาอยู่ที่นี้ด้วย”
พอได้ยินที่ผมบอก หลายคนทำท่าจะลุกขึ้นมาคาน แต่ถูกสายตาห้ามปรามจากคนที่เหลือ เพราะพวกเธอเชื่อในการตัดสินใจของผม
“ปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากความไม่เข้าใจกัน ผมเลยอยากจะให้ซารีมาเห็นกับตาและมาสัมผัสด้วย
ตัวเอง ถ้าทำแบบนี้แล้วยังคงไม่เข้าใจกัน ผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไงแล้วล่ะ”
“แล้วถ้าเกิดยัยนี้เล่นไม่ซื่อขึ้นมาอีกละคะนายท่าน”
ฟรานถามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรังสีสังหารไปทางซารี
“ก็ปล่อยให้เธอทำไปสิ ผมไม่ใช่คนที่จะพลาดแบบเดิมซํ้าสองได้หรอกนะ แต่ผมว่าซารีไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะ ใช่ไหม ซารี”
ผมหันไปยิ้มถามซารี แต่เป็นรอยยิ้มแบบที่มีนัย ซารีเลยยิ้มแห้งๆ ตอบ
“ฉันยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ถ้าทำอันตรายท่านโรมะ มีหวังเจ้าหญิงโชออกมาทำให้กรอซ่าหายไป
แน่ จะไปยั่วโมโหยังไม่กล้าเลย ไม่งั้นเดี๋ยวโดนคำสาปจากเทพแบบคราวก่อนอีก ผู้ให้การสนับสนุนท่านโรมะแต่ละคนน่ากลัวเกินไป ที่สำคัญฉันไม่อยากเจอจุดจบแบบเดียวกับสภาใต้ดินหรอกนะ”
ซารีบอกออกมา แต่ผมยังเห็นว่าลึกๆ ในใจเธอ ยังมีการต่อต้านผมอยู่ เลยต้องพูดเรื่องสำคัญออกไป
“…ซารี แม่ของเธอ…ถูกเผ่าปีศาจฆ่าสินะ”
“!!!”
ซารีทำหน้าตกใจออกมา แปลว่าที่ผมเดาถูกต้อง จริงๆ เรื่องนี้ซารีไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน เลยถือเป็นความลับ แต่ผมว่าเดาได้ไม่ยากหรอก เพราะแม่ของซารีคือผู้กล้า แล้วผู้กล้าก็ต้องหํ้าหั่นกับเผ่าปีศาจ ฉะนั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะออกมาในรูปแบบนี้
“เพราะงั้นเธอจึงเกลียดเผ่าปีศาจมาก จนไม่อาจจะอยู่ร่วมโลกกันได้”
“…ในเมื่อรู้แล้ว ฉันก็จะปิดบังล่ะนะ”
จากนั้นซารีก็เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง ตั้งแต่เด็กเธอชื่นชมแม่ของเธอเป็นอย่างมาก แม่ของซารีเป็นคนเก่งรอบด้าน ทั้งยังเป็นคนสวยและมีจิตใจงดงาม ส่วนพ่อของเธอก็เป็นหัวหน้ากิลนักผจญภัยที่มีแต่คนนับถือ จนสร้างยุคทองของนักผจญภัยขึ้นมา
จนมาวันหนึ่ง มีข่าวเรื่องการตั้งฐานของเผ่าปีศาจในเขตใกล้กับเมือง และคอยหลอกล่อผู้คนให้เข้ากับเผ่าปีศาจ แม่ของซารีเลยนำกำลังนักผจญภัยบุกไปทำลายฐานที่ว่า แต่แล้วแม่ของซารีกับนักผจญภัยทั้งหมดกลับขาดการติดต่อไปเลย ฐานที่ว่าก็หายไปด้วย
พ่อของซารีทุ่มเททุกอย่างทั้งหมด เพื่อออกตามหาภารยาและนักผจญภัยที่หายไป จนเมื่อได้ทราบข่าวฐานที่ตั้งนั้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เลยรีบรุดไปช่วยเหลือ แต่ภาพที่เห็นได้ทำให้เขาและซารีหัวใจสลาย
เพราะที่เห็นอยู่ท่ามกลางคลื่นเนื้อมนุษย์ คือผู้หญิงที่กระทำตัวดุจโสเภณี เสพสมกับชายไม่เลือกหน้าการแสดงออกยิ่งกว่าสัตว์ป่า จิตใจของเธอถูกทำลายไปจนสิ้นแล้ว
ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจจะใช้ยากล่อมประสาท โชคดีที่พ่อของซารีเตรียมตัวมาพร้อม เลยไม่พลาดท่าถูกยากล่อมประสาท จากนั้นก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ด้วยการล้างสมอง ทำให้แม่ของซารีจับดาบขึ้นมาใส่พวกเธอ ในทีแรกพวกเธอคิดจะจับตัวโดยไม่ให้บาดเจ็บ แต่
ฝีมือของแม่ซารีนั้นอยู่ในระดับผู้กล้าที่มีฝีมือสูง ต่อให้ใช้คนจำนวนมากก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
แต่พอสู้ๆ กันไป ฝ่ายนักผจญภัยเริ่มได้เปรียบ เพราะขนกันมาเพิ่มไม่หยุด ตอนนั้นเองที่เผ่าปีศาจเริ่มทำการเรียกมอนสเตอร์ออกมา
เหตุการณ์เลยชุลมุนมาก ซารีเองก็ถูกมอนสเตอร์ทำลายดวงตาไปข้างหนึ่งจากเหตุการณ์นี้ และพอทุกอย่างจบลง สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือซากศพของผู้อันเป็นที่รักของเธอ แม่ของซารีถูกฆ่าในสภาพร่างกายฉีกขาดเป็นชิ้นๆ หัวใจของเธอเองก็ถูกฉีกไปในตอนนั้นด้วยเหมือนกัน
และหลังจากจัดงานศพให้กับแม่ของเธอได้ไม่นาน พ่อของเธอซารีก็ผูกคอตายเพราะทนความเสียใจไม่ได้ ซารีเองโทษความผิดทุกอย่างไปที่เผ่าปีศาจ และสาบาน
ว่าจะจองล้างจองพลาญเผ่าปีศาจไปตลอดกาล นั้นเลยทำให้เธอตั้งใจบริหารกิลนักผจญภัยให้แข็งแกร่งขึ้น เพราะลำพังเธอคนเดียวทำอะไรเผ่าปีศาจไม่ได้แน่ แต่การคงอยู่ของกิลผจญภัยคือเสี้ยนหนามที่จะขวางทางเผ่าปีศาจไปนานเท่านาน
พอได้ฟังเรื่องราวของซารีแล้ว ผมก็รู้สึกเห็นใจเธอ ถ้าเป็นผมก็คงทำแบบเดียวกับเธอ แต่เรื่องเห็นใจก็ส่วนเห็นใจ ส่วนเรื่องที่เธอเคยทำร้ายผมนั้นใช่จะลบล้างได้ พวกสาวๆ เลยยังไม่เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อซารี ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาจากความว่างเปล่า
“ขออภัยค่ะ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับเผ่าปีศาจ ฉะนั้นฉันจึงต้องขอสอดแทรกการพูดคุยครั้งนี้แล้ว”
พอกล่าวจบ มุเอมะก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางวง
“พี่สาว!”
ฟรานลุกขึ้นไปกอดมุเอมะทันที ท่าทางจะถูกซะตากันมาก มุเอมะยิ้มพร้อมกับลูบหัวฟรานก่อนจะหันไปทางซารี
ทางซารีรู้ว่ามุเอมะคือใคร เธอเลยสั่นขึ้นมาและตั้งท่าจะสู้ แต่มุเอมะหาได้สนใจท่าทางของซารี เพราะถึงอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาก็สร้างกระทั่งลอยข่วนให้กับเธอไม่ได้
“เหตุการณ์ที่เธอเล่ามา ฉันจำได้เป็นอย่างดี มันถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเผ่าปีศาจด้วย เพียงแต่…เรื่องราวมันไม่เหมือนกับที่เธอเล่ามาเลย”
“ว่าไงนะ!”
“ซารี ใจเย็นก่อน”
ผมอยากฟังที่มุเอมะจะเล่า เพราะเธอคือคนที่ผมเชื่อใจมากที่สุด และเธอจะไม่โกหกผมแน่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม
“เผ่าปีศาจที่เธอว่านั้น ไม่ใช่พวกเราค่ะ แต่เป็นมนุษย์ที่ตั้งลัทธินอกรีต โดยใช้ชื่อของเผ่าปีศาจไปกล่าวอ้าง”
“ไม่จริง!”
“ค่ะ พูดปากเปล่าไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ฉันเลยนำหลักฐานมาด้วย”
หลักฐานที่มุเอมะนำมา คือภาพที่บันทึกด้วยเวทมนต์ที่แอบถ่ายมา มันฉายภาพกิจกรรมของลัทธิ
ที่ว่า ซึ่งสามารถเรียกได้เต็มปากว่ามันคือ สวิงกิ้งหมู่ ในภาพนั้นยังมีแม่ของซารีอยู่ด้วย ซารีจึงเบี่ยงหน้าหลบเป็นระยะ
จากนั้นคนที่บันทึกภาพ เคลื่อนย้ายตัวเองไปที่อีกห้องหนึ่ง เพื่อแอบฟังการสนทนาของหัวหน้าลัทธิ เนื้อหาของการสนทนาบ่งบอกชัดเจนถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพวกมัน
ซึ่งทั้งหมดเป็นการจัดฉาก
ข่าวที่ปล่อยออกไปเป็นเพราะพวกมันเอง โดยใช้คนของตัวเองที่เป็นนักผจญภัย ในการให้ข้อมูลผิดๆ ทำให้แม่ของซารีมาบุกที่นี้แบบไม่ทันระวังตัว จึงถูกยากล่อมประสาทและทำการล้างสมองไป ทั้งหมดก็เพื่อจะได้สมาชิกที่มีความสามารถในการต่อสู้ระดับสูงอย่างผู้กล้ามาใช้งาน
พอได้หลักฐานชัดเจนแล้ว มุเอมะเลยเตรียมพร้อมบุกถล่มพวกมัน ที่บังอาจใส่ร้ายเผ่าปีศาจ ซึ่งในช่วงนั้นมีกลุ่มแบบนี้ขึ้นมาเยอะแยะไปหมด มุเอมะเลยต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
แต่โชคไม่ดี จังหวะที่บุกก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กิลนักผจญภัยก็บุกมาพอดี มันเลยกลายเป็นศึกสามฝ่ายที่อัดกันมั่ว เพราะตอนนั้นเผ่าปีศาจยังไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์รู้เรื่อง แต่เป็นความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้ว แม่ของซารีถูกสังหารด้วยมือของคนจากเผ่าปีศาจ
มุเอมะถอนหายใจก่อนจะหยิบขวดยาออกมา และส่งให้กับซารี
“นี้คือยากล่อมประสาทที่พวกมันใช้ในตอนนั้น ซึ่งผลของมันรุนแรงมาก ถ้าใช้ควบคู่กับการล้าง
สมอง มันจะถึงขั้นทำลายหรือปรับเปลี่ยนความทรงจำไปแบบถาวร…คนที่ถูกล้างสมองจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก นั้นคือเหตุผลที่ฉันสั่งฆ่าทุกคนในที่นั้น เธอสามารถนำยานี้ไปตรวจสอบเพื่อยืนยันสิ่งที่ฉันพูดได้”
ซารีรับยาไปในสภาพมือสั่น เธอคงช็อคมากจนพูดอะไรไม่ออก
“ซารี ผมเตรียมห้องไว้ให้แล้ว ไปพักก่อนเถอะ”
ผมคิดว่าควรจะให้เวลากับซารีในการคิดทบทวนดู แต่เธอกลับส่ายหน้า และมองไปที่มุเอมะ
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ จัดการพวกมันได้หมดหรือเปล่า”
“…ไม่ เพราะมีนักผจญภัยขวางทางอยู่ ทำไมพวกฉันเองก็สูญเสียไปพอสมควร จึงสั่งให้ถอนกำลังออกมาก่อน แต่หลังจากนั้นลัทธินี้ก็หายไป ในเมื่อไม่เกี่ยวของกับเผ่าปีศาจอีกแล้ว ฉันจึงไม่ได้ติดตามพวกมันไปต่อ”
“พวกมันยังอยู่!”
ซารีบีบขวดยาไว้แน่นด้วยความโกรธ จังหวะนั้นมุเอมะหันมาสบตากับผม ซึ่งผมพอจะเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงพยักหน้าตอบ
“ด้วยศักยภาพของเผ่าปีศาจในตอนนี้ ถ้าจะหาตัวมัน แค่ชั่วโมงเดียวก็เจอแล้ว”
“จริงเหรอ!”
“ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็นะ”
ซารีลุกขึ้นมา และตรงเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ามุเอมะทันที ในเมื่อรู้ความจริงแล้ว ต่อให้ต้องขายวิญญาณให้กับปีศาจ ซารีก็ยอมเพียงเพื่อจะได้แก้แค้น
จริงๆ ด้วยกำลังของกิลนักผจญภัยจะหาตัวคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าติดประกาศโดยไม่มีข้อหา มันจะมีคำถามตามมาทีหลังได้
อีกอย่างซารีฉลาดจนมองออก ว่าคนที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ จะมีต้องมีฐานะและอำนาจพอสมควร และนี้ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว พวกมันอาจยกฐานะตัวเองสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งมือของกิลนักผจญภัยจะเอื้อมไปไม่ถึงตัวพวกมัน
ฉะนั้นซารีจึงรู้ว่าถ้ามีเผ่าปีศาจช่วย การล้างแค้นของเธอก็จะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้อีก
ใช้คนให้เหมาะกับงาน
นั้นคือสิ่งที่ซารีถนัด และงานล้างแค้นแบบนี้ เผ่าปีศาจนี้แหละเหมาะที่สุด เพราะงั้นต่อให้เธอต้องกลายเป็นเผ่าปีศาจไปด้วยเพราะเรื่องนี้ เธอก็ยินดีรับผลที่ตามมา
“ได้โปรด ช่วยให้ฉันได้แก้แค้นพวกมันด้วยเถอะค่ะ! ส่วนสิ่งตอบแทน ไม่ว่าพวกท่านต้องการอะไร ฉันจะยอมทุกอย่าง!”
“คิดให้ดีๆ นะซารี เพียงแค่การล้างแค้นมันจะทำลายชีวิตเธอเลยนะ”
ผมถามไปเพราะอยากเตือนสติ แต่ผมก็รู้ว่าซารีเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายตัวเองอยู่แล้ว เธอเป็นแบบนั้นแหละ
“ฉันไม่สน ชีวิตฉันถูกพวกมันทำลายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าไม่ได้ส่งพวกมันลงนรกด้วยมือฉัน
เอง ชาตินี้คงไม่สามารถเป็นผีไปพบหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ได้!”
“แต่หลังล้างแค้นเสร็จ เธอจะเสียจุดยืนของชีวิตที่เหลือไปเลยนะ”
“ชีวิตที่เหลือฉันยกให้ท่านโรมะ”
“แน่ใจนะ ถึงขอคืนผมก็ไม่คืนให้นะ”
“แน่ใจค่ะ! เพราะฉะนั้น…ได้โปรดช่วยฉันด้วยเถอะ!”
“…ตกลง ผมจะช่วยเอง”
ผมยอมรับการตัดสินใจของซารี และหันไปบอกกับมุเอมะ
“มุเอมะ ฝากเรื่องชี้เป้าด้วยนะ แต่อย่าให้พวกมันรู้ตัวล่ะ พวกเราจะย่องกันไปแบบเงียบๆ”
“จะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ท่านโรมะ!”
มุเอมะตอบอย่างขึงขังและยังโค้งคำนับผมด้วย เล่นเอาซารีทำหน้ามึนงงไปเลย เพราะเธอเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นลูกน้องของมุเอมะ แต่เท่าที่เห็นผมสามารถออกคำสั่งกับมุเอมะได้…และคนที่ตำแหน่งใหญ่กว่ามุเอมะในเผ่าปีศาจก็มีแค่คนเดียว
ดูเหมือนซารีจะรู้ฐานะที่แท้จริงของผมแล้ว เลยหันไปยิ้มให้เธอ
ซารีที่สบตากับผม ก็ออกอาการนํ้าเดินไปพร้อมกับปัสสาวะราด เพราะร่างกายเธอถูกผมฝึกจนตอบสนองที่ไวมาก เพียงแค่ถูกผมจ้องตาก็ทำให้เธอมีอารมณ์อย่างรุนแรงขึ้นมาได้แล้ว แต่ความกลัวเกรงในอำนาจของจอมมาร ก็ทำให้เธอกลัวจนถึงกลั้นไม่อยู่ ทั้ง
สองอย่างเลยออกมาพร้อมกัน ด้วยการตอบสนองของร่างกายกับการตอบสนองของจิตใจที่ไปกันคนละทาง
“จากนี้ไปพวกเราจะเรียกเธอว่ายัยฉี่ราด!”
ฟรานชี้นิ้วไปที่ซารีและตั้งชื่อเล่นให้เองเลย
“ฟรานนี้โหดจัง”
มอเรียถอนหายใจ เพราะถึงเธอจะไม่ชอบซารี แต่เป็นผู้หญิงแล้วโดนเรียกว่ายัยฉี่ราด มันก็โหดเกินไปหน่อย
“ใช่ ฟรานไปเรียกแบบนั้นมันก็สะเทือนถึงมอเรียด้วยน่ะสิ ก็มอเรียน่ะฉี่แตกตอนเสร็จทุกที”
มิรินส่งสายตาเห็นใจไปที่มอเรีย
“อย่ามาแซวกันสิ! พูดถึงเรื่องนี้แล้ว พวกเรามีคนไหนที่โดนท่านโรมะเสียบแล้วฉี่ไม่แตกด้วยเหรอ!”
พอโดนย้อนใส่ พวกสาวๆ เลยพากันหันหน้าหลบ กระทั่งมุเอมะเองด้วย สุดท้ายแล้วทุกคนเลยพยายามลืมชื่อที่ฟรานตั้ง เพราะมันสะเทือนไปถึงตัวเองด้วย
และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง รายชื่อพร้อมที่อยู่ของพวกที่ก่อเหตุในวันนั้น ก็ถูกส่งมาถึงมือซารี
ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้ พวกมันล้วนแต่เป็นคนระดับสูง โดยเฉพาะตัวหัวหน้า ที่เป็นถึงระดับดยุค เป็นอย่างที่ซารีคิด ว่าลำพังใช้อำนาจของกิลนักผจญภัย ชาตินี้คงไม่มีวันเอื้อมไปถึงตัวมันได้แน่ แต่ถึงจะเป็น
เผ่าปีศาจเอง ซารีก็ยังสงสัยว่าพวกผมจะมีวิธีการแบบไหน ที่จะไม่ทำให้มันกลายเป็นการประกาศสงครามขึ้นมาได้
ซึ่งวิธีการนั้นผมคิดเอาไว้แล้ว เลยบอกเธอไปตามตรง ซารีก็นึกถึงบทลงทัณฑ์ที่ผมใช้กับสภาใต้ดินขึ้นมา เลยรู้ว่าเธอกังวลเกินกว่าเหตุไปเอง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจัดการให้
และงานนี้ผมรับรองเลยว่า ได้สนุกกันทุกคนแน่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น