ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 20 - 22 By Kumao






ตอนที่ 20 มิริน Part 2

หลังจากผู้กล้าตายไป พวกเราก็แยกย้ายกันไปคนละทาง เพทินหายตัวไปคงหนีเตลิดไปแล้ว คุราร่าต้องกลับไปที่โบสถ์ใหญ่เพื่อรายงานความล้มเหลวของภารกิจ กับการปรากฏตัวของจอมมาร ส่วนฉัน…ล้มเลิกเป้าหมายในการปราบจอมมารแล้วล่ะ
ฉันครุ่นคิดดูแล้ว เห็นว่ามันไม่สมเหตุสมผลสักนิด จอมมารที่ชั่วร้ายที่ฉันได้ยินว่าเป็นต้นเหตุทำให้หมู่บ้านของฉันพินาศ กับจอมมารที่แสนอ่อนโยนที่ฉันเจอในดันเจี้ยนด้วยตัวเอง นี้มันไม่ขัดแย้งกันเกินไปเหรอ เพราะงั้นฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ จนกว่าฉันจะรู้แน่ชัด ฉันจะไม่ต่อสู้กับจอมมารอีก
ฉะนั้นเลยเดินทางออกจากเขตปกครองของเผ่าปีศาจ มุ่งหน้าไปยังเมืองกรอซ่า ซึ่งอยู่ห่างจากเผ่าปีศาจและเป็นเมืองหลวงของเหล่านักผจญภัย บางทีที่นั้นอาจมีข้อมูลที่ฉันต้องการอยู่ หรือไม่ก็ใช้ที่นั้นเป็นฐานในการฝึกฝนพัฒนาตัวเอง บางที…แค่บางทีนะ ถ้าฉันเก่งกว่านี้จนไปยืนอยู่ที่แนวหน้าสุดได้ ฉันอาจได้เจอจอมมารอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ไปเพื่อต่อสู้ ฉันอยากพูดคุยกับจอมมารอีก และบางที…มันอาจจะพยายามย่ำยีฉันอีกก็ได้
การเดินทางไปเมืองกรอซ่าปกติแล้วใช้เวลาประมาณสิบวัน แต่ฉันมีเวทมนต์สำหรับวาปร์ไปที่เมืองที่เคยไปมาแล้วได้ จึงได้ออกเดินทางจากเมืองที่ใกล้ที่สุด ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว
แต่ว่าพอตกกลางคืน ฉันก็นอนไม่หลับ เพราะหลับตาทีไร ก็จะนึกถึงสายตาของจอมมารที่จ้องมาที่ฉัน สายตาที่อ่อนโยนนั้น กับคำพูดที่ยังก้องอยู่ในหัว มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนรุ่ม น้องสาวฉันเริ่มดื้ออีกแล้ว ทั้งแฉะทั้งคัน ฉันทนความอึดอัดแบบนี้ต่อไปไม่ไหว เลยระบายความเครียดออกมา…ด้วยการช่วยตัวเอง
ตอนที่ทำก็ยังนึกถึงจอมมาร จิตนาการไปว่ากำลังถูกมันข่มขืน เพียงแค่นั้นฉันก็ตื่นเต้นจนน้ำทะลักออกมาเปียกมือ…นี้ฉันคิดถึงจอมมารขณะช่วยตัวเองจนเสร็จเนี่ยนะ ทั้งๆ ที่มันเป็นศัตรู…ศัตรูเหรอ? จะอย่างไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คืนนี้ฉันช่วยตัวเองไปสามรอบ โดยทุกครั้งก็จะนึกถึงแต่จอมมาร และมันทำให้ฉันหลับสบาย
วันรุ่งขึ้นฉันมาถึงเมืองกรอซ่า ที่นี้วุ่นวายดีทีเดียว แต่ก็สมเป็นเมืองของนักผจญภัยล่ะนะ พอหาที่พักได้แล้ว ฉันก็ตรงไปที่กิลทันที เพื่อสอบถามข้อมูลกับหาสมาชิกปาร์ตี้ใหม่ แต่พอไปถึงแล้วก็ต้องร้อง เอ๋ ออกมา เพราะตรงนั้นมีชายวัยกลางคนหน้าตาอย่างหื่นนั่งอยู่ โดยมีสาวๆ ล้อมรอบ แถมพวกเธอก็กรี๊ดกราดกันใหญ่
โอว แล้วนั้นโกร่าผู้มีฉายาสัตว์กินเนื้อ เธออยู่ที่เมืองนี้ด้วยเหรอ โกร่าเป็นนักผจญภัยระดับสูงที่ผ่านงานมาแล้วอย่างโซกโชน บางทีฉันอาจจะขอเธอเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วย อ่ะ แต่นั้นเธอกำลังเดินไปหาเจ้าหน้าหื่นแล้ว เหมือนกำลังตกลงอะไรกันอยู่…อา เข้าไปที่ห้องด้านหลังด้วยกันแล้ว หรือจะไปแลกเปลี่ยนความลับกัน
แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากในห้องนั้น อะไรล่ะนั้น มีควายถูกเชือดในห้องนั้นเหรอ! ถึงจะฟังดูน่ากลัวเหมือนเสียงร้องของสัตว์ แต่ไม่รู้ทำไมมันฟังดูลามกชอบกล แค่ฟังดูน้องสาวก็เริ่มเสียวขึ้นมาทันที พวกผู้หญิงที่ยืนฟังอยู่พวกนั้นก็คงเหมือนกัน ก็ดูสิยืนหนีบขากันใหญ่เลย
จากนั้นไม่ถึงสามนาทีเจ้าหน้าหื่นก็เดินกลับออกมาอย่างยิ้มแย้ม แต่ตอนเดินสวนกันไป ฉันก็เห็นดวงตาของเขา…ถึงเขาจะไม่เห็นฉันและสบตากัน แต่ฉันจำดวงตาที่อ่อนโยนแบบนั้นได้ ฉันจำได้อย่างแม่นยำที่สุด เพราะฉันพึ่งใช้สิ่งนั้นช่วยตัวเองไปเมื่อคืนนี้เอง
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาไม่ใช่จอมมารอย่างเด็ดขาด ฉันแอบใช้สกิลตรวจสอบกับเขาแล้ว ชื่อโรมะ…เอ่อ เดี๋ยวนะ รู้สึกลูกน้องของจอมมารก็จะเรียกจอมมารว่าท่านโรมะ…บังเอิญเหรอ ไม่สิ นี้มันงี่เง่าเกินไปแล้ว ถ้าเป็นจอมมารปลอมตัวมา จะบ้าขนาดใช้ชื่อจริงเลยเหรอ…ไม่แน่
แต่ว่าเขาพึ่งเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ เลเวลก็ยังต่ำอยู่ อุปกรณ์ส่วมใส่ก็…เหมือนโดนหลอกขายมาเลย จอมมารไม่โง่ขนาดนั้นหรอกมั่ง ฉันยังแอบตามเขาออกไปถึงนอกเมือง ดูเหมือนจะไปทำการล่าด้วยตัวคนเดียว High cow เหรอ หมอนี้ติ๊งต๊องชะมัด ไปสู้กับมอนสเตอร์ที่เลเวลมากกว่าตัวเองด้วยตัวคนเดียว เดี๋ยวก็ได้ตายหรอก
อ่ะ…แสงนั้นมัน Glory เหรอ หมอนี้มีสกิลของนักรบเถื่อนได้อย่างไง! โอ๋ ใช้ได้! เล่นงานที่ขาทำให้ขยับไม่ได้ แบบนั้นแหละ อุ๊ แต่ท่าตอนปิดนี้อะไรอ่ะ มั่วได้ใจสุดๆ
รอบนี้ไม่ใช้ Glory แล้ว Mp คงหมดสิท่า จะไหวเหรอนั้น อ่ะ! ว่าแล้วเชี่ยวโดนชนกระเด็นเลย…ไม่ไหวแล้วแบบนั้น ออกไปช่วยดีกว่า
แต่ฉันลุกขึ้นไม่ได้ ร่างกายรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ฉันรีบหันไปด้านข้าง แล้วก็ได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวอีกครั้ง เธอ!...ลูกน้องของจอมมารคนนั้น ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ แถมมายืนอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่รู้ตัวเลย ในมือเธอมีเวทมนต์สายฟ้าวิ่งวนเตรียมที่จะยิงออกไปได้ทุกเมื่อ หรือว่าจะตามมาฆ่าฉัน!...ไม่เหรอ
ฉันเห็นเธอยกนิ้วที่อีกมือขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากบอกให้เงียบเสียง แล้วไม่มองมาที่ฉันด้วยซ้ำ สายตาของเธอจับจ้องไปที่จุดเดียวมาตลอด ชายคนนั้นที่กำลังจะถูก High cow ฆ่า
แต่ไม่ใช่ เขาใช้ไฟออกมา เวทมนต์ไฟเหรอ ไม่ใช่นี้ ไม่เหมือนเลย สกิลอะไรของเขากันน่ะ ฉันไม่รู้เลย ใช้ตรวจสอบแล้วก็ไม่รู้ ไม่เห็นแสดงสกิลอะไรเลยGlory ก็ด้วย หรือว่าใช้ไอเท็มอำพรางอยู่!
ไฟที่เขาใช้น่าจะเรียกว่าก่อกองไฟขึ้นมาบนพื้นมากกว่า ไม่ใช่เวทมนต์ไฟแบบที่ยิงออกไปข้างหน้า แต่ได้ผลล่ะ High cow หยุดเคลื่อนไหวไปแล้ว จริงสิ! สัญชาตญาณของสัตว์อย่างไงก็ต้องกลัวไฟอยู่แล้ว แถมเขาหลบอยู่หลังกองไฟ ถ่วงเวลาเพื่อให้ยาฟื้นพลังทำงานสินะ หัวดีจริงๆ
แต่ฉันยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาเข้าปะทะกับ High cow อีกครั้งก็เหมือนกลายเป็นคนละคน เขาตั้งรับมีแบบแผน เบี่ยงทิศทางโจมตีให้อีกฝ่ายเสียหลัก และโจมตีเข้าไปที่ช่องโหว่ นี้มันเทกนิกของนักดาบระดับสูงชัดๆ เดี๋ยวนะนี้ฉันงงไปหมดแล้ว ใช้ Glory ได้ สร้างกองไฟได้ และยังใช้เทกนิกของนักดาบ สรุปเขามีอาชีพอะไรกันแน่? แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขาล้ม High cow ได้แล้ว เก่งจังขนาดไม่ใช้สกิลโจมตีนะเนี่ย
มัวแต่ดูเพลินจนลืมไปเลยว่ามีลูกน้องจอมมารยืนอยู่ข้างๆ เธอต้องรู้อะไรแน่ ฉันต้องถามให้รู้เรื่อง แต่พอหันไปเธอก็หายตัวไปแล้ว…
ชื่อเดียวกับจอมมาร มีแววตาเหมือนกัน ลูกน้องจอมมารเหมือนจะคอยปกป้องเขาอยู่ห่างๆ ความสามารถไม่แน่ชัด…ข้อมูลแค่นี้พอจะสรุปได้แล้ว แต่ทำไมล่ะ?หรือจะเข้าไปถามเขาตรงๆ ดี แต่ถ้าผิดตัวล่ะ จู่ๆ ก็เข้าไปหาว่าเป็นจอมมาร มีหวังโดนหาว่าบ้าแน่ อีกอย่างเขาก็คงไม่ยอมบอกอะไรเราแน่…กลับไปหาข้อมูลเพิ่มที่กิลดีกว่า
พอกลับมาที่กิล คนก็เยอะกว่าที่มาตะกี้ซะอีก แล้วฉันก็เห็นพนักงานสาวคนหนึ่ง เธอหน้าตาสวยมาก ขนาดฉันเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังรู้สึกแบบนั้นเลย เธอพึ่งเดินไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่พอดี ฉันเข้าไปถามเธอดีกว่า
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมอเรีย มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ฉันขอถามข้อมูลของนักผจญภัยที่ชื่อโรมะหน่อย”
“ท่านโรมะ…ไม่ทราบว่าคุณเกี่ยวข้องอย่างไงกับเขาคะ”
รอยยิ้มของเธอมันแปลกๆ นะ หรือว่าจะคิดไปเอง
“แค่บังเอิญเหมือนคนที่ฉันรู้จักน่ะ”
“งั้นก็บอกไม่ได้ค่ะ”
“เอ๋! เดี๋ยวสิเธอ ปกติข้อมูลของนักผจญภัยต้องเปิดเผยได้สิ ไม่งั้นจะใช้พิจารณาเพื่อรับเข้าปาร์ตี้ได้อย่างไง”
“ฉันไม่มีข้อมูลอะไรของท่านโรมะเลยค่ะ เชิญคนต่อไป”
โดนไล่ทันทีเลยล่ะ แถมโกหกกันเห็นๆ ก็เล่นเรียกว่าท่านโรมะเลยนี้ ขนาดพนักงานกิลยังให้เกียรติแล้วช่วยปกปิดข้อมูลให้ขนาดนี้เลยเหรอ กับผู้กล้ายังไม่มีแบบนี้เลยนะ ถึงจะไม่ได้ข้อมูลเพิ่ม แต่ได้ความมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่
ฉันออกจากกิลมา และลองไปตามหาที่อยู่ของเขาจากกรมจัดการที่ดิน อย่างที่คิดไว้เลย เขาไม่ได้พักที่โรงแรม แต่ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่นอกเมือง ฉันมาจนถึงคฤหาสน์ของเขาแล้ว แต่เหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย หือ แต่ที่นี้น่าอยู่ดีทีเดียว ใกล้น้ำตกด้วย วิวดีจัง ราคาน่าจะแพงมาก คนธรรมดาซื้อไม่ได้แน่ อืม ได้เบาะแสชี้ชัดเพิ่มมาอีกอย่างแล้ว
พอรออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นมีใครกลับมา หรือว่าเขาจะอยู่เดียว บ้านใหญ่ขนาดนี้น่าจะมีคนรับใช้อยู่หลายคนนะ ฉันเลยตัดสินใจกลับเข้าเมืองเพื่อไปหาเบาะแสเพิ่มเติม
วิธีจะหาคนรับใช้ที่ไว้ใจได้ มีแต่ต้องซื้อทาสมา ฉันเลยไปที่ร้านค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่แรก และก็จริงตามที่คิดไว้ เขามาซื้อทาสจากที่นี้ไปสามคน แต่คาดผิดที่คิดว่าเขาจะซื้อเด็กสาวหน้าตาดีๆ ไปสนองตัณหาตัวเอง ทาสที่เขาซื้อไปทั้งสามเรียกว่าใช้การอะไรไม่ได้เลย คนหนึ่งเผ่าเทพที่เข้าใกล้ไม่ได้ อีกคนเป็นแวมไพร์พิการแสนอัปลักษณ์ และอีกคนเป็นเด็กสาวที่ป่วยหนักและใกล้ตาย อะไรของเขาล่ะนั้น ถึงเขาจะอ่อนโยนและใจดีแค่ไหน แต่ไม่เห็นต้องรับผิดชอบทาสที่ใช้การไม่ได้ถึงสามคนเลย จะว่าไปที่บ้านก็ไม่เห็นมีใครอยู่ หรือว่าปล่อยให้ทาสพวกนั้นตายไปแล้ว!
ระหว่างที่ฉันคิดอย่างสับสนอยู่นั้น ก็ได้เจอฝูงคนกำลังมุ่งดูอะไรกันอยู่ เลยผ่านเข้าไปดูบ้าง จุดสนใจของทุกคนอยู่ที่กลุ่มสาวงามสี่นางกับรถม้าสุดหรูที่เหมือนใช้กันแต่ในวัง
ฉันเองยังมองตามเหมือนกันทุกคน ไม่แปลกเลยที่จะมามุงดูกันแบบนี้ คนหนึ่งนั้นลักษณะท่าทางเหมือนคุณหนูที่มีชาติตระกูล ใส่ชุดเกราะเหมือนอัศวินคอยดูแลเฝ้าระวังให้คนที่เหลือ นอกจากใบหน้าที่งดงามแล้วท่าทางเธอก็สง่างามจริงๆ เธอคงเป็นนักผจญภัยที่เลเวลสูงเอาเรื่อง
ส่วนคนที่สองฉันต้องขยี้ตาดูใหม่ เพราะเหมือนจะเห็นออร่าออกมาจากตัวเธอ หญิงสาวที่วิ่งไปรอบๆ อย่างร่าเริง เธองดงามเหมือนนางฟ้า ดูทรงภูมิปัญญาเหลือคณา ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เธอคือเทพธิดาไม่ผิดแน่
คนที่สามซึ่งกำลังดูแลม้าอยู่ เธอเป็นเด็กสาววัยรุ่นที่น่ารักเหลือเกิน ผมสีเกาลัดยาวตรงเป็นระเบียบ แถมเธอใส่ชุดเมดด้วย คนรับใช้ระดับสูงที่จะเจอได้แต่ในวังมาทำอะไรที่นี้? แล้วดูท่าทางของเธอสิแตกต่างจากคนทั่วไปเลย ทุกท่วงท่าเต็มไปด้วยมารยาทที่เรียบร้อย บ่งบอกถึงระดับที่สูงส่งของเธอได้เลย
คนสุดท้าย แว่บแรกที่เห็น ตัวฉันราวกับถูกแช่แข็ง รู้สึกได้ถึงระดับของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน ผมสีม่วงที่นุ่มลื่นดุจแพรไหมกำลังสยายไปกับสายลม ต้องเสียเงินดูแลแค่ไหนกันน่ะถึงจะได้เส้นผมที่แลดูดีเช่นนั้นได้ เชื่อว่ามีคนยอมจ่ายเงินเป็นล้านๆ เพียงแค่ได้เส้นผมเธอมาครอบครองแม้เพียงเส้นเดียวก็ตาม
เธอดูเด็กที่สุดในกลุ่มก็จริง แต่ว่าใบหน้าที่น่ารักนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดราวกับผู้ใหญ่ ลักษณะท่าทางเหมือนคุณหนู ไม่สิ จะบอกว่าเป็นเจ้าหญิงน่าจะเหมาะกว่า ก็นั้นไง มีอัศวินมาคุ้มกัน มีเมดมาคอยรับใช้ และเทพธิดาที่เป็นเพื่อนมาเที่ยวเล่นด้วยกัน ภาพที่เห็นใครๆ ก็ต้องคิดแบบนี้แน่ แต่ว่า…เอ๋ ที่คอของทุกคนทำไมถึงมีพันธะทาสติดอยู่ล่ะ…ทาสเหรอ! ทั้งสี่คนนี้เป็นทาสเหรอ! ไอ้บ้าคนไหนมันบังอาจเอาสิ่งมีชีวิตที่แสนงดงามเข้าขั้นขี้โกงทั้งสี่คนนี้มาเป็นทาสกัน เจ้าคนที่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้สมควรตายจริงๆ
ฉันมองหาคนที่เป็นเจ้านายของพวกเธอ แต่ก็ไม่เห็น พวกเธอมากันเองแค่สี่คน แต่งงแล้วนะ ทำไมทาสถึงมาเดินในเมืองโดยไม่มีเจ้านายได้ล่ะ แถมดูอย่างไงก็เหมือนมาเที่ยวเล่นกัน ซ้ำยังเอารถม้าหรูมาใช้เองอีก แล้วนี้เป็นทาสแน่เหรอ ทำไมดูสดใสร่าเริงกันจัง ชุดที่ใส่ก็ดูสวยงามราคาแพงดูอย่างไงก็เป็นของชนชั้นสูงชัดๆ แล้วนั้นมันถุงเงินเหรอ? เทพธิดาคนนั้นกำลังใช้เงินซื้อขนมอยู่ เดี๋ยวสิ นี้มันเพี้ยนไปใหญ่แล้ว มีทาสที่ไหนเขามีเงินติดตัวกัน ต้องเป็นเงินของเจ้านายแน่ๆ แต่เอาเงินของเจ้านายมาใช้เนี่ยนะ โอย! อยากรู้เหลือเกิน ใครกันนะที่เป็นเจ้านายของพวกเธอ
มีคำถามหลายอย่างที่ฉันอยากรู้คำตอบ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาพวกเธอ แต่พอเข้าไปใกล้ คุณหนูอัศวินก็หันมาทางฉันพร้อมกับแตะไปที่ดาบทันที ระดับการตื่นตัวสุดยอดไปเลย ฉันเลยต้องหยุดไว้แค่ตรงนี้และยกมือขึ้นเป็นการบอกว่าฉันมาดี
“ขอถามอะไรพวกเธอหน่อยได้ไหม”
พอได้ยินที่ฉันพูด คุณหนูอัศวินก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ยังยืนในตำแหน่งเฝ้าระวังอยู่ จากนั้นเด็กสาวที่เหมือนเจ้าหญิงก็เดินออกมาข้างหน้า
“มีธุระอะไรเหรอคะ”
เสียงของเธอน่ารักจริงๆ!
“คือฉันสงสัยว่าพวกเธอเป็นทาสจริงๆ งั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะพวกเราเป็นทาสของนายท่าน”
เธอยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ เกิดมาก็พึ่งเคยเห็นเนี่ยล่ะ คนที่ภูมิใจกับการเป็นทาส
“แล้วมาเดินในเมืองกันเองแบบนี้ เจ้านายของพวกเธอรู้หรือเปล่า”
“รู้ค่ะ นายท่านสั่งว่าวันนี้เป็นวันหยุด ให้พวกเราออกมาเที่ยวเล่นในเมือง”
“เอ๋!? เที่ยวเล่น? ให้ทาสมาเที่ยวเล่นเนี่ยนะ? งั้นจะบอกว่าเงินนั้นเจ้านายของพวกเธอก็ให้มาเหรอ”
“ถูกต้องแล้วค่ะ นายท่านบอกว่าเป็นค่าขนม”
“…”
มีเจ้านายแบบนั้นในโลกด้วยเหรอ นี้เขาไม่ใช่เรียกว่าการเลี้ยงดูทาสแล้ว นี้มันยิ่งกว่าการเลี้ยงดูคุณหนูซะอีก ใครกันน่ะที่มันกล้าทำลายสามัญสำนึกได้ถึงขนาดนี้
“แล้วเจ้านายของเธอคือใครเหรอ”
ฉันคิดว่าต้องเป็นขุนนางชั้นสูงแน่ๆ ถึงทำเรื่องแบบนี้ได้
“นายท่านของพวกเราชื่อว่าท่านโรมะค่ะ”
……..

ตอนที่ 21 มิริน part 3

หลังจากแยกกับพวกคุณหนูทาสเหล่านั้นแล้ว ฉันก็มานั่งดื่มเหล้าที่หน้ากิล เพื่อปรับความคิดในหัวสมองตัวเองซะใหม่ เพราะอะไรๆ มันดูสับสนวุ่นวายไปหมด
ไหนเจ้าพ่อค้าทาสนั่นบอกว่าโรมะซื้อทาสขยะไปไง แต่ไหงกลายเป็นคุณหนูทาสพวกนั้นไปได้ แถมแต่ละคนนี้ตีค่าเป็นตัวเงินไม่ได้เลย แล้วมันบ้าอะไรกันทั้งๆ ที่ตัวเองออกไปเสี่ยงตายสู้กับมอนสเตอร์ แต่กลับปล่อยพวกทาสไปเที่ยวเล่นกัน คนแบบนี้มีในโลกด้วยเหรอ!? ฉันหรือเขากันแน่นะที่เพี้ยน?
แต่ขณะที่นั่งคิดทบทวนอยู่นี้ ข้างโต๊ะฉันก็มีกลุ่มของโกร่านั่งคุยกันอยู่ด้วย เธอกับสมาชิกปาร์ตี้อีกสองคนที่เป็นหญิงล้วน กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสขณะที่มีขวดเหล้าอยู่เต็มโต๊ะ
“ไอ้เจ้านั้นมันสัตว์ประหลาดชัดๆ ข้าเองก็ผ่านมามากแต่นี้มันไม่เหมือนกันเลย!”
“โห! ขนาดเธอยังพูดแบบนี้เลยเหรอ ฉันชักอยากเจอแล้วสิ”
“อย่าเลยๆ อย่างแกน่ะรับมือเจ้านั้นไม่ไหวหรอก ควยของเจ้านั้นทั้งใหญ่ทั้งยาวขนาดนี้เลย”
ฉันนี้พ่นเอาเหล้าที่ดื่มอยู่ออกมาเลย นี้พวกโกร่ากำลังคุยเรื่องอย่างว่ากันอยู่หรอกเหรอ
“ยี๋ แบบนี้ก็เจ็บสุดๆ เลยสิ”
“เปล่าเลย เจ็บนิดเดียวเอง แต่เสียวแทบตายเลยล่ะ”
“หา! โกหกน่า จะเป็นไปได้อย่างไง”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้านั้นลงมือเร็วมากจนข้าตามไม่ทัน แต่มันทำบางอย่างกับร่างกายของข้า อึ๋ย!แค่คิดถึงตอนนั้นก็แฉะแล้ว”
โกร่านั่งบิดใหญ่ แถมเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงด้วย แต่นี้มันหน้ากิลมีคนเดินไปเดินมาเต็มไปหมดเลย ไม่อายกันเลยหรือไง!
“นี้อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ ตกลงเขาทำอะไรกันแน่”
“อู ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าเสียวมากเลยหลับตาปี๋เลยล่ะ”
“โธ่ ยัยนี้ เสียชื่อสัตว์กินเนื้อหมด”
“เจ้าก็พูดได้สิ ลองเจอกับตัวเองก่อนเถอะ ยิ่งตอนความรู้สึกแปลกๆ ที่เหมือนมีอะไรจะไหลออกมา ตอนนั้นแหละที่ทำให้ข้าแทบคลั่ง ข้ากล้าพนันเลยไม่ถึงนาทีเจ้าก็ต้องระทวยไม่มีแม้แต่แรงจะยืนแล้ว”
“ท้าฉันเหรอ ก็เอาสิ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าจะมีผู้ชายคนไหนมีควยใหญ่ไปกว่าของสามีฉันได้ แต่ขนาดนั้นของสามียังทำให้ฉันพึ่งพอใจไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ”
“งั้นข้าพนันหนึ่งเหรียญทองใหญ่เลย เจ้าได้เป็นทาสน้ำกามของเจ้านั้นแน่”
“ตกลงตามนั้น ว่าแต่เจ้านั้นชื่ออะไร”
“โรมะ”
พรวด!!!
พอได้ยินชื่อนั้นฉันก็พ่นเหล้าเป็นละอองออกมาเลย โรมะอีกแล้วเหรอ! จริงสิพึ่งนึกขึ้นได้ ฉันเห็นโรมะเดินเข้าที่ห้องด้านหลังกิลพร้อมกับโกร่านี่น่า พวกนั้นเข้าไปทำอย่างว่ากันหรอกเหรอ งั้นเสียงร้องนั้นก็!!! กรี๊ด!!! หน้าฉันแดงไปหมดแล้ว
ว่าแต่ของเขามันใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าตอนนั้นฉันยอมเขาไปล่ะก็…
ยะ แย่แล้วเผลอคิดไปถึงเขานิดเดียว น้องสาวฉันก็ดื้อขึ้นมาทันทีเลย บ้า บ้า บ้า
ฉันรีบยกเหล้าขึ้นดื่มแก้กลุ้ม แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรเลย กลุ่มของโกร่าลุกออกไปทันทีเมื่อสมาชิกคนที่สี่มาถึง จริงๆ ก็อยากฟังต่อนะ แต่ก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงทนไม่ไหว ต้องแอบกลับที่พักไปช่วยตัวเองอีกแน่ๆ…ช่วยตัวเอง ถ้าฉันทำมันแล้วมีโรมะนั่งดูอยู่ กรี๊ด!!! นี้ฉันคิดอะไรเนี่ย ฉันไม่ใช่คนลามกแบบนั้นสักหน่อย แล้วยัยน้องสาวจอมดื้อนี้ หยุดปล่อยน้ำออกมาได้แล้ว กางเกงในฉันแฉะจนจะไหลออกมาที่หน้าขาอยู่แล้วนะ!
ฉันคิดว่าจะกลับโรงแรมไปอบรมยัยน้องสาวจอมดื้อซะก่อน แต่ตอนนั้นเองก็มีชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ
“เธอเหรอที่ถามหาโรมะ”
ชายหน้าตาดีถามกับฉัน
“…พวกคุณเป็นใคร”
“ฮะๆๆ โทษทีลืมแนะนำตัวไป พวกเราเป็นเพื่อนกับโรมะคุง นี้ก็นัดกันไปทำเควสด้วยกันพอดี สนใจจะไปด้วยไหม พวกฉันจะแนะนำให้รู้จักเอง”
“จริงเหรอ!”
“อืม ก็เพื่อนกันนี่นะ”
“แล้วนี้ก็ปาร์ตี้ของนายเหรอ”
“อืมใช่ พอดีจะพาโรมะไปทำเควสที่ยากหน่อยนะ เลยต้องขนไปกันเยอะหน่อย”
“เข้าใจล่ะ งั้นฉันขอไปด้วย”
“ว่าแต่เธอเป็นผู้ใช้เวทเหรอ”
“เปล่า ฉันคลาสจอมเวทแล้ว”
“โอ้ว จอมเวทเลยเหรอหายากนะเนี่ย”
ทำไมเขาถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ เหมือนไม่จริงใจเลย…ความรู้สึกแบบนี้ อ้อ ใช่ เหมือนผู้กล้าที่ฉันเคยปาร์ตี้ด้วยนี้เอง ช่างเถอะแค่ให้เขาแนะนำโรมะให้ จากนั้นก็คงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว
“ไปกันเลยไหม”
“อืม”
พอเขาชวนฉันก็ลุกขึ้นไปกับเขาทันที พอคิดว่าจะได้เจอโรมะแล้ว รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไงไม่รู้สิ ใจเย็นๆ ไว้ก่ออนสิเรา ยังไม่ได้ยืนยันเต็มร้อยสักหน่อยว่าเขาคือจอมมาร แต่ถ้าใช่ล่ะก็…เราจะบอกกับเขาอย่างไงดีนะ พูดไปตรงๆ เลยดีไหม แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยอะไร เทียบกับพวกคุณหนูทาสที่อยู่กับเขาไม่ได้เลย เขาอาจไม่สนใจฉันเลยก็ได้ ไม่สิ แต่ตอนนั้นเขาชวนฉันด้วย
ฉันเอาแต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมา จนเดินทางมาถึงดันเจี้ยนแบบไม่รู้ตัว
“เอ๋ เจ้าโรมะยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย”
“ไม่เป็นไรฉันรอได้”
เพื่อให้ได้เจอเขา จะรอนานหน่อยก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างไงพวกเราเข้าไปเก็บเลเวลรอกันข้างในดันเจี้ยนไหม ที่นี้ฉันมาบ่อยจนรู้ทางหมด รับรองไม่มีอันตรายหรอก”
“…เอางั้นก็ได้”
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธนี่นะ แต่พอเดินเข้าไปในดันเจี้ยนฉันก็สงสัยขึ้นมา
“เอ่อ ไม่ทิ้งใครไว้รอโรมะสักคนเหรอ”
“ไม่ต้องหรอก พอเจ้านั้นมาถึงไม่เห็นพวกเรา ก็คงตามเข้ามาเอง มันก็รู้ทางในนี้เหมือนกัน”
“อ้อ แบบนี้เอง”
ฉันพยักหน้าเชื่อเขาไป ขณะเดินตามหลังพวกเขาลึกเข้าไปเรื่อยๆ
ตอนที่เดินไปก็เผลอคิดถึงโรมะในชุดเกราะของจอมมารขึ้นมา แต่ไม่รู้ทำไมภาพในหัวฉันถึงได้มีสิ่งนั้นโผล่พ้นกางเกงของเขาออกมาด้วย คงเพราะได้ยินเรื่องที่โกร่าพูดแล้วเก็บมาคิดแน่ๆ แต่ถ้าฉันถูกสิ่งนั้นใส่เข้ามาในตัวจะรู้สึกอย่างไงนะ…ยะ แย่แล้วสิ เผลอคิดไปจนได้ น้องสาวฉันพ่นน้ำออกมาอีกแล้ว ทะ ทำไงดี
ระหว่างที่ฉันกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น พวกเขาก็หยุดเดินในพื้นที่โล่งบริเวณชั้นสามที่ไม่มีมอนสเตอร์อยู่แถวนี้เลย
“เอ่อ จะล่ากันแถวนี้เหรอ แต่มันไม่มีมอนสเตอร์เลยนี้”
ฉันถามออกไป และพวกเขาก็หันมายิ้มให้…อีกแล้ว รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ฉันรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลย
“ใช่แล้วล่ะ ตรงนี้คือพื้นที่ล่าของพวกเราเอง”
พอพูดเสร็จชายคนที่หน้าตาดีก็ก็หวดด้ามหอกใส่ฉันทันที แต่ฉันไหวตัวทันเลยถอยหลบออกมาซะก่อน
“พวกแกจะทำอะไรน่ะ!”
“อีนี้มันยังไม่รู้ตัวอีกว่ะ ฮ่าๆๆ”
พวกมันหัวเราะอะไรหัน จู่ๆ ก็มาใช้คำพูดหยาบคายใส่…เจ้าพวกนี้มัน!
“พวกแกไม่ใช่เพื่อนของโรมะ!”
“พึ่งรู้หรือไงอีโง่ พวกกูตามมึงมาตั้งแต่ตอนเดินเข้ากิลมาแล้ว เห็นไปตามหาคนชื่อโรมะไปทั่วเลยนี้ ตามหาผัวอยู่หรือไงจ๊ะ แต่ไม่ต้องหาแล้วล่ะ เดี๋ยวพวกกูทุกคนจะเป็นผัวมึงให้เอง”
“ไอ้เจ้าพวกสารเลว!”
ฉันโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่พอฉันจะใช้เวทมนต์ออกไป ร่างกายกับหมดแรง มาน่า! พลังมาน่าของฉันหายไป
“ฮ่าๆๆ จะใช้เวทมนต์เหรอ ไม่มีทางซะล่ะ ก็บอกแล้วไงตรงนี้เป็นพื้นที่ล่าของพวกข้า ทั่วบริเวณเนี่ยถูกฝังอุปกรณ์เวทที่ไว้สำหรับดูดซับพลังมาน่าไว้สำหรับจอมเวทสองสามคนเลยนะเฟ้ย”
“พวกแก!”
ฉันรีบหันหลังวิ่งหนีทันที ขอแค่พื้นตรงนี้ไปได้ Mp regen ของฉันจะต้องฟื้นฟูมาน่าขึ้นมาให้ทันทีแน่
“ไม่ให้หนีได้หรอกโวย!”
พวกมันคนหนึ่งคว้างลูกตุ้มโซ่พันขาของเขาฉัน ทำให้เสียหลักล้มกระแทกพื้นทันที แต่ฉันยังจะหนีให้ถึงที่สุดเท้าตะกายพื้นขึ้นมา แต่กลับถูกพวกมันคนหนึ่งเข้ามากระทืบกลางหลังซะก่อน ตัวฉันปวดร้าวไปทั่ว แรงที่จะใช้ลุกขึ้นยืนหาไปจนหมด
“เสร็จกูล่ะมึง”
พวกมันพากันจับกดฉันไว้กับพื้น และฉีกเสื้อผ้าฉันออก
“อย่านะ! ปล่อยฉันไปเถอะ!”
“หุบปาก!”
มันตบหน้าฉันสุดแรงจนหัวฉันมึนไปหมด
“เฮ้ย ดูสิ กางเกงในอีนี้แมร่งเปียกว่ะ สงสไม่หยุดกระแทกใส่ฉัน มันเจ็บแถมไมss="MsoNormal" style="word-wrap: break-word;">“มะ ไม่ใช่”
ไม่ใช่เพราะพวกแก
พวกมันสี่คนแยกกันกดแขนขาฉันและจับขาแยกออก ฉันพยายามดิ้น แต่สู้แรงพวกมันไม่ได้เลย ฉันรู้ตัวแล้วว่าคงไม่รอดมือพวกมันแน่ แต่ฉันไม่ยอมโดนพวกมันขืนใจหรอก แต่พอพวกมันเห็นว่าฉันกำลังจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย มันก็รีบเอากางเกงในของฉันมาอุดปากฉันเอาไว้ ไม่นะ!
“งั้นกูก่อน”
ไอ้หน้าหล่อเข้ามาคุกเข่าตรงหว่างขาฉันเป็นคนแรก มันเอาสิ่งนั้นขนาดเท่านิ้วชี้ออกมา ถึงฉันพยายามเกร็งไว้ไม่ให้มันเข้ามาได้ แต่เพราะน้องสาวฉันเปียกแฉะอยู่ก่อนหน้าแล้ว มันเลยสอดมุดเข้ามาจนได้
“อูย อีนี้แม่งโคตรแน่นเลยว่ะ!”
ไอ้หน้าหล่อทำหน้าเหย่เกขึ้นมา แต่มันก็ไม่หยุดกระแทกใส่ฉัน มันเจ็บแถมไม่รู้สึกดีสักนิด ฉันขยักแขยงมัน
“เฮ้ย! พวกมึง อีนี้แมร่งสงสัยยังซิงว่ะ”
“เอาจริงดิ แมร่งทั้งแรดทั้งร่านแบบนี้ยังซิงอีกเหรอวะ”
“ขนาดแม่งแฉะนะเนี่ย ยังฟิตซิบหายเลย อูย เซี่ยกูไม่ไหวแล้วว่ะ”
ฉันพยายามขัดขืนไม่ให้มันปล่อยมันออกมาด้านในได้ ฉันสะบัดตัวราวกับเป็นปลาถูกโยนขึ้นบก จนสะบัดมันหลุดออกมาจนได้ แต่ก็เจ็บกระดูกไปทั้งตัว ไอ้ความรู้สึกตรงน้องสาวแทบไม่รู้สึกว่าเคยโดนอะไรใส่เข้ามาก่อนด้วยซ้ำ แต่มันทิ้งความรู้สึกน่าขยักแขยงจนอย่างอาเจียนเอาไว้ แถมมันยังเอาน้ำโสโครกของมันมาปล่อยใส่ตัวฉันแทน ตัวฉันแปดเปื้อนแล้ว ฉันไม่มีหน้าไปพบโรมะได้อีก ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว
“เฮ้ย ตากู”
พวกมันแย่งกันเข้ามาต่อคิว ของไอ้เจ้าคนนี้เล็กกว่าของไอ้หน้าหล่อหน่อยหนึ่ง ทั้งๆ ที่ตัวใหญ่เป็นควายแท้ๆ ฉันนึกถึงที่โกร่าพูดขึ้นมาทันที เธอบอกว่าของโรมะใหญ่ยาวมาก หมายความว่าใหญ่กว่าของเจ้าพวกนี้หรือเปล่า หรืออย่างของไอ้เจ้าหน้าหล่อนั้นเรียกว่าใหญ่แล้ว ถ้าของโรมะใหญ่แบบเจ้าหน้าหล่อ แล้วของโรมะใส่เข้ามาในตัวฉัน มะ ไม่ได้ ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย!
“โดนของกูไปเลยเสียวล่ะสิมึง น้ำมึงไหลไม่หยุดเลยนะ อ่ะ อุ ซิบหายกูจะเสร็จแล้ว”
ไม่! ฉันรีบสะบัดเอว แต่เพียงขยับนิดเดียวของมันก็หลุดออกมา และฉีดน้ำใส่หน้าขาฉันแทน อย่างไงฉันก็ไม่ยอมให้พวกแกปล่อยข้างในฉันแน่ ถึงพวกแกจะทำให้ฉันแปดเปื้อน แย่งชิงครั้งแรกของฉันไป แต่ฉันจะเก็บข้างในนี้ไว้ให้กับจอมมารโรมะเพียงคนเดียว
“เซี่ย ไม่ถึงนาทีก็แตกแล้ว มึงนี้ไม่ได้เรื่องเลย ดูกูนี้”
“เดี๋ยวมึงก็รู้ หีอีนี้แมร่งโคตรของดีเลย”
คนที่สามมันเข้ามาต่อ ของมันพอๆ กับของไอ้ตัวใหญ่ ฉันเลิกต่อต้านแล้ว ต้องเก็บแรงไว้ป้องกันไม่ให้มันแตกข้างในไว้ เพราะอย่างไงพวกมันก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกดีสักนิด ต้องขอบคุณโรมะที่ทำให้น้องสาวพ่นน้ำจนแฉะก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกถึงแรงเสียดสีจากข้างในเลย
“อูย จริงด้วยว่ะ! แมร่งดีจริงๆ ฟิตซิบหายเลย กูไม่ไหวแล้ว!”
ฉันพอรู้แล้วว่าเวลาพวกมันจะเสร็จ ไอ้สิ่งนั้นของมันจะเต้นตุบๆ เบาๆ ถึงพวกมันไม่ต้องแหกปากเหมือนคนบ้า ฉันก็กะจังหวะสะบัดของมันออกไปได้
“เป็นไงล่ะมึง ก็พอๆ กับกูนั้นแหละ”
“ตากูแล้วใช่ไหม”
ไอ้เจ้าคนนี้สี่นี้พุ่งเข้ามาอย่างหื่น แล้วไอ้นั้นมันอะไรน่ะ เล็กจัง มันจะไม่หักตอนใส่เข้าไปเหรอ หรือบางทีฉันน่าจะยกเองขึ้นเพื่อหักไอ้นั้นของมันเองเลยดี แต่มันรีบจะใส่จนลื่นไปลื่นมาอยู่ข้างนอก สุดท้ายก็ปล่อยน้ำใส่ตัวฉันทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่เข้าไป
“ฮ่าๆๆ ไอ้ควาย ทำเป็นมือใหม่เลยนะมึง”
“หุบปากไปเลยไอ้เซี่ย”
ไอ้เจ้านี้มันอายจนหนีไปนั่งคนเดียวแล้ว
ส่วนของไอ้เจ้าคนนี้ห้านี้หนักกว่า เพราะของมันไม่สู้ มันพยายามใช้นิ้วคีบและชักไปมา แต่มันไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเลย เลยโดนไอ้หน้าหล่อไล่ออกไป วนมาถึงมันอีกแล้วเหรอ ช่างเถอะ ขอให้มันจบเร็วๆ ทีเถอะ ถ้าฉันออกไปจากนี้ได้เมื่อไร จะฆ่าพวกมันให้หมด ใช่ ถ้าฆ่าพวกมันซะ โรมะก็จะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ฉันจะปิดบังเขาไว้ได้เหรอ ไม่ไหว ฉันทำไม่ได้
“เป็นไงล่ะอีเวร นึกว่ากูจะหมดแรงแล้วล่ะสิ กูน่ะเบิ้ลได้สองรอบโวย”
พวกผู้ชายมันน่ารำคาญแบบนี้หมดเลยหรือเปล่านะ ทำไมฉันถึงรู้สึกขยักแขยงแบบนี้ เหมือนมีแมลงมาไต่ตามตัวเลย ฉันรู้สึกเศร้าเหลือเกิน เนี่ยเหรอพวกมนุษย์ที่พวกเราพยายามร่วมมือกันต่อสู้กับจอมมาร ทั้งหยาบคาย ต่ำช้า เลวทราม ไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความอ่อนโยน เทียบกับจอมมารแล้ว…
ฉันเข้าใจแล้ว อะไรที่มันแตกต่างกัน ความคิดคะนึงถึงอีกฝ่ายไงล่ะ จอมมารคิดถึงความรู้สึกของฉัน พยายามเข้าใจมัน ยอกเล่นบ้าง รุนแรงบ้าง แต่ไม่ทำร้ายเด็ดขาด เพราะใจดีไงล่ะ ฉันน่าจะเข้าใจตั้งแต่ตอนเห็นพวกคุณหนูทาสแล้ว พวกเธอดูมีความสุขมากจริงๆ
ตัวฉันในตอนนี้ที่ต้องถูกขยะมันย่ำยี เขาจะยังยอมใจดีกับฉันอยู่ไหม ฉันยังจะมีค่าอยู่อีกไหม หรือฉันควรตัดใจดี พอดีกว่าเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อไรมันจะจบสักทีนะ
“ติดใจของกูแล้วล่ะสิ เป็นไงใหญ่สะใจดีใช่ไหมล่ะ”
มันพูดอะไรฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ว่าแต่นี้ใส่เข้ามาแล้วเหรอ ไม่เห็นจะรู้สึกเลย ตอนที่ใช้นิ้วช่วยตัวเองฉันว่าจะพอรู้สึกอะไรได้มากกว่านี้อีกนะ แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าหล่อข่มขืนฉันพลางมโนไปเองอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ใครกันน่ะ พวกมันมาเพิ่มเหรอ สติฉันเลือนรางจนจับคำพูดไม่ค่อยได้ ฉันโฟกัสไปที่แค่ว่าเมื่อไรที่ไอ้เจ้าหน้าหล่อมันจะเสร็จสักที ฉันจะได้รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดมันออกไม่ให้มันแตกข้างใน
แต่สิ่งที่เรียกสติฉันกลับมา ก็คือสัมผัสของความโกรธที่ทำให้อากาศยังสั่นไหว พวกมันลุกออกจากตัวฉันแล้ววิ่งหนีไป แต่กลับถูกโซ่เวทมนต์ลากกลับมา ฉันค่อยๆ โฟกัสการมองเห็นของตัวเองไปหาต้นตอของความโกรธ และฉัน…ก็ได้เห็นเขา จอมมารมาช่วยฉันแล้ว
เขากำลังลงโทษเจ้าพวกสารเลวอยู่ โดยให้ลูกน้องที่มาด้วยอันเชิญกองทัพโอเกอร์ออกมา และสั่งให้พวกมัน>
เมื่อสั่งลงโทษพวกสารเลวแล้ว จอมมารก็เดินเข้ามาหา ฉันรีบยกมือขึ้นปิดร่างกายอันเปลือยเปล่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกอะไร แต่พอรู้ว่าเขามอง ทำไมฉันถึงได้รู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเลยล่ะ แย่แล้ว! ฉันเผลอไปสบตากับเขาแล้วด้วย เขาคงรังเกียจฉันมากแน่ๆ ผู้หญิงสกปรกที่ร่างกายเต็มไปด้วยน้ำกามของไอ้พวกขยะ ฉันเสียใจจนอยากจะร้องไห้ สิ่งที่น่าเสียใจยิ่งกว่าการถูกพวกสารเลวขืนใจ ก็คือการถูกเขามองด้วยสายตารังเกียจ
แต่ว่า…เขากลับกอดฉันไว้ และบอกด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนว่า
“มันจบแล้ว”
ฉันถูกคำพูดของเขาปลดปล่อยอีกครั้งหนึ่งแล้ว น้ำตาของฉันไหลพราก ไม่ใช่มาจากความเสียใจ แต่มาจากความดีใจ เขาไม่รังเกียจร่างกายของฉันที่แปดเปื้อน แต่กอดมันไว้อย่างอบอุ่นนุ่มนวล เขาปล่อยให้ฉันร้องไห้ตามที่ต้องการ โดยที่ยังคงมอบความอบอุ่นในอ้อมกอดให้อยู่
พอฉันหยุดร้องเขาก็ทำความสะอาดตัวฉันให้ ราวกับเกิดใหม่เลย ไม่มีเหลือความรู้สึกน่าขยักแขยงติดค้างอยู่สักนิด จากนั้นเขาก็ห่อตัวฉันด้วยผ้าคลุมแล้วอุ้มฉันราวกับเป็นเจ้าหญิง ฉันคู่ควรกับสิ่งนี้เหรอ ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันเจอที่ที่ฉันจะอยู่แล้ว ฉันเอนหัวลงไปแนบตัวเขา และเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ตอนที่ 22 มิริน part 4

ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนที่หรูหราราวกับอยู่ในพระราชวัง
จริงสิ ก่อนฉันจะหลับไป จอมมารบอกว่าจะพาฉันมารักษา งั้นที่นี้ก็คือปราสาทจอมมารสินะ ผิดจากที่คิดไว้เยอะเลย ฉันมองไปนอกหน้าต่างเห็นแต่ก้อนเมฆสีขาวสะอาดตา กับท้องฟ้าสีครามที่ดูใกล้ราวกับจะคว้าเอาไว้ได้
อย่างกับอยู่บนสวรรค์เลย
ขณะที่ฉันคิดแบบนั้นประตูห้องก็เปิดออก มีเผ่าปีศาจสามตัวเข้ามา หนึ่งในนั้นเป็นลูกน้องของจอมมารที่ฉันเคยเจอมาสองรอบแล้ว เธอเป็นดาร์คเอลฟที่สวยจนน่าสะพรึง
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“อะ อืม ฉันถูกจอมมารพามาที่นี้เหรอ”
“ใช่ค่ะ ท่านสั่งให้พวกเราดูแลคุณระหว่างที่พักอยู่ที่นี้ ทำตัวตามสบายนะ ฉันขอไปแจ้งให้ท่านโรมะทราบก่อน”
ดาร์คเอลฟออกจากห้องไป จนเหลือปีศาจอีกสองตัวที่เป็นครึ่งคนครึ่งงู พวกลาเมียล่ะ มอนสเตอร์ระดับสูงแบบนี้ฉันพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“มีเจ็บตรงไหนอีกไหมคะ”
“มะ ไม่ค่ะ ขอบคุณ เอ๋ พวกคุณพูดภาษามนุษย์ได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิ ก็ท่านจอมมารสั่งให้พวกเราเรียนภาษาของมนุษย์ไว้”
“เอ๋! ทำไมล่ะ?”
“ท่านว่า การสื่อสารจะเป็นหนทางไปสู่การอยู่ร่วมกัน”
คำตอบนี้ทำเอาฉันทรุดลงไปกับพื้นแล้วหัวเราะทั้งน้ำตาออกมา
นี้ไงล่ะคำตอบ เขาพยายามสื่อสารอยู่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราเจอกัน เขาพยายามทำแบบนั้นมาตลอด ถ้าเพียงผู้กล้าเปิดใจรับฟังเขา ก็ไม่ต้องไปเจอจุดจบแบบนั้นแล้ว แถมเป็นคำตอบที่ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้เลยว่า ตลอดมานั้นพวกเราทำอะไรกันอยู่ พวกเราฆ่าฟันไปอย่างไร้ประโยชน์จนลืมเรื่องที่ง่ายที่สุดแบบนี้ไปได้อย่างไงกัน
“เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ลาเมียโน้มตัวลงมาถามอย่างเป็นห่วง ฉันรีบส่ายหน้าตอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย”
ฉันลุกขึ้นมาและมองไปที่พวกลาเมีย ตอนนี้ฉันสามารถฟังได้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไง สามารถพูดออกไปได้ว่าตัวเองคิดอย่างไง พวกเราอยู่ร่วมกันได้
“จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าฉันจะขอจับมือหน่อย”
“จับมือ?”
ลาเมียหันหน้ามองกันอย่างสงสัย ก่อนจะยื่นมือออกมาให้กับฉัน
“อ่ะ ผิวลื่นจัง”
สัมผัสแรกฉันรู้สึกแบบนั้น ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าผิวของลาเมียเป็นอย่างไง
“เอ่อ นั้นเกร็ดน่ะ”
“อะ อ้าวเหรอ”
“อืม มือของมนุษย์นี้อุ่นจัง”
“ไหนๆ ขอจับบ้าง”
ลาเมียอีกคนรู้สึกสนใจ ฉันเลยยื่นมืออีกข้างออกไปให้เธอจับ พวกเราทำความรู้จักกันด้วยการสัมผัส และแลกเปลี่ยนความรู้สึกซึ่งกันและกัน
“อ่ะ ท่านจอมมารกลับมาแล้ว”
ลาเมียเหมือนจะจับสัมผัสของจอมมารได้ ซึ่งฉันอยากจะทำแบบนั้นได้บ้างจัง
จากนั้นดาร์คเอลฟก็เข้ามาพาลาเมียทั้งสองออกไป และมองตรวจดูความเรียบร้อยของฉันอีกครั้ง เธอคนนี้ก็ใส่ใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับจอมมารมากๆ เลย
ฉันกลับขึ้นมานั่งบนเตียง พลางคิดว่าจะทำหน้าอย่างไงดีตอนเจอจอมมาร ยิ้มดีไหม หรือแก้ผ้ารอเลยดี…เอ๋ นี้ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย ยัยคนลามก บ้า บ้า บ้า
ใจเย็นๆ สิเรา ใช่แล้วต้องสะสางความค้างคาให้หมดไปซะก่อน ทั้งจุดยืนของเรา และเรื่องราวในอดีต แต่ไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างไง ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพลีกายให้กับท่านจอมมาร ว่าแต่ถ้าแก้ผ้าออกนี้ ท่านจอมมารจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิงร่านหรือเปล่านะ ระหว่างที่คิดอะไรอย่างสับสนอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญค่ะ”
กรี๊ด! ทำไมต้องทำเสียงเข้มด้วยล่ะเรา พูดแบบปกติไปสิ
จอมมารเข้ามาในห้องพร้อมกับมองดูฉัน ใช่สายตาแบบนั้นล่ะ สายตาของความห่วงใย ตะ แต่อย่าจ้องฉันนานสิคะ นะ น้องสาวฉันมันดื้อมากๆ เลยตอนนี้จริงด้วย ยืนยันจุดยืนๆ
“…ช่วยฉันไว้ทำไมคะ พวกเราเป็นศัตรูกันนะ”
…เอ๋ เดี๋ยวนะ ฉันน่าจะใช้ประโยคที่ฟังดูดีกว่านี้สิ ไม่ให้เหมือนไปงอนใส่เขาแบบนี้ ฉันนี้มันบ้าจริงๆ เลย
แต่จอมมารกับตอบมาว่าเพราะเสียดาย หมายถึงเสียดายความสามารถของฉันเหรอ จอมเวทถึงจะมีน้อย แต่ถ้าจะหาก็หาได้อยู่นะ แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ พอสงสัยแบบนั้นก็เลยถามออกไป
“เพราะเจ้าสวย”
คำตอบของจอมมารเล่นเอาฉันพูดไม่ออก ต้องบอกว่าลืมหายใจไปเลย นี้ในสายตาเขาฉันสวยเหรอ นะ นี้ฉันคิดได้ใช่ไหมว่าเขาสนใจฉัน เขาชอบฉันใช่ไหม ไม่เอานะ ยัยน้องสาวไม่ใช่เวลานี้ เขาแค่ชมฉันสวย เธอก็เขื่อนแตกซะแล้ว ตอนนี้ใต้ผ้าห่มมันแฉะไปด้วยน้ำของฉันแล้ว ขืนลุกไปเขาได้เห็นแน่ๆ ว่าฉันเป็นผู้หญิงโรคจิตขนาดไหน
แต่สิ่งที่จอมมารจะพูดต่อไป ได้กระชากเอาวิญญาณของฉันหลุดลอยไปเลย เพราะเขาพึ่งบอกว่าอยากได้ฉันไปเป็นผู้หญิงของเขา ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ฉันควรถอดเสื้อผ้าออกตอนนี้เลยใช่ไหม ฉันพร้อมแล้ว ทำให้ฉันเป็นผู้หญิงของคุณเลย
ทว่าสติสตังของฉันกลับมาอีกครั้งเพราะสิ่งที่เขาพูดต่อไป จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงห่วงใยฉัน และไม่คิดจะกักขังเอาไว้ เขาให้อุปกรณ์เวทเคลื่อนย้ายมา ฉันรู้ว่าเขาต้องการสื่อให้รู้ว่า ตัวฉันจะกลับออกไปเมื่อไรก็ได้ เขาเพียงอยากให้ฉันสบายใจ แต่ยัยลามกที่นั่งอยู่ตรงนี้เอาแต่คิดเรื่องสัปดน ฉันละอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ
จนท้ายที่สุดเขาก็ยังคงห่วงใยฉัน ทำไมถึงดีกับฉันถึงเพียงนี้ล่ะ สิ่งที่ทำให้นั้นเพียงแค่ร่างกายกับจิตวิญญาณของฉันคงไม่พอจะชดเชยให้ได้แล้วล่ะ หรือว่าเขาต้องการอย่างอื่นจากฉันอีก
ฉันถามคำถามนั้นออกไปขณะกอดตัวเองไว้แน่น เพราะฉันกำลังคาดหวังคำตอบสุดวิตถารอยู่ ฉันอยากให้เขาพูดออกมาเลยว่าอยากได้ฉันเป็นทาสน้ำกามของเขา ฉันนี้มันเลวที่สุดแต่แล้วเขาก็บอกให้ฉันพักผ่อน แล้วก็กลับออกไปเลย ฉันอยากจะลุกไปห้ามเขาให้อยู่ต่อ แต่ว่าลุกไม่ได้อ่ะ กะ ก็มันเปียกแฉะไปหมดแล้ว
ดูเหมือนจอมมารจะกลับไปแล้ว คงกลับไปส่วมบทเป็นโรมะเหมือนเดิม หรือต้องบอกว่าโรมะส่วมบทเป็นจอมมารดีล่ะ…ใช่แล้ว ถ้าสงสัยก็แค่ถามออกไป
ฉันเลยออกไปหามุเอมะ ซึ่งพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเธอคือดาร์คเอลฟคนนั้น มุเอมะเปรียบเสมือนกับราชินีของที่นี้ รับผิดชอบทุกอย่างแทนจอมมารขณะที่เขาไม่อยู่ ราวกับภรรยาที่แสนดีที่จะคอยจัดการงานบ้านทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อรอสามีกลับมา
“คุณน่ะ อยากมีอะไรกับท่านโรมะใช่ไหม”
พรวด!!
ฉันพ่นน้ำชาที่เธอพึ่งรินให้ดื่มออกมา จู่ๆ ก็พูดออกมาตรงๆ เลยเหรอ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“อย่าโกหกเลยค่ะ ดาร์คเอลฟอย่างฉันสามารถมองเห็นสีของจิตใจคนอื่นได้ เพราะงั้นใครรู้สึกอย่างไงฉันรู้หมด และตั้งแต่เจอกันครั้งแรก สีของเธอก็คือสีแดง หมายถึงอยากมีเช็กส์จนแทบคลั่งแล้ว และเธอจะมีสีแบบนั้นตลอดเวลามองไปที่ท่านโรมะ”
“ชะ ชัดเจนขนาดเลยเหรอคะ”
“ค่ะ ชัดมาก เพราะต่อให้ไม่ต้องมอง ฉันก็ได้กลิ่นลามกออกมาจากน้องสาวของคุณอยู่ดี”
“กรี๊ด!”
ฉันรีบกุมน้องสาวไว้ทันที นี้ขนาดเปลี่ยนทั้งกางเกงในแล้วก็ชุดแล้วนะ ยังมีกลิ่นอีกเหรอ
“ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ดีซะอีกเพราะท่านโรมะก็ถูกใจคุณอยู่ แถมเพราะกลิ่นลามกของคุณนั้นแหละที่ไปกระตุ้นท่านโรมะจนต้องมาระบายใส่ฉันจนเต็มอิ่ม ขนาดตอนนี้ยังไม่หายปวดเอวเลย”
“ฮะๆ ทำให้ลำบากซะแล้ว”
ฉันยิ้มเขินๆ แต่เสียดายที่เขาไม่เอามาลงกับฉัน
“ระวังไว้หน่อยก็ดีนะคะ ความหื่นของท่านโรมะทั้งหวานทั้งอร่อย แต่ถ้ากินมากไปจะเสียสติเอาได้ง่ายๆ เลยนะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“ไม่ค่ะ ยิ่งกว่าที่คุณคิดตอนนี้เยอะเลย”
ฉันไม่มีคำพูดใดอีกนอกจากเสียงกลืนน้ำลายตัวเอง
“แต่ว่า อยากพบฉันเนี่ย คงมีเรื่องอยากจะถามมากกว่ามานั่งคุยกันถึงความลามกของคุณสินะคะ”
“อุ๊ เถียงไม่ออกเลย ฉันยอมรับค่ะว่าตัวเองลามก ขอโทษด้วยนะ”
“แหมๆ เห็นแบบนี้ฉันก็ลามกเหมือนกันนะ ตอนปรึกษางานกับท่านโรมะ ฉันยังแอบช่วยตัวเองไปด้วยโดยที่ไม่ให้รู้เลย”
“สะ สุดยอด! ทะ ท่านพี่มุเอมะฉันขอเรียกแบบนี้ได้ไหมคะ”“ได้สิ แต่เข้าเรื่องเถอะ”
“ค่ะ”
ฉันถามถึงความสงสัยออกไป โดยเริ่มจากช่วงเวลาแห่งราพาย ซึ่งก็อย่างที่คิดไว้จริงๆ ทุกอย่างที่ฟังมาผิดหมด
ก่อนอื่นเลยข่าวที่จอมมารฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นเป็นข่าวลวง เพื่อรักษาฐานอำนาจของเผ่าปีศาจเอาไว้ ส่วนเหตุช่วงเวลาแห่งราพาย ทางเผ่าปีศาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย แต่มันเกิดขึ้นจากฝ่ายมนุษย์เอง ที่พยายามทำการทดลองเกี่ยวกับการอันเชิญปีศาจมาควบคุม แต่นอกจากจะควบคุมไม่ได้แล้ว ยังทำให้เกิดการคลุ้งคลั่งออกอาละวาดอีก
เรื่องนี้มีหลักฐานคืออุปกรณ์เวทสำหรับการอันเชิญ ซึ่งเก็บอยู่ในห้องสมุดของที่นี้ โดยที่มุเอมะเป็นคนไปขโมยมันมาเองพร้อมกับตราสัญลักษณ์ของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่ของเผ่าปีศาจ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคดีที่มนุษย์ชอบโยนมาให้เผ่าปีศาจเป็นแพะรับบาป และเพราะสื่อสารกันไม่ได้ ก็เลยแก้ตัวไม่ได้ สุดท้ายภาพลักษณ์ของเผ่าปีศาจก็กลายเป็นอย่างที่ทุกคนเกลียดชังกันอย่างทุกวันนี้
จนโยงไปถึงเรื่องของท่านจอมมารโรมะ ฉันตกใจมากที่รู้ว่าตัวจริงของเขานั้นคือผู้กล้าที่มาจากต่างโลก แถมพอได้ฟังวีรกรรมของเขาที่ยุติการนองเลือดด้วยตัวคนเดียว ฉันถึงกับสั่นไปทั้งตัว ยัยน้องสาวก็เอาอีกแล้ว แต่ท่านพี่มุเอมะก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมให้ฉันช่วยตัวเองไปด้วยฟังไปด้วย ขอโทษค่ะที่ฉันลามกแบบนี้
และเพื่อให้ผู้กล้าที่เป็นเพื่อนๆ เขาได้กลับบ้าน เขาจึงเสียสละยอมเป็นจอมมารคนปัจจุบัน จนทำให้ปัญหาทุกอย่างคลีคลายลงได้ ทั้งๆ ที่ถ้าอยากจะกลับเขาก็กลับได้ตลอดเวลา แต่ที่เขาไม่กลับ เพราะต้องการรับผิดชอบเผ่าปีศาจในฐานะของจอมมาร แม้แต่เผ่าพันธุ์ที่โลกนี้ได้ถอดทิ้งไปแล้ว เขาก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือ สมกับเป็นเขาจริงๆ
แต่เพราะต้องรอให้ขุนพลปีศาจฟื้นขึ้นมาซะก่อน เพื่อความมั่นคงภายในของเผ่าปีศาจ ช่วงนี้โรมะเลยว่าง และเขาเองก็อยากจะเป็นนักผจญภัยอยู่แล้ว แถมยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในโลกนี้ไปด้วย เรียกได้ว่าเขาก็ทำงานเพื่อช่วยเหลือทุกคนในแบบของเขาอยู่
“ถึงจะว่างั้นก็เถอะนะ แต่เป้าหมายหลักจริงๆ ของท่านโรมะก็คือการสร้างฮาเร็มค่ะ”
“เอ๋! แล้วท่านพี่ก็ยอมเหรอ”
“ทำไมจะไม่ยอมล่ะ ฉันน่ะ ทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้ท่านโรมะมีความสุข อย่าว่ากะอีกแค่ฮาเร็มเลย ถ้าท่านโรมะต้องการครอบครองผู้หญิงทั้งโลกนี้ ฉันก็จะฆ่าล้างผู้ชายให้หมดไปจากโลกเพื่อความต้องการของท่านโรมะจะได้เป็นจริง”
“แล้วไม่คิดว่าเขาจะปั่นใจไปให้คนอื่นเหรอคะ”
“ฉันเข้าใจนะ แต่ท่านโรมะน่ะปั่นใจไปให้คนอื่นแล้ว เขาก็ยังรักฉันอยู่นี่น่า และถึงเขาไม่รัก ฉันก็จะทำให้เขารักฉันให้ได้”
“ว้าว ท่านพี่สุดยอดค่ะ ฉันเองก็จะขอยึดถือแนวนี้ไว้เหมือนกัน”
“อีกอย่างนะ การที่ท่านโรมะไม่ได้เป็นของพวกเราคนใดคนหนึ่งล่ะ ดีแล้ว”
“เอ๋ ทำไมล่ะคะ?”
“เรื่องนี้ไว้เธอได้เสพสมกับท่านโรมะแล้วจะรู้เอง พูดถึงเรื่องนี้แล้วเธอเองก็รีบไปหาท่านโรมะเถอะ จำนวนสาวๆ ในฮาเร็มตอนนี้ยังถือว่าน้อยเกินไป ไม่เพียงพอจะสนองความหื่นของท่านโรมะได้หรอก ขืนปล่อยให้เก็บกดมากๆ มีหวัง…”
ท่านพี่มุเอมะหยุดพูดไปกะทันหัน พลางจับไปที่เอวของตัวเองด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ตะ แต่ว่า ท่านโรมะจะยอมรับฉันได้เหรอค่ะ ก็ฉัน…ถูกทำให้สกปรกแล้ว”
“ขนาดฉันเป็นดาร์คเอลฟท่านโรมะยังไม่แคร์เลย จะว่าไปเด็กที่ชื่อฟรานซิสก้านั้น โดนมาหนักกว่าเธอเป็นร้อยเท่าเลยนะ ยังได้เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของท่านโรมะเลย”
“ใช่เด็กคนที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงคนนั้นหรือเปล่าคะ”
“คนนั้นแหละ ก่อนเจอท่านโรมะมีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว เรื่องสภาพร่างกายฉันไม่แปลกใจหรอก เพราะท่านโรมะมีสกิลที่ใช้รักษาได้ แต่จิตใจนี้สิ ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า ทำอย่างไงถึงฟื้นฟูจิตใจเด็กคนนั้นได้เร็วถึงขนาดนี้ ไม่สิ ต้องบอกว่าทุกคนเลยต่างหาก รวมถึงฉันเองด้วย ตามนั้นแหละ ไม่ต้องคิดมาก แค่โดนข่มขืนคิดซะว่าโดนหมามันกัดเอาก็แล้วกัน ไปให้ท่านโรมะเลียแผลให้เดี๋ยวก็ลืมแล้ว”
“งั้นฉันจะไปเลยนะคะ”
“อ่ะ จริงสิ ฉันจะบอกจุดอ่อนท่านโรมะให้ แล้วนี้อาวุธลับเพื่อใช้กับจุดอ่อนของท่านโรมะ”
แล้วท่านพี่มุเอมะก็กระซิบบอกความลับให้ฉันรู้ พร้อมกับมอบอาวุธลับให้กับมือฉัน เท่านี้ฉันก็พร้อมจะกลับไปหาท่านโรมะแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO

ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย                ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ                 แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั้งหมด เพราะพวกเราที่มาจากต่างโลก ต่างได้รับสกิลมาด้วย แถมในโลกนี้ก็มีเวทมนต์ที่ทำให้สามารถแสดงค่าสถานะต่างๆ ได้แบบเกมส์                 สก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้