ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 17 - 19 By Kumao






ขอโทษที่หายไปนานครับ เนื่องจากคอมเสียบวกไม่มีเวลาไปซ่อมครับ งานเยอะอ่ะ หลังจากนี้จะมาลงถี่ๆเลยละกัน

ตอนที่ 17 ทัณฑ์ทะลวง

พอกลับมาถึงคฤหาสน์ ผมก็ให้ยูรินเลือกห้องที่ต้องการ เธอเลือกห้องที่ชั้นหนึ่ง แถมยังขอเพิงพักด้านหลังไว้เป็นWorkshop สำหรับทำงานด้วย ซึ่งผมก็ให้ไปตามที่เธอต้องการ เพราะอย่างไงก็ไม่ได้ใช้งานอะไรอยู่แล้ว
ตอนนี้เย็นมากแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็น ผมนำเนื้อวัวที่แช่ไว้ในนมก่อนจะออกไปขึ้นมา ที่ต้องแช่ไว้เพราะมันจะทำให้เนื้อนิ่มและมีรสหวานแฝงอยู่
และเพราะต้องย่างหลายชิ้น ผมเลยไปด้านหลังบ้าน ก่อเตาขึ้นมาและวางตะแกงไว้ข้างบน ระหว่างขั้นตอนการทำ ทุกคนมายืนดูอย่างสนใจ ระหว่างย่างผมก็คอยทาซอสและโรยเกลือไปด้วย กลิ่นหอมที่ส่งออกมา เล่นเอาทุกคนน้ำลายไหลและจ้องกันแบบไร้คำพูด
เมื่อเนื้อใกล้สุก ผมก็ให้ฟรานกับเดเม่ไปหยิบจานมาใส่ และลำเลี้ยงเอากลับไปที่ในครัว ขั้นตอนสุดท้ายก็ราดซอสอีกนิดหน่อยโรยด้วยพริกไทย และวางเนยไว้ด้านบน ขณะที่เนยละลายมันจะส่งกลิ่นหอมและเพิ่มรสชาติหวานมัน ผมเอาซอสมะเขือเทศที่ทำเองออกมาด้วย และทำมันบดเป็นเครื่องเคียง
ตอนนี้สเต็กได้ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีทุกคนนั่งประจำที่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้เริ่มกิน ยูรินก็หงายหลังเป็นลมไปซะแล้ว
“ยูรินเป็นอะไรหรือเปล่า!”
ผมรีบเข้าไปดูอาการ
“กะ กลิ่นของมันถึงกับทำให้ข้าเป็นลมไปเลยเหรอเนี่ย นี้มันอาวุธแบบไหนกัน!?”
“ของกินต่างหาก ไม่ใช่อาวุธ!”
“นะ นายท่านหนูขอเก็บไว้ดมกลิ่นมันอย่างเดียวได้ไหมคะ”
ฟรานถามขณะชี้ไปที่สเต็กด้วยตัวที่สั่นไม่หยุด
“กินไปเถอะน่า!”
“แล้วนั้นจะกราบมันทำไม!”
ผมรีบหันไปว่าเดเม่ที่กำลังก้มกราบใส่สเต็กอยู่
“ถ้าจากนี้ไปไม่ได้กลิ่นหอมแบบนี้อีกแล้วล่ะก็…แฮ่กๆๆ”
ดาเซสนั่งจ้องสเต็กพลางหอบหายใจด้วยสีหน้าที่ยิ้มแบบบิดเบี้ยว คงกำลังจิตนาการถึงความทรมานที่จะไม่ได้กลิ่นของสเต็กอีกเป็นครั้งที่สอง
“เก็บอาการหน่อย!”
และรายสุดท้าย เอร่าเขมือบสเต็กเข้าไปทั้งชิ้นจนติดคอหมดสติไปแล้ว
“ใครเขาให้กินแบบนั้นฟ่ะ!”
หลังจากเอาสเต็กออกมาจากปากเอร่าแล้ว ผมก็ต้องสอนวิธีใช้มีดกับส้อมในการกินสเต็กกับทุกคน โดยจับมือสอนเรียงคนไปเลย
พอทำกันเป็นแล้วผมก็กลับมากินส่วนของผม พลางดูบรรยากาศประหลาดๆ ของมื้ออาหาร ที่ทุกคนกินไปร้องไห้กันไป ส่วนยูรินก็สลบไปทุกครั้งที่เอาเนื้อเข้าปาก นี้โดนความอร่อยเล่นงานจนสลบเลยเหรอ!
“ปะ ปกติกินของอร่อยกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ?”
ยูรินหันไปถามเดเม่ที่นั่งข้างๆ ซึ่งน้ำตาไหลนองหน้าอยู่
“ใช่ค่ะ นายท่านทำอาหารอร่อยมาก แถมอร่อยขึ้นทุกวันด้วย วันนี้อร่อยเป็นพิเศษเลย”
“แบบนี้ก็แย่สิ ข้าคิดไม่ออกเลย ว่าหลังจากกินเจ้าสิ่งนี้ไปแล้ว จะกลับไปกินอาหารอย่างอื่นได้อย่างไง!”
ยูรินมองสเต็กในจานด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่ในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
“อืมๆ ฉันเข้าใจ ฉันเองก็คิดแบบนั้น”
ดาเซสแสดงความเห็นด้วยทันที เธอพูดทั้งๆ ที่มีเนื้ออยู่เต็มปาก
“อย่าพูดเวลามีอาหารอยู่ในปากสิค่ะ”
ฟรานหันไปสอนดาเซสแบบทุกที ถึงแม้มือของเธอจะไม่หยุดหั่นเนื้อในจานเลย
“ขออีก!”
เอร่ากินหมดก่อนใครและรีบยื่นจานมาทางผม ความเกรงใจของยัยนี้มันไปตกหล่นอยู่ที่ไหนว่ะ
แต่ผมก็กะไว้แล้วว่าทุกคนต้องชอบ เลยเตรียมเพื่อไว้เยอะจนเติมได้หลายรอบ งานนี้ทุกคนเลยกินกันจนพุงกางเลย แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะเก็บไว้ชุดหนึ่งในกระเป๋านักผจญภัย เพื่อจะเอาไปฝากมอเรียด้วย
ระหว่างนั่งพักกัน ผมก็ไปเตรียมน้ำอาบ เดเม่ก็ตามช่วยด้วยถึงแม้จะเหมือนตามมาดูเฉยๆ ก็เถอะ เป็นเด็กดีจริงๆ เรื่องความสะอาดเพราะผมใช้คลีนนิ่งอยู่ตลอด มันเลยสะอาดหมดจดจนเอาลิ้นเลียได้เลย พอเตรียมน้ำเสร็จ ก็ไปเรียกทุกคนมาอาบน้ำ โดยให้พายูรินมาสอนวิธีแช่น้ำด้วย
ระหว่างที่ทุกคนแช่น้ำอยู่ ผมก็ออกมาเตรียมเครื่องดื่ม โดยเอานมออกมาใส่แก้ว และอุ่นด้วยสกิลพ่อบ้านสมบูรณ์แบบ และเมื่อทุกคนออกมาก็ได้ดื่มนมอุ่นๆ เป็นการปิดท้าย หลังจากผมกลับออกมาจากแช่น้ำแล้ว ก็เห็นทุกคนหลับกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูท่านมอุ่นๆ หลังอาบน้ำนี้จะช่วยให้หลับสบายจริงๆ ด้วย
ขณะหลับทุกคนยังมีรอยยิ้มของความสุขอยู่บนใบหน้า ยกเว้นของยูรินนะที่ผมมองไม่ออกว่า แต่นี้แหละคือสิ่งที่ผมต้องการ การได้เห็นใบหน้ามีความสุขของพวกเธอ ความพยายามทั้งหมดของผมก็เพื่อสิ่งนี้เท่านั้น
ผมอุ้มพาทุกคนขึ้นไปที่ห้องทีละคน พลางตรวจดูสุขภาพร่างกายพวกเธอไปด้วย
อืม ดาเซสนี้จริงๆ เลย สงสัยออกไปยืนตากแดดอีกแล้ว ผิวเลยเริ่มแห้ง ไว้ค่อยใช้แยมขาวรักษาให้วันหลังล่ะกัน ผมอุ้มดาเซสไปก่อนเพราะห้องเธออยู่ใกล้ที่สุด
จากนั้นก็ถึงคิวยูริน หน้าของเธอตอนหลับนี้ก็ยังนิ่งอยู่ดีแฮะ ส่วนร่างกายของเธอเพราะพึ่งรักษาไปเลยไม่มีอะไรต้องกังวล
ฟรานกับเดเม่ตัวเบาผมเลยอุ้มทั้งคู่ขึ้นไปพร้อมกัน แต่ตอนวางฟรานลงบนเตียง เธอตื่นขึ้นมาและพยายามบริการหนอนน้อยผมทั้งๆ ที่ง่วงอยู่ ผมเลยลูบหัวเธอเบาๆ
“วันนี้ไม่ต้องหรอก นอนให้สบายเถอะ”
ผมจับเธอนอนลงไปและห่มผ้าให้ ลูบหัวจนเธอหลับไป
ฟรานนั้นฟื้นตัวได้เร็วอยู่แล้วเพราะเป็นแวมไพร์และมีสกิล Drain อีกต่างหาก ร่างกายเธอเลยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ส่วนของเดเม่เองจากที่ผอมเป็นไม้เสียบผีในตอนแรก ตอนนี้ก็เริ่มมีเนื้อมีหนังแบบคนสุขภาพดีขึ้นมาแล้ว
และท้ายสุดผมก็ต้องแบกยัยเทพธิดาไร้ประโยชน์ขึ้นไปบนชั้นสาม หนักขึ้นหรือเปล่าเนี่ย? แบบนี้ต้องลดอาหารของยัยนี้ลงหน่อยแล้ว
ตอนนี้พึ่งจะยังทุ่มครึ่ง ผมกะไปหามอเรียตอนสามทุ่ม เลยติดต่อผ่านแหวนไปหามุเอมะ
“สวัสดีค่ะ ท่านโรมะ มีอะไรให้รับใช้คะ”
“เปล่าๆ แค่ติดต่อมาดูว่าเธอสบายดีไหม”
“ดีใจจริงๆ ที่ท่านโรมะเป็นห่วงใยฉันถึงขนาดนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันสบายดีทุกอย่าง และจัดการงานทางนี้ได้อย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา ว่าแต่จะให้ฉันจัดหาเด็กสาวไปให้ไหมคะ คนรับใช้ แล้วเงินล่ะคะ”
มุเอมะรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ฉันมีความสุขดีแล้ว ทุกอย่างกำลังไปได้ดีทีเดียว”
“ค่ะ แต่ถ้าต้องการสิ่งใดโปรดได้บอกฉันเลยนะคะ มุเอมะคนนี้จะบันดาลให้ท่านในทันที”
“อืม ขอบใจอีกครั้ง มีเธอคอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลังแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะ”
เหมือนกับได้ยินเสียงปุ๊งมาจากอีกด้าน
“มะ มะ ไม่หรอกค่ะท่านโรมะ การได้รับใช้ท่าน ก็เป็นความสุขของพวกเราแล้ว ระ รักษาตัวด้วยนะคะ!”
พอตัดการติดต่อจากมุเอมะไปแล้ว ผมก็ออกจากคฤหาสน์ไป ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตรวจดูสกิลที่ได้มาจากยูรินเลย
แต่พอตรวจดูพบว่าไม่ได้สกิลใหม่มา แต่สกิลตรวจสอบเพิ่มขึ้นเป็น lv2 แล้ว หรือว่าถ้าได้สกิลซ้ำมาจะเป็นการอัพเลเวลให้แทน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เพราะมีเวลาเหลือผมเลยแวะไปที่อื่นก่อน ที่ไปคือร้านเหล้าซึ่งมอเรียพาผมมาเมื่อคืน ผมสั่งซื้อเหล้าหลายๆ ชนิดๆ ใส่ไว้ในกระเป๋านักผจญภัย เพื่อเอาไว้ให้กับยูริน เพราะเห็นว่าดวาฟขาดเหล้าไม่ได้นี่นะ แล้วก็ถือขวดหนึ่งติดมือไปฝากมอเรีย
แต่ตอนอยู่ในร้านเหล้า ผมก็ได้ยินกลุ่มผจญภัยพูดเรื่องน่าสนใจออกมา เลยสั่งเหล้ามานั่งดื่มแล้วเงี่ยหูฟังเรื่องที่พวกนั้นพูดต่อ
สิ่งที่พวกมันพูดถึงเหมือนจะเป็นคนที่ผมรู้จัก เพราะมีชื่อมิรินซึ่งเป็นนักเวทสาว ที่เคยผู้ปาร์ตี้ผู้กล้าที่โดนผมจัดการไป ดูเหมือนว่าพอปาร์ตี้เธอไม่มีผู้กล้าแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป ตัวเธอก็มาที่เมืองนี้เพื่อหาปาร์ตี้ใหม่
ทว่าเรื่องดูท่าจะชักไม่ดีแล้ว เพราะกลุ่มที่เธอไปเข้าปาร์ตี้ด้วย เป็นพวกที่มีชื่อเสียงไม่ดี ชอบล่อลวงนักผจญภัยสาวๆ ไปข่มขืนในดันเจี้ยน ถึงจะไม่เคยถูกจับได้จังๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีเลยเข้ามานั่งซุบซิบนินทาในร้านเหล้าแบบนี้ มิรินเองมาจากต่างเมือง ไม่รู้เรื่องนี้เลยถูกหลอกไปโดยง่าย
“พวกนั้นไปที่ดันเจี้ยนไหน”
ผมรีบลุกขึ้นไปถามถึงโต๊ะ พวกนั้นดูจะตกใจแต่ก็บอกออกมาทันที
“ได้ยินว่าเป็นดันเจี้ยน ความโกรธของเมอคิวรี่ ที่อยู่ทางทิศใต้น่ะ”
“ขอบใจ”
ผมให้เงินเลี้ยงค่าเหล้าเป็นค่าข้อมูลพวกเขาไป แต่ตอนรีบออกมาจากร้านพวกนั้นก็รีบตะโกนไล่หลังมา
“นายจะไปช่วยเหรอ งั้นระวังไว้หน่อยล่ะ เจ้าพวกนั้นเลเวล40 กันแล้ว แถมเป็นนักผจญภัย Rank 35ด้วยนะ”
ผมพยักหน้ารับความหวังดีนั้นไว้ และรีบหาที่ปลอดสายตาคน แล้ววาปร์กลับไปที่ปราสาทจอมมารทันที
เพราะผมกลับมาแบบไม่ได้บอกก่อนทุกคนเลยตกใจ แต่ก็รีบไปตามมุเอมะมาหาผมทันที
“ดันเจี้ยน ความโกรธของเมอคิวรี่เหรอคะ น่าจะไปได้นะค่ะ ถึงจะไม่ได้เป็นดันเจี้ยนใต้ปกครอง แต่ถ้าใช้อุปกรณ์เวท ก็น่าจะไปได้ในทันที”
“งั้นช่วยที รอไม่ได้แล้ว”
มุเอมะรีบไปจัดการนำอุปกรณ์เวทที่ว่ามาให้ทันที ระหว่างนั้นผมหันไปถามปีศาจสามตา คลูนิส
“ลุงมีเวทมนต์ประเภทตรวจหาตำแหน่งไหม”
“มีครับ ผมสามารถตรวจสอบหาตำแหน่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง และแยกแยะตัวบุคคลได้ในรัศมีสิบกิโลเมตร”
“เยี่ยมงั้นไปด้วยกัน”
พอมุเอมะกลับมาพร้อมแผ่นกระดาษบึกหนึ่ง เธอก็รีบอธิบายวิธีใช้ทันที ซึ่งมันใช้ง่ายมาก แค่รวมสมาธิไว้เหมือนตอนใช้เวทมนต์ แล้วเอ่ยชื่อสถานที่ออกมา มันจะวาปร์ไปส่งที่นั้นทันที แต่เมื่อใช้แล้วมันจะไหม้ไฟไปทันที ใช้หนึ่งใบต่อหนึ่งครั้ง นี้มันใบวาปร์ชัดๆ
ผมกับคลูนิสวาปร์มาที่ทางเข้าดันเจี้ยน และเริ่มให้คลูนิสค้นหาตำแหน่งว่ามิรินอยู่ที่ชั้นไหน จากนั้นก็ใช้ใบวาปร์ไปที่ชั้นนั้นทันที
ทว่าผมมาถึงช้าไป สภาพที่เห็นคือผู้ชายทั้งห้าคนกำลังรุมขืนใจมิรินอยู่ สภาพของเธอ…พังไปแล้ว ถึงจะมีลมหายใจ แต่ไม่มีการต่อต้าน แขนขาเธอตกห้อยข้างตัว ดวงตาว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ อีก ร่างกายของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำกามของพวกมัน
“…เฮ้ย พวกแก”
ผมก้าวเข้าไปหาพวกมัน น้ำเสียงผมยังเก็บความโกรธเอาไม่อยู่
“อะไรว่ะ อย่ายุ่งน่าคนกำลังสนุกกันอยู่”
ชายคนหนึ่งที่นั่งดูพลางดื่มเหล้าไปด้วยลุกขึ้นมาขวางผม
“สนุก…เอ่อ ได้ เดี๋ยวพวกแกจะได้สนุกกันแล้ว”
ความโกรธที่ขึ้นถึงขีดสุดทำให้ชุดเกราะจอมมารมาหาผมโดยที่ไม่ต้องเรียก สถานะของผมถูกเปลี่ยนไปเป็นจอมมารทันที พวกมันทั้งห้าคนต่างรู้สึกถึงตัวตนของผมได้ เลยรีบลุกขึ้นมาวิ่งหนี แต่ผมไม่มีทางปล่อยพวกมันไปแน่
“Chain of Sen”
ผมใช้หนึ่งในเวทมนต์ของจอมมารออกไป และที่พื้นก็โซ่ตรวนจำนวนมากพุ่งเข้าไปหาพวกมันทั้งห้าคน ตรวนถูกใส่เข้าที่ข้อมือ ข้อเท้า และคออย่างแม่นยำ ก่อนจะลากพวกมันกลับมาอยู่ปลายเท้าผม
ตอนนี้พวกมันถูกตรึงอยู่บนพื้น ไม่อาจจะหนีได้อีก เวทมนต์ Chain of Sen นั้นเป็นเวทมนต์ที่อันตรายมาก เพราะเมื่อใช้มันออกไปแล้ว จะไม่มีทางยกเลิกมันได้ เป้าหมายถึงจะถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนไปตลอดกาล แถมไม่สามารถตายได้อีกด้วย เมื่อบาดเจ็บก็จะถูกรักษาทันที
“ลุง พวกเรามีลูกน้องที่เป็นพวกยักษ์ไหม”
“มีครับ แต่ถ้าต้องการข้ามีเวทมนต์อันเชิญกองทัพโอเกอร์ได้”
“ดี เรียกออกมาเยอะๆ เลย”
“ได้ตามที่ท่านประสงค์เดี๋ยวนี้”
คลูนิสได้ใช้เวทอันเชิญเรียกกองทัพโอเกอร์กว่าร้อยตัวออกมา พวกมันคือลูกครึ่งยักษ์ ตัวสูงสองเมตรกว่า มีผิวสีเทาซีด ตัวใหญ่กล้ามโต มีความอึดสูง
“เชิญสั่งพวกมันได้เลยครับนายท่าน”
“อืม ฟังนะ เจ้าพวกนี้อยากจะสนุกกัน พวกแกช่วยสงเคราะห์พวกมันหน่อยได้ไหม”
“ฮิๆๆ”
พวกโอเกอร์เข้าใจด้วยแฮะว่าผมหมายความว่าอย่างไง พวกมันเลยยิ้มกริ่มกันเลย เอ่อ หรือว่านี้พวกแกชอบแบบนี้กัน
“มะ ไม่! ช่วยด้วย พวกเราผิดไปแล้ว!”
เจ้าพวกนั้นรู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เลยรีบร้องขอชีวิตกันใหญ่
“แล้วเวลาเหยื่อของพวกแกร้องขอ พวกแกปล่อยพวกเธอไปไหมล่ะ”
แน่นอนว่าไม่
“ข้าเองก็ชอบผู้หญิง ชอบมากด้วย ข้าเลยเข้าอกเข้าใจพวกแกเป็นอย่างดี แต่ว่านะ ข้ารับกับสิ่งที่พวกแกทำไม่ได้ ความสุขที่ต้องแลกมากับการทำลายคนอื่น สิ่งนั้นข้าไม่เรียกมันว่าเป็นความสุข! เพื่อให้พวกแกได้เข้าใจปรัชญาอันสูงส่งของข้า เลยจะให้ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง แบบเดียวกับสิ่งที่แกทำกับพวกผู้หญิง จงรู้สึกแบบเดียวกับที่พวกเธอรู้สึก เอาล่ะเชิญสนุกกันให้สุดเหวี่ยงไปเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
พวกโอเกอร์กรูกันเข้าไปแย่งกันใหญ่ เสียงที่โดนดุ้นของพวกมันชำแหละรูตูดพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนปานจะขาดใจตาย มันช่างไพเราะอะไรเช่นนี้ แผลตรงรูตูดที่ฉีกขาดจนถึงลำไส้ ถูกรักษาให้หายทันที แต่ก็ถูกทำให้ฉีกขาดอีก ซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้จนเลือดนองพื้น
ผมสั่งให้พวกโอเกอร์ทะลวงรูตูดพวกมันแบบนอนสต๊อปไปแบบนี้ เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน จากนั้นก็ให้กินพวกมันจนกว่าจะอิ่ม พลังจาก Chain of sen จะรักษาพวกมันเอง จากนั้นก็ข่มขืนรูตูดมันอีก แล้วกินมันอีก ข่มขืนมันอีก กินมันอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าวิญญาณของพวกมันจะถูกทำลายจนสิ้น พวกโอเกอร์ก็รีบขานรับด้วยความยินดีปรีดา ราวกับผมมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับพวกมัน
ในภายหลัง พื้นที่ในชั้นนี้ของดันเจี้ยน จะถูกพวกนักผจญภัยเรียกขานว่า นรกทะลวงตูดแห่งความโกรธ ด้วยจำนวนโอเกอร์กว่าร้อยตัว ที่มาปักหลักตั้งค่ายพักกันจนเป็นหมู่บ้านย่อมๆ ไปแล้ว ทำให้ไม่มีนักผจญภัยคนใด กล้าเข้ามาช่วยเหยื่อที่น่าสังเวชทั้งห้ารายเลย ได้แต่รีบวิ่งผ่านเสียงร้องขาดใจตายพร้อมกับเสียงตูดฉีกไป
ผมดูพวกมันถูกทรมานจนพอใจแล้ว ก็เดินเข้าไปหามิริน เธอคงได้สติมาพักใหญ่แล้ว เลยมองสบตากับผม
“…”
ผมไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไงดี เลยก้มตัวลงไปดึงตัวเธอขึ้นมากอดไว้
จากนั้นผมกับคลูนิสก็กลับTH" style="word-wrap: break-word;">“มันจบแล้ว”
คำพูดของผมทำให้เธอร้องไห้ออกมา แต่ผมก็ปล่อยให้เธอร้องต่อไป ถ้าเธอปล่อยมันออกมาให้หมด มันน่าจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ผมคิดแบบนั้น สิ่งที่ผมได้ก็มีแค่ซับน้ำตาให้เธอเท่านั้น
ผมรอจนมิรินหยุดร้องไห้ และใช้คลีนนิ่งทำความสะอาดให้เธอ แต่เสื้อผ้าของเธอถูกพวกมันฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ผมเลยต้องใช้ผ้าคลุมจอมมารห่อร่างเธอไว้
“ข้าจะพาเจ้าไปรักษา ไม่ต้องกลัวนะ”
ผมบอกกับเธอที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขน เธอดูสงบลงทันทีและหลับไปทั้งๆ แบบนั้น
จากนั้นผมกับคลูนิสก็กลับมาที่ปราสาทจอมมาร ผมให้มุเอมะรักษาเธอและหาเสื้อผ้ามาใส่ให้ จากนั้นให้พักอยู่ที่นี้จนกว่าเธอจะดีขึ้น ทุกคนเองก็ช่วยรับปากว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุดผมเลยวางใจได้ ก่อนไปผมบอกว่าถ้าเธอฟื้นเมื่อไร ให้รีบติดต่อไปหาทันที

ตอนที่ 18 มื้อค่ำแสนหวาน

ผมใช้ใบวาปร์กลับมาที่ร้านเหล้าในจุดที่ลับตาคน ตอนนี้ผมสายแล้วเลยรีบไปหามอเรียตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก
ตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ไม่รู้มอเรียจะโกรธหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้บอกเวลานัดหมายที่แน่นอนกันไว้ก่อนอยู่แล้ว คงไม่เป็นไรมั่ง
จริงๆ แล้วผมค่อนข้างถูกใจมอเรียมากเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยสุดยอดนั้นหรอกนะ แต่เพราะเธอไม่ใช่คนที่มองใครแค่ผิวเผินและตัดสินกันแต่ภายนอก ไม่ใช่มองหน้าตาแต่มองถึงตัวจริงของคนคนนั้น สายตาที่มีมองทะลุเนื้อแท้ของคนได้นั้น ในอนาคตต้องมีประโยชน์แน่
แถมเรื่องบนเตียงเธอก็สุดยอดไปเลย ทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรก แต่เธอรับผมได้ทุกท่า ขนาดสลบไปแล้วร่างกายยังตอบสนองและเสร็จได้ตามปกติ และผมพึ่งเคยเห็นคนที่สลบไปแล้วแต่ยังร้องครางได้เนี่ยล่ะ
พอมาถึงหน้าห้องของมอเรีย ก็จัดผมจัดชุดให้เข้าที่ก่อนจะเคาะห้อง แต่เพียงเคาะไปยังไม่ทันได้ดึงมือกลับ ประตูห้องก็เปิดออกอย่างแรง ตัวผมถูกดึงเข้าไปในห้อง ประตูถูกปิดตัวผมถูกเหวี่ยงลงบนเตียง ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก!
มอเรียกระโดดขึ้นมาค่อมตัวผม และถอดเสื้อผ้าผมออกราวกับจะฉีกมันทิ้ง ส่วนตัวเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ก่อนแล้ว ไอ้เจ้าหนอนน้อยผมมันก็รู้งานดีเหลือเกิน ตั้งชูแข็งก่อนผมจะเรียกสติได้ซะอีก มอเรียไม่พูดพร่ำทำเพลง จับหนอนน้อยผมยัดเข้าถ้ำที่แน่นกระซับของตัวเอง และทำการขย่มผมอย่างรุนแรงตั้งแต่เริ่ม แบบนี้ดูเหมือนผมกำลังโดนข่มขืนอยู่เลยแฮะ อืมๆ นี้สินะที่เรียกว่า Reverse rape พระเจ้าผมชอบมันแฮะ ข่มขืนผมอีกครับ เอาให้เต็มที่เลย
ผมนอนเฉยๆ ให้มอเรียจัดการตามที่เธอต้องการให้พอใจ เธอขย่มผมแรงซะจนขาเตียงหัก แต่เธอไม่ยอมหยุดเสียเวลาเลย ยังมุ่งมั่นขย่มผมต่อไป ผมนอนดูนมของเธอเด้งไปมาตามแรงสะบัดของร่างกาย หน้าอกของเธอมีรูปทรงแบบเลมอน ที่หัวนมจะย้อยต่ำลงมาจากตรงกลางนิดหน่อย หัวนมเธอบอด ถึงผมอยากจะทำให้มันออกมาสู่โลกกว้าง แต่ไว้ที่หลัง ตอนนี้ผมต้องให้เธอคุมเกมให้ถึงที่สุดก่อน
หลังจากขย่มผมอยู่กว่าสิบนาที มอเรียก็ถึงจุดสุดยอดผมเลยฉีดแยมขาวสวนเข้าไป ระหว่างพักหายใจ มอเรียยังนั่งทับดุ้นผมอยู่ไม่ยอมให้ออกมาสูดอากาศได้ เธอก้มลงกอดผมและกระซิบที่ข้างหู
“ขอโทษนะคะท่านโรมะ ฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยทำเรื่องน่าอายลงไปจนได้ อย่าเกลียดฉันเลยนะคะ”
“อะไรกันล่ะนั้น ผมชอบจะตายไปครับตะกี้นี้ แล้วผมก็ไม่มีทางเกลียดคุณมอเรียได้หรอก แต่ว่านะทีหลังไม่ต้องเก็บกดหรอก ถ้าต้องการก็สะกิดเรียกผมได้เลย ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไร ผมพร้อมจัดให้เสมอ”
“ท่านโรมะ”
มอเรียทำตาเยิ้มก่อนจะจูบใส่ผมอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ผมต้องรีบให้เธอหยุดก่อน ไม่งั้นคงได้ต่อยกสองกันทันทีแน่
“มากินมื้อค่ำกันก่อนดีไหมครับ ผมเตรียมอาหารกับเครื่องดื่มมาให้”
“เอ๋!? จริงเหรอค่ะ”
มอเรียทำหน้าแปลกใจ แต่พอผมจะลุกขึ้นเธอกลับหนีบขาไว้แน่น
“…คะ คือว่า”
มอเรียทำหน้าเขินอายพลางกดหน้าลงบนหน้าอกผม
“อะไรเหรอครับ”
“ยะ อย่าเอาออกได้ไหมคะ”
“หือ เอาอะไรออกเหรอครับ”
ผมรู้แล้วล่ะ แต่ผมชอบฟังผู้หญิงสวยๆ พูดจาลามกน่ะ
“นะ นั้น สิ่งนั้นของคุณ”
“เอ๋? มันคืออะไรเหรอครับ”
มอเรียหน้าแดงไปหมดแล้ว คงเขินมาก
“ทะ ท่อน”
“ท่อน?”
“ทะ ท่อนเนื้อ”
“…”
ผมยังแกล้งนิ่งอยู่ และขยับตัวทำท่าจะถอนดุ้นออก จนเธอผวารีบกอดผมไว้และตะโกนออกมา
“อย่าเอาควยออกไปค่ะ! ฉันขาดมันไม่ได้! ฉันต้องการควยของท่านโรมะ!!”
“ฮุๆๆ ได้ตามที่ต้องการครับ”
ผมลุกขึ้นโดยใช้มือประคองที่ก้นมอเรีย ส่วนเธอก็ใช้ขาพันรอบเอวผมไว้แน่นอย่างกับงูรัดเลย และถึงผมจะเสร็จไปแล้ว แต่ดุ้นของผมยังคงแข็งแรงและผงกหัวงึกๆ อยู่ตลอดเวลา แค่ขยับไปหยิบกระเป๋าขึ้นมา ก็ทำเอามอเรียเสียวซะจนร้องครางออกมา
“ห้ามเสร็จนะครับ จนกว่าผมจะอนุญาต”
“อะ เอ๋!”
“นี้เป็นการลงโทษความลามกของคุณไงครับ”
ผมบอกขณะจูบไปที่แก้มของเธอเบาๆ นี้เป็นการบีบคั้นแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน แต่เธอกลับรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัวจนเผลอแล่บลิ้นออกมาเลียลิ้มฝีปาก
ผมอุ้มมอเรียในสภาพที่มีดุ้นเสียบคาอยู่ไปนั่งที่เก้าอี้ และจับหมุนตัวหันหน้าไปที่โต๊ะ จังหวะที่หมุนนั้นเองฉี่ของเธอก็เล็ดออกมานิดหนึ่ง เธอกัดฟันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองเสร็จตามที่ผมสั่งไว้
สเต็กร้อนๆ ถูกนำออกมาไว้บนโต๊ะ พร้อมกับเครื่องดื่มที่เป็นไวน์ชั้นดี มอเรียแปลกใจกับอาหารที่ไม่เคยเห็น แต่กลิ่นหอมของมันเล่นเอาเธอชมไม่หยุด แต่พอเธอละจุดสนใจไปผมก็จะกระแทกเอวใส่ จนเธอกรีดร้องเสียงหลงออกมา แล้วก็แช่ไว้แบบนั้นต่อ
“ทะ ท่านโรมะขี้แกล้ง”
“แล้วชอบไหมล่ะครับ”
“ระ รักค่ะ รักที่สุดเลยค่ะ!”
“งั้นเรามากินมื้อค่ำกันดีกว่าครับ ผมป้อนให้นะ”
ผมแสดงการใช้มีดและส้อมซึ่งแปลกตาสำหรับเธอ อ้อ แน่นอนว่าพอเธอหันไปสนใจอะไร ผมก็จะกระแทกเอวใส่จนเธอกรี๊ดล่ะนะ
“อ้าม”
ผมป้อนให้เธอ ซึ่งมอเรียก็อ้าปากรับอย่างเขินๆ แต่พอเนื้อเข้าปากเธอก็ถึงกับตัวสั่นกระตุก และร้องอี๋ออกมา
สมองของเธอรับการกระตุกความสุขจากความอร่อย ไปพร้อมๆ กับความสุขจากความเสียว ดูเหมือนมันจะมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว เธอจึงถึงจุดสุดยอดพร้อมกับฉี่แตกออกมา
“ทะ ท่านโรมะ ฉะ ฉันขอโทษค่ะ”
มอเรียกล่าวขอโทษอย่างหมดแรง
“ไม่เป็นไรหรอก กินต่อนะ”
ผมป้อนสเต็กให้เธอสลับกับให้ดื่มไวน์ ดูเธอจะชอบมากอาการไม่ต่างจากพวกฟรานเลย สีหน้าของมอเรียตอนนี้ไม่ต่างจากการถูกผมสะกดจิต ดวงตาเธอหวานเยิ้มจนแทบละลาย ลมหายใจรวยริน
หลังจากกินหมดแล้ว ผมก็อุ้มเธอกลับไปที่เตียงเพื่อต่อยกสอง มอเรียถึงกับรอให้ถึงเตียงไม่ไหว ส่ายเอวกระแทกใส่ผมก่อนล่วงหน้าเลย
รอบนี้ผมเป็นฝ่ายนำบ้าง ผมโยกขาข้างหนึ่งของมอเรียขึ้นชี้ฟ้าในท่านอนตะแคง และตะบันเอวใส่แบบหนักๆ ถี่ๆ จนเธอกรี๊ดลั่นไปด้วยความสุขเสียว ลิ้นของเธอห้อยออกมานอกปาก ดวงตาก็เหลือกขึ้นไปข้างบน
แต่ครั้งนี้ผมไม่ให้เธอเสร็จ พอจะถึงเมื่อไร ผมก็จะหยุด พอทำแบบนั้นมอเรียก็จะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมค่อยๆ ปลอบเธอ พอเริ่มสงบผมก็ตะบันต่อ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว
“ให้ฉันแตกเถอะค่ะท่านโรมะ! ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว!ให้ฉันได้เสร็จด้วยเถอะ ท่านโรมะ!!!”
“ได้ครับ”
ผมเร่งจังหวะปิด สอยถี่ยิบก่อนจะยิงแยมขาวเข้าไป มอเรียเสร็จไปพร้อมๆ กับผม ปลายเท้าของเธอเหยียดเป็นเส้นตรง ขาของเธอเกร็งจนแข็ง ตัวเธอสั่นกระตุกถี่ๆ ก่อนจะแน่นิ่งไป
ตอนนี้มอเรียไม่มีแรงต้านทานเหลืออีกแล้ว ผมเลยค่อยๆ ดึงเอาดุ้นออกมา ทันทีที่พ้นปากถ้ำ แยมขาวที่ผสมกับน้ำรักของเธอก็พุ่งพรวดออกมาเต็มที่นอน มอเรียตัวสั่นกระตุกอีกสองสามทีในจังหวะนี้ ก่อนจะนอนหอบหายใจถี่ๆ
“สะ สุดยอดเลยค่ะท่านโรมะ เสียวเกือบตายเลย”
มอเรียเอื้อมมือที่ไร้เรียวแรงมากุมมือผมไว้ ซึ่งผมก็กุมมือเธอตอบ และจูบเธอเบาๆ อีกที
“ดีใจที่เธอชอบนะ”
“รักค่ะ ฉันรักท่านโรมะที่สุดเลย”
แต่ระหว่างที่ผมกับมอเรียพลอดรักกันอย่างหวานฉ่ำอยู่ ประตูห้องก็พังลงมาพร้อมกับเหล่าพนักงานสาวของกิลล้มลงมาละเนละนาด
เอ่อ ผมก็ลืมไปเลยว่ากำแพงห้องของโรงแรมมันบาง เสียงของพวกผมคงได้ยินกันทั่วโรงแรมแน่ๆ ถึงว่าทำไมถึงรู้กันหมดเลย
แต่ตอนผมลุกขึ้นไปไล่พวกเธอออกไป กลับมีสาวใจกล้าคนหนึ่ง ยืนขึ้นมาพูดแทนทุกคน
“คะ คุณโรมะช่วยทำแบบนั้นกับพวกเราด้วยเถอะค่ะ!”
เธอร้องขอด้วยดวงตาเป็นประกาย ซึ่งทุกคนที่อยู่ข้างหลังก็ต่างพยักหน้าด้วย
“แบบนั้นมัน”
ถึงผมจะหื่นแต่ผมไม่อยากทำให้ผู้หญิงของผมเสียใจ เลยหันกลับไปมองมอเรีย ซึ่งเธอก็ยิ้มและพยักหน้าให้เหมือนกัน
“ถ้าแบบนั้นก็ได้ ว่าแต่หมดนี้เลยเหรอ”
ผมนับดูแล้วพวกเธอมาพร้อมกับถึงสิบคนเลย ผมน่ะไหวอยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะพร้อมใจกันได้ถึงขนาดนี้
พอผมไฟเขียวแล้ว คนที่เป็นคนถามผม ก็รีบถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทันที ดูเหมือนจะอัดอั้นมานานแฮะ แต่ถึงจะจำนวนมาก ผมจะทำแบบส่งๆ ไม่ได้ เพราะพวกเธอมองหาความสุขสมในกามรมณ์แบบที่ไม่ได้รับจากชายหนุ่มในโลกนี้ ผมเลยแจกการออรัลให้แบบเต็มหลักสูตรกับทุกคนของเหยื่อแห่งราคะแล้ว ปรากนจะแจกแต้มเบิ้ลแยมขาวให้คนละสองรอบ พอจบแล้วผมก็ดึงตัวมอเรียมาต่ออีกรอบเป็นการปิดท้าย
จะว่าไปแล้ว กว่าครึ่งที่มานี้ก็ล้วนแต่มีแฟนแล้ว แถมบางคนยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยซ้ำ ผมกลัวว่าจะมีปัญหากับบรรดาแฟนหนุ่มของพวกเธอจริงๆ
ผมกลับออกไปจากโรงแรมก่อนพระอาทิตย์ขึ้นอีกเช่นเคย แต่แปลกมากนอกจากไม่เหนื่อยหรือปวดเมื่อยแล้ว กลับรู้สึกมีพลังยิ่งกว่าเดิมซะอีก อาจเพราะมารราคะ ทำให้เวลาผมระเบิดความหื่นใส่ผู้หญิง จะช่วยเสริมพลังของจอมมารให้ล่ะมั่ง เดาเอานะ
แถมเพราะพึ่งกินมื้อใหญ่ไป เลยได้สกิลมาเพียบเลย ที่เพิ่มมามี
Skill
-ตรวจสอบ lv 3
-ประเมินราคา ไร้ระดับ
-มองทะลุ lv 1
Passive skill
-Hp regen lv1
-Double Drop lv1
ผมดูตรง Log ของเหยื่อแห่งราคะแล้ว ปรากฏกว่าผมได้สกิลตรวจสอบมาจาก 5 ใน 10 คนเลย ดูเหมือนจะเป็นสกิลพื้นฐานของพนักงานกิล แต่นี้ก็แปลว่าไม่ใช่ได้มาหนึ่งสกิลแล้วอัพเลเวลเลย ยิ่งเลเวลสูงขึ้นยิ่งต้องได้ซ้ำจำนวนมากถึงจะเลเวลอัพได้สินะ แต่ว่าก็ยังไม่เข้าใจว่าตรวจสอบ lv 1 กับ lv3ต่างกันอย่างไง ไว้ต้องค่อยๆ ทดสอบไป แต่ตอนนี้มีการติดต่อมาจากมุเอมะแล้ว

บท มิริน
ตอนที่ 19 มิริน Part 1

ผมกลับมาที่ปราสาทจอมมาร เพราะมุเอมะติดต่อมาว่ามิรินฟื้นแล้ว
เนื่องจากต้องส่วมบทบาทจอมมาร ผมเลยต้องใส่เกราะเอาไว้ และเมื่อผมมาถึงที่ห้องพักของเธอ ผมก็เคาะประตูห้องเบาๆ
“เชิญค่ะ”
“อืม ฟื้นแล้วสินะ”
ผมทักทายตามปกติ มิรินนั่งอยู่บนเตียง ถึงจะมีความเศร้าโศกอยู่ในแววตา แต่สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว
“…ช่วยฉันไว้ทำไมคะ พวกเราเป็นศัตรูกันนะ”
“เพราะข้าเสียดายเจ้าก็เลยช่วยไว้ ความจริงมีแค่นั้น”
“เสียดาย? นักเวทแบบฉันจะหาที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องเป็นฉัน”
“เพราะเจ้าสวย”
ผมไม่โกหกหรอก ไม่มีเหตุต้องสร้างภาพด้วย ไหนๆ ก็เป็นจอมมารอยู่แล้ว ไม่มีแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ
“…”
มิรินดูตกใจจนพูดไม่ออก
“ข้าอยากได้เจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้า แค่นั้นไม่พออธิบายได้อีกเหรอ”
“มะ ไม่แล้วค่ะ”
“เรื่องนั้นอย่าไปสนใจเลย มาว่าเรื่องของเจ้ากัน…ตอนนี้ไม่ต้องกลัว เจ้าจะปลอดภัยในปราสาทแห่งนี้ ไว้พักจนหายดีและสบายใจเมื่อไร เจ้าก็ใช้สิ่งนี้กลับออกไป”
ผมส่งใบวาปร์ให้กับเธอ
“เจ้าเป็นจอมเวทคงใช้สิ่งนี้เป็นสินะ”
เธอพยักหน้ารับที่ผมถาม
“ดี ข้าเข้าใจว่าเจ้ายังคิดว่าพวกเราเป็นศัตรูกัน แต่ตอนที่อยู่ที่นี้ช่วยลืมเรื่องนั้นไปก่อน ทุกคนที่นี้จะดีกับเจ้า แต่ถ้าเจ้าไปทำร้าย พวกเขาก็จะทำร้ายเจ้ากลับ นี้คือกฎที่ข้าตั้งไว้ ส่วนถ้าต้องการอะไร ให้ไปบอกหัวหน้าของที่นี้ที่ชื่อมุเอมะ เธอจะจัดการให้เอง”
“…ทะ ท่านต้องการอะไรจากฉัน”
มิรินถามขณะกอดตัวเองแน่น เธอคงคิดว่าผมต้องการให้เธอพลีกายแทนคำขอบคุณล่ะมั่ง เอาเถอะ ไม่ใช่ไม่คิดหรอกนะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็พักผ่อนต่อเถอะ”
ผมรู้ว่าเธอเจ็บปวดมามากแล้ว ไม่อยากจะทำให้เธอเจ็บมากไปกว่านี้อีก เลยลุกออกมาจากห้อง และปล่อยให้เรื่องราวมันจบลงเพียงเท่านี้ ต่อไปเธอคงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและลืมเรื่องราวในวันนี้ไปเองถึงจะเสียดายที่ต้องปล่อยให้เธอหลุดมือไป แต่ผมไม่รู้จะไปรูทของมิรินต่ออย่างไงดีที่จะไม่ทำร้ายจิตใจเธอ ตัดจบแบบให้เหลือความรู้สึกดีๆ บ้างแบบนี้ยังจะดีกว่า เผื่อบังเอิญต้องเผชิญกันในวันข้างหน้า อย่างน้อยก็ยังจะพอพูดกันรู้เรื่อง
“ท่านโรมะจะกลับเลยหรือเปล่าคะ”
มุเอมะที่รออยู่หน้าห้องถามขึ้นมา ผมดูเวลามันยังเหลือเวลาอีกหน่อย ก่อนจะต้องกลับไปทำมื้อเช้า
“ก่อนไป ผมต้องทำให้เจ้านี้มันสงบลงก่อน”
ผมบอกพร้อมกับงัดหนอนน้อยที่พร้อมรบออกมาโชว์ เพราะเห็นมิรินแล้วก็พลอยเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีก ตอนอยู่ในห้องก็พยายามระงับความหื่นเต็มที่เลย
เวลาเหลือน้อยผมเลยอุ้มมุเอมะไปที่ห้อง และจัดเธอแบบหนักๆ ไปรอบหนึ่งก่อนจะกลับไปที่คฤหาสน์
………………



-มุมมองของมิริน
ปาร์ตี้ของฉันถูกทำลายลงแล้ว ท่านผู้กล้าก็ถูกลูกน้องของจอมมารสังหารไปอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่เขาเป็นดาวรุ่งที่มีผลงานดีเด่นในกลุ่มผู้กล้าด้วยกัน ฉันตัดสินใจติดตามเขาเพื่อจะได้ต่อสู้กับจอมมารผู้แสนชั่วร้าย
บ้านเกิดของฉันถูกภัยพิบัติที่เรียกว่า ช่วงเวลาแห่งราพาย ทำลายจนราบคาบ มันคือภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากฝูงปีศาจจำนวนมหาศาลบุกโจมตี ฉันได้ยินมาว่าจอมมารเป็นคนผู้อยู่เบื้องหลังช่วงเวลาแห่งราพายครั้งนี้ ฉันที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของหมู่บ้าน ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมด ไปเรียนเวทมนต์จากโรงเรียนอันดับหนึ่งของเมืองหลวง เพื่อจะได้ล้างแค้นให้กับทุกคน
อาจารย์ของฉันแนะนำว่า วิธีที่จะได้ปราบจอมมารเร็วที่สุด ก็คือการได้เข้าปาร์ตี้ของผู้กล้า ฉันได้หาข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงได้เลือกผู้กล้าคนนี้ ซึ่งดูมีแววที่สุดแถมดูมีคุณธรรมสูงด้วย ฉันเป็นคนแรกที่ได้เข้าปาร์ตี้ของเขา
จากนั้นก็มีนักรบที่ชื่อเพทินมาขอเข้าร่วมเป็นรายที่สอง ซึ่งดูเขาเข้าคู่กันดีกับผู้กล้า เพราะฉันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดเลยเหมือนมีระยะห่างจากพวกเขาอยู่บ้าง ตกดึกคืนหนึ่งระหว่างที่พวกเราไปทำเควสที่ต้องใช้เวลาหลายวัน แล้วต้องพักค้างแรมกันกลางป่าฉันก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงที่คอยรบกวนอยู่ใกล้ๆ
แต่ก่อนที่ได้ทันขยับตัวไปดู ฉันก็รู้ว่ามันคืออะไร เลยทำเป็นนอนเฉยต่อไป ข้างๆ ตัวฉัน ผู้กล้าคนนั้นกำลังมีอะไรกับเพทินกันอยู่
ฉันค่อนข้างรำคาญใจ ไม่ใช่เพราะหึงหรอก ฉันไม่เคยมองผู้กล้าแบบนั้น แต่เพราะเขาเป็นพวกพูดอย่างทำอย่าง ตอนที่ปาร์ตี้กับฉันสองคน ก็มาทำเป็นพูดจีบฉันอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พอมีผู้หญิงที่คว้าง่ายๆ เข้ามา ก็เปลี่ยนไปทันที สิ่งนั้นยังพอว่า
แต่ตอนนี้เต็มสองหูฉันคือคำนินทาแบบน่าโมโห เขาว่าฉันเป็นผู้หญิงหยิ่งที่ไม่เจียมตัว ชอบทำเป็นเล่นตัวแต่ก็แอบยั่วเขา นี้มันไม่จริงสักนิด ส่วนเพทินก็หาว่าฉันบ้าผู้ชาย เวลาเข้าเมืองก็ชอบเล่นหูเล่นตากับเขาไปทั่ว นั้นเพราะฉันต้องไปถามหาข้อมูลในขณะที่พวกเธอนั่งกินเหล้ากันสบายต่างหาก!
ตั้งแต่คืนนั้นระยะห่างระหว่างฉันกับผู้กล้าก็ไม่มีอีก เพราะฉันรู้แล้วว่าเส้นทางระหว่างพวกเราไม่มีทางไปบรรจบกันได้ ตอนนี้ก็ขอแค่จัดการปราบจอมมารได้ ก็หมดธุระที่ต้องปาร์ตี้กันอีก หรือถ้าทนไม่ไหว ฉันอาจถอนตัวออกไปเลยก็ได้ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น ก็มีผู้ขอเข้าร่วมคนที่สามมา
เธอเป็นนักบวชชื่อว่าคุราร่า เป็นคนที่ทางโบสถ์ใหญ่ส่งตัวมาเอง เพื่อช่วยภารกิจทำลายฐานอำนาจของจอมมารด้วยการพิชิตดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง
คุราร่าเป็นคนที่ทำให้ฉันยังอยู่ในปาร์ตี้นี้ต่อไป เธอเป็นเด็กน่ารักชอบช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ห่วงตัวเอง จริงใจและซื่อตรง แต่ฉันสังเกตเห็นผู้กล้าพยายามหว่านเสน่ห์ใส่เธอเหมือนกัน ฉันเลยต้องคอยเตือนเธอเรื่องนี้ แต่คุราร่าเชื่อใจคนง่ายเกินไป ทำให้เธอไม่ระแวงในตัวผู้กล้าเลย ดีที่เพทินก็ไม่อยากโดนผู้กล้าทิ้ง เลยเกาะติดเขาจนเข้ามายุ่งกับคุราร่าไม่ได้
พวกเราดำเนินความสัมผัสแบบนี้ จนมาถึงดันเจี้ยนที่เป็นเป้าหมายของภารกิจ ถึงเรื่องส่วนตัวจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ว่าการทำงานของพวกเราไม่มีข้อตำหนิ พวกเราเป็นทีมที่ลงตัวและแข็งแกร่ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราอาจปราบจอมมารได้ในเวลาไม่กี่ปี
ทว่าในวันนี้ ฉันก็ได้รู้แล้วว่า ความคิดนั้นตื้นเขินเหลือเกิน ในขณะที่พวกเราลงมาถึงชั้นล่างสุดของดันเจี้ยนและกำลังจะกำจัดบอสของที่นี้ เจ้านั้นก็โผล่ออกมา ผู้นำของเผ่าปีศาจที่ชั่วร้าย จอมมาร!
เพียงแค่การปรากฏตัวของมัน ฉันเองก็แทบสิ้นสติไปด้วยความหวาดกลัว ออร่าสีดำทะมึนซึ่งก่อตัวสูงเป็นกำแพงลามเลียไปทั่วเพดาน เงาของภูตผีจำนวนมหาศาลอัดแน่นอยู่ในนั้น พร้อมกับเสียงโหยหวนราวกับเป็นขุมนรก
ฉันหันไปพยักหน้าให้กับคุราร่า ก่อนจะใช้สกิลตรวจสอบเพื่อประเมินความสามารถของมัน แต่พอได้เห็นฉันกลับคิดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่ควรไปเห็นเลย ระดับของจอมมารนั้นอย่าว่าแต่สิบปีเลย ฉันไม่มั่นใจเลยว่าชั่วชีวิตฉันจะเพียงพอหรือเปล่าที่จะกำจัดเจ้าปีศาจตัวนี้ ระดับมันต่างกันเกินไป พวกเราคงต้องตายที่นี้แล้ว ฉันไม่เห็นทางรอดได้เลย
แต่แล้วทั้งๆ ที่เตรียมใจตายไว้แท้ๆ แต่เจ้าจอมมารกับพึ่งชวนผู้กล้าเป็นพวกแถมยังจะแบ่งโลกให้ครึ่งหนึ่งอีก…ร้ายกาจมาก คิดจะหลอกใช้พวกเราสินะ เลวที่สุด ตอนที่ฉันคิดแบบนั้นก็ถูกเจ้าจอมมารคนนี้ปั่นหัวซะแล้ว เพราะมันพึ่งบอกออกมาว่าแค่พูดเล่น ซ้ำยังโดนลูกน้องตัวเองว่าอีกต่างหาก เจ้านี้มันอย่างไงกันแน่
ระหว่างที่ฉันกำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่ มันก็ยังจะพยายามต่อรองกับผู้กล้า ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองหูฟาดไป แต่ไม่ว่าจะฟังอย่างไง ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าจอมมารผู้ชั่วร้ายกำลังพยายามใช้วิธีประนีประนอมกับพวกเราอยู่ แถมยังชี้ให้เห็นผลดีผลเสียด้วย นี้เขาเรียกว่าเปิดช่องให้ถอยเต็มที่แล้วไม่ใช่เหรอ?
แถมพอผู้กล้าปฏิเสธออกไป จนลูกน้องของจอมมารตั้งใจจะลงมือ มันกลับห้ามลูกน้องเอาไว้? ทำไมล่ะ แกเป็นจอมมารไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยอมให้พวกเราถึงขนาดนี้ แต่แล้วฉันก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของมัน ที่แท้มันก็ต้องการย่ำยีขืนใจเรา เอ๋ แต่ว่าก็ยังยอมเปิดทางถอยให้อยู่ไม่ใช่เหรอ?
นี้มันเป็นคำถามลองใจชัดๆ ถ้าผู้กล้าห่วงพวกเราจริงก็ควรถอย เรื่องปราบจอมมารไว้วันข้างหน้าก็ยังมีโอกาส แต่เจ้าผู้กล้าซื่อบื้อนี้กลับทำลายโอกาสรอดโดยไม่ห่วงใยพวกเราเลยแม้แต่น้อย แถมยังจะให้พวกเราตายไปโดยไม่ถามความเห็นอีก เห็นแก่ตัวที่สุดเลย
สุดท้ายจอมมารก็หมดความอดทนกับพวกเรา และตัดสินใจสู้ สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นมันเร็วจนฉันมองตามไม่ทัน รู้ตัวอีกที หัวของผู้กล้าก็กลิ้งมาอยู่ตรงเท้าฉันแล้ว
สิ้นหวัง น่ากลัว ในใจฉันมีอยู่แค่สองคำนี้เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าใครเริ่มวิ่งก่อน แต่ฉันก็ขยับตัววิ่งตามไป ถึงแม้จะรู้ว่าเปล่าประโยชน์ สุดท้ายก็โดนจับตัวไว้จนได้ หมดหนทางรอดแล้ว
ทั้งๆ ที่คิดแบบนั้น แต่แล้วจอมมารก็กลับยื่นข้อเสนอออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาให้พวกเราเลือกว่าใครจะตาย นี้มันเหมือนคำถามลองใจอีกแล้ว เพื่ออะไร? ไม่สิทั้งๆ ที่ฆ่าพวกเราทั้งหมดเลยก็ได้ แต่ทำไมต้องมาทำให้ยุ่งยากด้วย นี้มันเหมือนกับว่าเขาพยายามลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ไม่ๆ อย่าไปหลงกลมัน จอมมารแค่อยากให้พวกเราแตกกันเท่านั้น
แล้วคุราร่าก็เสนอตัวเป็นคนแรกอย่างที่ฉันคิดไว้ แน่นอนฉันไม่ยอมเด็ดขาด อย่างไงจอมมารก็ไม่ปล่อยพวกเราไปหรอก มันก็แค่อยากเล่นสนุกกับความกลัวของพวกเราเท่านั้น แต่เพทินเธอนี้มันเห็นแก่ตัวจริงๆ ไม่ช่วยห้ามไม่ว่าหรอก แต่นี้คิดแต่จะเอาตัวรอดท่าเดียว ฉันผิดหวังกับเธอจริงๆ
ทว่าจอมมารไม่ได้ลงมือทำอะไรพวกเรา กลับปล่อยตัวและหันมาถามชื่อแทน
ฉันตอบไปด้วยความกลัว แต่มันกลับล้อฉันเล่นซะได้ ฮึมๆ น่าโมโหจริงๆ จากนั้นก็ถามคำถามอีกแล้ว แต่คำถามนี้ทำให้ฉันต้องสำรวจดูใจตัวเองดูใหม่อีกครั้ง มันถามว่าฉันเสียใจไหมที่โดนทิ้ง แน่สิใครจะไม่เสียใจ แต่ว่า…ฉันรู้อยู่แล้ว ถ้าถึงจุดหนึ่ง ทุกคนก็จะหันหลังวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด เพียงแต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ มีแค่ฉันเท่านั้น
ฉันจะไม่ยอมทิ้งให้มีคนตายอยู่ข้างหลังฉันอีกแล้ว เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านของฉัน ตัวฉันที่เอาแต่วิ่งหนีในตอนนั้น ฉันเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนั้น เลยสาบานว่าจะไม่ทอดทิ้งอีกแล้ว ไม่เด็ดขาดถึงแม้จะต้องตายก็ตาม
แล้วฉันก็ได้ให้คำตอบกับจอมมารออกไป เป็นคำตอบที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและปล่อยวางได้ ทว่าพอได้สบตากับจอมมาร มันก็ได้พูดออกมาว่า
“แต่เจ้าไม่”
ราวกับตัวฉันกำลังถูกสายตานั้นจ้องทะลุผ่านตัวตนเข้าไป มันเข้าใจถึงความรู้สึกของฉัน พร้อมกับปลดปล่อยฉันจากตัวตนในอดีต เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวเท่านั้น ใจฉันเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาของมันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ทั้งๆ ที่น่ากลัว แต่ฉันกลับรู้สึกอบอุ่น
ฉันกลับมาตั้งสติได้อีกทีก็ตอนที่เขาปล่อยตัวเพทินไปแล้ว เอ๋ นี้เขาคิดปล่อยพวกเราไปจริงๆ เหรอ ฉันคิดว่าเขาแค่อยากเล่นสนุกกับพวกเราจนพอใจแล้วฆ่าทิ้งซะอีก ไม่สิ ตลอดมาเขาก็คอยเปิดช่องให้พวกเราถอยมาตลอดอยู่แล้ว เพื่อให้แน่ใจ ฉันเลยถามออกไป
“…แล้วพวกเราล่ะ”
แต่มันกลับบอกว่าถูกใจฉันและชวนไปอยู่ด้วย…นี้มันเรื่องบ้าบออะไรกัน แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกดีใจด้วย แถมยังตอบไปแบบลังเลอีก ฉันนี้มัน บ้า บ้า บ้า บ้า
แถมพอเห็นว่าคำตอบของฉันทำให้มันเสียใจ ทำไมต้องรู้สึกเศร้าไปด้วยล่ะ ฉันสับสนตัวเองเหลือเกินตอนนี้ แต่พอพวกเราทั้งสองคนปฏิเสธมันไป มันก็เริ่มแสดงเป้าหมายที่แท้จริงออกมา โดยเรียกร้องให้พวกเราเสียตัวให้มัน ถึงจะยอมปล่อยพวกเราไป…อีกแล้ว เปิดทางถอยให้อีกแล้ว อีกจะมีเป้าหมายแอบแฝงก็เถอะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่าเลยตั้งแต่ต้น
แล้วทำไม…แล้วทำไมฉันถึงตื่นเต้นที่จะต้องเสียตัวให้กับมันด้วย! ตอนนี้ตรงน้องสาวของฉันมันแฉะเยิ้มไปหมดแล้ว ฉันกลัวความรู้สึกตัวเองตอนนี้จนถึงกับร้องไห้ออกมา
ส่วนคุราร่าเลือกที่จะปฏิเสธ ซึ่งก็แน่อยู่แล้ว ถ้ามีอะไรกับจอมมารถึงรอดกลับไป ก็จะต้องโดนทางโบสถ์ลงโทษ ซึ่งมันทรมานยิ่งกว่าตายซะอีก เช่นนั้นเธอจึงเลือกที่จะตายที่นี้เลยดีกว่า แต่จอมมารพอได้รู้ถึงเหตุผลนั้น กลับโมโหออกมาแทนคุราร่า หัวใจฉันเต้นกระตุกอีกแล้ว ฉันละสายตาไปจากจอมมารไม่ได้เลย
และแล้วมันก็ตัดสินใจปล่อยคุราร่าไป โดยไม่แตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว แต่คุราร่าไม่ยอมทิ้งฉัน แต่ในใจฉันกลับอยากให้เธอทิ้งฉันไปเหลือเกิน มากซะจนเกือบหลุดปากออกไป เลยต้องเม้มปากไว้แน่น ทว่าคำพูดที่ฉันกลัวที่สุดก็ออกมาจากปากจอมมารจนได้
“เจ้าเองก็ไปซะ”
อย่างที่ฉันคิดไว้เลย มันไม่ได้มีเจตนาฆ่าพวกเราแม้แต่น้อย กลับเปิดช่องให้ถอยมาตลอด ถึงจะพยายามบีบคั้นเพื่อหาเศษหาเลยจากพวกเรา แต่ถ้ารู้ว่าเป็นการทำร้ายพวกเราก็จะหยุดทันที ฉันรู้สึกลังเลที่จะไปจากจอมมารทั้งๆ แบบนี้ มันเลยแกล้งทำเป็นขู่อีกครั้งเพื่อให้ฉันกลัว แต่ครั้งนี้ฉันไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะรู้แล้วว่ามันแกล้งขู่เพื่อตัวฉันเอง ฉันเลยขอบคุณออกไปทันที
แล้วนั้นไง จอมมารเขินแล้วล่ะ

ความคิดเห็น

  1. กลับมาแล้วหรอครับ หายไปตั้งนาน กระผมใจหายหมดเลยนึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อเสียแล้ว
    ถ้าจะให้ดีอยากให้ทิ้งลิ้งโหลดไว้ให้จังเลยครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO

ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย                ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ                 แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั้งหมด เพราะพวกเราที่มาจากต่างโลก ต่างได้รับสกิลมาด้วย แถมในโลกนี้ก็มีเวทมนต์ที่ทำให้สามารถแสดงค่าสถานะต่างๆ ได้แบบเกมส์                 สก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้