ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 33 - 35 By Kumao






ตอนที่ 33 พิธีกรรมสามเหลี่ยมแห่งความลับ

ผมกลับออกมาอย่างมีความสุขเพราะกับกระเป่าเงินที่ตุง นี้เป็นครั้งแรกที่หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ผมตรงกลับคฤหาสน์ทันที และวานให้ยูรินกับเดเม่เข้าเมืองเอาไอเท็มไปขายในตลาด เพราะส่วนใหญ่เป็นอาหาร น่าจะขายได้ราคาดีกว่าไปขายที่กิล และให้โล่มัจฉาไปสองอันด้วย ถ้าร้านขายเครื่องป้องกันให้ราคาดีก็ขายไปเลย ส่วนอีกอันหนึ่งผมให้ดาเซสไป ซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นของดีมาก จนทำให้ดาบที่เธอใช้ดูไม่สมดุลไป ผมเลยให้ดาบมัจฉาเธอไปด้วยซะเลย ดาเซสนี้ถึงกับดีใจจนน้ำตาตก
ส่วนว่าดีกว่าขนาดไหน ดาเซสได้ทำให้ดู ด้วยการเอาดาบมัจฉาฟันลงบนดาบเล่มเก่า ดาบเก่าถูกตัดอย่างกับกระดาษเลย สรุปว่าของในดันเจี้ยนน้ำตกนี้ของดีสินะแน่นอนว่าผมย้ำกับยูรินและเดเม่ไว้แล้วว่าถ้าใครถาม ว่าได้มาจากไหน ก็บอกไปว่าไม่รู้ มีคนวานมาให้ขายแทนไป คือจริงๆ ไม่ได้กะงกหรอกนะ แต่ดันเจี้ยนเนี่ยมันอยู่หลังบ้านผมเลย คืนมีคนแห่กันมา ผมเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยหลายๆ อย่างน่ะ
ระหว่างที่รอยูรินกับเดเม่กลับมา ผมก็เริ่มทำมื้อเที่ยง โดยที่ผมแบ่งไอเท็มที่ได้มาเก็บไว้เป็นอาหารส่วนหนึ่ง อย่างวุ้นเนี่ยผมไม่ขายเลย เพราะได้มาน้อยแถมใช้ทำของกินได้หลายแบบ
เมนูที่ผมจะทำคือ ราเม็งซุปหัวปลา
เส้นผมทำเตรียมไว้แล้ว ถึงคุณภาพเส้นจะไม่ได้ตามที่ต้องการก็เถอะ แต่แป้งในตลาดมีให้เลือกไม่เยอะ นี้ก็ใช้ของที่ใกล้เคียงที่สุดมาทำแล้ว
ชุปผมใช้หัวปลาอาร์มฟิช ซึ่งลองชิมแล้วอร่อยเหาะไปเลย ผมใส่วุ้นลงไปละลายด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติแฝง
ส่วนเครื่องก็มีเนื้อปลาสายรุ้ง แมงกะพรุน และหั่นเนื้อสเต็กเป็นชิ้นบางๆ วางไว้ด้านบน ก็เป็นอันเสร็จ ผมทดสอบชิมรสชาติแล้ว เนื้อปลายสายรุ้งอร่อยกว่าปลาชนิดอื่นๆ ที่ผมเคยชิมมาเลย มันนิ่มหวานหอมเข้าปากแล้วแทบไม่ต้องเคี้ยว ส่วนแมงกะพรุนก็กรุบกรอบมาก ไม่เค็มด้วย ออกรสมันๆ เข้ากับน้ำชุปที่สุด ส่วนเนื้อนั้นไว้เพิ่มสัมผัสของการเคี้ยวที่จะไม่ได้จากพวกอาหารทะเล
ระหว่างที่ทำ ฟราน เอร่า ดาเซส มิริน นั่งน้ำลายไหลกันใหญ่ ยิ่งตอนผมชิม เอร่ารีบยกมือขอเป็นคนชิมบ้าง แต่เรื่องอะไรจะให้เธอได้กินก่อนคนอื่นล่ะ
พอพวกยูรินกลับมา พวกเราก็ไปที่ห้องนั่งเล่น เพื่อดูรายได้ที่ขายของได้ ปรากฏว่าพอเทเงินในถุงออกมา ผมถึงกับผงะ เพราะมันมีแต่เหรียญทองคำ ทั้งทองคำเล็ก มาตรฐาน และใหญ่ รวมๆ แล้วเป็นเงินกว่า 6ล้าน
ผมรีบถามเลยว่าทำไมมันได้เงินมาเยอะแบบนี้ เดเม่เลยอธิบายว่า ในตลาดไม่มีสินค้าประเภทปลามานานมากแล้ว ราคาเลยถีบตัวขึ้นสูง โดยเฉพาะปลาสายรุ้งเนี่ย เป็นที่ต้องการมาก แค่ตัวเดียวก็ขายได้ 5แสนแล้ว จากนั้นยูรินก็บอกต่อว่า
โล่ที่เอาไปขาย เป็นของที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน พอตรวจสอบดูแล้วก็พบว่า มีคุณภาพสูงกว่าแร่มิธริลที่เป็นแร่ที่ดีที่สุดในเมืองตอนนี้ซะอีก ตัวโล่เลยขายได้ชิ้นล่ะ 2.2 ล้านเลย พอได้ยินราคา ดาเซสรีบส่งทั้งดาบทั้งโล่คืนทันที แต่ผมดันกลับไป จะคืนทำไมก็ไม่รู้ ยิ่งเป็นของดีก็ยิ่งต้องเก็บไว้ใช้สิ
จากนั้นผมเลยแบ่งเงินออกเป็นกองๆ กองล่ะ5แสน รวมพวกเหรียญที่เก็บมาจากในดันเจี้ยนด้วย และแบ่งให้กับทุกคน ส่วนที่เหลือเก็บเข้ากองกลาง
“…นี้มันอะไรเหรอ?”
ดาเซสชี้ไปที่เงินตรงหน้า
“ค่าขนมไง”
“แต่นี้มันตั้งห้าแสนเลยนะคะ!”
ฟรานรีบดันมันคืนผมมา
“ฟังนะ ผมไม่ได้ให้เอาไปใช้ทีเดียวหมด แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เก็บสะสมเอาไว้ เกิดวันไหนผมเป็นอะไรขึ้นมา พวกเธอจะได้มีเงินใช้ชีวิตจะได้ไม่ลำบากอีกในอนาคต”
“นายท่าน!”
ทุกคนพุ่งเข้ามากอดผมพร้อมกันเลย บางคนก็ขอบคุณ บางคนก็บอกว่าจะไม่ยอมให้ผมเป็นอะไรไป หลายๆ อารมณ์กันไปละนะแต่ถึงพวกเธอจะโกรธที่ผมพูดแช่งตัวเอง แต่ผมต้องคิดเผื่ออนาคตของพวกเธอเอาไว้ ถึงแม้จะต้องเป็นยักษ์เป็นมารผมก็จะทำ
หลังจากที่ให้ทุกคนเก็บเงินไปแล้ว ก็ได้เวลามื้อเที่ยงสักที เดี๋ยวนี้ที่นั่งเริ่มเป็นที่ประจำของแต่ละคนไปแล้ว โดยที่ผมนั่งอยู่หัวโต๊ะ เพราะต้องคอยลุกไปลุกมา
ด้านซ้ายผมเรียงไปก็เป็น ฟราน เดเม่ มิริน ส่วนทางขวา เอร่า ยูริน ดาเซส เสียดายที่มอเรียกลับมาไม่ได้ เพราะว่ามีเวลาพักเที่ยงให้แค่ครึ่งชั่วโมงสำหรับพนักงานกิล ไปกลับไม่ทันแน่ ผมเลยเตรียมของมอเรียไปส่งให้ที่กิลด้วย เพราะอย่างไงเดี๋ยวก็ต้องไปที่นั้นต่ออยู่แล้ว
พอเห็นราเม็งเข้า ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมาถามทันทีว่ามันคืออะไร
ผมเลยต้องสอนวิธีกินให้ และยังต้องสอนมิรินกับยูรินใช้ตะเกียบด้วย แต่พอกินกันเข้าไปแล้ว ก็ปล่อยรีแอกชั่นกันออกมาเต็มเหนี่ยวเช่นเคย อืม ห้าดาวเลยสินะมื้อนี้
“สะ เส้นนี้มันทำไมเหนียวนุ่มได้อ่ะ! มันเป็นอาหารเหรอเนี่ย!? ข้าไม่เข้าใจ”
ยูรินยกขึ้นบนเก้าอี้ และคีบยกเส้นขึ้นไปจนสุด เพื่อดูให้ชัดๆ ถนัดตา สีหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอสั่นกระตุกใหญ่เลย
“น้ำซุปอร่อยที่สุดเลยค่ะนายท่าน!”
ฟรานท่าทางจะชอบน้ำชุปที่สุดอ่ะนะ ไม่แปลกหรอก ก็ผมผสมเลือดปลาลงไปด้วยนี้
“เนื้อปลานี้ มะ มันเนื้อปลาสายรุ้งไม่ใช่เหรอค่ะนายท่าน”
เดเม่จำได้ก็ไม่แปลก ก็ล่ามาด้วยกันนี่น่า แถมเป็นคนเอาไปขายอีก
“ก็ใช่น่ะสิ เลิกสนเรื่องราคาได้แล้ว ที่อยากได้ยินน่ะคือถูกปากพวกเธอหรือเปล่า”
“พูดอะไรน่ะ! ขืนบอกว่าสุดยอดอาหารนี้ไม่อร่อย พระเจ้าต้องลงโทษแน่ๆ”
เอร่าร้องว่าเสียงดังขึ้นมาเลย
“ท่านโรมะ ตัวฉันที่ได้กินอาหารจานนี้เข้าไป ฉันตายตาหลับแล้วละค่ะ”
มิรินบอกทั้งน้ำตา
“อย่าพึ่งรีบตายสิ!”
“แฮ่กๆๆ ฉันได้ทั้งดาบและโล่อย่างดี ซ้ำยังได้กินอาหารเลิศหรูแบบนี้อีก แฮ่กๆๆ ฉันฝันไปใช่ไหมเนี่ย”
“ใครปลุกยัยดาเซสทีสิ”
แต่ยังไม่หมด ผมทำของหวานไว้ด้วย มันคือเยลลี่ผลไม้ที่ทำจากวุ้น พอทุกคนได้กินตอนมันเย็นๆ มีคนถึงกับลงไปดิ้นกับพื้นเลย ยัยเอร่ากับดาเซสล่ะ
“อะ อร่อย!!”
คืออินแพคแรงไปแฮะ ทุกคนเลยพูดได้แค่คำนั้น กินไปร้องไห้กันไปอีกแล้ว
หลังกินเสร็จทุกคนก็ไปนั่งพักในห้องนั่งเล่น แต่ละคนนี้ทำตาเยิ้ม เหมือนจิตวิญญาณล่องลอยไปในโลกแห่งอาหารซะแล้ว
“ไม่ได้พูดเล่นนะคะ ฉันว่าแค่ใช้อาหารท่านโรมะก็ครองโลกนี้ได้แล้ว”
มิรินพูดขึ้นมาอย่างจริงจังกับผมที่กำลังเดินแจกน้ำผลไม้เย็นๆ ให้ทุกคนดื่มเป็นการปิดท้ายอยู่
“เหรอ แต่ฉันอยากทำให้แค่คนที่ฉันรักกินเท่านั้นนี้”
คำพูดของผมเล่นเอาทุกคนหน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วก็จบประเด็นไปเลย
ผมให้ฟรานกับเดเม่เตรียมตัวออกไปข้างนอกต่อ ผมตัดสินใจล่ะว่าจะให้เดเม่เข้าปาร์ตี้เป็นตัวหลักเลย ดาเซสกับมิรินเองก็อยากไปด้วย แต่ผมบอกว่าเลเวลพวกเธอเยอะเกินไป ถ้าไปด้วยจะมีแต่ขัดแข้งขัดขากัน แถมพวกผมจะไม่ได้ประสบการณ์ต่อสู้ด้วยตัวเอง ประมาณได้แต่ตัวเลขแต่ไร้ฝีมือ ไว้เดี๋ยวพอพวกผมไล่ตามทันแล้ว พวกเราได้ไปด้วยกันแน่ๆ พวกเธอก็ยอมรับได้ทันที
แต่คราวนี้มีเพิ่มมาอีกคนล่ะ ยูรินขอตามไปด้วย เพราะเธออยากเพิ่มเลเวลเพื่อให้ได้สกิลใหม่ๆ มาทำงาน เธอบอกว่าตอนก่อนที่จะป่วย เธอเป็นลูกมือของนายช่างคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ยอมพาเธอไปเก็บเลเวลเลย ใช้ให้ทำแต่งานใน Workshop ผมก็ว่าดีเหมือนกันที่ยูรินจะไปด้วย จะได้เพิ่มเลเวลให้เธอ อย่างน้อยก็จะได้ดูแลตัวเองได้ เพราะตอนนี้เธอมีเลเวลแค่หนึ่งเอง
ระหว่างรอให้ทุกคนเตรียมตัว ผมก็ขึ้นห้องมา และแอบวาปร์กลับปราสาทจอมมาร เพื่อเอาอาหารเที่ยงไปให้มุเอมะกิน และทำไปอีกสิบกว่าชุดให้แบ่งๆ กันกิน ซ้ำจดสูตรให้พ่อครัวเผื่อติดใจจะทำกินกันเอง เสียดายผมต้องรีบกลับ เลยไม่มีเวลานั่งกินกับเธอ แต่แค่นี้เธอก็ดีใจจนน้ำตาล่วงแล้ว ที่ผมคอยกลับมาหาเธอบ่อยๆ
แต่เวลากลับนี้ต้องใช้ใบวาปร์แฮะ รู้สึกสิ้นเปลื้องอย่างไงไม่รู้ คราวหน้าลองปรึกษากับมุเอมะดูดีกว่า ว่ามีวิธีอะไรดีๆ ไหมนอกจากใช้ใบวาปร์
ถึงดันเจี้ยนน้ำตกจะทำเงินได้ดี แต่ไม่ใช่รายได้ที่แน่นอนนัก อีกหน่อยพอมีของเข้าตลาดเยอะๆ ราคามันก็จะตกลง แถมผมไม่กะจะลงไปหาของไปขายบ่อยนักหรอก เพราะเดี๋ยวจะมีคนสงสัยและแอบสืบจนมาเจอที่นี้ พวกผมน่ะอยากอยู่กันอย่างสงบปลอดภัย กับนักผจญภัยแปลกหน้า ผมยังต้องคิดไว้ว่าเป็นศัตรูครึ่งหนึ่งไว้ก่อน ก็สังคมเรามันมีทั้งคนดีคนเลวนี้ จะมาใช้คำว่าเชื่อใจแล้วปล่อยให้คนไม่ดีเข้ามาทำร้ายน่ะ ไม่ใช่แนวผมซะล่ะ
เพราะงั้นต้องหาแหล่งทำเงินไว้หลายๆ ทาง อย่างการทำเควสผมถือว่าเป็นรายได้ที่แน่นอนอีกทางหนึ่ง ถึงจะน้อย แต่ได้แน่นอน…ถ้าไม่โดนมอนสเตอร์ฆ่าซะก่อนล่ะนะ
วันนี้ผมเอากระเป๋านักเดินทางใบใหญ่เก็บไว้บ้าน เท่ากับมีสองใบที่ตั้งอยู่ในห้องครัวแล้ว เพราะมันล่อตาล่อใจพวกโจรเกินไป วันนี้ผมกะไปซื้อใบขนาดกลางมาเพิ่ม ทั้งของตัวเองและส่วนของเดเม่กับยูรินด้วย
และก็ได้เวลาออกเดินทางกันสักที จริงๆ ก็อยากเอารถม้าไป เพราะมีเดเม่ที่เป็นคนขับไปด้วย แต่แบบมันจะเด่นเกินไปน่ะสิ ผมเลยต้องเดินกันไปแบบปกติ
แต่ว่ามันต้องมีพิธีกรรมก่อนเดินทางซะก่อน ผมเดินแวะเข้าไปตรงโขดหินระหว่างทางที่เดิม
ฟรานเหมือนจะรู้วัตถุประสงค์ของผมเลยหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ
พอเข้ามาจุดลับตาคน ผมก็จัดการมุดกระโปรงฟราน เพื่อเติมพลังจากสามเหลี่ยมแห่งความลับจนเต็มอิ่ม อันนี้ผมวิชาการนะ เพราะยิ่งหื่นพลังของผมมันยิ่งเพิ่ม แล้วกลิ่นของฟรานเนี่ย มันทำให้หื่นได้ในระดับที่ เดินเข้าเมืองไปเจอใครเป็นคนแรก ก็พร้อมจะฉุดจะเข้าไปข่มขืนข้างทางเลย ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ
อีกสองคนเห็นผมมุดกระโปรงฟราน ก็งงว่าผมกำลังทำอะไร พอผมกลับออกมาก็เลยบอกว่า เป็นการปลุกใจก่อนออกรบ สองคนเลยอยากให้ทำแบบที่ทำกับฟรานด้วย ซึ่งผมก็ไม่ขัด
ผมไปดมของยูรินก่อน เธอเปลี่ยนชุดมาแล้วรวมถึงกางเกงในที่เลอะเมื่อเช้าด้วย ตอนนี้เธอใส่กางเกงในเว้าสูงเหนือเอวสีดำล้วน สปอร์ตบราก็ดำล้วน ถึงจะใส่กางเกงขาสั้นอยู่ แต่ผมก็ได้กลิ่นอย่างชัดเจน
กลิ่นของยูรินจะมีกลิ่นเหงื่อปนอยู่ด้วย ซึ่งต่างจากฟรานที่จะไม่มีกลิ่นเหงื่อ เพราะเหงื่อเธอไม่เคยออกเนื่องจากเป็นแวมไพร์ แต่กลิ่นของยูรินให้ความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ไม่ไหวดมมากไปเดี๋ยวทนไม่ไหวจับเธอกดอีกแน่ พอก่อน
ผมย้ายไปที่มุดกระโปรงชุดเมดของเดเม่ดูบ้าง แต่เธอตกใจจนร้องกรี๊ดแล้วรีบกดกระโปรงไว้ หน้าผมเลยถูกกดจมไปบนสามเหลี่ยมแห่งความลับ กลิ่นของเดเม่…กลิ่นแรงมาก! แต่ไม่ใช่เหม็นนะ กลิ่นหอมหวานของเด็กสาววัยแรกแย้มอ่ะ มีกลิ่นฉี่ปนอยู่หน่อยๆ แต่กลิ่นที่ว่าแรงๆ น่าจะเป็นฟีโรโมนของเธอมากกว่า เซ็นเซอร์ที่ดุ้นผมมันว่างั้น เพราะมันวัดเลยได้ว่าใครมีระดับฟีโรโมนมากน้อยเท่าไร ด้วยระดับการแข็งตัว
หลังจากเสร็จพิธีกรรมแล้ว ผมก็พาสามสาวเข้าเมืองไปกับผม เหตุการณ์จากนี้ไป ผมข้ามอนาคตไปดูมาเรียบร้อยแล้ว ล้อเล่นนะ แค่เดาได้อยู่แล้ว
ทันทีที่เหยียบผ่านประตูเมืองเข้ามา พวกผู้ชายก็รุมเข้ามาทันที พวกมันพยายามขอต่อรองซื้อตัวทั้งสามสาวจากผม จริงๆ พวกมันมีวัตถุประสงค์เล็งเป้ามาที่ฟราน แต่พอเห็นเดเม่กับยูริน ก็ถูกอกถูกใจด้วย โดยเฉพาะเมดระดับสูงอย่างเดเม่ มีถึงระดับขุนนางมารุมด้วยเลย
กับสถานการณ์แบบนี้ผมค่อนข้างอึดอัดนะ ว่าไงดีล่ะ ถึงจะบอกว่าเป็นประเภทที่ว่า ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ก็เถอะ แต่ว่า…ผมอยากให้พวกเธอมีความสุข ถ้าเกิดเธอได้เจอกับคนที่ใช่ คนที่เธอมีความรักด้วย ผมก็พร้อมจะสนับสนุนและปล่อยมือจากเธอไป เพราะงั้นเวลามีผู้ชายที่เข้ามาหา ผมพยายามจะอยู่เฉยๆ และเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แทน
พวกที่รุมมารอบนี้ ไม่ได้มาแบบหยาบคาย พวกมันพยายามเจรจาแบบจริงจัง โดยไม่แตะต้องหรือดูแคลนอะไรพวกเธอเลย ผมจึงไม่เหตุต้องให้ไล่ไป แต่แล้วคนที่หยุดความวุ่นวายลงก็คือเดเม่
“ขอประทานโทษทุกคนด้วยนะคะ แต่ว่าต่อให้หนูไม่เป็นทาส หนูก็จะขอติดตามรับใช้ท่านโรมะตลอดไป”
เดเม่บอกอย่างมั่นคงแสดงถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ จนพวกผู้ชายส่วนใหญ่ยอมถอยออกไป
“ดะ เดี๋ยวสิ! เจ้าหน้าหนอนนั้นเหนือกว่าข้างั้นเหรอ ข้าน่ะหน้าตาก็ดี ทางบ้านก็มีฐานะ เลี้ยงดูพวกเธอให้สบายได้อย่างมีความสุขตลอดชาตินะ”
“เลี้ยงดูพวกเรา?”
เดเม่เอียงคอสงสัย พลางเดินเข้าไปหาผู้ชายที่เหมือนลูกคุณหนูคนนั้น
“แค่นั้นคิดว่าจะทำให้พวกเรามีความสุขได้เหรอคะ?”
เดเม่ถามด้วยใบหน้าแบบยันเดระ จนผมต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้น เพราะกลัวเธอจะชักอีโต้ออกมาแล่ไอ้หนุ่มนี้กลางถนน
“นายท่านไม่ใช่แค่เลี้ยงดูพวกเราค่ะ แต่ยังสอนให้รู้จักการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง มอบเกียรติและศักดิ์ศรีให้ มอบความสุข ความอบอุ่น คิดถึงแต่อนาคตพวกเรา โดยไม่ห่วงตัวเองเลย ดังนั้นกรุณาอย่าเอาตัวคุณมาเปรียบเทียบกับนายท่านผู้แสนดีของหนูอีกนะคะ”
นะ นั่นไงล้วงมือเข้าไปในผ้ากันเปื้อนแล้ว
“พอแค่นั้นแหละเดเม่ ความรู้สึกของเธอผมรับรู้แล้ว”
ใช่ รับรู้อย่างชัดเจนร้อยเปอเซ็นต์แล้วว่า เธอน่ะ ยันเดระ แน่นอน!
“ขออภัยที่แสดงมารยาทท style="word-wrap: break-word;">
“มะ ไม่เป็นไร”
ผมหันไปมองเจ้าลูกคุณหนู โชคดีที่แค่สั่นไม่ฉี่ราดออกมา ไม่งั้นเดี๋ยวเรื่องยาว แต่ไม่เป็นไรหรอกนาย ผมเองก็กลัวเหมือนกันแหละ ผมว่าบางทีค่าLove and loyal ไม่ใช่ตัวเลขเฟ้อแล้วล่ะ
แต่เพราะท่าทางของเดเม่ที่แม้จะเข้าโหมดยันเดระ ก็ยังคงสง่างามน่าหลงใหล เลยยิ่งมีแต่คนอยากได้เพิ่มขึ้น จึงเสนอเงินเพิ่มกันใหญ่ มีบางรายถึงกับบอกขายบ้านขายเมียให้เลย
ทว่าทุกสิ่งกลับหยุดนิ่งลง เมื่อสิ้นเสียง ตึง!!!
ปลายด้ามของง้าวจันทร์สมุทรแทงทะลุพื้นถนน จนแตกร้าวเป็นบริเวณกว้าง แรงกระแทกส่งบางคนลงไปนั่งเล่นบนพื้นเลย ฟรานปล่อยมือจากง้าว และก้มหัวลงโค้งตัวลงอย่างงดงามและฉีกยิ้มทรงเสน่ห์ ก่อนจะเอ่ยออกไป
“นับ 1 2 3 นะคะ จากนั้นใครที่ยังอยู่เพื่อแยกหนูจากนายท่าน หัวจะกระเด็นหลุดเอาง่ายๆ นะคะ”
“1”
เพียงแค่ฟรานนับหนึ่ง ทุกคนก็วิ่งหนีกันไปหมดเลย โอ้ว สุดยอด!
โดยไม่พูดอะไรสักคำ ยูรินจับมือผมไว้ และพาเดินต่อไป
“…ห้ามขายข้าเด็ดขาดนะ”
ยูรินพึมพำขึ้นมาเบาๆ แต่ผมก็ได้ยิน
“ไม่มีทางอยู่แล้ว”
แต่ผมซักกกลัวแล้วสิ เกิดวันใดวันหนึ่ง ความลับที่ผมเป็นจอมมารถูกเปิดเผยออกมา พวกเธอยังจะรู้สึกแบบนี้กับผมอยู่หรือเปล่า…
“นี้ พวกเธอคิดอย่างไงกับจอมมารเหรอ”
“จอมมารชั่วร้าย ต้องกำจัดค่ะ”
ฟรานตอบคนแรก
“กำจัดจอมมารเป็นเป้าหมายของนักเดินทางอยู่แล้ว”
ยูรินเองก็เห็นแบบเดียวกัน
“ไม่ต้องห่วงค่ะนายท่าน พวกหนูจะรีบๆ เก่งกว่านี้ แล้วช่วยนายท่านปราบจอมมารเอง”
เดเม่เองก็ด้วย แย่ล่ะสิ
“ขะ ขอบใจนะ”
แล้วผมก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า ต่อให้โลกแตกก็จะให้พวกเธอรู้ไม่ได้

ตอนที่ 34 ลูปันชั้นสอง

ผมตรงไปที่กิลเป็นที่แรกก่อน เพราะมีธุระหลายเรื่อง
วันนี้แถวก็ยาวออกมาถึงข้างนอกอีกแล้ว มอเรียนี้ฮอตไม่เปลี่ยนเลย แค่ยังไม่ทันก้าวเข้าไป พวกผู้ชายก็หันมาจ้องผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อแล้ว แต่สายตาก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อมองไปยังคณะติดตามของผม ใบหน้าเหี้ยมเกรี้ยมได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแบบพวกตาลุงหัวงู
“อย่าเข้าไปใกล้พวกนั้นนะ เดี๋ยวท้อง”
ผมชี้ไปยังพวกที่จ้องมายังพวกฟราน
“อย่ากล่าวหาสิกันโวย!”
ผมไม่ใส่ใจ แล้วเดินเข้าไปในกิล เอ่อ เข้าใจง่ายดีชะมัดเลยแฮะ สายตาพวกผู้ชายจ้องไปยังพวกฟรานเป็นตาเดียวกัน ส่วนพวกผู้หญิงล้วนแต่จ้องมาทางผมราวกับสัตว์กินเนื้อ
“นี้สินะกิล ให้บรรยายที่กดดันอันรุนแรงจริงๆ”
ยูรินทำท่าผงะ แต่ผมว่าเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผิดไปไกลเลย!
วันนี้ผมไม่ต้องเกรงใจอีกแล้ว เพราะผมยอมรับมอเรียมาเป็นผู้หญิงของผมอย่างเป็นทางการ เลยตรงเข้าไปหาเธอที่โต๊ะทันที โดยมายืนอยู่ด้านข้างไม่ได้ไปแทรกแถวอ่ะนะ
“ท่านโรมะ มีอะไรให้ช่วยคะ”
“อืม มีๆ ช่วยกินนี้หน่อยสิ”
ผมหยิบเอาราเม้งที่ยังร้อนๆ ออกมาจากกระเป๋าของฟรานที่ฝากไว้ ดวงตาของมอเรียเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ขอพักเที่ยงค่ะ!”
มอเรียหันไปร้องบอกทางพนักงานคนอื่น
“เธอพึ่งหยุดพักเที่ยงไปเองไม่ใช่เหรอ!”
“ขอใช้เวลาพักเที่ยงของวันพรุ่งนี้ค่ะ!”
“ได้ที่ไหนล่ะ!”
แต่มอเรียไม่ฟังเสียงค้าน จูงมือผมไปที่ห้องด้านหลังทันที
ผมสอนวิธีกินให้กับเธอ พร้อมกับสอนใช้ตะเกียบไปด้วย แต่ว่าพอมอเรียเริ่มทาน ก็ลุกขึ้นมาและถลกกระโปรงขึ้นไปกองตรงเอว
“เวลามีน้อย ช่วยป้อนอาหารฉันทางนี้ด้วยได้ไหมค่ะ ท่านโรมะ”
โอ้ว จะป้อนให้จนท้องป่องเลยครับ
ผมเข้าไปถลกกางเกงในฝักทองของเธอลง และเธอพร้อมจนเปียกอยู่แล้ว ผมเลยเสียบเข้าไปทันที พวกฟรานมานั่งเรียงแถวนั่งดูอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาเหมือนกับจะบอกว่า 'หนูด้วยสิ’
พวกเธอนั่งดูไปพลางหยิบเอาน้ำผลไม้ที่ผมใส่ขวดให้ออกมาดื่มไปด้วย
มอเรียร้องซี๊ดซ๊าด ไม่รู้ว่าเพราะราเม้งอร่อยหรือเพราะดุ้นผมอร่อย แต่คงทั้งสองอย่างล่ะมั่ง แถมมอเรียบริหารเวลาเก่งเหลือเกิน พอกินเสร็จก็แตกทันที ผมรีบสโตรกชุดสุดท้ายตามเธอไป แต่พอผมจะเสร็จ มอเรียก็ขอให้ผมแตกข้างนอก ผมเลยต้องรีบดึงออกมา
มอเรียรีบเอาชามราเม้งมาลองน้ำเชื้อผมเอาไว้ พร้อมกับใช้มือช่วยรีดมันออกมา เธอเอาจนถึงหยดสุดท้ายเลยทีเดียว จากนั้นก็ยกชามชดน้ำเชื้อผมเสียงดังอึกๆ งานนี้มีเหรอพวกฟรานจะพลาด รีบไปขอให้เธอเหลือให้ด้วย จนแบ่งกันกินจนครบ เดเม่เองถึงไม่ได้ไปขอ แต่ก็แอบใช้นิ้วปาดตรงขอบๆ ไปดูด
พอกลับออกมาก็ถูกพวกพนักงานสาวมองด้วยสายตาอิจฉา ผมเลยเอาน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้เยอะ ไปแจกพวกเธอคนละขวด พวกเธอดูถูกใจมาก ผมเลยรอดตัวไปและขอให้มอเรียลงทะเบียนนักผจญภัยให้กับเดเม่กับยูรินด้วย และไม่ลืมตามเรื่องเปลี่ยนอาชีพตอนเลเวลสิบ ว่าถ้าได้อาชีพมาก่อนจะเปลี่ยนได้ไหม
คำตอบของมอเรียคือถ้าได้อาชีพมาก่อนเลเวลสิบ ตอนที่เลเวลสิบแล้วจะเป็นการเลือกอาชีพใหม่อีกครั้ง โดยยกเลิกของเก่าไป แต่ผมคิดว่าอาชีพของฟรานดีอยู่แล้ว เพราะเป็นอาชีพเฉพาะเผ่าพันธุ์ตัวเอง ฉะนั้นไม่เปลี่ยน ของเดเม่เองก็ด้วยBattle maid ดีเกินที่จะโยนมันทิ้ง
จากนั้นผมขอตัวมอเรียเพื่อไปจัดการธุระต่อ โดยไปดูเควสที่บอร์ด ก่อนจะขึ้นไปขึ้นเงินค่าหัวบนชั้นสอง ราคาค่าหัวของไอ้ยิกกับไอ้ธรรมดา เกินคาดจริงๆ
ไอ้ยิกถูกตั้งค่าหัวไว้สองกระทง คือข่มขืน กับปล้นชิงทรัพย์ ค่าหัว 50,000 รีล
ไอ้ยิกถูกตั้งค่าหัวไว้สี่กระทง คือฆ่า ข่มขืน ปล้นชิงทรัพย์ และลักพาตัว ค่าหัว 200,000 รีล
ได้เงินมาเพียบเลยแต่ก็หมดไปในพริบตา เพราะผมไปซื้อกระเป๋านักเดินทางขนาดกลางมาสามใบ ของผมของเดเม่และของยูริน
ตอนแรกเดเม่กับยูรินจะออกเงินเอง แต่ผมบอกว่าให้เป็นของขวัญสำหรับการเป็นนักเดินทาง พวกเธอเลยรับไว้ด้วยความดีใจที่ได้ของขวัญจากผม ผมเริ่มดูออกล่ะเวลายูรินดีใจ เธอจะผงกหัวหงึกๆ
เสียดายที่ดันเจี้ยนลูปันชั้นสองไม่ค่อยมีเควส นอกจากเควสรับซื้อวัตถุดิบแบบจำกัดจำนวน เหตุที่ชั้นหนึ่งมีเควสมากกว่า เพราะเป็นการสนับสนุนพวกมือใหม่ โดยเงินรางวัลส่วนหนึ่งกิลเป็นคนออกให้ แต่พอพ้นจากช่วงมือใหม่ ก็ถึงเวลาที่นักผจญภัยจะต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว
“งั้นวันนี้ไปต่อที่คราวที่แล้วไม่ได้ทำล่ะกัน”
หรือก็คือล่าไมสเตอร์ลีดเพื่อหาแร่นั้นเอง
แน่นอนผมเคลียร์เรื่องนี้กับเดเม่และยูรินก่อน ทั้งคู่ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ระหว่างทางต้องผ่านร้านอาวุธกับเกราะอยู่แล้ว ผมเลยแวะซื้อลูกธนูให้เดเม่ ซองหนึ่งมีประมาณยี่สิบดอก และให้ยูรินเลือกอาวุธกับเกราะของตัวเอง
ตอนแรกผมคิดว่าเธอน่าจะใช้พวกค้อนหรือขวาน แบบที่ดวาฟชอบใช้เวลาผมเห็นในเกมส์หรือหนัง แต่ว่าที่ยูรินใช้คือถุงมือเหล็ก มันเป็นถุงมือที่ดูใหญ่กว่ามือเยอะ หุ้มตั้งแต่ปลายนิ้วมาจนถึงข้อศอก อันที่ยูรินเลือกมา เรียกว่า Iron pike มันเป็นอาวุธที่นักผจญภัยขยาดมากที่สุด
มันถูกเรียกในอีกชื่อว่า อุปกรณ์ทะลวงเกราะ เพราะเวลาต่อยด้วยถุงมือเหล็ก แรงกระแทกจะทำให้เหล็กแหลมที่ซ่อนไว้ในส่วนแขนพุ่งออกมา มันรุนแรงขนาดเจาะเกราะเหล็กหนาๆ เป็นรูได้ ถึงบางทีจะไม่สามารถเจาะไปถึงตัว แต่เกราะก็จะเสียหาย เพราะงั้นนักผจญภัยเลยเกลียดอาวุธแบบนี้มากถ้าต้องสู้กัน
ส่วนเกราะยูรินเลือกหมวกเกราะเหล็กแบบทหารโรมัน คือมีกระบังหน้าเป็นหน้ากากด้วย ซึ่งสามารถเลื่อนขึ้นไปเก็บด้านในหมวกได้ เป็นหน้ากากที่ดูน่ากลัวเป็นบ้า ส่วนเกราะเธอใส่เกราะที่เหมือนกับยกทรง กับสนับขาที่ป้องกันตั้งแต่หัวเข่าถึงข้อเท้า เมื่อเตรียมตัวเสร็จ พวกเราก็มุ่งหน้าไปดันเจี้ยนทันทีตต
“เอ๋? นายท่านจะไปทางนั้นเหรอคะ”
ฟรานประหลาดใจที่เห็นผมเลือกใช้ทางปกติ ที่ไม่ใช่รันเนอร์เวย์
“อืม จะให้พวกเดเม่กับยูรินสู้กับพวกมอนสเตอร์ทางตามเพื่อให้ชินก่อนน่ะ”
ไม่ใช่ว่าผมกลัวรันเนอร์เวย์หรอกนะ เพราะฟรานตอนนี้สู้กับพวกเลเวล 20 ได้สูสีถ้าใส่ Glory ไปก็น่าจะชนะแน่นอน แล้วผมก็อยากล่าค่าหัวพวกเลวๆ ด้วย แต่ว่าวันนี้ต้องคิดถึงการปรับตัวของพวกเดเม่ก่อน
ตอนแรกผมให้เดเม่ฝึกยิงธนูโดยใช้ไก่ลาสเตอร์เป็นเป้า ส่วนเนื้อไก่ที่ดรอปก็จะเก็บไปเป็นเสบียง แต่ปัญหาไม่ใช่ว่าเดเม่ไม่เคยยิงธนูหรอก แต่พอเธอยิงไป ธนูก็จะพุ่งเข้าไปปักตัวของไก่ลาสเตอร์ ก่อนลากมันไปอัดกับกำแพง จนแลกไปทั้งมอนสเตอร์ทั้งลูกศร
ถึงจะทำมาจากไม้ก็เถอะ แต่ถึงกับยิงแหลกไปในครั้งเดียวเนี่ย…สยองวุย
“ขะ ขออภัยค่ะ! หนูทำลูกศรที่มีค่าที่นายท่านซื้อให้พังซะแล้ว”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า แล้วไม่ต้องเสียดายด้วย ในดันเจี้ยนการรักษาชีวิตรอดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อย่าได้งกการใช้ทุกอย่างที่ตัวเองมีเด็ดขาด”
ในกระเป๋าทุกคนตอนนี้ มียาฟื้นพลังคนละห้าขวด ยกเว้นของฟราน เพราะเธอเป็นแวมไพร์ทำให้ยาใช้ไม่ได้ผล แถมยังจะเป็นการลดพลังเธออีก เพราะยาฟื้นพลังทำมาจากน้ำมนต์ที่ได้รับการปลุกเสกจากโบสถ์ แต่เธอเป็นคนที่น่าห่วงน้อยสุด เพราะมี Drain อยู่ และถ้าเข้าตาจนจริงๆ ก็ให้ดูดเลือดผมก็ได้ หรือไม่ก็ใช้แยมขาวรักษาซะ ฮิๆๆ
ผมให้เดเม่ลองอีกสองสามรอบ โดยบอกให้ลองควบคุมพลังดู เอาแบบยิงไปแล้วไม่ต้องให้ถึงกับอีกฝ่ายเละ แต่ผลออกมาเหมือนเดิม ขนาดทำท่ายิงส่งๆ ไม่ออกแรง ลูกศรยังพุ่งทะลุตัวไก่ลาสเตอร์ไปเลย อืม โอเค พลังของสกิล Battle maid มันขี้โกงไปแล้ว!
พอถึงลิตเติ้ลลิซาร์ดแมน ผมก็ลองให้ยูรินสู้ดูบ้าง โดยถ้าเจอมากกว่าหนึ่งตัว ก็ให้ฟรานจัดการให้จนเหลือแค่ตัวเดียวก่อน
ถึงจะมีเลเวลแค่หนึ่ง แต่ลิak-word;">ที่นี้มีลัลย ยูรินใช้ถุงมือรับการโจมตีของมันได้อย่างสบายๆ และหาจังหวะต่อยสวนกลับไป เพียงแค่สองหมัดลิตเติ้ลลิซาร์ดก็เป็นศพไปทันที
ผมนึกได้ว่าตัวเองมีสกิล Leadership อยู่ด้วย เลยทำให้ค่าพลังของพวกเธอมากกว่าปกตินั้นเอง จากนั้นผมก็ใช้ Glory เพื่อให้พวกเธอชินกับพลังที่เพิ่มขึ้น
พอไปเจอร็อคโรล ผมลองให้เดเม่ยิงธนูใส่มันอีกที เพราะเจ้านี้ถึกสุดๆ บางทีน่าจะใช้วัดพลังโจมตีของเดเม่ได้ ผลปรากฏว่า…ร็อคโรลมีซะตากรรมไม่ต่างจากไก่ลาสเตอร์เลย
สรุป ชั้นหนึ่งไม่ได้แม้แต่จะช่วยให้พวกเธอวอร์มเครื่องได้เลย ส่วนเลเวลมีแต่ยูรินที่ขึ้นมาเป็นสองและแล้วพวกเราก็มาถึงชั้นสอง ที่นี้ดูเป็นสุสานขึ้นมาหน่อย เห็นป้ายหลุมศพกระจัดกระจายอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้นสักการะที่พังแล้ว
ที่นี้มีลักษณะเหมือนชั้นสองดันเจี้ยนน้ำตกเหมือนกัน เพราะเป็นพื้นที่กว้างแบบโล้งๆ ไม่มีทางเดินหรือกำแพง ต้องสังเกตจากพวกชื่อป้ายสุสานหรือรูปปั้นเอา ซึ่งดูจากแผนที่แล้วชั้นนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียว
ผมคิดว่าเข้าไปลึกหน่อยก็ดีเพราะคนจะได้น้อยๆ ที่ชั้นหนึ่งเพราะเป็นแบบทางเดินแยก โอกาสพบเจอนักผจญภัยคนอื่นเลยแทบไม่มี แต่ชั้นสองแค่ลงมาก็เจอกลุ่มนักผจญภัยกำลังสู้กับมอนสเตอร์เลย
พวกเขาเลเวลไม่ต่างจากกลุ่มของผมเท่าไร แต่เป็นสมาชิกชายล้วน ผมไม่อยากมีปัญหาเลยให้เดินอ้อมพวกเขาไปกัน แต่พวกนั้นก็สังเกตเห็นและมองพวกฟรานตาไม่กระพริบเลย ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อ
ชั้นนี้ผมบอกยูรินไปว่าให้ยืนดูเฉยๆ ไปก่อน อย่างน้อยให้เลเวลเป็นห้าซะก่อนค่อยเข้าไปสู้ จากนั้นก็เริ่มทดสอบดูว่าแต่ละคนสู้ได้แค่ไหน
ผมเจอกลุ่มไมสเตอร์ลีดห้าตัว พวกมันเป็นคนงานเหมืองผิวซีดเผือกดวงตาไร้แวว เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ถืออีเตอร์เป็นอาวุธ ฟรานเข้าไปหาพวกมันตรงๆ โดยผมบอกให้สู้ธรรมดาไปก่อนอย่าพึ่งใช้สกิล ผลปรากฏกว่า แค่แกว่งง้าวสองสามครั้ง ทั้งห้าร่างก็กลายเป็นเศษเนื้อทันที บางทีระดับของฟรานน่าจะชนบอสที่ชั้นห้าได้แล้วมั่งเนี่ย
ของดรอปออกมาเป็นแร่กับเหรียญ ของดรอปชั้นนี้นอกจากแร่แล้ว อย่างอื่นขายไม่ได้ราคาเลย เหรียญเองเทียบกับดันเจี้ยนน้ำตกแล้ว ดูมันน้อยพิกล
จากนั้นกลุ่มต่อไปหกตัว ผมให้ฟรานเข้าไปสู้ก่อน แต่ให้เหลือพวกมันไว้สักตัวสองตัว จากนั้นให้เดเม่ลองยิงใส่พวกมันดู โผละ!! แหลกไปอีกแล้วล่ะทั้งมอนสเตอร์ทั้งลูกศร ยูรินเองก็มองแบบอึ้งๆ ที่ชั้นหนึ่งยังพอว่า แต่นี้แม้แต่มอนสเตอร์ชั้นสองก็นัดเดียวจอด จากนั้นผมให้เดเม่ลองยิงจากระยะไกลดู หลังจากลองยิงไปได้ 4 ดอก ในระดับ 50 เมตร จะมีหนึ่งดอกที่พลาดเป้า ส่วนที่เหลือเข้าเป้าก็จริงแต่ขาดความแม่นยำอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ลดระยะลงมา จนถึงประมาณ 20 เมตร คือระยะที่เดเม่ยิงได้แม่นยำที่สุดและรุนแรงที่สุด
“จากนี้ไปให้ประหยัดลูกศรไว้ยิงเมื่อจำเป็นเท่านั้น ให้ใช้แต่ศรวารีไปนะ เผื่อไว้เวลาฉุกเฉินกับขากลับน่ะ”
ผมบอกเดเม่เธอเลยเก็บธนูและหยิบอีโต้ออกมาแทน ในระยะประชิดเดเม่โจมตีได้ไม่แพ้ฟรานที่ไม่ได้ใช้สกิลเลย แต่ผมเตือนเธอว่าอย่าสู้กับมอนสเตอร์ทีละหลายตัว เพราะพลังชีวิตกับป้องกันเธอน้อย แถมไม่ได้ใส่เกราะด้วย เหตุที่ยังไม่ได้ซื้อของเดเม่เพราะผมอยากเห็นรูปแบบการต่อสู้ของเธอก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะใช้เกราะแบบไหนให้เข้ากับเธอ อย่างตอนนี้ผมคิดว่าเธอเป็นพวกที่ไม่ได้มีความเร็วมาก ถึงจะโจมตีรวดเร็วแค่เคลื่อนที่ช้า มีความแม่นยำสูงตอบสนองได้ไวมาก น่าจะมาจากค่าDex อืมมม ตัดสินใจลำบากแฮะ เพราะไม่มีความเร็วเลยไม่จำเป็นต้องใส่เกราะที่มีน้ำหนักเบาแบบหนัง แต่เธอก็ไม่มีความอึดมากพอจะใส่เกราะเหล็กหนักๆ เดินได้ตลอด อู๊ ไว้กลับไปปรึกษามิรินกับมอเรียดีกว่า
อ้อ ส่วนศรวารีถึงยิงได้สามนาทีครั้ง แต่ความแรงของมันนี้โหดใช้ได้เลย มันมีอำนาจทะลุทะลวงกว่าศรปกติหลายเท่าเลย ชนิดที่ถ้ามอนสเตอร์ยืนเรียงแถวกัน สามารถยิงทะลุได้ถึง สามถึงสี่ตัวเลย
พวกแร่ที่ดรอปผมให้ยูรินเก็บไว้ทั้งหมดเลย เพราะเผื่อไว้ใช้ทำอะไรในอนาคต เธอเลยตาเป็นประกายขึ้นมาทันที พอหยิบแร่อะไรขึ้นมาก็จะพึมพำๆ เหมือนคิดว่าจะใช้มันทำอะไรไว้แล้ว
ตอนนี้ก็เหลือแต่ทดสอบสกิลของง้าวแล้ว ผมให้ฟรานจัดการพวกไมสเตอร์ลีดจนเหลือแค่ตัวเดียว แล้วให้เธอใช้สกิล Dancing moon ออกมา พอเริ่มใช้ง้าวก็เรืองแสงออกมา หือ ไม่ดีเลยแฮะ แบบนี้คนอื่นก็รู้หมดสิว่ากำลังจะใช้สกิล
ฟรานขยับเข้าไปหาเป้าหมายด้วยท่าเดินที่สง่างาม จนเมื่อถึงระยะโจมตี การเคลื่อนไหวของเธอก็เปลี่ยนไป ราวกับฟรานแยกเป็นสี่ร่างได้ในพริบตา ง้าวถูกกวัดแกว่งเหมือนการร่ายรำ สร้างบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วนจากทั่วทิศทางลงบนตัวไมสเตอร์ลีด
เฮ้ย! ท่า Combo นี่น่า! ผมตะลึงมองเลย แถมเอฟเฟกของท่านี้โคตรอลังการเลย ทุกครั้งที่ง้าวฟันผ่านตัวเป้าหมายไป แสงที่เปล่งออกมาก็จะปะทุเบาๆ เป็นกลีบดอกไม้จำนวนหนึ่งลอยออกมา ให้อารมณ์เหมือนเทศกาลชมซากุระเลย
และเมื่อการร่ายรำที่ฟาดฟันไปกว่าสิบชุดจบลง ฟรานก็ตะวัดง้าวงัดเอาร่างที่เหลือแต่ส่วนลำตัวเพียงนิดเดียวลอยขึ้นไปในอากาศ ไม่ออกเลยว่าใครมันจะรับมือกับสกิละเหวี่ยงง้าวเป็นวงกลมจากบนลงล่าง เกิดเสียงหวีดแหลมๆ ขึ้น จุดที่ง้าววาดผ่านไปราวกับได้ลบมิติตรงนั้นออกจนกลายเป็นสีดำ และเมื่อง้าววนครบรอบ ด้านหลังของฟรานก็มีดวงจันทร์ปรากฏออกมา ชิ้นส่วนที่เหลือของไมสเตอร์ลีดถูกผ่าเป็นสองซีกพร้อมกับเลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
สกิลจบลงพร้อมกับที่เท้าของฟรานแตะพื้น ดวงจันทร์หายไปพร้อมกับเสียงไอเท็มดรอปตกลงพื้น
พวกผมต่างตบมือออกมาทันที เพราะท่านี้สวยมาก ไม่นับความรุนแรงนะ เอาแค่ความสวยงามเอาไปสิบแต้มเลย ทว่าท่านี้มีข้อเสียเพียบเลยล่ะ อย่างแรกคลูดาวน์นานโคตรตั้งหกชั่วโมง แล้วยังใช้Mp มหาศาลในการใช้ เพียงใช้ไปครั้งเดียว Mpของฟรานเหลือไม่ถึง 10% แล้ว แถมเพราะเป็นสกิลติดอาวุธเลยเพิ่มเลเวลให้มันไม่ได้ และอีกอย่างมันเป็นสกิลคอมโบ ถ้าเกิดถูกขัดจังหวะระหว่างการใช้ สกิลก็จะล้มเหลวทันที แต่ผมคิดไม่ออกเลยว่าใครมันจะรับมือกับสกิลแบบนี้ได้
จากนั้นผมก็ให้ฟรานฆ่าพวกไมสเตอร์ลีดต่อจน Mp กลับมาเต็ม และให้ใช้ Strike pike ในการต่อสู้เพื่อเก็บเลเวลสกิลไปด้วย ตอนนี้ผมเองก็เข้าไปต่อสู้ด้วย แต่ผมโคตรกากเลยถ้าเทียบกับทั้งสองคน แต่ไมสเตอร์ลีดตัวเอง ผมก็ต้องเสียเวลากับมันไปเกือบนาทีกว่าจะปราบลงได้ แถมบางครั้งยังได้แผลมาด้วย ถ้าเทียบกับฟรานและเดเม่ที่ไร้รอยขีดข่วนแล้ว เสียความมั่นใจเลยอ่ะ
หลังล่าไปได้กว่าร้อยตัว ยูรินก็เลเวลห้า ท่าทางเธอคงเก็บกดอยู่พอสมควร พอเลเวลอัพปุ๊บก็วิ่งเข้าไปร่วมวงด้วยเลย
พอมียูรินเพิ่มเข้าไป ก็ไม่มีมอนสเตอร์หลุดรอดมาถึงผมอีกเลย…ว่างอ่ะ แต่กะไว้แล้วต้องเป็นอีแบบนี้แน่ๆ ผมเลยหยิบเอาหนังสือสร้างอุปกรณ์เวทขั้นสูงออกมาอ่านฆ่าเวลา แต่หลังผ่านไปได้หนึ่งชั่วโมง ฟรานก็วิ่งมาหาผม พร้อมกับชูบางอย่างในมือให้ดู
“นายท่านคะ! ได้การ์ดไมสเตอร์ลีดด้วยค่ะ!”
“การ์ด! มีด้วยเหรอ?”
ผมพึ่งรู้ว่าโลกนี้มีการ์ดด้วย แถมเป็นไอเท็มที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อไอเท็มดรอป ที่ใช้ตรวจสอบดูด้วย
พอถามยูรินว่ามันใช้ทำอะไรได้ ยูรินเลยอธิบายว่าการ์ดแต่ละใบจะมีการเพิ่มคุณสมบัติให้กับผู้ใช้ แต่ว่าหนึ่งคนสามารถใช้ได้แค่หนึ่งอย่าง ถ้าใช้การ์ดใบที่สอง คุณสมบัติแรกก็จะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ได้จากการ์ดใบที่สองแทน ตัวการ์ดนั้นเป็นแก้วและมีรูปของมอนสเตอร์ พอใช้นิ้วลากผ่านไป คุณสมบัติที่จะได้รับก็ปรากฏขึ้นมา
-คุณสมบัติโจมตีเพิ่มผลการติดอาการเชื่องช้า
หมายถึงโจมตีแล้วมีโอกาสติด slow สินะ เอาให้ใครดีล่ะเนี่ย ผมคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะยื่นมันให้กับเดเม่
“เอ๋ ให้หนูใช้เหรอคะ!?”
“อืม เดเม่ใช้ธนูโจมตีระยะไกล ถ้าทำให้ศัตรูช้าลงได้ ก็จะเพิ่มจำนวนครั้งที่จะยิงได้”
ความคิดผมยูรินกับฟรานก็เห็นด้วย
“ตะ แต่หนูได้ยินมาว่า การ์ดนั้นจะแพงมาก แค่ได้มาใบเดียวก็พอขายกินได้เป็นปีๆ เลยนะคะ”
“อย่าให้ต้องพูดซ้ำสิ ราคาน่ะช่างหัวมัน ขอแค่มีประโยชน์กับพวกเธอก็พอแล้ว”
“…ค่ะนายท่าน ขอบพระคุณมากค่ะ”
เดเม่รับไปด้วยสีหน้าแดงละเลือง
พอเดเม่เอ่ยชื่อการ์ดออกมา มันก็แตกพร้อมกับมีแสงพุ่งเข้าไปในตัวเดเม่ เท่านี้เธอก็จะมีคุณสมบัติโจมตีติด Slow แล้ว ผมถามยูรินต่อว่ามีการ์ดพวกที่เพิ่มต้านทานธาตุไหม ยูรินบอกว่าเคยได้ยินว่ามี แต่ดรอปจากตัวไหนอันนี้ไม่รู้
ผมอยากได้เพิ่มต้านทานธาตุมาก เพราะปาร์ตี้ของพวกเรามีสกิลโจมตีของฟราน กับบัพสายเสริมพลังของผมแล้ว ขาดแต่ด้านป้องกัน ถ้าเจอศัตรูที่ใช้เวทมนต์โจมตีได้ ปาร์ตี้ของพวกเราจะลำบากขึ้นมาทันที แต่ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปล่ะนะ
พวกเราล่าแต่ไมสเตอร์ลีดไปกว่าอีกชั่วโมง จนกระทั่งกระเป๋าของทุกคนเต็มแล้ว พวกเราจึงมุ่งหน้ากลับออกมา วันนี้โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นเลย ผลที่ได้จากการล่าครั้งนี้
ผมเลเวลอัพเป็น 10 เดเม่เลเวล 12 ฟราน 14ยูริน 7
สกิลที่เลเวลอัพ
Leadership Lv 3
Trainer lv3
สองอย่างเอง ก็แน่ล่ะแทบจะไม่ได้สู้เลย แถมสังเกตว่าพวกที่เป็น lv 3 แล้วจะขึ้นยากมาก
ของฟรานถึงจะไม่มีสกิลอะไรอัพเลย แต่ได้สกิลใหม่มาเหมือนพวกเดเม่
ฟราน
HalberdMastery lv1 (Passive skill)
เดเม่
Bow Mastery lv 1 (Passive skill)
ยูริน
Arm Mastery lv1 (Passive skill)
ส่วนไอเท็มที่ได้
แร่ดิบ 143
แร่เหล็กบริสุทธิ์ 14
หินตะกอน 115
แร่เหล็กกล้า 15
แร่ทองแดง 20
แร่เงิน 19
แร่ทองคำ 3
Rare drop มิธริล 1
เหตุที่มีจำนวนน้อย เพราะแร่มีน้ำหนักมาก เลยเก็บได้ไม่กี่ก้อนน้ำหนักบรรจุก็เกินแล้ว ส่วนที่ต้องเก็บหินตะกอนที่มีน้ำหนักมากสุดแต่ราคาถูกสุดไปเยอะขนาดนี้ เพราะยูรินบอกว่ามันต้องใช้เยอะ หินตะกอนมีคุณสมบัติที่ให้ความร้อนสูงเวลาเผาไหม้ เหมาะใช้ในการหลอมเหล็กมากที่สุด

ตอนที่ 35 เปลี่ยนอาชีพ

พอกลับมาถึงกิลผมก็แบ่งแร่ส่วนหนึ่งเพื่อส่งเควส ตอนนี้ผม Rank 5 แล้ว ส่วนฟรานยัง Rank 4 ที่เหลือก็ Rank 2 จากนั้นก็แววไปที่ชั้นหนึ่ง แต่มอเรียไม่ว่างผมเลยไปที่หนักงานสาวหน้าใหม่ที่ฟรานเคยชี้
“ผมจะขอเปลี่ยนอาชีพครับ”
ก็เลเวลสิบแล้วนี้
“ได้ค่ะ ช่วยอ่านดูรายละเอียดด้วยนะคะ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาดจะเปลี่ยนใหม่ไม่ได้อีก และทางเราจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”
พนักงานสาวส่งคู่มือเล่มเล็กๆ มาให้ผมอ่าน แต่ผมฟังมาจากมอเรียหมดแล้ว เลยแค่พลิกๆ ดูแล้วส่งคืนไป
“จ่ายค่าธรรมเนียมแล้วเชิญทางนี้ค่ะ”
ผมให้พวกฟรานกลับบ้านไปก่อน ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไร เพราะแต่ละคนจะใช้เวลาไม่เท่ากัน แถมหลังจากนี้ผมมีของที่ต้องไปซื้อด้วย
พอจ่ายเงินเสร็จผมก็ถูกพามาห้องหนึ่ง ห้องนี้เล็กกว่าห้องพักพนักงานด้านหลัง มีเพียงเก้าอี้ตัวเดียวตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งพอนั่งลงแล้ว ก็จะทำการอันเชิญเทพลงมาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และมอบความสามารถพิเศษของอาชีพให้
เทพแบบยัยเอร่าเหรอ จะพึ่งได้ไหมเนี่ย ผมนั่งถอนหายใจขณะนั่งลง แล้วก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้น เมื่อผมลืมตาขึ้นอีกที ตรงหน้าผมก็มีเด็กน้อยท่าทางอวดดียืนอยู่
“เชอะ เจ้าเหรอนักผจญภัยที่จะมารับอาชีพจากข้า ท่าทางอ่อนแอจัง”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหลมๆ ยืนเท้าเอว มีผมสีทองยาวดัดเป็นรอน ใส่ชุดเหมือนเด็กอนุบาลด้วย เอ่อ นี้ที่สวรรค์ก็มีโรงเรียนอนุบาลด้วยเหรอ
“เธอน่ะจะไหวเหรอ เป็นแค่เด็กอนุบาลอยู่เลย”
“ยะ ยะอย่าดูถูกกันนะไอ้เจ้ามนุษย์!”
เธอโกรธจนหน้าแดงเลยแฮะ ว่าแล้วขอมองทะลุดูหน่อยเถอะ อยากรู้มานานแล้วว่าพวกเทพใส่ชุดชั้นในกันแบบไหน
…ผิดหวังอ่ะ ผิดหวังโคตรๆ เลย ถึงจะเป็นเด็กก็เถอะ แต่เล่นใส่กางเกงในลายหมีเนี่ย จะสื่ออะไรกันแน่
“ถ้าเธอให้อาชีพได้ ก็รีบๆ ทำเถอะ”
ผมอยากจะกลับออกไปเต็มแก่ อยากไปส่องดูกางเกงในของฟรานที่บ้านแล้วอ่ะ
“นะ หน่อยไอ้เจ้านี้ เชอะ ข้าเองก็ไม่อยากจะเสียเวลากับสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าหรอกนะ”
หงุดหงิดว่ะ ยัยเด็กนี้ปากดีชะมัด ผมใจดีกับผู้หญิงนะ แต่กับพวกอีชะนีนี้ผมก็ซัดไม่เลี้ยงเหมือนกัน
“ยืนมือมาซะ แล้วจงดีใจจนตายไปซะเถอะ ที่ได้สัมผัสมือกับ เนม คนนี้”
โอย! เดี๋ยวปั๋ดจับข่มขืนซะเลยยัยเด็กนี้ จะ ใจเย็นๆไว้ เดี๋ยวก็จบแล้ว ผมบอกกับตัวเองขณะยื่นมือออกไป
แต่พอมือผมไปสัมผัสมือเล็กๆ ของเธอ เนมก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมาจ้องผม ดวงตาเธอเบิกค้างและเหงื่อแตกผลั่ก
“นะ นะ นี้แก จอมมาร!”
ซิบหายแล้ว! พวกเทพแค่แตะตัวก็รู้ได้เลยเหรอเนี่ย ประมาทอีกแล้วเรา เดี๋ยวนะเอร่าไม่เห็นจะรู้เรื่องผมเลย หรือว่าเอร่าจะกากยิ่งกว่ายัยเด็กนี้อีก โธ่ เอร่าเอ๋ยชีวิตหล่อนนี้มัน
แต่ว่าจอมมารก็อยากได้อาชีพนะโวย เพราะงั้นรีบๆ ส่งมาได้แล้ว
“เอาอาชีพมาซะ แล้วทำเป็นว่าไม่เคยเจอกัน จบไหม”
“กรี๊ด! ไอ้จอมมารมันจะข่มขืนข้า!!!”
“แค่คิดโว้ย ยังไม่ได้ทำ!”
“ละ หลอกข้ามาเพื่อลอบโจมตีสินะ เลวมากจอมมาร ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
เนมสะบัดมือผมออก แล้วถอยออกไป แต่ผมยังไม่ได้อาชีพเลยนะ
“เดี๋ยวสิเฮ้ย เอาอาชีพมาก่อน”
ผมพุ่งเข้าไปคว้ามือเธอไว้ แต่พริบตานั้นเอง แสงสว่างก็เจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง
เมื่อผมลืมตาขึ้น ตัวเองก็อยู่บนเตียงสีขาวทรงกลมที่แสนนุ่มนิ่ม พอมองไปรอบๆ ที่นี้เหมือนวิหารขนาดเล็กที่ทำจากหินอ่อน ภาพที่เห็นเหมือนกับที่เห็นบนปราสาทจอมมาร คือล้อมรอบไปด้วยเมฆ บนเมฆแต่ละก้อนจะมีสิ่งที่เหมือนวิหารใหญ่เล็กตั้งอยู่ เชื่อมกันด้วยบันไดแสง บางแห่งใหญ่โตราวกับเมืองเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ตั้งกันแบบโดด อย่างที่อยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน
“จะ จะ เจ้ามาได้อย่างไง! นี้มันคือสวรรค์นะ จอมมารอย่างแกเข้ามาได้อย่างไง!”
เนมที่ยังโดนผมจับมือไว้อยู่ตะโกนด้วยสีหน้าซีดเผือก
“ก็เธอพาฉันมาเองนี้ จะอย่างไงก็ช่างเถอะ เอาอาชีพมาแล้วส่งฉันกลับด้วย”
“เหอะๆ ไอ้เจ้าจอมมารสารเลว ที่นี้จะเป็นที่ตายของแกยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”
เนมเหมือนจะตั้งสติได้และสะบัดมือผมออก กลับไปยืนเท้าเอวเหมือนเดิม
ชักจะไม่ค่อยดีแล้วแฮะ แอบส่องไว้ก่อนดีกว่า ผมใช้ตรวจสอบดูเนมทันที แต่ว่า…เลเวลหนึ่งล่ะ อะไรกันหว่า อ้อ จริงสิ พวกเทพอยู่แต่บนสวรรค์ ไม่เคยได้สู้จริงๆ จังๆ เลย จะไปเลเวลอัพได้อย่างไงกันล่ะ แค่ใช้พลังมีที่มอบความสามารถให้มนุษย์ไปสู้แทนมาโดยตลอด อืม เนื้อเรื่องแบบนี้ผิดหวังนิดๆ แฮะ อารมณ์นึกว่าบอสเก่ง แต่กลับโคตรกากเลย
แต่แล้วเนมก็ชี้มือมาทางผม
“ในนามแห่งเทพธิดาขั้นสาม ข้าของประกาศทำลายล้างการมีตัวตนของจอมมาร เดี๋ยวนี้!”
พริบตานั้นก็มีแสงพุ่งออกมาจากมือของเธอ ตรงเข้ากระแทกเข้ากลางหน้าอกของผม จนหงายหลังล้มลงบนเตียง
“มะ มันเจ็บนะยัยบ้านี้!”
ผมลุกขึ้นมาปัดตรงที่โดนแสงเข้าไป มันเหมือนโดนปาก้อนหินใส่ไม่มีผิด แต่ก็ไม่ได้เจ็บมากอะไร
“ปะ ปะ เป็นไปไม่ได้ นั้นมันบทลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เชี่ยวนะ แกต้องร่างแหลกละเอียดไปแล้วสิ!”
“หา!?”
“ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ นี่แนะๆๆ”
เนมยังยิงแสงใส่ผมต่อ แต่คราวนี้ไม่ค่อยเจ็บแล้ว แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงลึกลับดังขึ้นมา เหมือนเสียงประกาศเลย
ด้วยพรคุ้มครองแห่งเทพธิดาขั้นหนึ่งเอร่า ทัณฑ์แห่งสวรรค์ไม่อาจใช้กับชายผู้นี้ได้ เริ่มกระบวนการย้อนกลับ
พอสิ่งเสียงนั้นก็มีแสงพุ่งออกไปจากตัวผมกระแทกใส่เนมจมล้มลงไปแทน โอ้ว ก้นชี้ฟ้าโชว์คุณหมีเลย
“ว่าแต่ ยัยเอร่าให้พรเรามาตั้งแต่เมื่อไรหว่า?”
ผมยื่นกอดอกแบบงงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปจับเนมขึ้นมาเพื่อจะถาม
แต่ว่าเธอนอนกอดตัวเองสั่นพั่บๆ หน้าแดงจัด หอบหายใจอย่างรุนแรง
“เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่ายัยจิ๋ว”
“อย่าเรียว่ายัยจิ๋วนะ! เพราะแกนั้นแหละข้าถึงต้องเป็นแบบนี้”
“เพราะฉันเหรอ?”
“แกไปได้พรคุ้มครองจากท่านเอร่าได้อย่างไง!”
“นั่นฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแต่ยัยเอร่านี้ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องเรียกว่าท่านด้วย?”
“ไอ้เจ้าคนโง่เขลา อย่าบังอาจเรียกนามของท่านเอร่าผู้งดงามและยิ่งใหญ่แบบนั้นนะ ท่านเป็นถึงหนึ่งในสิบเทพสูงสุดของพวกเรา อี๊!”
พูดไม่ทันจบเนมก็ลงไปนอนบิดตัวไปมาเหมือนกับทรมานอยู่
“เฮ้ย! เอาจริงดิ ยัยเทพไร้ประโยชน์นั้นอ่ะนะ เป็นถึงสิบเทพเลยเหรอ”
ผมเคยอ่านเจอในบันทึกเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนค้นข้อมูลเรื่องเผ่าเทพ เพียงแต่ไม่มีระบุชื่อเทพเหล่านั้นไว้ โดยเรียกกันโดยรวมกันแค่ว่า สิบเทพสูงสุด
“แก! ไอ้ชั่ว บังอาจดูหมิ่นท่านเอร่า!”
เนมทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผม แต่ก็ลงไปนอนดิ้นอีกแล้ว
“ว่าแต่ตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่เนี่ย”
“อะ อึก! กะ ก็พลังของแก มันไหลย้อนกลับมาหาตัวข้า”
“พลังของฉัน?”
ผมทำความเข้าใจคำสิ่งนั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะทุบมือและร้องอ้อออกมา
“ฮ่าๆๆ แย่เลยเนอะ ตอนนี้คงเสียวมากเลยสินะ”
พอรู้ผมเลยแกล้งไปแตะตัวเธอเบาๆ เพียงแค่นั้นเธอก็สั่นเป็นเจ้าเข้า ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่างกาย ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนหอบ แบบนี้สงสัยโดนพลังผมไปกระตุ้นอารมณ์ทางเพศแบบร้อยเปอเซ็นต์เลยมั่งเนี่ย
“ฝะ ฝากไว้ก่อนเถอะแก ขะ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
“ยังจะปากดีอีก”
ผมบี้ไปตรงหัวนมของเธอ แต่นั้นเธอก็เกร็งตัวเป็นสะพานโค้ง พ่นน้ำออกมาจนเหมือนฉี่แตก แต่อาการเธอไม่ดีขึ้นเลย กลับแย่ลงอีก ร่างกายของเนมกำลังต้องการมากกว่านี้อีก
“ฮุๆๆ ดีเลย เรามาตกลงกันไหม ฉันจะช่วยเธอปลดเปลื้องอารมณ์ให้ ส่วนเธอก็ตอบคำถามฉัน อ้อ แล้วอย่าลืมเรื่องอาชีพกับพาฉันกลับด้วยล่ะ”
“ทะ ทำไมข้าคนตรงนี้ต้องไปตกลงกับจอมมารสารเลวอย่างแกด้วย”
“ไม่ยอมเหรอ?”
ผมบี้ไปที่ติ่งหูเธอคราวนี้ ซึ่งทำให้เนมทนไม่ไหวต้องร้องแบบโหยหวนออกมา
“ขะ ข้ายอมแล้ว ข้ายอม ชะ ช่วยข้าทีเถอะ ข้าจะคลั่งตายอยู่แล้ว”
“ต้องแบบนั้น งั้นอย่างแรก ถ้าฉันแตะต้องเธอหรืออึบเธอไป เธอจะตกสวรรค์ไหม”
“ขะ ของแบบนั้นจะทำให้ตกสวรรค์ได้อย่างไงกัน”
“เอ๋ ไม่เหรอ?”
“จะ จริงอยู่ มะ มีพูดกันอยู่ในหมู่ พะ พวกเรา แต่ว่า พะ พวกเทพที่เป็นชาย มะ ไม่มีอารมณ์ทางเพศกันเลย ละ แล้วจะไปเข้าใจ ระ เรื่องแบบนี้ได้อย่างไง มะ เมื่อไม่เข้าใจ ละ แล้วจะไปออกกฎได้อย่างไง”
“อารมณ์ประมาณว่าแค่พูดขู่ๆ กันเอง แต่ไม่มีกฎที่ออกมาเป็นกิจจะลักษณะสินะ งั้นคำถามต่อไป”
“ดะ เดี๋ยวสิ ขะ ข้าตอบให้แล้ว จะ เจ้าก็ช่วยข้าสักทีสิ”
“อ้อ ได้ๆ”
ผมจัดเธอถอดเสื้อผ้าออกทันที
“กะ แก นี้แกจะทำอะไรข้า!”
“ก็ช่วยเธอให้หายเสี่ยนไง”
ว่าแล้วผมก็แก้ผ้าบ้าง ก็ในเมื่อไม่ต้องห่วงว่าจะทำเธอตกสวรรค์ ผมก็ต้องลุยเต็มที่สิ
“มะ ไม่นะ ข้ายังบริสุทธิ์อยู่ ขะ ข้าไม่ยอมเสียครั้งแรกให้จอมมารหรอก!”
“สายไปแล้วหนู”
ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง เสียบฉึกเข้าไปทันที เพราะหอยเธอเปียกโฉกอยู่แล้ว แต่เพราะเธอเป็นแค่เด็กอนุบาล หอยเลยเล็กแบบไม่พร้อมจะมีเซ็กส์ด้วยซ้ำ ผมจึงต้องปรับขนาดให้เล็กลงจนพอสอดเข้าไปได้ จากนั้นก็ใช้วิธีเดิม คือค่อยๆ ทำให้มันใหญ่ขึ้นจากข้างใน วิธีนี้นอกจากจะเจ็บเพียงนิดเดียวแล้ว ยังจะยิ่งทำให้เสียวสุดๆ เลย
“นะ นี้มัน อูย! อะไรกัน! จะ เจ้าทำอะไรข้า! โอย!อะไรกัน! เอาของสปรกของเจ้าออกไปนะ มะ ไม่มันเข้ามาในตัวข้าแล้ว!”
ผมเริ่มสอยเอวขณะที่ดุ้นค่อยๆ ขยายอย่างช้าๆ ถึงเนมจะไม่เข้าใจ แต่เธอก็จ้องดุ้นผมที่วิ่งเข้าออกตัวเธออย่างสนใจ
“ดะ ดีจัง! มะ มันไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้ นี้มันดีสุดๆ ไปเลย! ระ แรงอีกสิ! ตอนมันเข้าไปลึกๆ ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน”
“ผิดหวังนิดๆ แฮะ ตอนแรกกะจะข่มขืนสักหน่อย แต่ไหนมาเป็นสมยอมไปได้”
ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และเพิ่มแรงกระแทกตามที่เธอขอ ร่างเล็กๆ ของเธอขยับไปตามแรงกระแทก จนผมต้องคอยกดหัวเธอไว้ จากนั้นไม่ถึงนาทีเนมก็เสร็จไปอีกรอบ ทั้งๆ ที่ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ แต่ร่างกายตอบสนองอย่างกับผู้ใหญ่เลย
“สะ สุดยอด! นะ เนี่ยเหรอที่เรียกว่าเซ็กส์! ทะ ทำไมกัน ทำไมมันรู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้ ข้าชอบมันที่สุดเลย!!!”
พอผมเห็นยัยนี้เริ่มคุมสติไม่อยู่แล้ว เลยถามต่อไป
“เอาล่ะเนม ตอบคำถามต่อไปมาซะ ที่ว่าเอร่าไปช่วยผู้กล้าจนโดนไม่ให้กลับสวรรค์ ที่ว่าช่วยเนี่ย ช่วยแบบไหน”
“ทะ ท่านเอร่า นำเอาสมบัติของสวรรค์ไปมอบให้เจ้าขยะนั้น มะ มันคือเครื่องลอกแบบ พะ พอใส่อะไรเข้าไป มะ มันจะออกมาเป็นสองชิ้น”
“หา แค่นั้นก็โดนลงโทษเลยเหรอ”
“มะ ไม่ใช่ เพราะผู้กล้าเอาเครื่องนั้นไปใช้ พะ เพื่อตัวเอง ขะ เขาลอกแบบแต่เงินออกมา พะ เพื่อความร่ำรวย ทะ ท่านเอร่าเลยต้องรับผิดชอบ”
“หือ แบบนี้เอง เด็กดีเอารางวัลของเธอไป”
ผมจับเธอขึ้นมาอุ้มและเริ่มกระแทกต่อ ตอนนี้ดุ้มผมมันโตจนแน่นช่องคลอดเล็กๆ ของเธอแล้ว แต่เนมตัวเล็กขนาดที่ถ้าผมใช้ขนาดปกติล่ะก็ ดุ้นผมคงทะลุออกปากเธอแน่ๆ
ตัวเธอเบามาก จนผมใช้แขนเดียวอุ้มเธอได้สบาย
“ยะ ใหญ่ขึ้น มันใหญ่ขึ้นข้างในข้า โอย! อุ๊ก! นะ แน่นไปหมดเลย! ขะ ข้าเสียวจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
เนมกรีดร้องออกมาพร้อมกับกระเด้งเอวสู้ผมใหญ่เลย นี้มันไม่ใช่เด็กแล้ว ผมเลยต้องถามออกไป
“เนมเธออายุเท่าไรกันแน่”
“สะ สามพันปีเอง”
“สามพันปี…งั้นช่างมันเถอะ”
พวกเทพนี้ดูจากรูปกายภายนอกไม่ได้เลยสินะ ในเมื่อเธอไม่ใช่เด็กแล้ว ผมก็จัดให้เต็มที่เลย ผมเด้งเอวสู้เธอสุดฤทธิ์ เสียงเนื้อพวกเรากระแทกกันดังสะนั่นราวกับนักมวยที่แลกหมัดใส่กัน
เพราะเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มตัวเธอ ทำให้มือผมลื่น ตอนกระแทกเข้าไปตัวเนมเลยลอยกระเด็นจนเกือบตกเตียง แต่เธอรีบคลานกลับมา และรีบให้ผมต่อทันที
แถมดุ้นของผมยังขยายต่อ เพราะเหมือนข้างในของเธอยังขยายตามได้อีก จนตอนนี้ท้องของเธอปวมขึ้นมาเป็นรูปดุ้นผมแล้ว
“คะ ควยล่ะ ควยของเจ้าอยู่ในตัวข้า ดะ ดูสิ มันอยู่ตรงนี้”
เนมใช้มือลูบท้องตัวเองที่บวมด้วยสีหน้าที่ราวกับตุ๊กตาที่พังแล้ว ผมเร่งจังหวะใส่เธออีก ก่อนจะที่เธอจะเสร็จไปอีกรอบหนึ่ง ผมดึงดุ้นออกมาจากหอยของเธอ ซึ่งพอเห็นสภาพหอยเธอแล้ว ค่อยข้างน่ากลัวนะ มันถางไม่หุบเลย เป็นรูกว้างขนาดสอดแขนเข้าไปได้เลย แต่นั้นแหละขืนทำมากกว่านี้หอยเธอพังไม่เหลือชิ้นดีแน่ และที่ผมยังไม่เสร็จใส่เธอเลย เพราะกลัวว่าแยมขาวของผมจะส่งผลเสียมากกว่า
“อะ อีก ทำข้าอีก เอาควยของเจ้า ทะ ทะลวงเข้ามาในตัวข้าอีก”
แต่เหมือนอารมณ์ของเนมยังไม่หมดไป ผมเลยจับตัวเธอพลิกให้นอนคว่ำหน้าลง และยกก้นเธอขึ้นมา ผมใช้นิ้วกวาดเอาน้ำรักในถ้ำของเธอออกมา และแยงมันเข้าไปในรูก้น เธอกรีดร้องออกมาอย่างชอบใจ ผมทำแบบนั้นจนรูก้นเธอพร้อมใช้งาน และได้ปรับขนาดดุ้นลงอีกครั้งก่อนจะสอดเข้าไป
“แล้วมีวิธีอะไรให้เอร่ากลับสวรรค์ได้บ้างไหมนอกจากฆ่าฉัน”
“มะ ไม่มีหรอก ถะ ถึงฆ่าเจ้าได้ ท่านเอร่าก็ไม่ได้กลับอยู่ดี ทะ ท่านสิบเทพสูงสุด ไม่ชอบหน้าท่านเอร่าอยู่แล้ว พะ เพราะท่านชอบเข้าข้างมนุษย์”
“ขนาดเป็นเทพแล้วยังมีเรื่องแบบนี้อีกเหรอ นี้มันน่าเบื่อกว่าที่คิดอีกนะ”
ผมถอนหายใจออกมา ขณะตะบัดตูดของเนมจนเสียงดังออกมาไม่หยุด แถมเธอเองคงชอบให้ทำทางตูดมากถึงได้โยกเอวรับผมไม่หยุดเลย แต่น่าเหลือเชื่อมาก ตอนนี้ผมขยายดุ้นออกจนยาวเกือบครึ่งหนึ่งจากปกติแล้ว แต่มันยังใส่ข้างในตัวเธอได้อยู่ ร่างกายเผ่าเทพนี้ทนทานกว่าที่คิดอีกพอๆ กับดวาฟเลยมั่ง
“พะ พรหมจรรย์ของข้า ถะ ถูกจอมมารเอาไปแล้ว ทะ ทั้งข้างหน้าข้างหลังเลย อี๋! นะ นี้ข้าต้องเป็นเมียของจอมมารเหรอ! อุ๊ก!”
ดูท่าจะผมจะปรับขนาดใหญ่ไปกว่านี้ไม่ได้ล่ะ เพราะดูเธอเริ่มอึดอัดจนหายใจไม่สะดวกแล้ว และก็ยังมีเลือดไหลออกมาด้วย พอเธอเสร็จรอบนี้คงต้องหยุดแล้ว
“เอาล่ะทีนี้ก็มาถึงเรื่องของเรากัน ว่าไงเอาอาชีพของฉันมาได้แล้วหรือยัง”
“ดะ ได้ อยากได้อะไรเอาไปเลยข้าให้หมดทุกอย่าง!”
เนมปัดมือออกทีหนึ่ง ตรงหน้าผมก็มีกรอบภาพพร้อมข้อมูลหลายๆ หน้าจอขึ้นมา อาชีพที่เหมาะสำหรับผมมีให้เลือกเยอะอยู่พอสมควรเลย ระหว่างที่เลือกไปตะบันรูตูดเนมไป แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกอาชีพหนึ่งออกมา
และพอวางมือลงไป ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา พร้อมกับรู้สึกถึงพลังของตัวเองที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
อาชีพที่ผมเลือกมาคือ
Treasure hunter

ความคิดเห็น

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ
    สมัครมาเพื่อขอบคุณเลยจริงๆ

    ตอบลบ
  3. ตอนต่อไปมาวันไหนหรอครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO

ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย                ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ                 แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั้งหมด เพราะพวกเราที่มาจากต่างโลก ต่างได้รับสกิลมาด้วย แถมในโลกนี้ก็มีเวทมนต์ที่ทำให้สามารถแสดงค่าสถานะต่างๆ ได้แบบเกมส์                 สก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้