ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 42 - 44 By Kumao






ตอนที่ 42 การประชุมของบ้านครั้งที่หนึ่ง

พอผมกลับมาถึงบ้านก็เห็นโมอากับเมยอาตื่นก่อนแล้ว พวกเธอกำลังหาบน้ำมาจากน้ำตกทั้งๆ ที่ฟ้ายังมืดอยู่เลย
“อ่ะ นายท่านสวัสดีค่ะ”
โมอาเข้ามาทักทายผมก่อน เมยอาก็ทักต่อแต่ไม่ค่อยเต็มใจเลย
“สวัสดีครับ แล้วก็ทีหลังไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าแบบนี้ก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ! จะให้ตื่นหลังเจ้านายได้อย่างไงกัน”
โมอาท่าทางขึงขังดีจริงๆ ผมเลยยิ้มแห้งๆ เพราะถ้าเอาตามจริงผมไม่เคยนอนเลยตั้งแต่เป็นจอมมาร แล้วแบบนี้เธอจะตื่นก่อนผมได้อย่างไงล่ะ
“อืม ไม่บังคับหรอกนะ แต่เรื่องน้ำน่ะ ไม่ต้องหาบมาหรอก ตามมานี้สิ”
ผมเดินนำไปที่ถังน้ำที่ไว้สำหรับทำอาหาร แล้วผมก็ใช้สกิลพ่อบ้าน ทำให้น้ำเต็มถังได้ในพริบตาเดียว
“ส่วนเรื่องทำความสะอาดก็”
ผมหันไปทางพวกเธอแล้วใช้คลิ่นนิ่งใส่ทำความสะอาดตัวและเสื้อผ้าให้ รวมถึงภายในห้องครัวทั้งหมดด้วย
“ส่วนเรื่องอาหาร ถ้าผมอยู่บ้านผมจะทำเองทุกมื้อครับ”
“…คือฉันตกใจนะคะที่เห็นนายทำได้ทุกอย่างเลย แต่ว่าแล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะคะ”
“ก็กลับไปนอนให้เต็มอิ่มไงครับ”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“ขยันทำงานแบบนี้ผมดีใจนะครับ แต่ว่าที่นี้ถือความสุขของทุกคนมาก่อน เพราะอยู่แล้วไม่มีความสุข ผมก็จะไม่มีความสุข”
“พวกเราเป็นแค่คนรับใช้ นายท่านไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับพวกเราแม่ลูกก็ได้ค่ะ”
“คนรับใช้ก็ถือเป็นคนในบ้านนี้ครับ และทุกคนในบ้านนี้ผมปฏิบัติเหมือนกันหมด ไม่มีข้อยกเว้น”
“นะ นายท่าน…เป็นโชคดีของพวกเราจริงๆ ที่ได้รับใช้นายท่านที่แสนดีแบบนี้”
โมอาถึงกับร้องไห้ออกมาส่วนเมยอามองผมแบบชั่งใจอยู่ คงคิดว่าผมเป็นหมาป่าส่วมหนังแกะอยู่ล่ะมั่ง
“ได้โปรดให้พวกเราช่วยเหลืองานของนายท่านด้วยเถอะค่ะ อะไรก็ได้”
“งะ งั้นมาช่วยผมเตรียมมื้อเช้าล่ะกันครับ”
แต่เพราะผมต้องสอนพวกเธอเอาวัตถุดิบในกระเป๋าออกมา เลยเหมือนจะเสียเวลากว่าตอนทำคนเดียวซะอีก
วันนี้ผมจะทำข้าวต้มปลา อาจจะเบื่อปลากันแล้วก็ได้ ไว้มื้อเที่ยงค่อยเปลี่ยนล่ะกัน แล้วผมเคยเห็นที่โรงแรมจะมีเมนูคล้ายๆ ซุปให้ขนมมาจิ้มกินด้วย ผมเลยเพิ่มขนมปังหันเป็นแผ่นๆ ด้วยเพื่อจิ้มข้าวต้มเพื่อใครชอบแบบนั้น
เหตุผลที่ผมทำข้าวต้นเพราะเมื่อวานเป็นบาบิคิวที่เป็นอาหารหนักท้อง มื้อนี้เลยเป็นอาหารอ่อนอย่างข้าวต้มเพื่อปรับสภาพของกระเพาะ
เดเม่ลงมาแล้ว เวลาเดิมเปะๆ แต่พอเธอเห็นสองแม่ลูกตื่นมาก่อน เธอก็ทำหน้าเมื่อจะร้องไห้ออกมาทันที
ผมเลยต้องเข้าไปอุ้มเธอขึ้นมาปลอบ เพื่อไม่ให้คิดมาก
“เห็นไหม ตื่นเช้าไปมันสร้างปัญหาให้ผมนะ”
ผมหันไปแกล้งว่าโมอา เลยทำให้เมยอาหลุดหัวเราะออกมา
และเพราะมื้อเช้าเป็นข้าวต้มที่ทำง่ายไม่ยุ่งยาก เลยไม่มีอะไรให้เดเม่ช่วยนอกจากจัดโต๊ะ
“ทำได้แค่ยื่นของให้นายท่านเอง รู้สึกเหมือนไม่มีประโยชน์อย่างไงไม่รู้เลยค่ะ”
โมอาทำคอตก แต่เดเม่เข้ามาหาและตอบต้นแขนเบาๆ
“Don’t mind”
แต่ตอนจัดโต๊ะผมเอาจานไปเก็บชุดหนึ่ง เดเม่เลยเอียงคอสงสัย จนกระทั่งทุกคนลงมาถึงแล้ว ก็เลยรู้ว่าใครหายไป
“เอร่าไม่อยู่ที่ห้องค่ะ”
เดเม่รายแต่รู้ว่าผมคงรู้อยู่แล้วล่ะ
อย่างไงก็ต้องบอกอยู่ดี บอกไปเลยล่ะกัน
“เอ่อ ทุกคนคือว่านะ เอร่าน่ะ”
“กลับมาแล้วค่า!!!”
เสียงตะโกนของอาร่าดังลั่นบ้านขณะเปิดประตูหน้าเข้ามา
“อ่ะ ตั้งโต๊ะแล้วเหรอ มาทันพอดีเลย อ้าว? แล้วไหนจานฉันล่ะ เดี๋ยวสิ นี้จะแกล้งอดอาหารเหรอ!”
เอร่าตรงเข้ามาเขย่าแขนผมใหญ่ ผมยืนงงอยู่คนเดียว ในขณะที่ทุกคนแค่คิดว่าเอร่าไปข้างนอกมาเฉยๆ
“…ทำไมเธอมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ”
“ทำไม? เดี๋ยวสิ นี้คิดไม่แค่อดข้าว แต่จะไล่ออกจากบ้านแลยเหรอ!”
“แล้วไม่ใช่ว่าเธอกลับสวรรค์ไปแล้วหรอกเหรอ”
“อืม กลับไปมาแล้ว ไปขนของกลับมานี้ไง”
เธอชี้ไปที่กระเป๋าใบโตที่ข้าวของล้นออกมา
“แล้วจะกลับมาทำไมล่ะเฟ้ย!”
“ก็ที่นี้เป็นบ้านของฉันนี้ นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าพวกเราอยู่ที่นี้ได้น่ะ”
“…มันก็ใช่ แต่เธอไม่จำเป็นต้องกลับมาลำบากเลย”
“ลำบาก? ฉันอยู่ที่นี้สนุกจะตายไป เนอะ”
เอร่าหันไปหาแนวร่วมซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับทันที
“ที่สำคัญ”
เอร่าเขยิบเข้ามาใกล้ และชี้นิ้วไปที่คอของตัวเองที่มีพันธะทาสอยู่
“ฉันเป็นทาสของนายนะ นายท่าน”
ยัยบ้า พลังเทพเธอกลับมาแล้ว แค่พันธะทาสจะเอาออกเองเมื่อไรก็ได้…
“แต่เธอรู้ตัวจริงของฉันแล้วใช่ไหม แบบนั้นแล้วยังจะ”
“ตัวจริงของนาย…ฮิๆๆ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ฉันน่ะรู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราเจอกันแล้ว”
เอร่าเป็นหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมา
“ตัวจริงของนายก็คือก้อนพลังลามกที่มีชีวิตไงล่ะ!ในหัวมีแต่เรื่องลามก ไอ้ตัวลามก ลามกๆๆ”
“ไม่ต้องย้ำเฟ้ย!”
ผมเขกกะโหลกเอร่า เอ๋? หรือว่าพวกสิบเทพจะยังไม่ได้บอกยัยนี้ เป็นไปได้อย่างไง…เดี๋ยวสิ แบบนี้เอง เพราะเอร่าคิดจะกลับมาที่นี้ พวกนั้นเลยไม่ได้บอก เพราะถ้าเธอรู้คงไม่กล้ากลับมาสินะ ไอ้เจ้าพวกนั้น!!เจ้าเล่ห์นักนะ
“อืม กลับมาก็ดีแล้ว งั้นมากินมื้อเช้ากันเถอะ เดเม่ขอชามของเอร่าด้วย”
“ค่ะ!”
เดเม่เดินยิ้มหน้าบานไปหยิบชามมาตั้งให้ ส่วนผมเริ่มตักข้าวต้มใส่ก่อนจะวางขนมปังลงไปที่จานข้างๆและต้องเสียเวลาพอสมควรกว่าจะทำให้โมอาและเมยอานั่งลงได้
“เอ๋ ข้าวต้มเหรอ? เป็นครั้งแรกเลยนะที่เห็นนายท่านทำเมนูเรียบง่ายแบบนี้”
ดาเซสทำหน้าแปลกใจที่มื้อเช้าเป็นแค่ข้าวต้ม แต่มีหลายคนเริ่มไหวตัวทัน และมองข้าวต้มด้วยสีหน้าคิดหนัก
“บางทีก็อยากทำอาหารง่ายๆ ดูบ้างน่ะ”
ผมตอบดาเซสไปพร้อมกับที่เริ่มตักคำแรกกินกัน
“!!!”
ทุกคนทำช้อนตกพร้อมๆ กัน ยกเว้นผมที่ยังตักกินตามปกติ
“มะ ไม่ใช่แล้ว เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ข้าวต้มสักหน่อย!”
“ไม่ ข้าวต้มนั้นแหละ ข้าวต้มธรรมดาเลย”
ผมยืนยันให้
“แต่ทำไมมันอร่อยแบบนี้ได้ล่ะ ข้าวต้มมันจืดๆ ไร้รสชาติแล้วมีแต่น้ำสิ!”
ดาเซสไอ้ที่เธอเคยกินน่ะ ไม่ควรเรียกว่าข้าวต้มเหมือนกันแหละ
“ปะ ปลา มีปลาอยู่ในข้าวต้มด้วย!”
เมยอาตักชิ้นปลาขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด
“หะ หอมมาก มีผักอะไรไม่รู้โรยอยู่ข้างบน แต่หอมมากๆ เลยค่ะ”
ฟรานดมใหญ่ ท่าทางจะชอบต้นหอมแฮะ
โมอาถึงไม่ได้พูดอะไร แต่พอตักข้าวต้มเข้ามาก็จะพยักหน้าหงึกๆ ทั้งน้ำตา แต่พอเห็นเอร่ากับมิรินขอเติม เธอก็ทำหน้าแปลกใจสุดๆ แบบเหมือนมีคำพูดขึ้นมาบนหน้าว่า ‘ของอร่อยแบบนี้เติมได้ด้วยเหรอ!’ผมเลยตอบให้แทนด้วยการตักเติมให้เธอไปด้วย
ผมทำขนมปังปิ้งทาเนยให้มอเรียไปฝากเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วย เวลาผมเอามื้อเที่ยงไปให้เธอ จะได้ไม่โดนมองแบบโดนทิ่มแทงอีก
พอทุกคนกินอิ่มก็จะไปนั่งพักกันที่ห้องนั่งเล่น จนเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งไปแล้ว โมอาและเมยอาที่มาใหม่ ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยงงๆ ทำตัวไม่ถูก แต่ก็ได้ทุกคนลากไปด้วย ผมกับเดเม่พอเก็บจานเสร็จ ก็เดินเข้าไปนั่งกับทุกคนด้วย พร้อมกับเตรียมพูดเรื่องสำคัญออกไป แต่ก่อนอื่นต้องจัดการเรื่องของโมอาและเมยอาก่อน
“โมอา เมยอา เรื่องเงินเดือน ผมจะให้พวกเธอเดือนล่ะ 10,000 รีลต่อคนนะ พอรับได้ไหม”
“นะ นะ หนึ่งหมื่น!!! นายท่านพูดจริงเหรอคะ!”
โมอาทำหน้าเหมือนจะเป็นลมไปแล้ว
“น้อยไปเหรอ?”
“มากไปต่างหากค่ะ!”
“แล้วปกติเธอได้ค่าแรงเท่าไรน่ะ”
“วะ วันล่ะ 50 รีลค่ะ”
“สุดยอดในหลายๆ ความหมายเลยแฮะ แต่ผมจะให้10,000 แล้วไม่ฟังคำโต้แย้งด้วย”
“เดี๋ยวค่ะ!”
เป็นเมยอาที่รีบค้านขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ”
“ถ้าคำนวณตามปกติแล้ว แค่ค่ากินค่าอยู่ที่นี้ก็เกินหนึ่งหมื่นต่อเดือนแล้ว แต่นี้นายท่านยังจะให้เงินเดือนเราสูงขนาดนี้อีก นายท่านกำลังวางแผนอะไรกันอยู่แน่ หรือคิดว่าจะหาเศษหาเลยกับแม่ของฉันแบบเมื่อคืนอีก”
“เดี๋ยวเมยอาไม่ใช่แบบนั้นนะ”
โมอาพยายามอธิบาย แต่เมยอาไม่ฟัง แต่พอเธอหันไปเห็นสีหน้าทุกคนตอนนี้ ก็หน้าซีดทันที เพราะทุกคนโกรธมากที่เธอพูดดูถูกผมเมื่อกี้
“ใจเย็นๆ กันก่อนเถอะ เมยอาไม่ผิดหรอก จู่ๆ ก็ได้รับแต่เรื่องดีๆ มันก็ต้องน่าสงสัยอยู่แล้ว”
ผมน่ะเข้าใจเมยอาดี เธอเป็นคนฉลาดและรู้จักระวังตัว ซึ่งผมชื่นชอบเธอในจุดนี้เนี่ยล่ะ
“อืมงั้นผมจะบอกตรงๆ เลยนะ เรื่องแรก ผมไม่ได้หาเศษหาเลยกับโมอาหรอก ถ้าเธอเต็มใจผมก็จะให้เธอมาเป็นผู้หญิงของผม แต่ว่าเรื่องงานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว ใช่ว่ามาเป็นผู้หญิงของผมแล้วจะไม่ต้องทำงาน เกิดว่าวันหนึ่งไม่มีผมอยู่แล้ว พวกเธอจะอยู่กันอย่างไง แต่ถ้าพวกเธอทำงานได้ มีเงินเก็บ พวกเธอก็จะยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างมั่นคง โทษทีนะที่อยู่กับผมอาจจะไม่ได้สบายอย่างที่คิด แต่ผมถือว่าเหนื่อยวันนี้ดีกว่าลำบากวันหน้า และอย่างที่สองที่ผมให้เงินค่าจ้างที่พวกเธออาจคิดว่ามันเยอะ แต่ผมคิดว่ามันสมราคาแล้ว เพราะว่า…บางทีผมจะได้เห็นอะไรวับๆ แวมๆ ต้นขาเอย กางเกงในเอย เนินอกเอย อืม แค่นี้ถือว่าถูกมาก”
“ไอ้ลามก!”
เมยอาร้องด่าผมทันที
“ฮ่าๆๆ แน่นอนสิ”
ผมยืดอกรับทันที แต่จู่ๆ โมอาก็คลานเข้ามาจนถึงขาผม
“นะ นายท่าน หะ ให้ฉันเป็นผู้หญิงของนายท่านได้จริงๆ เหรอคะ”
“ถ้าเธอเต็มใจนะ”
“เต็มใจสิคะ! ตะ แต่ว่า ฉันอายุก็มาก มีลูกแล้วด้วย แถมสวยสู้คนอื่นๆ ไม่ได้ด้วย”
“เมื่อวานก็บอกแล้วไง เธอน่ะมีค่าเกินพอเลย ขนาดเมื่อก่อนมีรายได้แค่นั้นยังสามารถเลี้ยงดูเมยอามาได้ถึงขนาดนี้ นั้นหมายความว่าผมจะมีลูกที่มีแม่ดีๆ อย่างคุณเลี้ยงดูไงล่ะ แล้วเลิกคิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นด้วย ที่นี้ไม่มีใครด้อยกว่าใคร แต่ทุกคนมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบ เพราะผมรักจุดเด่นของพวกเธอทุกคน เข้าใจแล้วนะ”
“ค่ะ! นายท่านของฉัน”
โมอาร้องไห้และซบลงบนตักของผม ทำตัวน่ารักอีกแล้ว
“เอ่อ แต่ว่าต้องขอเมยอาก่อนนะ อย่างไงก็เป็นลูก ต้องฟังความเห็นเธอด้วย”
ผมเบรกโมอาไว้ก่อน
“เมยอา”
โมอาหันไปมองด้วยสีหน้าวิงวอนทั้งน้ำตากับเมยอา
“ถ ถ้าเป็นความสุขของแม่ ฉันเองก็ไม่คัดค้านหรอก แต่ว่า! ฉันไม่เรียกนายท่านว่าพ่อหรอกนะ ไม่มีทาง!”
“อ่า ก็ไม่ได้บังคับอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเรียกวันไหนก็ไม่ห้ามเหมือนกันนะ”
“ไม่มีทาง!”
“เอาล่ะ เรื่องของโมอากับเมยอาไม่มีอะไรสงสัยแล้วนะ งั้นผมขอเปิดประชุมบ้านครั้งที่หนึ่งเลย”
“ประชุมบ้าน!?”
ทุกคนดูไม่เข้าใจความหมายของคำนี้
“ก็คือการปรึกษาเรื่องสำคัญ ที่ต้องให้ทุกคนในบ้านช่วยกันตัดสินใจไงล่ะ”
“ไม่จำเป็นนี่ค่ะ นายท่านตัดสินใจอย่างไงพวกเราก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ”
เดเม่บอกซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยตามนั้น
“ไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอนาคตของทุกคน ผมไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมาทำลายอนาคตของพวกเธอได้หรอก”
“นายท่าน!”
ฟรานเข้ามากอดผมด้วยดวงตาหวานช่ำ คนอื่นก็พากันน้ำตาซึมออกมา ดูเหมือนผมชอบพูดอะไรเลี่ยนๆ มากเกินไปสินะ
จากนั้นผมก็เล่าเรื่องของอาเดไลท์ให้ทุกคนฟัง พร้อมกับบอกเรื่องที่คิดจะไถ่ตัวเธอมา แต่นั้นหมายถึงต้องใช้เงินเก็บที่ฝากไว้ที่ร้านแลกเปลี่ยนเงิน และผลกระทบที่จะมาตามที่จะกลายเป็นผลเสียในอนาคต
“อะไรกันแค่นี้เองเหรอคะ พวกเราก็ตกใจหมดเลยนึกว่าเรื่องอะไรร้ายแรงกว่านี้ซะอีก”
มอเรียถอนหายใจออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะลุกขึ้น
“ฉันอนุญาตค่ะ ถ้าเพื่อความสุขของท่านโรมะ ต่อให้เป็นศัตรูกับประเทศฉันก็ไม่กลัวค่ะ อ่ะ ต้องไปทำงานแล้ว ไปนะค่ะ”
มอเรียพอบอกความเห็นเสร็จก็เข้ามาหอมแก้มผม และรีบออกเดินทางไปทำงานที่กิลทันที
“ไปดีมาดีนะ”
ทุกคนประสานเสียงส่งลามอเรียพร้อมกับผม
“ค่า”
จากนั้นทุกคนก็ให้ความเห็นคล้ายๆ กับของมอเรียออกมา คือไม่มีมีใครค้านสักคน
“ฉันเข้าใจนะคะ ว่าท่านโรมะตั้งใจจะเก็บเงินก้อนนั้นไว้เพื่อพวกเรา แต่ว่ามันก็แค่เงินค่ะ เทียบกับความต้องการและความสุขของท่านโรมะไม่ได้เลย”
มิรินยิ้มบอกกับผม เล่นเอาน้ำตาจะไหลเลยนะเนี่ย
“นายท่านช่วยเอาแต่ใจมากกว่านี้ด้วยค่ะ เพราะแค่นี้พวกเราก็แทบจะสำลักความสุขที่นายท่านหมอบให้อยู่แล้ว”
ฟรานบอกอย่างจริงจัง เดเม่เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ให้ฉันไปจัดการถอนเงินให้เลยไหม”
ดาเซสไปถึงขั้นดำเนินการแล้ว จะไวไปไหน
“ฮุๆๆ จะมีสมาชิกใหม่มาเพิ่มแล้ว แถมเป็นเจ้าหญิงด้วย น่าสนุกแล้วสิ”
เอร่าแอบไปยิ้มกริ่มคนเดียว
“ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนสิคะ ซ่องน่ะเปิดหลังเที่ยงนะ”
โอ๋ เมยอานี้พึ่งพาได้แฮะ ดูรอบคอบใจเย็นกว่าคนอื่นๆ เยอะเลย หือ หรือจะมีบุคลิกแบบสาวแว่น แต่โลกนี้ยังไม่เคยเจอสาวแว่นเลย หรือสาวแว่นจะไม่ฮิต ขอโทษเหล่าสาวกสาวแว่นด้วยนะครับ
“งั้นเมยอา ผมฝากจัดการเรื่องทำบัญชีใช้จ่ายด้วยนะ”
“ได้ค่ะนายท่าน แต่ขอใส่ไปว่า จ่ายค่าความหื่นของนายท่าน จะได้ไหมคะ”
“ตะ ตามสบายเลย”
ได้เหรัญยิกปากจัดมาแล้วสิเรา
“จริงสิ โมอาเธอจัดสวนได้ใช่ไหม”
“ค่ะ งานถนัดเลย”
“ดีเลย พอดีวานยัยนี้ไว้ตั้งแต่เข้ามาอยู่ จนถึงวันนี้ผมยังไม่เห็นดอกไม้สักดอกเลย เธอช่วยจัดการทำสวนให้มันดูเป็นสวนหน่อยได้ไหม”
ผมชี้ไปที่เอร่าที่เจ้าตัวทำเป็นผิวปากไม่รู้ไม่ชี้
“ได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ต้องซื้อดอกไม้ที่โตแล้วมาลง แบบนั้นจะต้อง”
“เอาเลย เบิกงบจากเดเม่แล้วให้เมยอาทำบัญชีไว้ ไม่ต้องเกรงใจนะ ใช้จ่ายได้เต็มที่เลย แล้วถ้าจะใช้แรงงานอะไร ลากยัยนี้ไปใช้ได้ตามสะดวกนะ”
และผมก็ลดขั้นเอร่าจากคนสวน ไปเป็นคนงานจิปาถะ

ตอนที่ 43 การประลองที่ร้อนระอุ

อืม พอเริ่มมีคนเยอะขึ้น ก็เริ่มจ่ายงานได้เหมาะกับคนมากขึ้นแล้ว
“วันนี้จะไปหาคุณปลากันไหมคะนายท่าน”
ฟรานเข้ามาถามแถมเตรียมอาวุธไว้พร้อมแล้ว สงสัยอยากกินราเม้งอีก
“ไม่ล่ะ วันนี้จะไปลงดันเจี้ยนกันแค่ตอนบ่าย แต่ฟรานจะไปเล่นที่น้ำตกก็ได้นะ”
“ถ้านายท่านไม่ไป หนูก็ไม่ไปค่ะ”
อยากให้ฟรานตามใจตัวเองกว่านี้เหมือนกันนะ วันนี้เดเม่ต้องขับรถม้าพาโมอาไปซื้อดอกไม้ในเมือง พอไม่ต้องสอนหนังสือฟรานเลยว่าง ก็อยากจะให้เธอไปวิ่งเล่นข้างนอกมากกว่ามาหมกตัวอยู่แต่ในบ้านนะ แต่ผมก็ไม่อยากบังคับให้เธอทำอะไรที่เธอไม่อยากทำหรอก เพราะผมชอบที่เห็นเธออยู่ใกล้หูใกล้ตาเหมือนกัน
ผมขึ้นห้องมาพร้อมกับให้มิรินตามมาด้วย แต่พอปิดห้องมิรินก็เริ่มถอดเสื้อผ้าทันที ผมเลยต้องรีบห้ามไว้ เพราะไม่ได้เรียกมาทำลูกกัน แต่จะให้เธอช่วยเรื่องทำอุปกรณ์เวทต่างหาก
อุปกรณ์อย่างแรกที่จะทำคือ กรอบใส่คอเลกชั่นของผม เมื่อคืนผมถามมอเรียเกี่ยวกับกระเป๋านักผจญภัยดู จากที่ผมคิดว่ามันคงลงเวทไว้สองอย่าง แต่กลับคิดผิด เพราะมันใส่ไว้เวทเดียว คือ Stop เป็นเวทที่ปกติไว้หยุดเป้าหมายในชั่วอึดใจ พอมาใส่ลงกับวงจรเวท เลยทำให้หยุดสภาพของทุกอย่างที่ใส่เข้าไปได้ ผมก็จะใช้หลักการนั้นทำกรอบใส่คอเลกชั่นเหมือนกัน
อ้อ ส่วนที่กระเป๋าใส่ของขนาดใหญ่ได้ เป็นเพราะหนังที่มาใช้ทำมีคุณสมบัติปรับขนาดวัตถุได้ ส่วนรายละเอียดนั้นเป็นความลับของผู้คิดค้นมันขึ้นมาอยู่
ผมลอกสูตรวงจรเวทของกระเป๋ามาใส่ด้านหลังกรอบรูป ที่ประกอบขึ้นเอง เมื่อวานตอนไปซื้อตะเกียงก็ไปหามา แต่ไม่เจอ โดยเฉพาะกระจกเป็นสินค้าที่ไม่มีขาย ผมเลยต้องให้ยูรินทำให้ ดีที่เธอรู้วิธีทำ
แล้วก็ให้มิรินใส่เวท Stop ลงไป จากนั้นผมนำกางเกงในของเทพเมดิซออกมาจากกระเป๋า มันยังอุ่นๆ อยู่เลย ตรงเป้าก็ยังมีน้ำเยิ้มอยู่ ผมรีบเอามันใส่เข้าไปในกรอบกระจกทันที ได้ผล! สภาพของกางเกงในลามกของเทพสาวบริสุทธิ์ที่เปียกน้ำเงี่ยนถูกหยุดนิ่งในสภาพเดิมเหมือนตอนใส่ในกระเป๋า เพียงแต่ตอนนี้ผมสามารถเชยชมมันได้ตลอดเวลา
ผมทำออกมาอีกหลายอันเผื่อในอนาคตด้วย และไม่ลืมเอากางเกงในของคายุนที่เป็นคอเลกชั่นชิ้นแรกมาใส่ แต่กลิ่นมันจางลงไปแล้ว ช่วยไม่ได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว
มิรินงอนผมนิดหน่อย ที่ไม่เอากางเกงในของเธอเข้าคอเลกชั่นด้วย แต่พอผมบอกไปว่าก็ของมิรินมันต้องไว้ออกศึกนี้ ขืนเอามาแขวงไว้เฉยๆ ก็เสียดายแย่ เธอเลยกลับมาอารมณ์ดีได้
แต่นี้แค่งานชิ้นแรก ผมยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเลย
งานชิ้นที่สอง คือปรับปรุงตะเกียง ผมนำวงจรเวทที่หมุนเวียนเวทใช้งานแบบเดียวกับกระเป๋านักผจญภัยมาใช้กับตะเกียง ซึ่งมันได้ผล ตะเกียงจะให้แสงสว่างได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องเติมเวทแสงเข้าไปใหม่ ผมเลยทำการผลิตจำนวนมากทันที โดยให้ฟรานช่วยเข้าไปติดไว้ในห้องทุกห้องของบ้าน ตามทางเดิน ตามห้องชั้นล่างทุกห้อง ติดไว้ที่น้ำพุ ติดไว้ที่หน้าประตู และในอนาคตผมจะติดไว้ที่กำแพงและสวนด้วย แต่ด้วยที่ต้องทำเยอะ เลยทำให้มิริน Mpหมด ผมเลยให้เธอพักก่อน ส่วนผมไปทำงานชิ้นที่สามต่อ ซึ่งต้องให้ยูรินช่วย
ยูรินวันนี้ยังคงอยู่ที่เดิม แต่เธอผลิตอิฐได้เป็นจำนวนมากแล้ว จนเรียงเป็นตั้งๆ อยู่ข้าง Workshop มันเยอะจนเผลอคิดไปว่ายูรินจะสร้างกำแพงเมืองหรือไง
พอเธอสังเกตผมก็เดินเข้ามาเองทันที ถึงหน้าจะไม่ยิ้ม แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีมาก คงเพราะเมื่อวานได้ดื่มเหล้าล่ะมั่ง
ผมนำแบบแปลงออกมา แล้วให้ยูรินลองดูว่าทำได้ไหม
“ขอยี่สิบนาที”
เฮ้ย เร็วแบบนั้นเลยเหรอ!
จะไม่ให้ตกใจได้ไง ที่ผมให้ยูรินทำน่ะ คือท่อแอร์ที่จะต่อไปทุกจุดของคฤหาสน์เลยนะ ว่าไงดีล่ะ แบบว่ามันร้อนอ่ะ ยิ่งตอนค่ำๆ ที่พวกเราเล่นเซ็กส์หมู่กัน ตอนนั้นอ่ะร้อนสุดๆ เลย ฉะนั้นแอร์จำเป็นมาก
แต่เพราะต้องมีการติดตั้งไว้บนเพดานด้วย เลยต้องให้ดาเซสวางมือจากงานก่อกำแพง และให้เข้ามาช่วยผมกับยูริน
พอมิรินฟื้นพลังเวทได้แล้ว ผมก็ให้เธอใส่เวทลดอุณหภูมิแบบคงที่ไว้ที่ 23 องสา ใส่ไว้ในลูกแก้ว จากนั้นผมก็นำลูกแก้วใส่ไปในท่อแอร์ที่เชื่อมต่อไปจุดต่างๆ ของบ้าน ความเย็นก็จะแผ่กระจายไปทั่วบ้านแล้วคราวนี้ หลังจากรอไปสักพักหนึ่ง…เย็นสะใจสุดๆ ทุกคนถึงกับอึ้งไปกับผลงานชิ้นนี้ แต่พอมีท่อเหล็กติดไว้บนเพดานทั่วบ้านมันดูไม่สวยเลย ไว้เดี๋ยวค่อยหาอะไรมาแปะทับหรือทาสีกลบอีกที
แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องทนร้อนกันแล้ว
ยังๆ ผมยังมีไอเดียอีกอย่าง เลยทำอุปกรณ์เวทชิ้นที่สี่ต่อทันที ซึ่งมันก็คือตู้แช่แข็งที่ผมจะไว้ทำไอศกรีม
หลักการก็เหมือนแอร์ แต่เป็นตู้ปิดทึบและเพิ่มความเย็นของเวทมนต์ที่ใส่ลงไป แล้วไหนๆ จะทำแล้ว ผมเลยทำออกมาอีกตู้ โดยความเย็นจะแตกต่างกัน ตู้สองนี้ผมใส่ความเย็นไว้เพื่อแช่พวกน้ำดื่มที่เป็นขวดๆ เพื่อใครกลับมาเหนื่อยๆ จะได้ดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชุ่มปอด ส่วนพวกอาหารแช่แข็งไม่จำเป็น เพราะเก็บไว้ในกระเป๋าดีกว่า เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
จากนี้ไปกลางวันทุกคนก็ไม่ต้องทนร้อน กลางคืนก็จะมีแสงสว่าง และผมจะได้ทำไอศกรีมสักที
แต่ดูเหมือนว่าแอร์จะทำให้คนบางคนเสียนิสัยแล้วสิ ยัยเอร่านี้พอติดแอร์แล้ว ก็เอาแต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่ห้องนั่งเล่น ไม่ยอมลุกไปไหนเลย เอาเถอะ คิดว่าเลี้ยงแมวไปก็แล้วกัน
แถมพอทำทุกอย่างเสร็จ เลเวลอุปกรณ์เวทของผมก็ขึ้นมาเป็นสองเลย…เฮ้ย! เอาจริงดิ ไหนว่าขึ้นเป็นเลเวลสองยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ไง…อย่างไงก็เก็บไว้เป็นความลับก่อนล่ะกัน ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องการเพิ่มแล้วด้วย
“นายท่านคะ มีแขกมาหาค่ะ”
ฟรานเข้ามาตามผมที่กำลังยืนชื่นชมตู้เย็นในห้องครัวอยู่
“ใครเหรอ?”
“ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยค่ะ แต่ตะโกนเรียกนายท่านมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว”
“มาหาเรื่องเหรอ? พวกไหนอีกล่ะเนี่ย”
ผมเดินออกไปแบบเซ็งๆ โดยมีทุกคนตามหลังมา ดาเซสเตรียมพร้อมรบเต็มทีเชียว
พอออกมาที่หน้าบ้าน ก็เจอ…เซนทอร์ล่ะ ครึ่งคนครึ่งม้าเซนทอร์!
แต่นั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่เซนทอร์ที่อยู่ตรงหน้าผม เป็นเซนทอร์สาวสวย ไว้ผมทรงหางม้า แถมส่วมชุดกิโมโนพกดาบคาตานะแบบซามูไรด้วย!!!
“ข้ามาหาชายผู้มีอาวุธในตำนานโรมะ! ปรากฏตัวออกมาซะ!”
เสียงเธอค่อนข้างห้าว แต่น้ำเสียงยังดูหญิงสาวไร้เดียงสาอยู่ ว่าแต่ตะกี้นี้มัน…ฉายาตูนี้หว่า
ผมหยิบบัตรออกมาดู แล้วไอ้ฉายาบ้าบอคอแตกนั้นก็ยังปรากฏอยู่บนบัตร ผมเลยถอนหายใจและเข้าไปหาเซนทอร์สาว
“มีธุระอะไรเหรอครับ”
“เจ้าเหรอโรมะ! ข้าคือดอเรีย นักสะสมอาวุธดอเรีย จงมาดวลกับข้าซะดีๆ”
“เอ่อ เดี๋ยวนะ อาวุธที่คุณอยากได้นี้คือ”
“ก็อาวุธในตำนานที่เจ้ามีไงล่ะ!”
พรืด!!
ฟรานแอบหัวเราะล่ะ ดูเหมือนจะคิดออกเป็นคนแรก ไม่แปลกเพราะไปกิลบ่อยๆ คงได้ยินเรื่องฉายาผมมาบ้างแล้ว
“อ่า จะเอาจริงเหรอ?”
“ถ้าข้าไม่เอาจริง จะมาหาเจ้าถึงนี้ทำไม!”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นเชิญมาเอาไปได้เลย”
ผมถอดกางเกงลง พร้อมกับโชว์ดุ้นที่ตั้งตรงพร้อมสู้
โครม!
ขาอ่อนจนล้มไปแล้วล่ะ เอ่อ พึ่งเคยเห็นม้าล้มก็วันนี้แหละ
“จะ จะ จะ เจ้าจะเอาไอ้ของสกปรกแบบนั้นออกมาให้ข้าดูทำไม!!!”
“อ้าว ก็นี้ไงอาวุธในตำนานของผม นี้มาโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอ?”
“มะ ไม่จริงน่า!”
“ไม่เชื่อก็ไปถามที่กิลสิครับ”
“นี้ข้าโดนหลอกหรือเนี่ย!”
“แทนที่จะบอกว่าโดนหลอก ผมว่าคุณไม่ได้ศึกษารายละเอียดของข้อมูลให้ดีก่อนมากกว่านะ”
“…ขออภัย เป็นความผิดของข้าเอง”
ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่คุยไม่รู้เรื่องแฮะ แถมน่าตาสวยแบบคนญี่ปุ่นด้วย สาวม้าที่ไว้ผมหางม้าเหรอ?
“ไม่เป็นไรครับ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะ”
แต่ตอนที่พวกผมกำลังจะกลับเข้าบ้านกัน ดอเรียก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว! อาวุธนั้น!”
เธอชี้ไปที่ดาบของดาเซส
“ดาบมัจฉาทำไมเหรอครับ?”
“ใช่จริงๆ ด้วย ดาบของชาวมัจฉาที่ว่าหายสาบสูญไปแล้ว ดาบที่มีอยู่แค่ในเรื่องเล่า มาอยู่ที่นี้ได้อย่างไง?”
“…คงไม่ใช่อยากได้หรอกนะครับ”
“อยากได้สิ! ขอร้องล่ะ มาประลองกับข้า ข้าขอเอาดาบอินายูชิเล่มนี้เป็นเดิมพัน”
ดอเรียหยิบดาบคาตานะเล่มหนึ่งออกมาปักลงบนพื้น ยูรินรีบเข้ามาจับแขนผมไว้ทันที
“หนึ่งในสามดาบพิฆาต ขึ้นชื่อเรื่องความคมขนาดฟันเกราะเหล็กกล้าขาดเป็นสองท่อนได้ในดาบเดียวเลย”
“ของดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม ดี แถมคนที่ตีมันขึ้นมาก็ตายไปแล้ว วิธีสร้างเลยสาบสูญไปด้วย อีกสองเล่มก็หักไปตอนสู้กับขุนพลปีศาจ ตอนนี้เลยเหลือเป็นเล่มสุดท้ายแล้ว ราคาตอนนี้ไม่สามารถประเมินได้เลย”
เอาไงดีล่ะ ดาบมัจฉาน่ะแค่ลงไปล่าอาร์มฟิชก็ได้มาล่ะ แต่ว่าเราให้ดาเซสไปแล้วไม่สมควรเอาคืน ความรู้สึกสำคัญกว่าคุณค่า หรือจะเอาของเราแทน อ่ะ ถ้าดอเรียรู้ว่าเป็นดาบโหลที่หาได้เรื่อยๆ มีหวังไม่ยอมเดิมพันแล้วด้วยแน่ แต่ระหว่างที่คิดอยู่นั้น ดาเซสก็เดินมาอยู่ข้างผมแล้ว
“เอาดาบของฉันไปเดิมพันเลยค่ะนายท่าน ฉันไม่คิดว่านายท่านจะแพ้หรอก”
“เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นน่ะ”
“เพราะนายท่านจะไม่ยอมให้ฉันต้องเสียความรู้สึกที่ต้องเสียดาบเล่มนี้ไปเด็ดขาด”
ดาเซสนี้ดูเหมือนบ้าๆ บอๆ แต่ก็มีบางแง่มุมที่คิดอะไรลึกซึ้งเหมือนกันนะเนี่ย เอาสิ ในเมื่อเธอเชื่อในตัวผมแบบนี้แล้วล่ะก็ ผมจะตอบรับความรู้สึกนั้นเอง
ตกลงมาประลองกัน แต่จะประลองกันอย่างไง”
พอผมรับคำท้า ดอเรียก็ยิ้มอย่างยินดี และหยิบดาบที่ปักอยู่ขึ้นมา
“ง่ายๆ ก็จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขอยอมแพ้หรือว่าสู้ไม่ไหวแล้ว!”
“เอ๋? จะดีเหรอ”
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะออมมือให้โดยใช้แค่สันดาบเท่านั้น”
“เปล่า แบบว่า ถ้ากฎแบบนั้นทางผมจะได้เปรียบนะ”
“ก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรสงสัยแล้ว มาประลองกัน!”
ดอเรียถีบตัวด้วยสี่เท้า พุ่งทะยานอย่างงดงามเข้าใส่ผม
“สัมผัสแห่งราคะ 20%”
แปะ กรี๊ด! โครม!
พอผมแตะมือไปโดนตัวของดอเรียเธอก็กรี๊ดออกมาและล้มโครมลงไปจนดาบหลุดมือ จบแล้วล่ะ เล่นมาท้าดวลโดยไม่รู้ระบุให้ละเอียดแบบนี้ก็เข้าทางผมสิ ถ้าสู้โดยไม่เลือกวิธีการล่ะก็ ผมมั่นใจว่าไม่มีทางแพ้ใครแน่
ยะ ยัง ข้ายังไม่ยอมแพ้”
ดอเรียยังดื้อและลุกขึ้นมา แต่ตัวเธอสั่นและเรี่ยวแรงหายไปหมดแล้ว หน้าเธอแดงจัด
“อืม ผมก็ไม่ได้กะให้เธอยอมตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เลยปรับพลังแค่ 20% เอาล่ะ ถึงเวลาของจริงล่ะ”
ผมเดินอ้อมไปด้านหลังเธอแล้วดึงชายของกิโมโนที่คลุมหลังของเธอออก
“กะ แก จะทำอะไรน่ะ!”
“ทำอะไรเหรอ ก็ผสมพันธุ์กับเธอไง”
“หา?”
ผมปัดหางม้าสีขาวของเธอออก ส่วนที่เป็นม้าของเธอมีขนสีขาวล้วน และตรงหอยของเธอก็ใหญ่และมีสีชมพูเข้ม มีน้ำไหลออกมาเพราะโดนกระตุ้นอารมณ์ไปก่อนหน้านี้
“ไม่นะ! อย่าเอาไอ้ของใหญ่ๆ นั้นเข้ามาในตัวข้านะ”
“ช้าไปแล้ว การประลองของจริงน่ะ จะเริ่มจากนี้ต่างหาก”
ผมจ่อดุ้นผมเข้าถ้ำของเธอไป ตรงปากช่องคลอดเธอมีกล้ามเนื้อที่บีบรัดมากกว่าของมนุษย์ กว่าจะแหวกเข้าไปได้ ก็ต้องออกแรงพอสมควร แต่พอเข้าไปแล้ว มันก็พุ่งพรวดทีเดียวเข้าไปจนมิดด้าม
“อี๋!!!”
เธอกรีดร้องออกมา
“มะ ไม่นะ เป็นครั้งแรกของข้าแท้ๆ อะ ไอ้ชั่ว!”
คือว่าไงดีล่ะ ตอนแรกผมแค่กะยอกเธอเล่นนะ แต่พอใส่เข้ามาแล้ว ผมลืมทุกอย่างเลย ข้างในเธอมันร้อนมาก ร้อนจนแทบลวกดุ้นผมจนสุกเลย ปุ่มพังพืดเองก็ดูดยึดดุ้นไว้จนขยับแทบไม่ได้ ที่สำคัญมันเข้ากันได้พอดีเลย ช่องคลอดเธอกับดุ้นผม ราวกับมันเกิดมาคู่กัน สารเคมีที่ตรงกัน
ดอเรียเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน สิ่งที่เข้ามาในตัวเธอ มันเหมือนสิ่งที่เข้ามาเติมส่วนที่ว่างเปล่าข้างในให้เต็มพอดี เธอไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย
“แบบนั้นอันตรายไม่ใช่เหรอ ขืนโดนดีดใส่ เผลอๆ ถึงตายเลยนะ”
มิรินกระซิบถามดาเซส แต่เธอหันมายิ้มให้
“ไม่หรอก เจอดุ้นของนายท่านเสียบเข้าไปเมื่อไรก็คือจบแล้ว เธอเองก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครต้านทานดุ้นนายท่านได้หรอก”
“ก็จริงนะ”
มิรินเลยนั่งลงดูเหมือนกับฟรานและยูริน ส่วนเมยอาตะโกนด่าว่าวิตถาร ก่อนจะวิ่งหนีเข้าบ้านไป ส่วนเอร่าก็เอาแต่นอนกลิ้งอยู่ในบ้านไม่ยอมออกมา
ผมเริ่มขยับเอว แต่ปุ่มดอเรียดูดแรงขึ้นอีก แต่พอผมออกแรงมากขึ้นก็เริ่มขยับได้ ผมสอยเอวช้าๆ แต่เร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องของดอเรียจากด่าทอผม ก็เริ่มเป็นเสียงร้องครวญคราง
ผมกระแทกเอวใส่กว่าสิบนาที สีหน้าผมเริ่มแสดงถึงความเสียวออกมา เพราะนี้เป็นหอยที่เข้ากับผมจนให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ แต่อาการของดอเรียหนักกว่าอีก เธอร้องแบบสะใจและโยกสวนผมหนักขึ้นๆ เสียงเนื้อพวกเรากระแทกกันดังป๊าบๆ จนแสบหน้าขาไปหมด
“ดี! ดาบของเจ้าดีเหลือเกิน! สะใจข้าจริงๆ! แทงอีก แทงใส่ข้าอีก! แทงดาบของเจ้าเข้ามาในฝักดาบของข้าเลย!”
นี้เป็นครั้งแรกที่ผมกลั้นไม่อยู่ ผมกระฉูดน้ำเชื้อใส่ข้างในดอเรีย ซึ่งพอเธอรับน้ำอุ่นๆ ของผมไป เธอก็แตกตามทันที แต่ผมยังไม่หยุด ผมติดใจหอยของเธอมาก มันเอาสนุกดีจริงๆ เสียวจนกลั้นไม่อยู่เนี่ย ผมไม่ได้เจอมานานมากแล้ว
แต่รอบสองผมเริ่มอึดขึ้น ในขณะที่ความอดทานของดอเรียหมดไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว พอเธอแตกรอบสองก็หมดแรงจนทรุดทั้งสี่ขาลงกับพื้น ผมย่อตัวลงไปสอยเอวต่ออีกสองสามทีก่อนจะแตกตามเธอไป
ตอนที่ผมดึงดุ้นออกมานั้น เนื้อในของเธอติดออกมาจนหุ้มดุ้นผมเอาไว้อยู่เลย ต้องใช้มือรูดมันถึงยอมหลุด ดอเรียนอนลิ้นห้อยตาลอย แต่ยังพอจะมีสติเหลืออยู่
“ยังสู้ไหวไหม”
“มะ ไม่ไหวแล้ว ขะ ข้าขอยอมแพ้ ดาบในตำนานของเจ้าสุดยอดจริงๆ”
“งั้นจากนี้ไป ทั้งดาบทั้งตัวเธอเป็นของผมแล้วนะ”
“ตะ ตกลง”
ดอเรียตอบก่อนจะสลบไป ผมเลยต้องช่วยกันสามคนแบกดอเรียไปนอนในห้องนั่งเล่น พอเอร่าเห็นก็มานอนหนุนเธอใช้ต่างหมอนแทนซะงั้น ตอนนั้นพวกเดเม่กลับมาพอดี และเธอกับโมอาก็ไม่เคยเห็นเซนทอร์มาก่อน เลยพากันเข้ามาลูบคล่ำแบบสนใจ ส่วนดอเรียเพราะพึ่งเสร็จมากับผม สัมผัสก็เลยยังไวอยู่ พอโดนสัมผัสไปเลยครางออกมาเบาๆน่าสงสารแฮะ

ตอนที่ 44 คริสตัลวิญญาณ

ผมเข้าครัวเพื่อเตรียมจะทำมื้อเที่ยง แต่ตอนหยิบวัตถุดิบออกมา ก็มีคริสตัลวิญญาณที่ผมแทบลืมไปแล้ว ติดออกมาด้วย เลยเอาไปให้ยูรินดูก่อนจะลืมอีก
“โอ๋!”
ยูรินร้องด้วยความตกใจด้วยสีหน้านิ่งเฉย ทำได้อย่างไงนะ?
“มันคืออะไรเหรอยูริน”
“คริสตัลวิญญาณ หรือเรียกในอีกชื่อว่า หินปลดผนึก ถ้าผนึกลงไปในอาวุธหรือชุดเกราะ มันจะปลดสกิลที่ล็อคอยู่ในของชิ้นนั้นได้”
“งั้นก็ของดีสิ!”
“ดี ราคาก้อนหนึ่งหลายแสนเลย แต่ว่า…ไม่มีคนใช้เท่าไร”
“อ้าว ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่ามีโอกาสพลาดสูงมาก ข้าเคยเห็นนายช่างใหญ่ทำการผนึกสิ่งนี้ใส่อาวุธอยู่หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง”
“โอกาสติดยากงั้นเหรอ…เดี๋ยวนะหรือว่า”
ผมเข้าไปเรียกฟราน พลางให้ไปเอาอาวุธประจำตัวเธอมาด้วย
ผมรับเอาง้าวจันทร์สมุทรมาพร้อมกับใช้ตรวจสอบกับมัน อย่างที่คิดไว้เลย ผมมองเห็นสกิลของอาวุธ มันคือความแตกต่างของเลเวลสกิลตรวจสอบนี้เอง ยิ่งเลเวลเยอะยิ่งเห็นรายละเอียดได้เยอะ และตอนนี้ง้าวจันทร์สมุทรยังเหลือช่องสกิลอีกหนึ่งโดยที่มันขึ้นเป็น ????
“ยูรินเธอผนึกได้ใช่ไหม”
“ได้ เรียนมาจากนายช่างใหญ่แล้ว”
“เยี่ยม งั้นฝากด้วยนะ”
“ดะ เดี๋ยวถ้าไม่สำเร็จไม่ใช่แค่คริสตัลจะหายไปนะ แต่คุณภาพของอาวุธจะตกลงด้วย”
“ไม่ต้องห่วง สำเร็จแน่”
ผมยืนยันอย่างมั่นใจ ยูรินรับไปแบบกล้าๆ กลัวๆ ส่วนวิธีผนึกนั้น แค่วางคริสตัลลงบนอาวุธ และใช้สกิลผนึกออกมาเท่านั้นเอง
“อ่ะ! สำเร็จแล้ว?”
“เห็นไหม ไหนๆ ได้สกิลอะไรมาเนี่ย”
-Deep Breath (Passive skill)
พออ่านดูวิธีใช้ ผมคิดว่าเป็นสกิลที่โหดมากเลย เพราะทุกครั้งที่โจมตีโดนเป้าหมาย มีโอกาสทำให้เป้าหมายติดภาวะขาดอากาศหายใจเหมือนคนกำลังจมน้ำ
“มองเห็นสกิลในอาวุธด้วยเหรอ?”
ยูรินกลับมองผมด้วยความสนใจ ขณะที่ผมส่งง้าวคืนให้กับฟรานที่ดูดีใจที่ได้สกิลเพิ่มขึ้นมาใหม่
“อืม พอดีเลเวลสกิลตรวจสอบผมเป็นเลเวลสามแล้ว”
“หา! เลเวลสาม!?”
“เอ๋ แปลกเหรอ?”
“แปลกมาก สกิลอื่นนอกจากสายโจมตีหรือที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้แล้ว จะเลเวลค้างอยู่ที่หนึ่งตลอด อย่าว่าแต่เลเวลสามเลย แค่เลเวลสองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน”
ดูเหมือนการได้สกิลซ้ำมาของผมจะมีประโยชน์กว่าที่คิดแฮะ ถึงว่าทำไมไม่ค่อยมีคนมีสกิลมองทะลุ ทั้งๆ ที่ถ้ารู้ว่าพอเลเวลสองแล้ว มันจะมองทะลุเสื้อผ้าได้แบบร้อยเปอเซ็นเลย ที่แท้เพราะมันอัพยากนี้เอง
จากนั้นผมก็ตรวจดูอาวุธและชุดเกราะทั้งหมดที่มี เสียดายที่ดาบมัจฉาทั้งของดาเซสและของผมไม่มีสกิล โล่มัจฉากับรองเท้าเหนือน้ำเองก็ไม่มี
ที่มีสกิล ??? อยู่มีแค่ธนูเงือกกับเกราะมัจฉาเท่านั้น
ผมเลยให้ยูรินใช้คริสตัลอันสุดท้ายกับธนูเงือกก่อน สกิลที่ได้มาคือ
-Auto Lock (Active)
สกิลล็อคเป้าล่ะ มีผลในระยะร้อยเมตร เป้าหมายที่ล็อคเป้าไว้จะสามารถยิงถูกได้ร้อยเปอเซ็นต์ นี้ก็สกิลดีเหมือนกัน เท่ากับระยะยิงหวังผลของยูรินเพิ่มจาก 20 เมตรเป็น 100 เมตรไปเลย
แต่เสียดายธนูเงือกช่องสกิลเต็มแล้ว ส่วนของเกราะมีช่องสกิลแค่หนึ่งซึ่งยังเป็น ??? ไว้ต้องหาคริสตัลเพิ่มซะแล้ว แต่ยูรินก็สะกิดเรียกผมอีกที
“ของที่มีสกิลติดอยู่ จะมีราคาแพงมาก ถ้าเทียบกับอาวุธชนิดเดียวกันแล้ว อันที่มีสกิลติดอยู่ จะแพงกว่าสิบเท่าได้ ยิ่งอันที่มีสกิลมากกว่าหนึ่ง แล้วส่งเข้าประมูล ราคาต่ำๆ ก็น่าจะสิบล้านขึ้นไป”
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“อืม แถมง้าวของฟรานมีตั้งสามสกิล พึ่งเคยเห็น น่าลองเอาไปขายนะ”
“ไม่เอา!”
ฟรานรีบปฏิเสธแล้วกอดง้าวไว้แน่นเลย
“ไม่ต้องห่วงฟราน ผมไม่ขายหรอก อันที่ดีที่สุดผมจะเก็บไว้ให้พวกเราใช้เอง ไว้ถ้าได้ของที่ไม่ได้ใช้มา ค่อยเอาไปขาย”
พอได้ยินที่ผมบอกฟรานก็ถอนหายใจโล่งอก ไม่ใช่เพราะเธอถูกใจอะไรมันหรอก แต่เพราะเป็นของที่ผมให้ มันจึงเป็นของสำคัญสำหรับเธอที่จะไม่ยอมให้ใครไปเด็ดขาด
“แต่แบบนี้ก็พอจะได้ลู่ทางทำเงินแล้วสิ ยูรินแล้วจะหาซื้อคริสตัลได้จากที่ไหนบ้าง”
“ร้านทั่วไปไม่มีขาย ส่วนใหญ่แล้วต้องไปที่ร้านประมูลเท่านั้น”
“ร้านประมูลเหรอ ยังไม่เคยไปเลยแฮะ”
“ไม่ไปดีแล้ว พวกหน้าใหม่จะโดนหลอก”
“แล้วยูรินล่ะ”
“เคยไปหลายครั้ง พอรู้จักคนที่ไว้ใจได้”
“โอ๋ ถ้าจะไปก็ต้องพายูรินไปด้วยสินะ”
“อยู่แล้ว”
จากนั้นผมก็กลับไปทำมื้อเที่ยงตามที่ตั้งใจไว้ ซึ่งวันนี้เป็นสปาเกตตี้ เมนูนี้ผมทำบ่อยตอนอยู่บ้าน เพราะพวกพี่ๆ ชอบกินกัน เลยมั่นใจพอสมควรว่าอร่อย
แต่เส้นก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เพราะแป้งคุณภาพไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็พอถูไถไปได้
ส่วนซอสผมสับไก่จนละเอียด และผัดลงไปกับซอสร่วมกับผักเลย จากนั้นก็หั่นเนื้อเป็นเส้นๆ โรยลงบนหน้าอีกที จากนั้นก็เอาผักที่ต้มจนนิ่มแล้ว มาจัดเรียงบนขอบจานเพื่อความสวยงาม
ให้เข้าไปปลุกให้ดอเรียตื่นมากินด้วยกัน แต่พอเธอฟื้นขึ้นมา ก็ร้องไห้โวยวายใหญ่เลย ก็แน่ล่ะจะมาประลองแต่ดันเสียตัวซะได้
แต่เธอเป็นคนจริงจังเมื่อพูดอะไรไว้แล้วก็ต้องทำตามที่พูด เธอเลยยกดาบให้กับผม
“ดาบน่ะเก็บเอาไว้ ผมต้องการแค่ตัวเธอเท่านั้น”
“ตัวข้า!? แต่ข้าเป็นเซนทอร์นะ”
“อืม”
“ไม่มีทาง มนุษย์น่ะไม่มีทางชอบเซนทอร์แบบข้าหรอก คิดจะจับข้าเป็นทาสล่ะสิ”
“อืม ใกล้เคียงนะ อยากได้เธอมาเป็นทาสเซ็กส์ของผมน่ะ”
“ทะ ทาสเซ็กส์!! มะ ไม่มีทาง ท ท่านแม่บอกว่า ของมนุษย์มันเล็ก ไม่มีทางทำให้พวกเรามีความสุขได้”
“เหรอ แปลว่าที่ทำกับผมไปตะกี้เธอไม่มีความสุขเลยงั้นสิ”
“ไม่!...ไม่ ตะกี้ รู้สึกดีมากเลย ดะ เดี๋ยวสิ! นี้ข้าติดใจของมนุษย์เหรอ? เป็นไปได้อย่างไง!”
“ผมก็ติดใจหอยของเธอเหมือนกัน ถ้าอย่างไงมาอยู่ด้วยกันที่นี้ไหม”
“ที่นี้เหรอ!? หมายถึงจะขังข้าไว้ที่นี้งั้นเหรอ”
“เปล่าๆ เธอมีอิสระจะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจเลย แค่คิดซะว่าที่นี้เป็นบ้าน ที่กลับมาได้ทุกเมื่อเท่านั้นเอง”
“…ฮะ ฮิ กฎของข้าคือดาบอยู่คนอยู่ ในเมื่อดาบของข้าเป็นขอเจ้าแล้ว ตัวข้าก็จะเป็นของเจ้าด้วย ก็ได้ข้าจะอยู่ที่นี้คอยเป็นดาบให้กับเจ้าแล้วกัน”
เป็นพวกปากแข็งเหรอเนี่ย น่าแกล้งดีแฮะ
“งั้นตอนนี้มากินมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะ”
“เอ๋? จะให้ข้าร่วมโต๊ะกับมนุษย์เหรอ”
“ทำไมล่ะ”
“ขะ ข้าไม่เคยนั่งโต๊ะอาหารกับมนุษย์ เพราะข้าถูกมองว่าเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์”
“แต่ที่นี้ไม่ ดอเรียก็คือดอเรีย คิดแค่นั้นก็พอแล้ว มาสิ”
ผมพาดอเรียมาถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งจัดที่กันไว้เรียบร้อยแล้ว ดอเรียไม่กล้าเข้าไป เลยยืนแอบอยู่หลังประตู เลยเป็นดาเซสกับยูรินที่ไปพาตัวเธอเข้ามาอย่างรู้งาน
“ว่าแต่ดอเรียตัวสูงกว่าโต๊ะแฮะ แถมนั่งเก้าอี้ไม่ได้ด้วย จะเอาไงดี”
ผมหันไปปรึกษากับมิรินและเดเม่
“ให้นั่งเบาะดีไหมคะ”
มิรินเสนอ
“โอ้ว ไม่เลว ความคิดดี เดเม่ไปเอาเบาะมาที”
“รับทราบค่ะ”
พริบตาเดียวเดเม่ก็กลับมาพร้อมกับเบาะรองนั่ง และวางลงบนตำแหน่งที่จะให้ดอเรียนั่ง
“พอดีเลย นั่งสบายไหมดอเรีย”
“นะ นี้มันนิ่มมากเลย ดีกว่ากองฟางอีก ให้ข้านั่งบนสิ่งนี้จะดีเหรอ”
“ก็ต้องดีอยู่แล้ว งั้นทุกคนก็นั่งที่เถอะ”
พอประจำที่กันแล้ว ผมกับเดเม่ก็ยกจานใส่สปาเกตตี้ออกมาวางลงตรงหน้าทุกคน
ดอเรียมองซ้ายมองขวาเพื่อดูท่าทางของทุกคน
“ดอเรียไม่ต้องกังวลหรอก ว่าแต่ใช้ส้อมได้ไหม”
“ขะ ขออภัยข้าไม่เคยใช้สิ่งนี้มาก่อน”
“เอ่อ คือว่าฉันเองก็ใช้ไม่เป็นค่ะ แล้วอาหารแบบนี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย”
โมอายกมือขึ้นพลางยิ้มแบบเขินๆ เมยอาเองก็ยกมือขึ้นตามพลางหันหน้าไปทางอื่น
“เหมือนราเม้งใช่ไหมค่ะนายท่าน”
ฟรานเองจับตะเกียบแทนซะแล้ว
พอดอเรียเห็นว่าไม่ใช่แค่ตัวเองที่ดูแปลก เลยคลายความกังวลลง แถมไม่มีใครมองเธอแบบรังเกียจด้วย นั้นทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ
จากนั้นผมก็สอนวิธีใช้ส้อมกับการกินสปาเกตตี้ แรกๆ ก็ไม่ค่อยถนัดกัน แต่พอเริ่มเอาเข้าปากได้แล้วเท่านั้นแหละ ทุกคนเหมือนโดนความอร่อยบีบบังคับให้ใช้ส้อมอย่างชำนาญขึ้นมาทันที ทุกคนกินกันด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวกับกำลังต่อสู้กับรสชาติตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ยะ หยุดกินไม่ได้ เวทมนต์แบบไหนกันเนี่ย!”
มิรินไม่สามารถหยุดมือที่ถือส้อมไว้ได้เลย
“รสชาติเข้มข้นมากเลยค่ะนายท่าน มีตั้งหลายรสชาติจนอธิบายไม่ถูกเลย”
เดเม่เองก็อร่อยจนต้องรับหลับตาปี๋
“ราเม้งก็อร่อย สปาเกตตี้ก็อร่อย ของที่นายท่านทำอร่อยทุกอย่างเลย”
มีอะไรที่ฟรานไม่ชอบบ้างไหมเนี่ย อยากรู้จริงๆ
“แม่คะ อาหารอร่อยขนาดนี้ หนูว่ามันเกินระดับอาหารของขุนนางอีกนะคะ จะดีเหรอที่พวกเรามานั่งกินกันสบายๆ แบบนี้”
เมยอาจ้องสปาเกตตี้ด้วยสีหน้าคิดหนัก
“ใช่ แม่เองเคยไปช่วยงานในครัวของบ้านขุนนาง ยังไม่เคยเจออาหารที่ทั้งน่ากินและอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย นี้มันอร่อยจนคิดว่าพวกเราไม่คู่ควรเลย”
“พวกเธอสองแม่ลูกเลิกคิดแบบนั้นแล้วกินให้สบายใจดีกว่านะ”
ไม่ไหวเลยจริงๆ คงต้องใช้เวลากว่าสองแม่ลูกจะปรับตัวได้
“เติมอีก!”
เอร่ายื่นจานเปล่ามาให้ผม แต่ในปากยังมีสปาเกตตี้อยู่เต็มเลย แถมยังเลอะปากเต็มไปหมด กินอย่างกะเด็กเลยยัยนี้
ส่วนดอเรียนั้น…แข็งไปซะแล้ว พอเอาสปาเกตตี้เข้าปากไป ก็ค้างอยู่ท่านั้นไม่ขยับเลย
“…นายท่าน ดอเรียสลบไปแล้ว”
ยูรินยื่นหน้าไปมอง ก่อนจะหันมาบอกผม
“ดาเซสปลุกเธอที”
“รับทราบ!”
หลังจากโดนดาเซสปลุกแล้ว ดอเรียก็ลนลานลุกขึ้นมา
“จะ เจ้าเอาอะไรให้ข้ากินเนี่ย!”
“ไม่อร่อยเหรอ”
“อร่อยเกินไปต่างหาก!”
“งั้นก็กินต่อสิ มีให้เติมอีกนะ”
“ได้เหรอ ข้ากินได้อีกเหรอ!”
“อืม คิดว่าเธอต้องกินจุน่ะ เลยทำไว้เยอะเลย”
วันนี้ทุกคนกินเยอะเป็นพิเศษ จนแม้แต่ในจานตัวเองยังไม่เหลือแม้แต่ซอสติดอยู่เลย แบบนี้ยิ่งกว่าเลียจานอีกนะ
ทุกคนกลับไปนั่งพักในห้องนั่งเล่น สีหน้าท่าทางนี้อิ่มเอิบมากๆ เหมือนกำลังตกอยู่ในความฝันกันอยู่
“จะว่าไปทำไมที่คฤหาสน์นี้อากาศมันถึงได้เย็นสบายดีจัง ทั้งๆ ที่ข้างนอกออกจะร้อน”
“ถ้าเรื่องนั้น”
แล้วยูรินก็อธิบายเรื่องอุปกรณ์เวทที่ผมเรียกว่าแอร์ปรับอากาศให้ดอเรียฟัง ซึ่งเดเม่กับโมอาที่ยังไม่รู้เรื่องก็ฟังไปด้วย และพากันทำหน้าตกตะลึงกันอออกมา
“มะ มีสิ่งประดิษฐ์แสนวิเศษแบบนี้ด้วยเหรอ”
“มีไปแล้ว”
ยูรินพยักหน้าตอบ
ดอเรียเงยหน้าดูท่อเหล็กที่ติดอยู่บนเพดานด้วยสีหน้าประทับใจสุดๆ
แต่ตอนนั้นผมก็เอาของหวานออกมา มันคือเอแคลร์ ที่เป็นแป้งทรงกลม ด้านนอกกรอบด้านในนิ่ม ข้างในใส่ไส้ครีมไว้ ผมทำไว้เยอะจนพูนจานเลย พอเอาไปตั้งบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ทุกคนก็รีบคลานมามุงดูมันทันที
“อันตรายค่ะ สัญญาชาติของฉันมันกำลังเตือนแบบนั้น”
มิรินบอกขึ้นเป็นคนแรก
“เห็นด้วย แค่กลิ่นหอมของมันก็ยั่วน้ำลายซะขนาดนี้แล้ว ขืนเอาเข้าปากไป ไม่พ้นต้องตกเป็นทาสของมันแน่”
ดาเซสนี้จะจริงจังไปไหน
“ขนมหวานของนายท่าน อร่อยจนน่ากลัว”
ฟรานเองก็มองอย่างเกรงกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แสนร้ายกาจ
“กินไปเถอะน่า ไม่ใช่ยาพิษสักหน่อย นี้ไง”
ผมจับชิ้นแรกขึ้นมา และยัดใส่ปากดอเรียไป พริบตานั้นเธอก็ล้มตึงลงไปกับพื้นห้องทันที
“นั้นไง ถึงตายจริงๆ ด้วย!”
ทุกคนแทบจะประสานเสียงกันออกมา
“ไม่ตายเฟ้ย! ยัยนี้ก็จริงๆ เลย เอะอะก็สลบอย่างเดียว ดาเซสจัดการที”
ผมให้ดาเซสปลุกดอเรียขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้พอตื่นขึ้นมาดอเรียก็นั่งร้องไห้ท่าเดียว
“เลิกทรมานข้าแบบนี้สักที! ไม่ไหวแล้ว ทั้งสปาเกตตี้อะไรนั้น ทั้งขนมชิ้นนี้ มันอร่อยจนแทบจะทำให้ข้าบ้าตายอยู่แล้วนะ!”
“ถ้าอร่อยก็ต้องกินเยอะๆ”
ว่าแล้วผมก็จับยัดเข้าปากดอเรียไปอีกชิ้น คราวนี้ไม่สลบแฮะ แต่อร่อยจนพูดไม่ได้ เอาแต่เคี้ยวไปร้องไห้ไป
“ถ้าไม่รีบจะหมดก่อนนะ”
พอผมบอกไปแบบนั้นราวกับเป็นการเคาะระฆังเริ่มยก ทุกคนพุ่งมือเข้าไปคว้าเอแคลร์แล้วเอาเข้าปากทันที พริบตานั้นทุกคนก็หงายหลังล้มตึงไปแบบเดียวกับดอเรีย
ผมล่ะคิดจริงๆ ล่ะว่าความอร่อยนี้มันฆ่าคนได้จริงๆ ด้วย
ผมปล่อยให้ทุกคนจมไปกับความหวานอร่อยของเอแคลร์ ขณะกลับไปที่ปราสาทจอมมาร และนำมื้อเที่ยงและของหวานไปส่งให้มุเอมะ และจดสูตรอาหารไปให้พ่อครัวทำให้คนอื่นกินอีกที มุเอมะเองพยายามรักษามารยาทเป็นอย่างดี แต่สงสัยจะชอบทั้งสปาเกตตี้และเอแคลร์มาก เลยพูดชมไม่หยุดปากเลย แต่ว่าพอเธอกินเสร็จผมก็รีบลากเธอขึ้นเตียงทันที เพราะไม่ได้มีอะไรกับเธอมาพักหนึ่งแล้ว แถมยังอารมณ์ค้างมาจากดอเรียด้วย วันนี้ผมเลยทำซะจนมุเอมะสลบไปเลย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO

ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย                ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ                 แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั...

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้...

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ...