ตอนที่ 99 อลิซาเบธสิ้นท่า
ผมกลับมาที่ปราสาทจอมมาร และรีบตรงไปที่ห้องพักสำหรับแขกทันที เพราะผมลืมเรื่องอลิซาเบธไปเลย ถูกทำให้อยู่ในสภาพนั้นตั้งนาน ไม่รู้จะคลั่งไปแล้วหรือเปล่า
แต่พอไปถึงก็เห็นมุเอมะมารออยู่ก่อนแล้ว ส่วนอลิซาเบธดูเหมือนจะถูกทำให้หลับไปอยู่
“…ท่านโรมะคะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ”
“ไม่ๆ ความผิดผมเอง ดันลืมไปซะสนิทเลย”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เรื่องนั้น คือว่า…”
มุเอมะทำหน้าลำบากใจ แต่สุดท้ายก็บอกออกมาด้วยเสียงเบาๆ
“อลิซาเบธดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ฉันคิดไว้ค่ะ เรื่องเอาจะให้เอาเธอเข้าฮาเร็ม ฉันว่าไม่เหมาะแล้ว”
“อธิบายสิว่าทำไม”
มุเอมะพยักหน้ารับ พร้อมกับเปิดภาพบันทึกให้ดู โดยที่อลิซาเบธที่ถูกทำให้เงี่ยนจัด จนถึงระดับสติแตก
และคลั่งขึ้นมา ก็นั่งตกเบ็ดตัวเองแล้วสาธยายเรื่องรสนิยมใต้สะดือของตัวเองให้ฟังไปด้วย
ตัวอลิซาเบธจริงๆ มีความสัมพันธ์ทางเพศกับทั้งชินกุและซาลาดิน แบบที่เรียกว่า Sex Friend คือเป็นแค่คู่นอนแต่ไม่ผูกมัด แถมยังชอบเล่นแบบแซนวิสทำพร้อมกันทั้งประตูหน้าประตูหลัง นอกจากนั้นเธอยังชอบบังคับพวกผู้กล้าหน้าใหม่ๆ ที่ยังเป็นเด็กเอ๊าะๆ มาหลับนอนด้วย เรียกว่าเป็นโซตะค่อนก็ได้
“สรุปก็คือยัยนี้มันร่านค่ะ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งในฮาเร็มของท่านโรมะเลย”
“เธอนี้สงสัยจะแค้นจริงๆ นะเนี่ย แต่ผมเองยังคาดไม่ถึงเลย ว่าพวกผู้กล้าจะมีฉากหลังแบบนี้ด้วย อย่างว่าละนะ ผู้กล้าอย่างไงก็เป็นคน ไม่ใช่พระหรือพระเอกในนิยาย ที่จะปราศจากกิเลศราคะได้”
“ท่านโรมะกล่าวถูกแล้ว เช่นนั้นขออนุญาตฉันนำตัวยัยร่านนี้ไปเก็บไว้ในคอกหมูด้วยค่ะ”
คอกหมู…มันคือศัพท์เฉพาะทางอ่ะ ไม่ใช่หมายถึงคอกหมูจริงๆ แต่เป็นคอกที่มีออร์คอยู่ ใครโดนจับโยนลงไป ก็จะโดนพวกออร์คข่มขืนจนตาย พวกออร์คต่างจากก็อปลินหรือมอนสเตอร์สายหื่นตัวอื่นๆ ที่จะข่มขืนเพศหญิงเพื่อที่จะผสมพันธุ์ แต่ออร์คไม่ใช่ มันข่มขืนเพราะความต้องการทางเพศล้วนๆ
แต่ก็มีเหตุผลอยู่ เพราะออร์คเป็นเผ่าที่มีตัวเมียน้อย ส่วนใหญ่จะไม่รอดจนโต เพราะออร์คตัวผู้จะมีความต้องการทางเพศตั้งแต่อายุสองขวบ (เทียบกับมนุษย์คืออายุ 10 ปี) ซึ่งเพศเมียจะโตตามไม่ทันตัวผู้ ส่วนใหญ่เลยตายระหว่างมีเพศสัมพันธ์
อีกอย่างออร์คจะมีระบบราชา ตัวที่เป็นราชาจะครอบครองเพศเมียทั้งหมดในเผ่าไว้ ทำให้ลูกน้องพากันกลัดมันและไปหาที่ระบายกับเผ่าอื่นแทน เป็นที่มาว่าทำไมออร์คมันถึงได้หื่นสุดๆ
“อย่าเลย เสียของเปล่าๆ อีกอย่างทุบทิ้งไปเถอะคอกหมู มีของแบบนั้นในปราสาทจอมมาร ใครรู้เข้าจะหัวเราะเยาะเอาได้”
“ทราบแล้วค่ะ แล้วท่านโรมะคิดจะทำอะไรกับยัยร่านนี้เหรอคะ”
“…ไหนๆ อลิซาเบธก็ชอบเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว ใช้เป็นคนทดสอบสินค้าเลยเป็นไง”
“อ่ะ หมายถึงไอ้นั้นเหรอคะ”
“ใช่ ไอ้นั้นแหละ”
มุเอมะจัดการอะไรได้รวดเร็วตามเคย เพียงแค่บอกเธอก็ตามหัวหน้าหน่วยวิทยาการมาทันที พร้อมกับสินค้าตัวต้นแบบชิ้นแรกที่พึ่งทำเสร็จมามาดๆ
“นี้ค่ะท่านโรมะ สินค้าที่ท่านสั่งให้พวกเราสร้างขึ้น ช่วยพิจารณาและติชมด้วยค่ะ”
หัวหน้าหน่วยวิทยาการมีชื่อว่า เฟล เป็นปีศาจสาวแมงมุมหรือที่เรียกว่า อารัคเน่ การที่เห็นอารัคเน่ใส่ชุดกราวน์นี้ก็ดูแปลกตาดีเหมือนกัน
ส่วนสินค้าอะไรที่ผมให้เธอทำน่ะเหรอ มันก็คือสิ่งที่สาวๆ ในโลกนี้โหยหาไงล่ะ กระปู๋เทียมขนาดมาตราฐาน!
แต่ไม่ใช่ดิลโด้ธรรมดานะ แต่ผมให้ใส่วิทยาการของเผ่าปีศาจเข้าไปด้วย
“มุเอมะ ช่วยผมทดสอบทีนะ”
“ได้เลยค่ะท่านโรมะ”
มุเอมะยิ้มแบบเขินๆ และทำการถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ส่วนผมก็เอาดิลโด้ที่มีผิวสัมผัสแบบเยลลี่นิ่มๆ สีเขียวเข้ม ไปจ่อไว้ตรงหน้าปากถํ้าของมุเอมะ
ทันใดนั้นระบบก็เริ่มทำงาน โดยที่ส่วนฐานของดิลโด้ได้ปล่อยหนวดรยางค์เส้นเล็กๆ ขนาดเท่าเส้นด้ายออกมาจำนวนมาก รยางค์เหล่านั้นได้พันติดกับปุ่มกระสัน บางส่วนก็สอดตัวเข้าไปในถํ้า พร้อมกับทำการเชื่อมต่อประสาทสัมผัสเข้ากับดิลโด้
ส่วนดิลโด้พอได้รับการเชื่อมต่อกับผู้ใช้แล้ว มันก็เปลี่ยนสีจนเหมือนดุ้นจริงๆ ขึ้นมา แถมตอนนี้มันยังผงกหัวลง เพราะมันจะแสดงผลตามอารมณ์ของผู้ใช้ ถ้าไม่มีอารมณ์มันก็เป็นแค่ท่อนเอ็นที่หดตัว แต่เมื่อใดที่มี
อารมณ์ความต้องการขึ้นมา มันก็จะกลายเป็นดุ้นที่พร้อมใช้งาน
และวิธีที่จะทำให้มุเอมะมีอารมณ์ก็ไม่ยาก แค่ผมเข้าไปจูบมุเอมะดิลโด้ก็แข็งตั้งเด่ขึ้นมาเลย
“นะ น่าอายจังค่ะ”
มุเอมะยกมือขึ้นปิดหน้า ขณะที่ผมกับเฟลกำลังนั่งย่องๆ สำรวจดูดุ้นของเธอ
“โห นี้มันเยี่ยมไปเลย ส่วนฐานแนบติดเป็นเนื้อเดียวไปเลย”
“ค่ะ เวลาใช้งานจะได้ดูไม่ขัดสายตา”
“ผิวสัมผัสก็เหมือนจริงสุดๆ”
ผมลองใช้มือจับไปและลองชักเบาๆ แต่แค่นั้นมุเอมะก็ส่งเสียงสุดสยิวออกมา
“รู้สึกเป็นไงบ้าง?”
“บะ บอกไม่ถูกค่ะ ตะ ต่างจากปกติมาก แต่เสียวสุดๆ เลยค่ะ อ่ะ! ตรงนั้นไม่ได้ค่ะท่านโรมะ!”
มุเอมะหวีดร้องออกมาทันที ขณะผมใช้นิ้วถูไปบนส่วนปลายของหัวดุ้น
“สุดยอด! มีนํ้าหล่อลื่นออกมาด้วย”
“ค่ะ โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นนํ้าหล่อลื่นของตัวผู้ใช้เอง แต่มีการลดปริมาณลง เพราะนํ้าของผู้หญิงจะมากกว่าของผู้ชาย”
ผมเริ่มทดสอบขั้นต่อไป เลยเร่งสปีดการชักมือสไลด์หนอนให้มุเอมะ เธอเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน เลยไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ยังเวอจิ้น พอโดนชัก
ว่าวให้แบบนี้ แปบเดียวก็ถึงจุดสุดยอด จนพ่นแยมขาวออกมา
“ส่วนของนํ้าเชื้อนั้น สามารถกินได้ไม่มีอันตรายค่ะ รวมถึงทั้งกลิ่นและรสชาติ ยังทำออกมาเหมือนของจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย”
“แล้วใช้ได้กี่ครั้ง?”
“เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนค่ะ คงต้องรบกวนให้ทดสอบและแจ้งผลลัพธ์มาให้ด้วย”
“โอเค ขอบใจมาก แล้วช่วยเตรียมการผลิตจำนวนมากไว้เลยนะ”
“รับทราบค่ะท่านโรมะ”
แล้วเฟลก็เดินด้วยขาทั้งแปดออกไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่สิ่งนี้ออกสู่ตลาด ผมเชื่อว่าจะต้องสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับทางเผ่าปีศาจแน่ เพราะผู้หญิงในโลกนี้ไม่ได้รับความสุขจากเพศชายอย่างเพียงพอ เท่ากับว่าประชากรมนุษย์กว่าครึ่ง จะต้องซื้อสินค้าชิ้นนี้ไปใช้แน่นอน
“มุเอมะ รู้ไหมการแก้แค้นนะ มันสนุกสุดตอนไหน”
“การแก้แค้นมันมีสนุกหรือไม่สนุกด้วยเหรอคะ?”
“มีสิ แล้วเธอจะชอบ”
ผมบอกกับมุเอมะขณะแตะที่ตัวของอลิซาเบธ และปรับค่าราคะของเธอให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ
“แล้วนี้ฉันต้องทำกับยัยนี้จริงๆ เหรอคะ”
แค่พอคิดว่าต้องมีอะไรกับอลิซาเบธด้วยดิลโด้เสมือนจริงแล้ว มุเอมะก็หมดอารมณ์ไปเลย
“หุๆๆ คิดกลับกับสิ สมมุติว่ามุเอมะโดนยัยนี้จับตัวไป และบังคับขืนใจมีอะไรด้วย เธอจะรู้สึกอย่างไง”
“ตายดีกว่าค่ะ”
“ก็นั้นไง แล้วกลับกันล่ะ”
พอผมชี้นำไปแบบนั้น มุเอมะก็ยิ้มแบบนางมารร้ายออกมาทันที พร้อมกับดุ้นที่เหี่ยวหมดแรงอยู่ กลับเด้งดึงขึ้นมาตั้งเป็นเสาธง ขณะเดียวกันอลิซาเบธก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
“แก นางปีศาจดำ!”
อลิซาเบธพุ่งเป้าไปที่มุเอมะคนเดียว เพราะผมไม่ได้อยู่ในสถานะจอมมาร แต่ผมก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอยู่ เลยเป็นใบหน้าที่แท้จริง
ผมคิดว่าในระยะยาวแล้ว เป็นการดีกว่าที่จะใช้ใบหน้าจริงๆ ติดต่อกับพวกผู้กล้า
มุเอมะยิ้มตอบอีกฝ่ายโดยไม่ได้พูดอะไร แถมยังชี้ดุ้นไปทางอลิซาเบธจนทำให้หน้าเสียไปเลย
“ข้าไม่ยอมให้แกแตะต้องตัวข้าได้หรอก!”
อลิซาเบธขยับตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่มีอาวุธ เธอก็ยังพอจะใช้เวทมนต์ได้อยู่ ทว่ายังไม่ทันได้ใช้ออกมา อลิซาเบธก็กรีดร้องลั่น พร้อมกับลงไปนอนดิ้นกับพื้นอย่างเจ็บปวด
“นะ นี้มัน!”
อลิซาเบธจับไปที่คอตัวเอง ถึงจะไม่เห็น แต่เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกลงพันธะทาสไว้แล้ว
“รู้แล้วก็อย่าลงมือลงไม้ล่ะ ถึงจะเป็นพันธะแบบอ่อนที่ยอมให้พูดจาหยาบคายกับผู้เป็นนายได้ แต่ถ้าถึงขั้นลงมือเมื่อไร ก็ไม่รับประกันความปลอดภัยหรอกนะ”
“ข้าไม่กลัวตายหรอก! ว่าแต่แกเป็นใครกัน”
อลิซาเบธหันมาจ้อง คงพึ่งรู้ตัวว่ามีผมอยู่ในห้องด้วย
“อย่าเสียมารยาทกับท่านจอมมารนะ!”
มุเอมะว่าเสียงดังพร้อมกับพุ่งเข้ามาบีบคอของอลิซาเบธ
“จะ จอมมาร!”
อลิซาเบธมองผมแบบประหลาดใจสุดๆ เธอคงไม่คาดคิดว่าจอมมารจะเป็นมนุษย์ล่ะมั่ง
“พอเถอะมุเอมะ”
พอผมบอกมุเอมะก็ปล่อยมือทันที การที่พูดครั้งเดียวก็สั่งให้ตำนานไร้พ่ายอย่างมุเอมะทำตามได้ เป็นสิ่งที่การันตีว่าผมคือจอมมาร
“ก่อนอื่นขอบอกสถานะของเธอให้รู้ก่อนนะ”
ผมบอกพร้อมหยิมเอาใบแจ้งหนี้ยื่นให้อลิซาเบธดู
“นี้มันอะไร?”
“ใบแจ้งหนี้ไง ส่วนที่เธอทำดาดฟ้าของปราสาทพังยับ”
“เรื่องบ้าอะไรกัน! ทำไมข้าต้องจ่ายด้วย!”
“ทำของคนอื่นพังก็ต้องชดใช้ ไม่ว่าโลกไหนก็ใช้กฎนี้เหมือนกันหมดล่ะ จะไม่จ่ายก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่คงต้องให้เป็นทาสแบบนั้นไปตลอด ชอบแบบนั้นเหรอ”
“มะ ไม่ข้าไม่เอาแบบนี้”
อลิซาเบธตอบไม่เต็มเสียง ดูท่าจะไม่ใช่คนที่โต้เถียงเก่ง โดยเฉพาะขณะที่ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง
“งั้นก็จ่ายมา”
“มะ ไม่มี ข้าไม่มีเงิน เจ้าต้องไปเรียกร้องกับสมาพันธรัฐเอาเอง”
“หา? คนที่ทำพังมันเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถึงฉันไปขอให้ทางนู้นชดใช้ให้ มันคงจะยอมหรอก แค่เดินไปเคาะประตูเรียกก็โปรยฝนธนูใส่ให้แล้ว”
“อึก! แต่ข้าไม่มีจริงๆ นี้”
“ก็ว่างั้นแหละ เพราะงั้นคงเป็นทาสของผมไปสักหนึ่งปีล่ะกัน หลังจากนั้นผมจะปล่อยให้เป็นอิสระ”
ใช่ พอครบปีแผนของผมก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถึงตอนนั้นพวกผู้กล้าวีรชนก็ไม่มีความสำคัญ หรือหน้าที่ในโลกนี้อีก
“ข้าไม่ยอมหรอก แกคิดว่าข้าเป็นใครกัน”
“ยอมไม่ยอมไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเลือกได้หรอกนะ แล้วก็อีกอย่าง เธอเป็นใครมาจากไหนก็ไม่เกี่ยว เมื่อหยิบมีดขึ้นมาแทงใส่คนอื่น เธอต้องชดใช้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“แก!”
ช่างเป็นคนหัวแข็งจริงๆ คำพูดของผมไม่ได้ช่วยเตือนสติเธอเลยแม้แต่น้อย แถมยังทำท่าจะใช้กำลังขึ้นมาอีก พันธะทาสเลยแสดงผล แถมรุนแรงขึ้นกว่าเดิม จนอลิซาเบธต้องดิ้นเป็นปลาถูกทุบ เสียงร้องของเธอแสดงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ถ้าเธอยังไม่เลิกพฤติกรรมแสดงความรุนแรงใส่เจ้านาย ครั้งต่อไปมันจะ
ยิ่งทวีความเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขั้นอาจเสียสติได้เลย หวังว่าเธอจะไม่โง่ถึงขั้นนั้นนะ
หลังโดนลงโทษด้วยพันธะทาสแล้ว อลิซาเบธก็ดูอ่อนลงทันตาเห็น ก็เล่นปัสสาวะเล็ดออกมาหน่อยหนึ่งแล้ว ถ้าไม่รีบทำตัวดีๆ มีหวังได้อับอายยิ่งกว่านี้แน่
“เอาล่ะ งั้นก็เริ่มกันเลย มุเอมะ”
ผมปล่อยให้มุเอมะรอนานเกินไปแล้ว แต่พอมุเอมะขยับเข้าไปหาพร้อมกับดุ้นที่ชูชัน อลิซาเบธก็ผงะจนแทบตกเตียง
“จะ จะทำอะไรข้า!”
“เธอเป็นทาสก็ต้องช่วยงานเจ้านายสิ และตอนนี้พวกผมกำลังจะทดสอบสินค้าตัวอย่างกันอยู่ เอาถอดเสื้อผ้าออกซะ”
“ไม่!!!”
อลิซาเบธทำท่าจะวิ่งหนี แต่มันเข้าข่ายขัดคำสั่งเจ้านาย พันธะทาสเลยแสดงผลอีกรอบ คราวนี้เล่นเอาเธอชักนํ้าลายฟูมปากเลย ปัสสาวะที่อั้นไว้ได้ในรอบก่อน เลยทะลักออกมาเต็มพื้น
“อย่าพึ่งหมดสติสิ เธอต้องบอกความรู้สึกระหว่างทดสอบสินค้าด้วย”
ผมตบแก้มเธอเบาๆ เป็นการเรียกสติ แต่พอฟื้นมาเห็นสภาพตัวเอง อลิซาเบธก็อับอายจนบ่อนํ้าตาแตก
“บีบนํ้าตาไปก็ไม่สงสารหรอกนะ แล้วที่จะทำเนี่ย เธอเองก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่!”
พออลิซาเบธปฏิเสธเสียงแข็ง มุเอมะเลยเปิดภาพที่บันทึกไว้ให้ดู อลิซาเบธอ้าปากค้างเพราะเธอไม่รู้ตัวเลยว่าทำแบบนั้นลงไป พอโดนกระตุ้นความต้องการทางเพศ สติเธอก็ค่อยๆ จางหายไป จนเหมือนตกอยู่ในความฝัน
ระหว่างที่เธอช็อคตาตั้งอยู่ ผมก็ทำการถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างมืออาชีพ อลิซาเบธไม่รู้ตัวเลยสักนิด
กว่าจะตั้งสติได้อีกครั้ง เธอก็ถูกผมจับแขนเอาไว้ ส่วนมุเอมะเริ่มแหยงนิ้วเข้าไปถํ้าของเธอแล้ว
“ไม่นะ! ปล่อยข้าไปเถอะ!”
ถึงอลิซาเบธจะร้องขอ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอะไร เพราะคงกลัวโดนพันธะทาสแสดงผลอีก ส่วนผมก็คอยสอนมุเอมะไปด้วยว่าต้องทำอย่างไง
แต่มุเอมะโดนผมเล้าโลมมาหมดทุกกระบวนท่าแล้ว ความเชี่ยวชาญของเธออยู่ในระดับสูงสุด เลยไม่ต้อง
บอกอะไรมาก เธอนำประสบการณ์ที่ได้รับมาจากผม นำมาใช้กับอลิซาเบธ
ยังไม่ทันได้ลงลิ้น เพียงแค่ใช้นิ้วแหยง ก็ทำเอาอธิซาเบธร้องครางออกมา ถึงปากจะยังร้องปฏิเสธ แต่เสียงครางก็แทรกเข้ามาถี่ขึ้น ถึงใจจะไม่ยอมรับ แต่ร่างกายเธอตอบรับอย่างซื่อตรง นํ้าหวานของเธอทะลักออกมาจนเปียกไปถึงข้อมือของมุเอมะ
ผมเองก็ช่วยอีกแรง ด้วยการเลียซอกคอและใบหู ส่วนมือก็นวดหน้าอกไปด้วย หัวนมเธอแข็งจนแทบจะจิ้มตาบอดแล้ว สีคลํ้าแสดงถึงการใช้งานมาอย่างหนัก ต่างจากสีคลํ้าตามธรรมชาติ ถ้าไม่สังเกตดีๆ จะแยกความต่างนี้ไม่ได้หรอก แต่ผ่านผู้หญิงมาหลายคนและหลายแบบ เลยพอจะแยกได้
จุดเสียวของอลิซาเบธมีอยู่สองจุด คือหัวนมกับสะดือ ไม่ว่าตอนโดนผมบี้หัวนม หรือตอนโดนมุเอมะเลียสะดือ เธอจะเกร็งจนตัวงอเลยทีเดียว ยิ่งตอนโดนเล่นพร้อมกับทั้งสองจุด เธอถึงกับนํ้าแตกแบบหยุดไม่อยู่
อลิซาเบธเลิกร้องปฏิเสธไปตั้งแต่เมื่อไรผมก็ไม่ทันดู แต่ตอนนี้เธอเอาแต่หลับตาและเม้มปากแน่น ดูยังมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ นอกจากหัวแข็งไม่พอยังใจแข็งอีก เริ่มมีจุดที่ถูกใจผมขึ้นมาหน่อยๆ แล้วสิ
พอให้เธอได้พักหายใจแล้ว ผมก็พยักหน้าให้มุเอมะทำการทดสอบสินค้าเลย ถึงอลิซาเบธจะหุบขาไว้แน่น แต่สู้แรงของมุเอมะไม่ไหวหรอก สุดท้ายเลยถูกจับถางขาและเสียบดุ้นเทียมเสมือนจริงเข้าไปมิดด้าม
“เป็นไงบ้าง”
ผมถามอย่างสนใจ เพราะพอโดนเสียบไปอลิซาเบธก็ถึงกับเกร็งตัวขึ้นมาอีกรอบ
“เสียวมากๆ เลยค่ะท่านโรมะ ถึงจะเข้าไปง่ายๆ แต่ข้างในเธอให้สัมผัสที่ดีมากๆ เลย”
“โอ๋ ต่างจากปกติด้วยใช่ไหม”
พอผมถามมุเอมะรีบส่ายหน้าใหญ่เลย
“ถึงความรู้สึกจะกลับกัน แต่ความเสียวที่ได้จากท่านโรมะมากกว่าจนเทียบไม่ติดเลยค่ะ”
“ขอบใจนะ งั้นตอนนี้ลองเปลี่ยนท่าดู ต้องทดสอบการใช้งานรูปแบบต่างๆ ดูด้วย”
จากนั้นผมก็จับตัวอลิซาเบธพลิกไปเล่นท่าหมาบ้าง ท่าลิงอุ้มแตงบ้าง การขืนตัวต่อต้านไม่มีอยู่แล้ว ตัวเธออย่างกับตุ๊กตาจับท่าไหนก็ท่านั้นเลย แต่ก็ยังไม่ยอมปริ
ปากออกมา เพราะเธอเม้มปากไว้จนเลือดแทบไหลแล้ว มีเพียงแค่เสียงครางออกมาจากในคอเท่านั้น
หลังจากทำไปได้ห้านาทีมุเอมะก็ทำหน้าเหมือนกำลังจะเสร็จ สำหรับครั้งแรก (ที่ใช้ดุ้น) มุเอมะถือว่าทำได้ดีมาก ทีแรกนึกว่าจะแตกทันทีที่เสียบเข้าไปซะอีก
ส่วนความรู้สึกตอนที่เสร็จ เธออธิบายได้เป็นหน้าๆ เลย เพราะมันต่างจากความรู้สึกตอนปกติ ถ้าให้สรุปคือ สำหรับผู้หญิงเวลาเสร็จ จะมีความรู้สึกแผ่กระจายไปทั่วทั้งตัว แต่สำหรับผู้ชาย ความรู้สึกจะถูกรวมไว้ที่ดุ้น และหลังจากเสร็จแล้วความรู้สึกจะละลายหายไปเร็วกว่าของผู้หญิงมาก
ในแง่ของสินค้ามันอาจจะดีไปหน่อย ที่ทำให้ได้รับความรู้สึกแบบของผู้ชายด้วย ผมอาจต้องให้แก้ในส่วนนี้
เพราะผมไม่อยากให้พวกสาวๆ เบี่ยงเบน ยังอยากให้คงความรู้สึกของผู้หญิงอยู่ล่ะนะ
ส่วนความคงทน หลังจากหลั่งไปแล้วครั้งหนึ่ง มันก็ยังสามารถแข็งสู้งานได้ต่อเลย ตรงนี้ดีกว่าดุ้นจริงๆ ตรงที่บางครั้ง ถึงแม้จะมีอารมณ์แต่ดุ้นก็จะไม่แข็งตัว แต่เจ้าดุ้นปลอมนี้จะตอบสนองต่อความรู้สึกเป็นหลัก โดยไม่ได้สนใจสภาพร่างกายของผู้ใช้
อลิซาเบธเองก็เสร็จไปเหมือนกันตอนโดนพ่นนํ้าใส ผมถามเธอด้วยว่ารู้สึกอย่างไง เหมือนของจริงไหม เธอเพียงแค่พยักหน้าตอบ จริงๆ คงไม่อยากจะตอบหรอก แต่ถ้าไม่ตอบสนองต่อคำถาม ก็จะโดนพันธะทาสเล่นงานอีก
“ดีใจด้วยนะคะท่านโรมะ สินค้าหลักประสบความสำเร็จแล้ว”
“ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีก อลิซาเบธคราวนี้ดูดดุ้นซะ”
พอผมสั่ง อธิซาเบธก็ขยับตัวขึ้นมา และเอาดุ้นเข้าปาก แน่นอนว่าเธอไม่กล้ากัดหรอก ถ้าไม่อยากโดนความเจ็บปวดเล่นงานจนเสียสติ แต่การดูดของเธอก็ถือว่าดีทีเดียว เล่นเอามุเอมะซี๊ดปากไม่หยุด เธอเสียวจนต้องจับหัวอลิซาเบธไว้และโยกเอวเอง จนแตกคาปากอลิซาเบธไป
เธอค่อนข้างแปลกใจ เพราะรสชาติมันเหมือนนํ้าเชื้อจริงๆ
“ทำได้ดีมาก งั้นจะให้รางวัลด้วยของชอบของเธอล่ะกัน”
ผมถอดเสื้อผ้าออกเพื่อเตรียมเล่นแซนวิส มุเอมะพอเห็นร่างเปลือยเปล่าของผม อารมณ์ก็ยิ่งพุ่งพล่าน ดุ้น
กลับมาชูชันแถมยังแข็งแรงกว่าปกติ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาสมจริงสุดๆ ตรงหัวก็มีนํ้าเชื้อไหลออกมานิดหน่อย
จะว่าไปดุ้นนี้ก็บอกคุณลักษณ์ของอารมณ์ได้ดีสุดๆ ไปเลย แค่เห็นดุ้นของมุเอมะตอนนี้ ก็รู้ทันทีว่าเธอมีการตอบสนองต่อผมมากแค่ไหน
“อะไรกันมุเอมะ แค่เห็นผมโป๊ก็มีอารมณ์ขนาดนี้แล้วเหรอ”
ผมแกล้งเข้าไปจับดุ้นของมุเอมะไว้ และชักมันเล่นแบบเบามือ
“ยะ อย่าค่ะท่านโรมะ!”
มุเอมะห้ามผมไม่ทัน แค่โดนจับเธอก็แตกอีกรอบแล้ว นํ้าเชื้อพุ่งใส่เต็มหน้าอลิซาเบธ แต่เธอกลับไม่โกรธ แถมยังเผลอทำหน้าฟินออกมาแว่บหนึ่งด้วย
ส่วนมุเอมะถึงจะเสร็จไปแล้ว แต่ดุ้นก็ยังแข็งอยู่ ตอบสนองกับผมแบบสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย
พอผมหันไปทางอลิซาเบธสายตาเธอก็จองมาที่ดุ้นผม เธอทำตาโตเป็นไข่ห่าน ปากที่เม้มไว้ตลอดกำลังสั่น ไม่สิ สั่นไปทั้งตัวเลย เธอไม่กล้าพูดแต่ก็ปฏิเสธดุ้นผมด้วยการส่ายหน้า สีหน้าเธอกลัวสุดขีด เหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ขืนเอาดุ้นแกใส่เข้ามา ข้าต้องตายแน่ๆ’
“ไม่ตายหรอกน่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวจะปรับให้เล็กลงเอง”
ว่าแล้วผมก็แสดงให้ดู อลิซาเบธที่เห็นดุ้นผมยืดหดเปลี่ยนขนาดได้ตามใจชอบ ก็ยิ่งหน้าซีดกว่าเดิม
เธอพยายามขยับตัวหนี แต่ผมไม่ปล่อยไปหรอก เลยจับขาเธอลากเข้ามา แล้วเอาดุ้นจ่อเข้าถํ้าทันที สภาพถํ้าที่ใช้งานมาโชกโชน ต่อให้พยายามขมิบอย่างไง มันก็
สอดเข้าไปได้อยู่ดีนั้นแหละ พอลองใส่เข้าไปด้วยไซส์ปกติของผมดู มันเข้าได้พอดีเลยแฮะ ถึงจะแน่นไปหน่อยแต่ก็ถึงกับทำให้ฉีก ส่วนความยาวเอาเข้าไปได้แค่ประมาณ ¾ เท่านั้น ถ้าดันเข้าไปสุดสงสัยทะลุเข้าไปในมดลูกเธอแน่
“อี๋! ละ ลึก! มันเข้าไปลึก ถึงข้างในเลย! โอย! ข้าไม่ไหวแล้ว!”
อลิซาเบธชักกระตุกพร้อมกับพ่นนํ้าใส่หน้าท้องผม จนเปียกแฉะไปหมด นี้แค่โดนผมเสียบก็เสร็จเลยเหรอ
“ไง ชอบล่ะสิ”
“มะ ไม่ ข้าไมได้ชอบสักหน่อย เอาดุ้นโสโครกของแกออกไปนะ กรี๊ด!”
พอเธอด่าออกมา ผมก็ขยับดุ้นเบาๆ แต่ข้างในเธอขมิบอย่างแรง ขาก็ตวัดรัดรอบเอวผมไว้อย่างกับงู สีหน้าเธอบิดเบี้ยวอย่างกับคนเสียสติ
“บอกมาสิว่าชอบ”
“ไม่! ข้าไม่พูด”
พอเธอปฏิเสธผมก็กดดุ้นเข้าไปอีกหน่อย ส่วนปลายดันปากมดลูกจนยุบเข้าไป
“กรี๊ด!”
อลิซาเบธกรีดร้องออกมา ลิ้นของเธอแล่บยาวออกมาจนสุด
“ไม่ชอบเหรอ”
ผมถามซํ้าพร้อมกับกดดุ้นเข้าไปอีก ส่วนปลายเริ่มผ่านปากมดลูกเข้าไปอย่างช้าๆ
“ชอบ! ข้ารักดุ้นนี้! ข้าต้องการมัน!”
อลิซาเบธสู้กับความต้องการของตัวเองต่อไม่ไหวแล้ว เลยระเบิดออกมาอย่างที่คิด เธอผลักผมลงไปนอน และดีดขึ้นมานั่งค่อมแทน เธอเป็นฝ่ายโยกเอวเอง แต่ก็ไม่กล้ากระแทกลงมาสุด เธอกลัวดุ้นผมเข้าไปติดในมดลูกล่ะมั่ง แต่สีหน้าเธอนี้เสียสติสุดๆ
พอเห็นว่าเครื่องร้อนแล้ว ผมก็หันไปพยักหน้าให้มุเอมะ เธอเลยเข้ามาจับก้นของอลิซาเบธไว้ ก่อนจะเสียบดุ้นเข้าไปในตูด
เมื่อโดนเล่นแซนวิสแบบที่ชอบ อลิซาเบธก็กรีดร้องโหยหวน อารมณ์และสติแตกกระเจิงไปแล้ว ไม่ใช่แค่อลิซาเบธแต่มุเอมะเองก็ร้องเสียงดังตามไปด้วย เพราะเธอรู้สึกได้ถึงดุ้นของผมที่เสียดสีกันไปมาอยู่ข้างในตัวอลิซาเบธ
พวกเราเล่นแซนวิสกันอย่างรุนแรงจนไส้ในเกือบทะลัก แถมยังเสร็จพร้อมกัน ผมรู้ว่าอลิซาเบธชอบแบบให้ราดใส่ ผมลยดึงดุ้นออกมาและฉีดไปทั่วตัวเธอ อลิซาเบธเลยทำหน้าสุดฟินออกมาขณะที่เสร็จ เธอเอาลืมละเลงนํ้าเชื้อผมไปทั่วอย่างกับกำลังทาโลชั่นอยู่
“อ่ะ!”
มุเอมะทำเสียงตกใจออกมา ผมเลยหันไปดู เลยเห็นว่าดิลโด้ปลอมกลับคืนสภาพเป็นวุ้นนิ่มๆ สีเขียวไปแล้ว
“แตกได้ประมาณห้ารอบสินะ”
ผมว่าเป็นปริมาณที่กำลังพอดี ส่วนวิธีทำให้กลับมาใช้งานได้ ก็แค่เติมนํ้ายาพิเศษลงไปเท่านั้น ส่วนอายุการใช้งานนั้น อยู่ได้นานเป็นปี
“โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จล่ะนะ”
ผมดีใจที่การทดลองเป็นไปได้ด้วยดี แต่มุเอมะคงหมดแรงแล้ว ผมเลยให้เธอไปพัก
“บัดซบๆๆ ข้าเป็นถึงผู้กล้าวีรชนนะ ต้องไม่มาเสียท่าให้กับจอมมารแบบนี้สิ”
ส่วนอลิซาเบธพอตั้งสติได้ ก็ทุบเตียงอย่างเจ็บใจ
“ยังไม่สำนึกอีกเหรอ งั้นผมก็จะทำจนกว่าเธอจะยอมแพ้ล่ะกัน”
ผมลุกขึ้นโชว์ดุ้นที่พร้อมต่อรอบสองแล้ว อลิซาเบธหันมามอง หน้าเธซีดลงไปทันที
“ยะ ยังจะทำอีกเหรอ!”
“แน่นอนสิ ผมยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงหนึ่ง กะจะทำไปเรื่อยๆ เลยแม้เธอจะทนไม่ไหวก็ตาม”
ผมแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา เล่นเอาอลิซาเบธนํ้าหูนํ้าตาไหล และส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสิ้นหวัง
จากนั้นตลอดหนึ่งชั่วโมง อลิซาเบธก็ถูกตกเป็นทาสนํ้ากามผมโดยสมบูรณ์ ประสบการณ์ของเธอไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร เพราะขนาดไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ผู้หญิงพึ่งพอใจได้ แต่ผมยังรู้จุดที่ทำให้เสียวที่สุด รู้จังหวะที่ควรจู่โจม มีทั้งเทคนิกและความอึด ต่อให้เป็นโสเภณีมือโปร ก็ต้องยอมแพ้ให้กับเพลงรักของผม
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมทำจนเกินระดับความปลอดภัย แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบกับจิตใจของอลิซาเบธอย่างรุนแรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก เพราะอลิซาเบธไม่ใช่คนที่จะควบคุมหรือเจรจาได้ มีแต่ต้องทำแบบนี้เพื่อให้เธออยู่ใต้ปกครอง
แต่เพราะเรื่องนี้เอง ทำให้ผมต้องมารู้สึกเสียใจเอาภายหลัง
ตอนที่ 100 กิลมุเกน
ณ.เวลาเดียวกันกับที่โรมะกำลังสนุกอยู่กับอลิซาเบธ
“ชิ พลาดจนได้”
เสียงบ่นดังขึ้นมา ขณะที่ร่างของชายหนุ่มรูปร่างผอมบางและมีผมสีดำ หล่นลงมาจากอากาศตกสู่พื้นห้องเสียงดัง แขนข้างหนึ่งของเขากลายเป็นสีดำเหมือนถูกเผาจนเกรียม
“ฮ่าๆๆ พลาดมาเหรอไง โคเฮย์”
ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งรออยู่ในห้องหัวเราะออกมา เขาเองก็มีผมสีดำ แต่ตัดสั้นจนตั้งแหลม
“หุบปากไปซะฮิเดกิ! มารแห่งความโลภของฉันมันแพ้ทางมารแห่งความเย่อหยิ่งนี่น่า! มันไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้ตัวเลย”
“แพ้ทางมันแค่ข้ออ้างของหมาขี้แพ้ล่ะวะ”
“แล้วแกล่ะ แพ้มาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง!”
“ฮ่าๆๆ ไม่ได้แพ้โว้ย เขาเรียกว่าลองเชิง รู้จักไหมลองเชิงน่ะ”
“แต่คำสั่งคือให้จับตัวหรือสังหารทิ้ง การที่แกกลับมามือเปล่าก็แปลว่าพลาดเหมือนกันแหละ”
“ผิดแล้วๆ คำสั่งไม่มีระยะเวลาสักหน่อย แล้วก็นะมารแห่งโทสะของฉันน่ะ มันต้องใช้เวลาสักหน่อยถึงจะแสดงพลังออกมาได้เต็มที่ แต่คราวหน้าฉันสังหารเจ้ามารแห่งความเกียจคร้านได้แน่”
“ทางนี้เองก็เหมือนกัน คราวหน้าไม่พลาดแน่”
“แย่จัง เหมือนจะได้ยินเสียงเห่าหอนไร้สาระแถวนี้อีกแล้วนะ”
เสียงที่สามแทรกขึ้นมา และโดยไม่รอให้อีกฝ่ายปรากฏตัว ทั้งโคเฮย์และฮิเดกิก็รีบพุ่งลงไปคุกเข่ากับพื้น พวกเขาหน้าซีดเผือกและมีเหงื่อไหลแบบห้ามไม่อยู่
ประตูห้องที่เป็นเหมือนโกดังถูกเปิดออก หญิงสาวที่ตัวเล็กราวกับตุ๊กตามีชีวิตเดินเข้ามา เสียงฝีเท้าที่เดินได้แค่ก้าวสั้นๆ ยังฟังดูน่ารัก ทว่าเสียงลากของหนักๆ ที่ดังตามมาด้วยฟังดูน่ากลัวจนขนหัวลุก
พอปิดประตูลง เธอก็โยนร่างของชายร่างอ้วนที่ใหญ่กว่าตัวเธอเกือบสามเท่า ลงตรงหน้าของทั้งสองคน
แต่ชายร่างอ้วนไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เขาตายในสภาพที่เหมือนกำลังหวาดกลัวสุดขีด ทั้งคู่ที่เห็นเขาเกือบหัวใจวายตายตามไปด้วย แต่ทั้งคู่รู้ดีกว่านี้แหละคือผลของสกิลมารแห่งความริษยา ที่หัวหน้าของพวกตนมีอยู่
“มะ มารแห่งความตะกละ!”
โคเฮย์พอใช้สกิลตรวจสอบดู เลยรู้ว่าศพนี้เป็นใคร
“โคเฮย์ สกิลมารแห่งความตะกละจะกลับสภาพเดิมเมื่อไร”
หญิงสาวร่างเล็กถามขึ้น ขณะเดินมานั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง และดื่มนํ้าหวานที่ฮิเดกิเตรียมไว้ให้ก่อนแล้ว
“สามวันครับ หลังจากเจ้าของเดิมตายได้สามวัน สกิลมารจะกลับไปสู่สภาพผนึก และจะสุ่มตำแหน่งการซ่อนตัว รอจนกว่าจะมีคนที่เหมาะสมไปเจอครับ”
“ระหว่างนี้นายใช้สกิลมารแห่งความโลภชิงเอามาได้ไหม”
“มะ ไม่ได้ครับ สกิลของผมใช้กับคนที่ตายไปแล้วไม่ได้”
“งั้นระหว่างนี้ นายไปหาคนที่มีสกิลค้นหามา เราต้องชิงเอาสกิลมารแห่งความตะกละมาก่อนที่ใครจะได้ไป”
“รับทราบครับ”
“หัวหน้าแล้วจะเอาอย่างไงกับมารแห่งความเย่อหยิ่ง ที่เจ้าโคเฮย์ต้องจัดการล่ะ”
ฮิเดกิถามขึ้นมา ถึงการพูดจะเหมือนพูดเล่น แต่นํ้าเสียงค่อนข้างให้ความเคารพทีเดียว
“ไม่ต้องตาม ถ้าลองรู้ตัวแล้ว ทั้งสองคนต้องไปรวมตัวกับมารราคะ ไว้พวกนั้นหาตัวมารราคะเจอเมื่อไร ค่อยตามไปกำจัดพร้อมๆ กันเลย”
“จะดีเหรอ กว่าผมจะดึงมารแห่งความเกียจคร้านออกมาจากที่ซ่อนได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่เลย ขืนปล่อยไปไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน กว่าจะตามเจออีก…”
ฮิเดกิรีบหยุดพูดทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาของหัวหน้าที่จ้องใส่ ราวกับเขาเป็นแค่แมลง
“ถ้านายมีความสามารถเท่านั้น ก็ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในกิลมุเกน”
“ขะ ขออภัยครับท่านริกะ! ถึงมันจะหนีไปสุดขอบโลก ผมก็จะตามหาให้เจอครับ!”
ฮิเดกิรีบบอกไปแบบหวาดกลัว
“ดีมาก เป้าหมายของเราคือการกำจัดพวกมารให้หมด หรือไม่ก็เอาพลังนั้นมาถือครองไว้เอง ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของเขา…โคเฮย์ ตอนนี้ลูกน้องของนายทำงานไปถึงไหนแล้ว”
เธอหยุดพูดลงกะทันหัน และหันกลับมาถามอย่างจริงจังกับโคเฮย์
“ครับ ถึงพวกนั้นจะโดนผมเอาสกิลมาหมดแล้ว แต่ยังไงก็เป็นถึงผู้กล้า เลยสามารถเลื่อน
Rank นักผจญภัยได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ Rank ของกิลเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปด้วย ตอนนี้ก็เกิน Rank 50 มาแล้วครับ”
“ยังไม่พอ เพื่อที่ทุกคนบนโลกนี้จะได้รู้จักชื่อกิลมุเกน พวกเราจะต้องเป็นกิลอันดับหนึ่งให้ได้…ฮิเดกิ นายจงไปเสาะหาคนที่มีฝีมือมาเพิ่ม ยิ่งถ้าได้พวกที่มีชื่อเสียงมายิ่งดี”
“รับทราบ”
“ถ้าเขาได้ยินชื่อกิลของเรา เขาจะต้องมาหาเราแน่ กว่าจะถึงตอนนั้นต้องทำให้โลกนี้ปลอดภัยสำหรับเขาก่อน”
เมื่อเห็นหัวหน้าเข้าสู่โลกส่วนตัวไปแล้ว โคเฮย์เลยต้องเป็นฝ่ายถามออกไป
“หัวหน้า มีอะไรจะสั่งเพิ่มอีกไหมครับ”
“…สถานการณ์ของเผ่าปีศาจล่ะ”
“ครับ ล่าสุดผู้กล้าวีรชนต่างพ่ายแพ้จนหมด กองทัพของสมาพันธรัฐเองก็โดนจอมมารผลัดดันกลับประเทศ เห็นว่าพลังของจอมมารคนใหม่ เหนือกว่ารุ่นก่อนมากทีเดียว มีเพียงแค่พวกผู้กล้ากลุ่มของจิน ที่ปักหลักสู้กับจอมมารอยู่ ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไงก็ไม่รู้ แต่คิดว่าคงสู้จอมมารไม่ได้แน่”
“ลองผู้กล้าวีรชนยังถูกปราบ สงสัยพวกเราต้องลงมือเองแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราต้องตั้งเป้าไปที่พวกมารก่อน ไว้เสร็จเรื่องพวกมารแล้ว คิวต่อไปค่อยทำลายพวกเผ่าปีศาจและจอมมาร”
“ครับ”
ทั้งคู่ประสานเสียงตอบ และรู้สึกเนื้อเต้นขึ้นมา เพราะพวกเขารู้ว่าต่อให้เป็นจอมมาร ก็ไม่อาจสู้หัวหน้าของเขาได้และด้วยแนวทางที่เธอตั้งไว้ พวกเขาจะได้ปกครองโลกใบนี้
“แยกย้ายไปได้แล้ว และอย่าลืมกฎข้อแรกของกิล”
“ครับ เรื่องกฎข้อแรกพวกเราเน้นกับสมาชิกกิลทุกคน ทั้งเก่าและใหม่อยู่ตลอดเวลาครับ”
“ดี แค่นี้ล่ะ”
พอพูดจบร่างก็หัวหน้าก็แตกเป็นฝุ่นและลอยหายไปในอากาศพอรู้ว่าหัวหน้าไปแล้ว ทั้งคู่ก็ลุกขึ้นมาพลางถอนหายใจโล่งอก พลางพูดออกมาพร้อมๆ กัน
“หัวหน้าน่ากลัวโคตร”
ส่วนกฎข้อแรกของกิลก็คือ
ถ้าเจอนักผจญภัยที่ชื่อโรมะ ให้นำตัวมาให้ท่านหัวหน้าริกะทันที
…………….
ทางด้านโรมะที่กลับมาจากปราสาทจอมมารแล้ว ก็เริ่มการต้มนํ้าต่อ ถึงแม้เลเวลจะได้ตามเป้าแล้ว แต่โรมะเองยังอยากจะเพิ่มระดับให้กับกลุ่มมากกว่านี้ ส่วนพวกโบสถ์ใหญ่ถือว่าแถมให้ ที่สำคัญรายได้นั้นดีสุดๆ
ในทะเลไม่ได้มีแค่พวกโทรล แต่ยังมีมอนสเตอร์อีกหลากหลายชนิด ขนาดพวกปลาธรรมดายังถูกนับเป็นมอนสเตอร์ด้วย อ่า จะบอกว่าปลาธรรมดาก็ไม่ถูก เพราะมันมีแต่ปลาอันตรายที่ตัวใหญ่ เช่น สายพันธุ์ที่
คล้ายๆ ฉลาม หรือปลาหมึกที่ปล่อยไฟฟ้าออกมาได้ แมงกะพรุนที่พ่นกรด
ของที่เก็มบุ อ้อ ผมตั้งชื่อให้มังกรเต่าล่ะ จะเรียกมันเจ้ามังกรอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันเองก็ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร รับชื่อไปใช้แต่โดยดี กลับมาเรื่องไอเท็มที่เก็มบุเก็บมาให้ นอกจากมาน่าคริสตัลที่ตกลงจะแบ่งให้เก็มบุครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมดที่เก็บได้ ถือเป็นค่าจ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นปลา ปลากองเป็นภูเขาเลย เยอะจนผมเก็บเข้ากระเป๋าไม่ทัน
น่าจะเกือบถึงหลักหมื่นได้ ตอนแรกผมห่วงว่าจะทำให้ปลาสูญพันธุ์หรือเปล่า แต่เพราะมันถูกนับเป็นมอนสเตอร์ดันเจี้ยนด้วย เลยคืนชีพขึ้นมาได้ จึงไม่มีอะไรต้องห่วง
ตอนนี้ผมได้วัตถุดิบทำอาหารเพิ่มมาหลายอย่างเลย แค่ปลาที่ได้มา ก็มีมากว่าสิบชนิดแล้ว นอกจากนี้ยังมีปลาหมึก กุ้ง แมงกะพรุน หอย ซึ่งนอกจากปลาแล้วผมเก็บเอาไว้หมดเพื่อใช้ทำอาหาร ส่วนปลาที่ได้มาเยอะ หลังจากแบ่งเก็บไว้แล้วก็ว่าจะเอาที่เหลือไปขาย
แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการแบ่งไอเท็มให้พวกโบสถ์ใหญ่ด้วย เพราะพวกเขาบอกว่าแค่มาเกาะผมกินก็ละอายจะแย่แล้ว ขืนมาขอแบ่งไอเท็มที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหามาอีก คงอับอายไปชั่วชีวิต แต่ผมว่าพวกเขาคงอยากจะชดใช้ เรื่องเชิดเงินที่ได้จากการ์ดศพคราวก่อนด้วย
ผมนั่งแบ่งไอเท็มจนถึงเช้าก็ยังไม่เสร็จ มันเยอะขนาดเก็บลงกระเป๋าได้ไม่หมด ผมเลยเลิกต้มนํ้า
แล้ว ไม่งั้นไอเท็มจะเสียเปล่าและผมพึ่งรู้ขีดจำกัดของกระเป๋า ถึงบอกว่าเป็นไอเท็มชนิดเดียวกัน จะถูกนับอยู่ในช่องเก็บเดียวกันได้ แต่จริงๆ ของชิ้นเดียวกันเก็บได้ไม่เกิน 200 ชิ้น ถ้าเกิดมันจะถูกแบ่งไปที่ช่องใหญ่ทันที มีแต่พวกเหรียญเท่านั้นแหละ ที่สามารถเก็บได้เกิน 200 ชิ้น สงสัยเพราะขนาดมันเล็กล่ะมั่ง
ด้วยที่ไอเท็มเยอะเกิน ผมเลยบังคับยัดไอเท็มใส่กระเป๋าพวกโบสถ์ใหญ่จนเต็มทุกคน ก็เหลือพวกของมีราคาให้หน่อย อย่างปลาถ้าเอาไปขายก็ได้ราคาดี และยังมีพวกคฑา ดาบ ชุดเกราะ แบบแรร์และซูปเปอร์แรร์ไปด้วย โดยเฉพาะพวกอัศวินดูจะดีใจมากที่ได้เกราะใหม่มา
แต่ในบรรดาไอเท็มทั้งหมด อันที่ดีที่สุดกลับเป็นการ์ด
การ์ด จิตวิญญาณแห่งวารี
ผลของการ์ดใบนี้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถเรียนรู้สกิลที่เกี่ยวกับนํ้าได้ทุกประเภท โดยข้ามเงื่อนไขและข้อยกเว้นทุกอย่าง ผมไม่รอช้าจับยัดใส่มือของซาคุยะทันที เพราะในที่นี้มีเธอคนเดียวที่ไม่มีสกิลใช้ แต่การ์ดใบนี้จะช่วยทำให้เธอเรียนรู้สกิลใหม่ได้
แต่ซาคุยะรู้ค่าของการ์ดใบนี้ ถ้าเอาไปขาย คงได้เงินพอจะซื้อประเทศหนึ่งได้เลย จึงไม่ยอมรับ แต่ผมไม่ฟังคำปฏิเสธของเธอ แต่จับยัดใส่มือและบังคับให้ใช้มันทันที ซาคุยะที่พอรู้ว่าตัวเองจะมีสกิลใช้อีกครั้งก็ถึงกับหลั่งนํ้าตาออกมา จนต้องปล่อยให้พวกสาวๆ ช่วยกันปลอบ
จากนั้นผมก็เรียกยูรินมาหา และถามว่าถ้าจะหลอมพวกอาวุธชุดเกราะทั้งหมดจะต้องใช้เวลาเท่าไร เธอค่อนข้างแปลกใจ เพราะมันมีของระดับ Epic อยู่ในกอง
อาวุธชุดเกราะด้วย ถ้าเอาไปประมูลคงได้หลายเงิน แต่ผมว่าเงินน่ะมีเยอะแล้ว ยังไม่นับพวกไอเท็มอื่นๆ ที่กำลังจะเอาไปขายอีก เงินมีเยอะแต่ไม่ได้ใช้มันจะไร้ประโยชน์ สู้แปรสภาพเอาของที่ใช้งานได้มาเก็บไว้ดีกว่า
ซึ่งถ้าหลอมจนกลายเป็นแร่แล้ว มันจะประหยัดเนื้อที่ในกระเป๋าได้อีกมาก ถ้าตามที่คำนวณไว้ วิธีนี้น่าจะทำให้ขนไปได้หมด ยูรินเลยรีบนำอุปกรณ์ที่ขนมาด้วยออกมาตั้งสร้างเป็น Workshop แบบชั่วคราว และเริ่มทำการหลอมสะกัดทันที ซึ่งเอสเตอร์กับดอเรียก็เข้าไปช่วยอีกแรง เพื่อจะได้เสร็จเร็วขึ้น
ระหว่างนั้นผมก็ขนปลาที่มีมากเกินไป กลับที่ฝังและเจรจาขายให้กับพวกพ่อค้า แต่ผมไม่ต้องการระบบการผูกมัดการค้า แบบที่พวกนี้ชอบทำ เลยจะใช้วิธีกระจายสินค้าให้กับทุกคน แม้แต่นักผจญภัยผมก็จะขายให้ ใคร
มีเงินเท่าไรผมก็จะขายให้ตามจำนวนเงินที่มี แน่นอนว่าราคาถูกกว่า ถ้านำออกไปขายอีกทอด ก็จะได้กำไรเกือบเท่าตัว ส่วนพ่อค้าผมจะกำหนดไว้ว่าจะได้คนละเท่าไร เพราะถ้าวัดเรื่องเงินพวกพ่อค้าจะมีเงินทุนสูงพอจะเหมาทั้งหมดได้
งานนี้พวกพ่อค้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรหรอก แต่ไม่สามารถโต้เถียงได้ เพราะฝ่ายนักผจญภัยมองผมเป็นผู้มาโปรดสัตว์ไปแล้ว ขืนมีปัญหาก็จะกลายเป็นศัตรูกับนักผจญภัยทันที เลยต้องยอมรับเงื่อนไขของผมไปแบบไม่มีทางเลือก
พวกนักผจญภัยต่างยอมหมดตัว ซื้อปลาจากผมไปจนเต็มกระเป๋ากันทุกคน ใครไม่มีเงินก็มีการกู้จากพ่อค้าไปก่อน แต่เพราะกระเป๋าที่เต็มแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลจะต้อง
อยู่ล่ามอนสเตอร์ที่นี้ต่อ ในไม่ถึงชั่วโมงพื้นที่ในชั้น 9 ก็ร้างปราศจากผู้คน มีเพียงแต่พวกผมเท่านั้นที่ยังอยู่ที่นี้
“โรมะ! นี้ใช่วิธีใช้เงินทำงานให้อย่างที่นายเคยสอนหรือเปล่า”
อาเดไลท์ที่อยู่กับผมตลอดช่วงการค้าขาย ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้วล่ะ ในเมื่อเราขนไปไม่หมด ก็ใช้คนอื่นขนแทน ส่วนต่างของราคาที่พวกเราได้น้อยลง ให้คิดว่าเป็นส่วนของค่าโลจิสทิก(ค่าขนส่ง เช่น จะขนปลาจากท่าเรือไปตลาด ก็ต้องใช้รถขน ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่าย ตรงส่วนนี้จะเรียกว่าค่าโลจิสทิก) ในกรณีนี้ก็เหมือนเราใช้เงินออกไปในส่วนนั้น และให้เงินที่จ่ายออกไปทำงานให้โดยเราไม่ต้องเหนื่อยแรง”
“จริงด้วย ถ้าทิ้งไว้ก็เสียเปล่า สู้จ่ายเงินออกไปและรับเงินกลับมาอย่างแน่นอนดีกว่า”
“เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ อาเดไลท์นี้ก็เรียนรู้เร็วเหมือนกันนะเนี่ย”
“นายเนี่ยฉลาดกว่าพวกพ่อค้าอีกนะ”
“ไม่หรอก”
ใช่ ไม่ได้กว่าฉลาดหรอก แค่ความรู้จากโลกเดิมของผมเท่านั้นเอง อีกอย่างพ่อค้าไม่ต้องฉลาดหรอก แต่คิดเลขเป็นใครๆ ก็เป็นพ่อค้าได้ แต่พ่อค้าที่เก่งจะต้องเจ้าเล่ห์และรู้จักใช้เงิน ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ผมถนัดทั้งนั้น
จริงๆ ผมยังเล็งผลเรื่องราคาตลาดไว้ด้วย การที่มีสินค้าปริมาณมากออกป้อนเข้าตลาด ราคาสินค้าย่อมต้องตกลง ถึงมองในแง่ผลกำไรขาดทุนแล้ว ผมจะมีแต่
เสียกับเสีย แต่ในระยะยาว ปลาจะถูกนำเข้าสู่ระบบ และราคาจะลดลงจนทำให้คนทั่วไปก็ซื้อหาได้ เมื่อมีคนบริโภคเยอะ ความต้องการก็เยอะตาม แล้วใครกันล่ะที่จะเป็นคนหาปลามาป้อนเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากได้…ฮิๆๆ
“โรมะนายทำหน้าได้ชั่วร้ายมากเลยนะ”
อาเดไลท์เตือนขึ้นมา ผมเลยต้องรีบปรับอารมณ์และสีหน้าซะใหม่
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็จัดการปัญหาของล้นตัวไปได้แล้ว มาวางแผนต่อจากนี้กันเถอะ”
กระเป๋าของพวกผมตอนนี้อยู่ในสภาพ 90% ทุกคน เลยยังไปกันต่อได้
“พวกคุณถ้าจะกลับกันเลย เดี๋ยวผมจะไปส่งให้เอง”
ผมบอกกับพวกโบสถ์ใหญ่ เพราะเควสของพวกเขาจบลงแล้ว เลเวลก็ได้มากกว่าที่กำหนดไว้ซะอีก โดยที่ตอนนี้ทุกคนมีเลเวล 34 โดยเฉลี่ย กลุ่มของผมเองก็ด้วย ฟรานก็เลเวลตันที่ 30 ขนาดพวกเลเวลอัพช้าอย่างเอร่าตอนนี้ก็ยังเลเวล 30 แล้วเหมือนกัน ผมเองเลเวล 31 แล้ว
พวกโบสถ์ใหญ่ขอเวลาประชุมกันอีกรอบ ก่อนที่กรอเรียจะเป็นตัวแทนบอกข้อสรุปให้ฟัง
“ขะ ขอให้พวกเราตามคุณโรมะไปต่อได้ไหมคะ”
“เรื่องนั้นผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
ผมคิดว่ามีพวกนักบวชไปด้วยก็ดี เวลามีอะไรขึ้นมาพวกเวทรักษาจะมีประโยชน์มาก ส่วนเหตุผลที่จะขอตามผมไปด้วยนั้น ก็มีทั้งอยากได้ประสบการณ์จากการต่อสู้
บ้าง อยากเรียนรู้วิธีทำงานของผมบ้าง แต่หลักๆ นั้นก็คืออยากจะกินอาหารที่พวกผมทำอีก
แต่ตอนนี้ผมต้องเปลี่ยนอาชีพให้กับคนที่เลเวล 30 ก่อน จริงๆ ไม่ควรให้ใครรู้ แต่ไหนๆ พวกโบสถ์ใหญ่ก็ไม่ได้นับถือเทพอยู่แล้ว ถึงรู้ไปพวกนี้ก็คงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก นอกจากอยากรู้ว่าผมได้มาได้อย่างไง
ตอนนี้คนที่เปลี่ยนอาชีพตอน 30 ได้นอกจากกลุ่มโบสถ์ใหญ่แล้วก็มี
มอเรีย Lv 50 พอดี อาชีพที่เธอเปลี่ยน เป็นอาชีพขั้นสูงสุดของสายมือสังหาร หรือก็คืออาชีพ Assassin เดเม่ Lv33 อาชีพที่เลือกป็นอาชีพเบื้องต้นอันที่สอง เป็นอาชีพเสริมการโจมตีระยะไกล Shooter ยูริน Lv 33 เลือกอาชีพเบื้องต้นอันที่สอง
เหมือนกัน เป็นอาชีพ Alchemist กิน Lv 35 เธอเลือกอาชีพขั้นกลางต่อจากชาแมน เป็น Soul speller เอสเตอร์ Lv 31 เป็นคนที่เลือกอาชีพที่ผมผิดคาดที่สุด เพราะเธอเลือกอาชีพเบื้องต้นอันที่สองเป็น Hunter โรสลิน Lv 31 เธอเลือกอาชีพทเบื้องต้นอันที่สอง เป็นนักร้อง ถึงตอนแรกเธอจะลังเล แต่ผมให้เลือกตามที่ชอบ เอร่า Lv 30 ก็ยังคงมุ่งมั่นอย่างผิดๆ เธอเลือกอาชีพชั้นกลางมา เป็น High Summonner อาเดไลท์ Lv 31 เป็นอีกคนที่มุ่งมั่นแบบแปลกๆ เธอเลือกอาชีพขั้นกลางมา เป็น Battle dancer
ฟราน Lv30 ได้เปลี่ยนอาชีพตามคำแนะนำของเรโมริก้า อาชีพขั้นกลาง Blood Queen
แต่ว่าหลังจากเปลี่ยนแล้ว ก็ต้องผิดหวังไป เพราะตอนแรกตั้งใจจะขยาย Lvmax ของฟรานให้เพิ่มขึ้น ซึ่งวิธีเพิ่ม Lvmax ทำได้หลายทาง ส่วนใหญ่แล้วจะเพิ่มตามอายุ ส่วนวิธีที่เร็วที่สุดคือการเปลี่ยนอาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์หรือการข้ามขีดกำจัดตัวเองไป ซึ่งกรณีนี้พวกผมใช้วิธีเปลี่ยนอาชีพให้ฟรานนั้นเอง แต่มันไม่ได้ผล เลเวลสูงสุดเธอยังอยู่แค่ที่ 30 อาจเพราะอายุของฟรานยังน้อยเกินไป ขีดกำจัดของเธอเลยยังได้เพียงเท่านี้
ส่วนของผม Lv 31 อาชีพที่เปลี่ยน…โจร
ตอนที่ 101 เรื่องฉุกเฉินที่ชั้น 10
ที่ผมเลือกอาชีพพื้นฐานที่สองเป็นโจรมา ไม่ใช่เพราะจะหันเหชีวิตตัวเองไปเป็นมิจฉาชีพหรอกนะ แต่มันจำเป็นต่างหาก อาชีพขั้นสูงที่ผมเล็งไว้ จำเป็นต้องใช้อาชีพพื้นฐาน 3 อย่าง ถึงจะเปลี่ยนเป็นอาชีพนั้นได้ ตอนนี้ถึงจะได้มาสองแล้ว แต่หนทางยังอีกยาวไกลล่ะ เพราะต่อไปต้องรอตอนเลเวล 50 ถึงจะได้อาชีพอันที่สามมา และรอต่อไปอีกจนถึงเลเวล 75 ถึงจะได้อาชีพขั้นสูงที่เป็นเป้าหมาย
แต่อาชีพโจรก็มีดีอยู่เหมือนกันนะ อย่างสกิลเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว สกิลตรวจสอบเงินในตัวเป้าหมาย สกิลเก็บไอเท็มดรอปที่อยู่ในระยะ 10 เมตร ให้มาอยู่ในกระเป๋าทันที
นอกจากนี้ผมยังได้สกิลของ Treasure hunter มาเพิ่มอีกสอง สกิลตรวจจับและทำลายกับ
ดัก กับสกิลปลดล็อค ทำให้การอยู่ในดันเจี้ยนปลอดภัยขึ้นเยอะ ขนาดบอกได้เลยว่า ถ้ามีผมอยู่ด้วย ในปาร์ตี้จะไม่มีคนตายอย่างแน่นอน
สกิลส่วนใหญ่ของผมก็ขึ้นมาเป็นระดับ 4-5 กันหมดแล้ว เพราะผมใช้สกิลอยู่แทบตลอดเวลา โดยเฉพาะมองทะลุเนี่ย ถ้ามาน่าไม่ใกล้หมดก็ไม่หยุดใช้เลยล่ะ
ด้านราก้าที่ตอนนี้ตัดสินใจจะทำงานกับผมแล้ว ในฐานะลูกจ้างล่ะนะ เลเวลของเธอตอนนี้อยู่ที่ 32 แต่ยังไม่ขอเปลี่ยนอาชีพ เพราะจะรอกลับออกไปก่อน และดูว่ามีงานอะไรให้เธอทำได้บ้าง และค่อยเปลี่ยนอาชีพให้เข้ากับงานที่ทำ
ส่วนเนปฟ่ากับซีเอ้เลเวล 34 แล้ว เนปฟ่าเปลี่ยนอาชีพจาก Magic caster เป็น Wich ของ
ซีเอ้จะเหมือนของพวกนักบวช คือจาก Acolyte เป็น Priest พวกสายฮีลเนี่ย ดูเหมือนจะมีตัวเลือกไม่มากเท่าไร
แต่ข้อดีของการเป็น Priest คือการที่สามารถขอเข้าศึกษาเวทมนต์ได้จากศาสนาจักรทุกแห่งได้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นนักบวชในสังกัดก็ตาม มันเป็นข้อตกลกร่วมกันที่มีมานานแล้ว แต่เพราะซีเอ้ไม่ได้ขึ้นสังกัดกับที่ไหน จะเรียกว่าเป็นนักบวชพเนจรก็ได้ เลยจะไม่ได้รับเงินเดือนแบบพวกโบสถ์ใหญ่
หลังจากมื้อเช้าแล้ว ผมก็บอกกำหนดการไป โดยวันนี้จะยังอยู่ที่ชั้นนี้ก่อน เพราะต้องรอให้ยูรินจัดการหลอมสกัดแร่ให้เสร็จซะก่อน ส่วนคนอื่นๆ ผมก็อยากจะให้สู้กับมอนสเตอร์ชั้นนี้ เพื่อจะได้ปรับตัวให้ชินกับอาชีพใหม่ และพลังที่เพิ่มขึ้นมา
เนื่องจากเลเวลพุ่งขึ้นมาพรวดๆ ในช่วงข้ามขืน แถมเป็นแบบไม่ได้ลงมือเอง ค่าเก่งที่ได้มาเลยเป็นตัวเลขที่ใช้วัดความสามารถจริงๆ ยังไม่ได้ ทุกคนเข้าใจดีเลยไม่มีใครโต้เตียงอะไรและทำตามอย่างเคร่งครัด
พอจัดเป็นสองทีมได้แล้ว พวกผมก็ออกล่ากันทันที โดยทีมหนึ่งจะเป็นทีมล่า ส่วนอีกทีมจะอยู่เฝ้าที่พัก
เพราะไม่มีนักผจญภัยและพ่อค้าอยู่ในชั้นนี้แล้ว มันเลยโล่งสุดๆ และอุดมไปด้วยมอนสเตอร์ให้พวกผมล่ากันอย่างมันมือ
ด้วยที่ความสามารถสูงขึ้น ทำให้ความยากในการล่าชั้นนี้ดูจะง่ายกว่าพวกศพซะอีก และเพราะไม่ได้เป็นการล่ากันแบบจริงจัง แค่มาทดสอบสกิลหรือวัด
กำลังของตัวเอง เลยจะใช้วิธีสู้ตัวต่อตัว และลองอะไรไปเรื่อยๆ ไม่ได้รีบ
ตอนนี้ไม่ใช่แค่พวกสาวๆ แล้ว แต่แม้พวกโบสถ์ใหญ่ก็มองผมด้วยสายตาเป็นประกาย เพราะการทำงานแบบเป็นระบบระเบียบมีแบบแผน ซึ่งพวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน เลยประทับใจแบบสุดๆ และการที่พวกเขาปลอดภัยแถมยังรู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้นมากว่าเดิมมาก ก็เพราะได้ทำตามระบบที่ผมได้วางเอาไว้
และด้วยอาหารของผม ก็เพียงพอแล้วที่จะมอมเมาพวกเขาให้ตกเป็นทาสอย่างสมบูรณ์
การหลอมสกัดกว่าจะเสร็จก็เข้าช่วงบ่ายแล้ว แต่ผลลัพธ์มันก็น่าตะลึงเหมือนกัน เพราะได้แร่หายากไปจนถึงแร่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพียบเลย แต่เรื่องวิจัยทดลองไว้กลับไปที่บ้านก่อนค่อยว่ากัน
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็มุ่งหน้าไปที่ชั้น 10 ทันที โดยอยากไปให้ถึงก่อนช่วงเย็น เพราะผมว่าจะไปตั้งค่ายพักที่นั้น เพราะมีปาร์ตี้ของโกร่าอยู่ด้วย ผมเลยว่าจะทำอาหารเลี้ยงพวกนั้นด้วย เพราะนี้ก็ลงมากันหลายวันแล้วคงอยู่ในสภาพหิวโซสุดๆ อาหารแห้งตามปกติ มันช่วยแค่กินกันตายเท่านั้นแหละ
แต่จะว่าไงดีล่ะ…ระหว่างที่เดินทางกัน ผมหันไปหวดซอมบี้ตัวหนึ่งที่หลุดเข้ามา พอมันตายก็ดันดรอปดาบซอมบี้สเลเยอร์ออกมา เล่นเอาใบ้กินกันทั้งปาร์ตี้เลย
พอหันไปถามในปาร์ตี้ว่ามีใครจะเอาไหม ก็พากันส่ายหน้าหมด เพราะทีมของผมส่วนใหญ่ใช้ของดีและเหมาะมือกันอยู่แล้ว ส่วนอัศวินจากโบสถ์ใหญ่ก็ไม่
กล้ารับ เพราะราคามันแพงเกินไป ผมเลยเก็บเอาไว้ก่อน คงต้องเอาไปทิ้งไว้ในงานประมูล
พวกผมผ่านชั้น 9 มาได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีใครได้แผลเลยด้วยซํ้า เหมือนว่าพอค่าพลัง โดยเฉพาะค่า Dex เพิ่มขึ้น จะทำให้เห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้น กระทั่งการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ก็ยังเหมือนภาพสโลโมชั่น นี้ขนาดตัวผมเน้นไปที่ค่า Int เยอะ เทียบกันแล้ว ค่า Dex น้อยสุดเลย ยังเห็นความต่างระดับนี้ แล้วอย่างคนอื่นที่เน้นค่า Dex จะไม่ยิ่งกว่านี้เหรอเนี่ย
แต่มอเรียก็อธิบายให้ฟัง ว่าถึงค่า Dex จะสูง แต่ถ้าค่า Agi ตํ่ากว่ามากๆ ก็จะเคลื่อนไหวตามการมองเห็นไม่ทัน ตรงกันข้ามถ้าค่า Agi สูงแต่ Dex ตํ่า ถึงจะเคลื่อนที่ได้เร็ว แต่ก็มีโอกาสมองการโจมตีอีกฝ่าย
ไม่ทัน จนโดนสวนกลับทีเดียวตายได้ ฉะนั้นส่วนใหญ่เลยจะหาอุปกรณ์หรือสกิลมาทดแทนค่าพลังที่ตัวเองขาดไป
ส่วนค่า Int ผมไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์ของมันเท่าไร ถ้าว่าฉลาดขึ้นไหม ก็ไม่เลย แต่สมองโล่งขึ้น มีสมาธิดีขึ้น แบ่งความคิดไปทำหลายๆ เรื่องได้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทำไม่ได้ บางครั้งความคิดผมไปเร็วกว่าการเคลื่อนไหวอยู่สองถึงสามขั้น สามารถจัดแจ้งและแบ่งการกระทำได้โดยไม่สับสน สรุปคือ มันไม่ได้ไปเพิ่มความรู้ในสมองหรอก แค่ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้นมากกว่า ซึ่งก็เหมาะกับจอมเวท ที่ต้องใช้สมาธิและความจำมากในการใช้เวท แต่บังเอิญผมไม่ถนัดเวทมนต์เท่าไร แค่ Wall อย่างเดียวยังรู้สึกใช้ได้ไม่ดีเท่าไรเลย
พอมาถึงทางลงไปชั้น 10 ก็เป็นเวลาเย็นพอดี ซึ่งถือว่าทำเวลาได้ไม่เลวเลย แต่พอลงไปได้ครึ่ง
ทาง พวกผมก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมา บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่บอสเกิดพอดี เลยให้ทุกคนเร่งฝีเท้าขึ้น
พวกโกร่าเก่งขนาดเฝ้าห้องบอสได้ ผมเลยไม่กังวลเท่าไร ที่รีบลงไปดูเพราะอยากจะเห็นการต่อสู้กับบอสของชั้นนี้กับตา มันถือเป็นประสบการณ์ที่หายาก
ทว่าพอลงมาถึงผมก็ต้องตกใจ เพราะสภาพมันไม่ต่างจากสงครามเลย พวกโกร่ากำลังโดนล้อมจากกองทัพอันเดดที่ Lich เรียกออกมา โดยเฉพาะพวกโซลไฟเตอร์กับโซลสเปกเตอร์มีเยอะมาก ในกลุ่มโกร่าไม่มีนักบวชด้วย การสู้กับพวกนี้เลยค่อนข้างเสียเปรียบ
แต่ในทางตรงกันข้าม พวกโกร่าก็เป็นคนกลุ่มเดียวที่ฆ่าพวกวิญญาณได้ด้วยอาวุธ สกิลของพวก
เธอมีความรุนแรงขนาดฉีกร่างวิญญาณได้เลย ซํ้ายังมีบลูมที่เป็นช่างอาวุธ ทำให้อาวุธของทุกคนมีพลังเวทมนต์ติดอยู่ด้วย เห็นยูรินบอกว่าต้องมีสกิลที่สืบทอดกันมาของตระกูล ถึงจะทำการบรรจุพลังเวทมนต์ลงไปในอาวุธได้
ถึงอย่างนั้นจำนวนของศัตรูก็มีเยอะกว่าถึงห้าเท่า และยังมีเจ้า Lich ที่ผมยังไม่เห็นตัว เสกลูกน้องออกมาเรื่อยๆ พวกโกร่าที่สังเกตเห็นผม รีบตะโกนไล่ให้กลับขึ้นไปทันที ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของพวกเธอจะเสียเปรียบอยู่จริงๆ
“ทุกคน รีบเข้าไปช่วยกันเถอะ”
โดยไม่ต้องบอกอะไรมาก ทุกคนก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ดอเรียกับฟรานพุ่งออกไปพร้อมกัน และปล่อยสกิลกวาดเอาพวกทัพมอนสเตอร์ล้มลง
ระเนระนาด เหลือเพียงแต่พวกร่างวิญญาณที่การโจมตีโดยตรงใช้ไม่ได้ผล
แต่เท่านี้ก็ลดเป้าให้กับพวกเหล่านักบวชได้แล้ว กรอเรียนำพวกนักบวชรวมถึงซีเอ้ยิงเวทชำระล้างวิญญาณใส่ มอนสเตอร์จำนวนมากตายไปพร้อมๆ กันจนเกิดเป็นม่านละอองแสงขึ้นมา
ผมไม่มีเวลามาชื่นชมความงามตอนนี้ เพราะยังเหลือศัตรูอีกมาก
“โกร่า! ไปจัดการ Lich เถอะ ทางนี้ผมจัดการให้เอง”
“…เข้าใจล่ะ ขอบใจมากนะ”
โกร่าทำท่าลังเล แต่พอเห็นฝีมือของพวกผมที่จัดการมอนสเตอร์ได้อย่างง่ายดายแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้อง
โต้เถียงกันอีก เธอนำปาร์ตี้ของเธอไปหา Lich ทันที และผมก็ส่งซีเอ้กับเนปฟ่าตามไปด้วยเป็นกำลังเสริมไว้รักษาคนบาดเจ็บ
ส่วนพวกผมที่เหลือก็สู้แบบดึงความสนใจ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องฆ่าให้หมด แค่ถ่วงเวลาให้ Lich ถูกกำจัดไป เดี๋ยวพวกนี้ก็จะสลายหายไปเอง
เวทชำระล้างวิญญาณมีผลกับมอนสเตอร์วิญญาณ ขนาดจัดการได้ในทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลเสีย เพราะมันกินพลังมาน่าที่เยอะ ทำให้ใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็หมดแรงกันแล้ว
ผมที่รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เลยให้พวกนักบวชยิงเวทไปแค่สองชุดพอ และเก็บชุดสามเอาไว้ใช้ตอนที่แนวรับของพวกผมพัง และให้สำรองมาน่าไว้ใช้กับการฟื้นพลังเป็นหลัก
แต่โชคร้ายของพวกมอนสเตอร์ เพราะแนวรับของพวกผมแข็งโป๊ก แค่ดาเซสกับมิรินสองคน ก็ต้านพวกกองทัพมอนสเตอร์ได้แล้ว ไม่ใช่แค่ต้าน แต่ยังสังหารมันลงไปเรื่อยๆ จำนวนที่ตายไปราวกับใบไม้ร่วงเลยทีเดียว และยังมีซาคุยะที่รอใช้ระเบิดกัมปนาคใส่พวกที่ทำท่าจะล้อมพวกผมไว้ ทำให้พวกนั้นรักษาแนวรบไว้ไม่ได้ กลับเป็นแนวรับของพวกผมที่รุกคืบไล่บี้พวกมันแทน
“…เอ่อ รู้สึกผิดวัตถุประสงค์อย่างไงไม่รู้สิ”
ผมยืนเกาหัวแกร่กๆ เพราะไม่ค่อยมีส่วนร่วม หรือต้องบอกว่าไม่มีอะไรให้ทำ แถมจริงๆ ที่ผมสอนรูปแบบการตั้งขบวนแบบต่างๆ ให้ เพราะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานต่างกัน อย่างตอนนี้จริงๆ เน้นตั้งรับพลางถอยหนีไปอย่างช้าๆ แต่พอมาให้พวกสาวๆ ใช้ ไม่ว่า
รูปแบบขบวนแบบไหน ก็กลายเป็นรูปแบบเชิงรุกไปซะหมด
จากจำนวนที่มากกว่า มาตอนนี้กลับเหลือจำนวนพอๆ กันแล้ว ผมเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาอะไรอีก เลยให้พวกนักบวชทำการปิดฉากด้วยเวทชำระล้างวิญญาณไปซะเลย
เนื่องจากจบเร็วอย่างแสนน่าเบื่อ ผมเลยจะตามไปช่วยพวกโกร่าต่อ แต่ระหว่างทางก็เจอพวกนั้นวิ่งสวนมาเจอกันพอดี ดูเหมือนว่าLich จะถูกจัดการไปแล้วหลังพวกผมไม่นาน
แต่ฝ่ายที่ตะลึงกับเป็นพวกโกร่า ที่พวกผมสามารถกำจัดกองทัพมอนสเตอร์กว่าร้อยตัวได้ ไม่นับเรื่องเวลาที่แทบจะบันทึกเป็นสถิติได้เลย
ส่วนพวกผมกลับคิดเหมือนกันว่า เท่านี้เทียบกับตอนโดนกองทัพศพล้อมเมื่อคราวก่อนไม่ได้เลยสักนิด
ระหว่างที่โกร่าพาผมไปที่ตั้งค่ายของพวกเธอ ผมก็ถามความเป็นมาเป็นไปด้วย เพราะไม่คิดว่าพวกเธอจะเสียเปรียบจนเหมือนจะพลาดท่าได้แบบนี้
ซึ่งพอถามถึงโกร่าก็แสดงท่าทีโมโหออกมาทันที แต่ไม่ได้โมโหผมหรอก
“พูดแล้วน่าโมโห ที่พวกข้าอ่อนแรงจนเกือบตายกันแบบนี้ ก็เพราะเจ้าพวกอาร์คบิชอปนั้นแหละ!”
“พวกนั้นทำไมเหรอ?”
ผมถามพลางดูท่าทีของพวกโบสถ์ใหญ่ในกลุ่มผมไปด้วย แต่ทุกคนทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดแทน คงพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็มันมาไถ่เสบียงของพวกข้าไปน่ะสิ ไม่พอ ยังมาดึงตัวคนในปาร์ตี้ไปอีก”
พอโกร่าบอกผมก็สังเกตเห็นว่าจำนวนคนของเธอ ลดลงไปกว่าตอนแรกที่ลงมาจริงๆ
“พอไม่ยอม พวกมันก็ขู่ใช้กำลังอีก”
ทีโมทีเองก็ถอนหายใจออกมาแบบไม่พอใจ ส่วนคายุนนั้นปิดปากเงียบ ซึ่งสำหรับเธอแล้วนั้นคือตอนโมโหแบบสุดๆ อยู่
ดูจากสถานการณ์แล้ว ทางพวกอาร์คบิชอปก็คงไม่ค่อยดีเท่าไร ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นมาไถ่เสบียงแนวหลังแบบนี้หรอก
“ทีแรกพวกข้าคิดจะยกเลิกเควส แล้วยอมเสียค่าปรับไป แต่คิดไปคิดมา ไม่ใช่แค่พวกอาร์คบิชอป แต่ยังมีพวกนักผจญภัยพวกพ้องของเราอยู่ข้างล่างนั้นอีก ขืนปล่อยให้มีบอสอยู่ตอนกลับขึ้นมา พวกนั้นคงไม่เหลือแรงจะสู้หรอก”
บลูมอธิบายให้ฟัง แต่เธอก็มีสีหน้าไม่ดีเลย เพราะการตัดสินใจครั้งนี้เกือบจะทำให้ทุกคนตายหมดแล้ว ดีที่พวกผมมาช่วยได้ทัน
พอมาถึงค่ายพักของพวกโกร่า ก็อย่างที่เธอบอกไว้จริงๆ แทบไม่เหลืออะไรให้กินเลยนอกจากนํ้าดื่ม
“ทุกคนไปพักเถอะ เรื่องเสบียงไม่ต้องห่วง”
ใช่ ไม่ต้องห่วงสักนิด ก็ในกระเป๋าพวกผมน่ะ มีแต่เสบียงอัดจนแน่นอยู่แล้วไงล่ะ มากพอจะเลี้ยงกองทัพใหญ่ๆ ได้เลย
แต่ด้วยที่ทุกคนหิวมาก ผมเลยว่าจะทำอะไรที่ง่ายๆ และกินได้เลย เลยว่าจะทำบาบิคิวซีฟู๊ด แค่ผมนำเตาย่างออกมา พวกฟรานก็หันควับมามองด้วยตาเป็นประกายทันที
“บาบิคิว!”
พวกสาวๆ ที่รู้จักบาบิคิวประสานเสียงกันทันที ส่วนคนที่ไม่รู้จักพากันทำหน้างงๆ
“นายท่าน! มีอะไรให้หนูช่วยบ้างคะ!”
ฟรานรีบเข้ามาเสนอตัวทันที ทั้งๆ ที่ปกติมีแต่เดเม่ที่ช่วยผมทำอาหาร
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ช่วยไปเตรียมโต๊ะและจานทีนะ”
พอผมบอกพวกฟรานก็รีบตรงเข้าไปที่กระเป๋า และดึงเอาโต๊ะออกมาตั้ง และเตรียมจานสำหรับทุกคน เสร็จแล้วก็กลับมายืนเฝ้าหน้าเตาไม่ยอมไปไหนเลย
ส่วนผมที่กำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่ ก็เกือบจะเสร็จแล้ว เพราะแค่นำเอาพวกอาหารทะเลออกมา และใช้คลีนนิ่งล้างให้สะอาด ก็ถือว่าเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือผมก็นำปลาหมึก กุ้ง หอย มาเรียงกันถาดแบบหยาบๆ ก่อนจะใช้สกิลสับปลอกของพ่อบ้านสมบูรณ์แบบ
ภาพที่เนื้อปลาหมึกถูกกรีดพร้อมกันเลาะเอากระดูกออก เรียกเสียงฮือรอบแรกได้ แต่กุ้งที่ถูกปลอกเปลือกออกจนเหลือแต่ส่วนเนื้อที่ติดกับหัว เรียกเสียงได้ดังกว่า และตอนที่ฝาหอยดีกระเด็นขึ้นไปพร้อมๆ กัน ทุกคนก็พากันตบมือกันหมด
ปลาหมึกกับกุ้ง ผมไม่ต้องปลุกอะไร เพราะกินสดๆ ก็อร่อยอยู่แล้ว แต่หอยต้องปรุงหน่อย โดยเหยาะเอาซอสโซยุกับบีบมะนาวใส่ลงไปหน่อย และนำไปย่างบนเตาได้เลย ส่วนปลาหลังจากที่จัดการเลาะเกร็ดผ่าไส้แล้ว ก็ได้เดเม่มาช่วยเสียบไม้ให้ ใครจะกินก็แค่หยิบไปย่างทั้งไม้ได้เลย ส่วนนํ้าจิ้มซีฟู๊ดผมทำเผื่อไว้แล้วหลายขวด เลยไม่ต้องเสียเวลาทำ
แค่กลิ่นตอนย่างก็เรียกเอาพวกโกร่าที่กำลังนอนพักอยู่ เดินตามกลิ่นออกมากันราวกับกองทัพซอมบี้
“โกหกใช่ไหม นี้มันปลาไม่ใช่เหรอ”
“อืม ทางนี้ย่างเสร็จแล้ว มาหยิบไปได้เลยนะ”
ผมชี้ไปอันที่ย่างแล้ว ระหว่างนั้นเดเม่ก็ค่อยอธิบายการกินบาบิคิวให้กับคนอื่นๆ ไปด้วย
ส่วนผมก็หยิบเอาถังเบียร์ออกมาตั้งสองถัง กับเหล้าอีกหน่อย พอประมาณไม่ให้เมาปลิ้นกัน พวกโกร่าที่เป็นคอสุราอยู่แล้ว พอเห็นเข้าก็แทบจะร้องไห้กัน เพราะพวกเธอไม่สามารถแบกของแบบนี้มาด้วยได้ เวลาลงดันเจี้ยนเลยเป็นช่วงเวลางดเหล้าเข้าพรรษาไปในตัว
พวกโบสถ์ใหญ่ไม่คุ้นกับการยืนกิน เลยไปรวมกลุ่มกันนั่งที่โต๊ะ ซึ่งที่โต๊ะส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่จับกลุ่มซดเหล้ากันอยู่แล้ว พวกนั้นเลยถูกจับให้ดื่มไปด้วย แต่บรรยากาศดูน่าสนุกดี
ปาร์ตี้ของโกร่าคงอยู่ในสภาพตรึงเครียดมานาน พอได้ทั้งอาหารและเหล้าเข้าไป เลยเหมือนได้ระเบิดความเก็บกดออกมา พวกเธอเลยทั้งกินทั้งดื่มและหัวเราะกันอย่างสุดเหวี่ยง
ระหว่างนั้นผมก็เตรียมเสบียงให้กับโกร่า เพราะพวกเธอยังต้องอยู่ที่นี้กันอีกหลายวัน ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารง่ายๆ ที่อยู่ท้องและให้พลังงาน ที่เตรียมให้ก็มีข้าวปั้น แกงกระหรี่พร้อมข้าวอย่างล่ะหนึ่งหม้อ พิซซ่า ที่เหลือก็เป็นพวกวัตถุดิบสำรองไว้ให้ทำกินกันเอง และทิ้งเบียร์ที่เหลือถังสุดท้ายไว้ให้ ส่วนนํ้าผมก็ไปเติมไว้ให้จนเต็มด้วยสกิลพ่อบ้าน
มื้อนี้ของหวานจริงๆ ต้องเป็นพุดดิ้งตามที่พวกสาวๆ ตั้งกฎไว้ แต่คราวนี้ผมขอ เพราะขืนให้พวกโกร่าได้กินพุดดิ้ง มีหวังผมโดนพวกเธอจับมัดไว้จริงๆ แน่
เลยทำแค่พวกผลไม้รวมมิตรในนํ้าเชื่อมที่ใส่นํ้าแข็ง แต่แค่นี้ก็เล่นเอาผมเสียวสันหลังวาบตอนถูกพวกโกร่าจ้องแล้ว
แต่เพราะผมต้องทำนู้นทำนี้อยู่ตลอดเวลา เลยไม่ว่างไปนั่งกินกับทุกคน พวกสาวๆ เลยแวะเวียนมาป้อนอาหารให้ผมกัน ภาพที่เห็นมันบาดตาจนพวกนักผจญภัยชายในกลุ่มโกร่า พากันนั่งกัดฟันกันดังกรอดๆ แต่ยังดีที่สำนึกว่าที่ผมทำอยู่เนี่ย ก็เพื่อพวกเขาทุกคน เลยไม่มีใครปริปากบ่นอะไรออกมา
หลังกินกันเสร็จแล้ว ผมก็ขอคุยกับพวกกรอเรีย เพราะอยากจะให้พวกเธออยู่ช่วยโกร่าที่นี้ ทางกรอเรียเองก็ตอบรับทันที เพราะเธอเองก็รู้สึกผิด ที่พวกโกร่าลำบากก็เพราะคนจากโบสถ์ใหญ่อย่างพวกเธอ เลยอยากจะทำอะไรเพื่อชดใช้ความผิดนั้น ถึงผมจะมองว่า
ไม่เกี่ยวกันก็เถอะ แต่ดีที่พวกเธอยอมช่วย ส่วนขากลับผมจะกลับมารับไปพร้อมกัน
ทางโกร่าเองก็ส่งตัวแทนกลับออกไป เพื่อไปแจ้งต่อทางกิลแล้ว ว่าพวกเธอจะถอนตัวให้จัดหาปาร์ตี้ใหม่ลงมาเฝ้าห้องบอสไว้แทน แต่คงต้องใช้เวลาสักสองวัน เพราะจะหาปาร์ตี้ที่เก่งแบบโกร่าไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีต้องไปหยิบยืมตัวมาจากเมืองใกล้ๆ แทน
วันนี้ได้กินอิ่มท้องแถมยังได้ซดเบียร์ซดเหล้าอีก พวกโกร่าเลยหลับกันตั้งแต่หัววัน ที่นี้ไม่ต้องมียามเฝ้า เพราะไม่มีมอนสเตอร์จนกว่าบอสจะกลับมาเกิดใหม่ ซึ่งก็อีกหลายชั่วโมงเลย
ขอบคุณมากจ้า หนุกๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบจัดการอลิซาเบธแล้ว โรมะมันได้สกิลป่าวหว่า ไม่เห็นพูดถึง
ตอบลบได้ครับแต่ผมจำไม่ได้ว่าอะไร of troll ซักอย่างมั้งนะ
ลบThank you ^ ^แจ่มเบย
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบรรตอนใหม่น่ะคับ
ตอบลบริกะเนี่ยใช่ผู้หญิงจากตอนเเรกๆป่าวครับที่โดนส่งกลับบ้าน
ตอบลบใช่
ลบ