ตอนที่ 54 ผู้กล้าในกรง
จากนั้นพวกผมก็นั่งรอให้ห้องจนถึงเวลาประมูล ยูรินบอกว่า การประมูลมีความเสี่ยงมาก เพราะบางครั้งก็จะมีการเอาสินค้าด้อยคุณภาพปนออกมาด้วย เพราะงั้นเลยต้องมีคนกลาง พอจ่ายเงินให้คนกลางแล้ว เขาจะคอยให้สัญญาณมาว่าของชิ้นไหนเป็นของดีหรือของชิ้นไหนปล่อยออกมาหลอกขาย แต่คนกลางก็มีพวกชอบหลอกกินเงินสองต่อ คือรับเงินจากทั้งคนที่มาประมูลและคนที่เอาสินค้ามาประมูล เลยไม่สามารถเชื่อใจได้ร้อยเปอเซ็น
ดีที่ยูรินรู้จักคนกลางที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง เลยติดต่อให้มาช่วยในการประมูล โดยค่าตัวของเขาอยู่ที่ 5,000 รีล ซึ่งแพงเอาเรื่อง แต่ตอนเรียกเข้ามาเพื่อตกลงธุรกิจกัน ผมสังเกตเห็นชัดเลยว่าเขาแอบชอบยูรินอยู่
แถมยูรินเองก็ดูจะพูดคุยสนิทกับอีกฝ่ายด้วย ที่สำคัญมียิ้มให้อีก…หึงอ่ะ
พอเขากลับออกไป ผมก็ดึงตัวยูรินเข้ามาหาทันที
“สนิทกันจังเลยนะ”
ผมบอกขณะดึงกางเกงเธอลง และแหวกกางเกงในเธอยัดดุ้นเข้าไปทันทีโดยไม่เล้าโลม
“อะ อืม พวกเรา ขะ เข้าเมืองมาพร้อมกัน ละ แล้วเคยเช่าห้องอยู่ด้วยกัน”
“หา! เคยอยู่ด้วยกันมาก่อนเลยเหรอ!”
ผมยิ่งฟังยิ่งโมโหเลยกระแทกดุ้นใส่แรงขึ้นอีก
“ตะ แต่ไม่มีอะไรกันนะ! ขะ เขาไม่ได้แตะต้องข้าเลย”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ!”
“หะ หึงเหรอ? นี้นายท่านหึงข้าอยู่ใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
พอบอกออกไปเท่านั้น ยูรินก็ลุกพรวดขึ้น และหันหน้ากลับมาทางผม และจับดุ้นผมเสียบเข้าไปในหอยเธอใหม่
“หึงข้า นายท่านหึงข้า!”
ยูรินเป็นฝ่ายขย่มแทนไปแล้ว ดวงตาของเธอดูน่ากลัวนิดหน่อยแฮะ เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมาเลย ดูท่าเธอจะชอบที่ผมแสดงความหึงหวงออกมา เธอเล่นควบจนไม่สนใจสายตาคนอื่นเลย อาเดไลท์ถึงจะชินแล้ว แต่พอเห็นการขย่มที่รุนแรงแบบนี้ก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้
รอบนี้ผมเสร็จพร้อมกับยูรินเลย ด้านในมดลูกเธอบีบรัดหัวดุ้นของผมแรงกว่าทุกครั้ง ผนังช่องคลอดเองก็บีบตัวแน่นไม่ยอมคลายออกเลย
“ข้าเป็นของท่านคนเดียว ทั้งความบริสุทธิ์ของข้า ทั้งหัวใจของข้า เป็นของนายท่านโรมะเพียงคนเดียว”
ยูรินบอกกับผมพลางกอดรัดผมจนแน่น
“อืม ขอโทษนะที่ผมเป็นผู้ชายขี้หึง”
“นายท่านหึงก็เพราะรัก ข้าดีใจมากๆ”
พอยูรินลุกออกไปผมก็พึ่งสังเกตเห็นกิน เธอคงพึ่งเคยเห็นการร่วมรักเลยตกใจจนหางพองเลย จากนั้นพักหนึ่งประตูห้องก็ถูกเคาะ คนที่เข้ามาคือคนกลางเพื่อนของยูริน เขาชื่ออิลิท
เขานำใบรายการสินค้าที่จะประมูลรอบนี้มาให้ พร้อมกับรายละเอียด โดยสินค้าอันไหนเป็นของปลอมหรือด้อยคุณภาพ เขาก็กาเครื่องหมาย X ทับไว้
แต่เขาก็ยํ้าว่า หลังประมูลเสร็จ ให้ทำลายกระดาษแผ่นนี้ทิ้งทันที เพราะจริงๆ ที่นี้ห้ามเอาข้อมูลสินค้าไปปล่อยให้คนที่มาประมูลเด็ดขาด
ระหว่างที่คุยกับอิลิทอยู่ ยูรินก็กอดผมไว้ตลอดเลย สงสัยกลัวผมหึงอีกล่ะมั่ง ก่อนจะกลับอิลิทเลยถามผมว่าเป็นอะไรกับยูริน แต่กลับเป็นยูรินที่ตอบให้แทน
“นายท่านเป็นทุกอย่างของข้า”
ผมเขินเลยเล่นพูดต่อหน้าแบบนี้
พออิลิทเดินคอตกออกไป พวกผมก็มานั่งตรวจดูรายการสินค้าที่จะประมูล ผมให้ทุกคนดูด้วย เผื่อมีอะไรที่อยากได้กัน ส่วนผมดูพวกคริสตัลวิญญาณ ซึ่งจะมีเอา
ออกมาประมูล 5 ชิ้น ราคาเริ่มต้นที่ หนึ่งแสนรีล กฎก็เหมือนการประมูลที่โลกผมเลย แข่งกันเสนอราคา ใครให้มากสุดได้ไป
ทั้ง 5 ชิ้นที่เอาออกมาประมูลนั้นเป็นของดีหมด เลยไม่มีอะไรต้องห่วง ผมเลยไปดูสินค้าอย่างอื่นแทน มีการ์ดด้วยแฮะ แต่คุณสมบัติที่บวกไม่โดนใจ ผมเลยไม่สนใจ
ส่วนใหญ่เป็นทาสจริงๆ ด้วย มีทั้งทาสต่อสู้ที่เลเวลสูง ทาสสะสม หรือทาสเนื้อที่หน้าตาดีและยังบริสุทธิ์ พวกนี้ครองพื้นที่การประมูลเกือบทั้งหมดเลย
แต่ขณะมองไล่ผ่านๆ ตาไป ผมก็ไปสะดุดตรงชื่อหนึ่ง มาชิบะ ซาคุยะ…คนญี่ปุ่น! หรือว่าเป็นผู้กล้า!? แล้วทำไมโดนเอามาประมูลในหมวดทาสนื้อได้ฟ่ะ!
ผมมาร์คไว้เลย ไม่รู้ล่ะว่าเพราะอะไรแต่ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกัน ผมต้องประมูลเธอมาให้ได้ แต่ราคา
เริ่มต้นก็ 10ล้านแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเงินพอไหม ถ้าไม่พออาจจะต้องหาวิธีอื่น
ฟรานเห็นผมมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเลยถามด้วยความเป็นห่วง ผมเลยบอกไปตามตรงว่างานนี้อาจมีผู้กล้าโดนเอามาประมูลด้วย แถมน่าจะเป็นคนบ้านเกิดเดียวกับผมอีก
“ดะ เดี๋ยวนะ นี้นายก็เป็นคนที่ถูกอันเชิญมาจากต่างโลกเหรอ หะ หรือว่าจะเป็นผู้กล้าเหมือนกัน!”
อาเดไลท์หัวไวดีเหมือนกัน ถึงขั้นนี้แล้วคงต้องบอกไป
“ใช่ครับเป็นคนจากต่างโลก แต่ว่าเป็นผู้กล้าปลายแถวเท่านั้นแหละครับ สกิลที่ผมมีก็คือทักษะพ่อบ้าน ไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลย เพราะงั้นอย่าเอาผมไปรวมกับผู้กล้าคนอื่นเลยจะดีกว่านะ”
“จะว่าไปเอร่าก็เคยบอกว่านายท่านเป็นผู้กล้านี่น่า”
ฟรานเองก็ทำท่านึกขึ้นได้ เลยหันไปมองเอร่า
“ก็ใช่น่ะสิ แต่ไม่มีใครเชื่อฉันเลย!”
“ก็เอร่าไร้ประโยชน์ไม่น่าเชื่อถือ”
ยูรินตอกกลับให้ จนเอร่าทรุดลงไปร้องไห้
“อ่า แต่บอกไว้ก่อนนะครับ ผมไม่สนใจจะทำตัวแบบพวกผู้กล้าเลย จริงอยู่ผมเป็นนักผจญภัย แต่ผมมีแนวทางของตัวเอง ฉะนั้นห้ามเรียกผมว่าผู้กล้าเด็ดขาด ไม่งั้นเดี๋ยวมีปัญหาตามมาแน่ๆ”
ทุกคนรับปากผม แถมไม่ซักไซ้ด้วย ดีจริงๆ เพราะตอนนี้ผมยังไม่อยากบอกแนวการการปรองดอง ของเผ่าปีศาจกับมนุษย์หรอก ผมว่ามันหนักเกินไปที่จะยอมรับได้ในตอนนี้ เพราะสามัญสำนึกของทุกคนยังมองว่าปีศาจเป็นตัวร้ายที่ต้องกำจัดอยู่
พอได้เวลาประมูล บรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาทันที การแข่งขันราคาเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะพวกอุปกรณ์เวท ชิ้นหนึ่งนี้ใช้เวลาประมูลแข่งกันนานเกือบสิบนาทีเลย
จากนั้นก็ถึงคิวของผม คริสตัลวิญญาณ ชิ้นแรกถูกนำออกมา ผมไปยืนตรงหน้ากระจก เพื่อเตรียมยื่นราคา วิธียื่นราคานั้นทำได้ด้วยใช้สัญญาณนิ้ว
กฎของที่นี้คือ การเพิ่มราคาจะเพิ่มทีละ 10% จากราคาตั้งต้น สมมุติชูหนึ่งนิ้ว ก็คือเพิ่ม 10% ชูห้านิ้ว ก็คือ 50% สูงสุดที่เพิ่มราคาได้ต่อครั้งคือ 100% อย่างคริสตัลวิญญาณราคาเริ่มต้นคือ หนึ่งแสน ทุกครั้งที่เพิ่ม 10% คือเพิ่มทีละหมื่น ผมมองลงไปข้างล่าง เห็นมีคนสองสามกลุ่ม ผลัดกันชูทีละนิ้ว ราคาตอนนี้เป็น แสนหกแล้ว
แบบนี้เอง
ผมอ่านเกมออกแล้ว เลยชูขึ้นไปสิบนิ้วทันที
พอมีการขานราคาล่าสุด เลยเกิดเสียหือกันขึ้นมาทันที เพราะราคาพุ่งไปเป็น สองแสนหกแล้ว
ที่ผมต้องเสนอทับไปทีเดียวเยอะๆ แบบนี้ เพราะไอ้ข้างล่างมีกลุ่มหนึ่งที่มันฮั้วกัน เป็นวิธีที่ดูออกง่ายมาก ด้วยการทับราคาในเกณฑ์ตํ่าสุดไป เพื่อดูคู่แข่งว่ามีใครบ้าง จากนั้นถ้ามีคู่แข่งเพิ่มราคาขึ้นมา ก็จะให้คนอื่นที่ฮั้วกันอยู่ เสนอราคาแข่งไป เพื่อดูเพดานเงินสูงสุดที่อีกฝ่ายจะเสนอได้ จริงอยู่ที่ว่าชิ้นแรกอาจจะขาดทุน แต่ว่าสินค้ามันมีตั้งห้าชิ้น ด้วยวิธีนี้จะทำให้ประมูลชิ้นที่เหลือได้ด้วยเงินจำนวนน้อยที่สุดได้
แต่ผมดัดหลังพวกมัน ด้วยการเพิ่มเพดานราคาให้มันสูงเวอร์ไปเลย นั้นไง เสนอตามมาแล้ว พอไอ้
กลุ่มฮั้วที่ผมจับตาดูอยู่พยักหน้าให้กัน มันก็ชูนิ้วขึ้นอีกครั้ง ผมเลยทับกลับไปทันทีอีกสิบนิ้ว ราคาพึ่งขึ้นเป็นสามแสนเจ็ด พวกมันนั้นปาดเหงื่อกันแล้ว คงเป็นเพดานราคาที่ไม่ได้คาดไว้แน่ๆ ผมเลยเดินกลับมานั่งที่
“นายท่านจะดีเหรอ ประมูลชิ้นแรกก็ตั้งราคาไปแพงขนาดนั้นแล้ว”
ดาเซสเดินเข้ามาถามผมด้วยความเป็นกังวล
“ไม่หรอก นี้ถูกกว่าที่ผมคิดไว้อีก แถมผมไม่คิดจะซื้อชิ้นแรกอยู่แล้ว”
ขณะที่ผมพูดอยู่นั้น เพดานราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นอีกเป็น สามแสนแปด แต่ผมไม่ทับเพิ่มล่ะ ปล่อยให้พวกมันซื้อไปพร้อมกับเสียเงินทุนก้อนใหญ่ เป็นการตัดกำลัง และจากนี้พวกมันจะไม่กล้าเสนอราคาสู้อีก เพราะพวกมันรู้ล่ะว่าผมมีเพดานเงินอยู่ที่สามแสนอัพ ในขณะที่พวก
มันเสียเงินทุนไปมากโขแล้ว ขืนมาสู้กับผมที่ราคาสามแสน มันล้มละลายแน่
และจากนั้นก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ พวกกลุ่มฮั้วหยุดการแข่งราคาทันที เพราะมันมีสิทธิจะโดนผมทับราคาเพิ่มจนพวกมันกระเป๋าฉีกได้ ผมเลยได้มาสามชิ้นในราคาชิ้นละแค่ หนึ่งแสนสามหมื่นเท่านั้น ส่วนอีกชิ้นผมให้คนอื่นที่ตั้งใจประมูลอย่างยุติธรรมได้ไป เพราะผมล่ะเกลียดพวกฮั้วกันที่สุด เพราะมันไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่ตั้งใจเล่นอย่างตรงไปตรงมาน่ะสิ
แต่ต่อไปต่างหาก การต่อสู้ของจริง เพราะราคามันไม่ใช่น้อย การเสนอราคาขึ้นไปในแต่ละครั้ง หมายถึงเงินจำนวนหลักล้าน และผมมีเพดานเงินที่ถือว่าไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ทว่าสินค้ามีชิ้นเดียว การต่อสู้ต้องดุเดือดแน่
ผมรอกว่าครึ่งชั่วโมง กว่าจะถึงคิวที่ มาชิบะ ซาคุยะ จะถูกนำออกมาประมูล เธอเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ ด้วย ทั้งจากใบหน้าและสีผม เธอเป็นเด็กสาวท่าทางเรียบร้อยไว้ผมยาว อายุน่าจะน้อยกว่าผมสักปีสองปี แต่เธอนั่งขดอยู่ในกรงเพราะถูกจับถอดเสื้อผ้าออกหมด ทาสที่ถูกนำขึ้นประมูลจะไม่ได้ใส่อะไรเลย เพื่อให้ผู้เข้าประมูลตรวจดูสินค้าได้ทุกซอกทุกมุมเพื่อหาตำหนิ
แต่การโฆษณาสินค้ากลับไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเป็นผู้กล้าออกมาเลย หรือว่ายังไม่มีใครรู้ ผมใช้ตรวจสอบกับเธอ ตรงอาชีพของเธอขึ้นมาเป็นผู้กล้าจริงๆ เพียงแต่ตรงสกิลของเธอกลับว่างเปล่า แถมเลเวลไม่แสดงเหมือนกับถูกล็อคอยู่
ถึงจะถูกบอกว่าเป็นสินค้าประเภทสาวบริสุทธิ์ และซาคุยะค่อนข้างจะสวย แต่ว่ากลับได้รับความสนใจ
น้อยกว่าที่คิดไว้ เหตุผลง่ายมาก นมเธอเล็กไง คัพA ได้มั่ง พวกที่ชอบซื้อทาสเนื้อร้อยทั้งร้อยเน้นนมโต
พอมีคนเสนอราคาสองสามรอบก็เงียบไปเลย ผมเลยเข้าไปเสนอราคาบ้างก่อนจะโดนเคาะขายไป ผมเสนอไปจนราคาอยู่ที่ สิบห้าล้าน ก็ไม่มีใครสู้ราคาอีกเลย…เศร้าแทนซาคุยะจัง
พวกผมเลยกลับออกจากห้อง VIP เพื่อไปจ่ายเงินที่ด้านหลังพร้อมกับรับสินค้าทั้งหมด จริงๆ ผมไม่อยากจะทำพันธะทาสกับซาคุยะหรอก แต่ถ้าไม่ทำก็จะรับตัวเธอออกไปไม่ได้ ไว้เดี๋ยวให้เอร่าทำลายพันธะทาสให้ทีหลังก็แล้วกัน
แต่พอปล่อยซาคุยะออกมาจากกรง เธอก็ตรงเข้ามาทำร้ายผมทันที แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็โดนดาเซสกับฟรานซัดควํ่าจนสลบไปก่อนแล้ว
“เบาๆ มือหน่อยสิ”
ผมเตือนออกไป ขณะที่เอาผ้ามาห่อตัวเธอไว้และให้ดาเซสแบกขึ้นบ่า
“ขอโทษที ต้องรีบหยุดไว้น่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวพันธะทาสจะทำงานจนหัวเธอหลุดซะก่อน”
ดาเซสให้เหตุผลที่สมเหตุสมผลออกมา แต่ฟรานเนี่ยสิ
“บังอาจจะทำร้ายนายท่าน หนูไม่ฆ่าตายคามือก็ถือว่าเบามือที่สุดแล้วค่ะ”
อืม…กับพวกที่คิดร้ายกับผมเนี่ย เธอไม่ปรานีเลยสินะ
พอได้ตัวซาคุยะแล้ว พวกผมก็กลับกันทันทีเลย จะได้ไปทันมื้อเที่ยงที่เดเม่ทำด้วย
ตอนอยู่ในรถม้า ผมก็ทำการสำรวจร่างกายของซาคุยะดู เหมือนเธอถูกจับอดอาหารมาพักใหญ่เลย เพราะร่างซูบผอมมากแถมเหมือนจะมีอาการขาดนํ้าด้วย ตามตัวมีรอยโดนทุบตีอยู่บ้าง แต่ไม่ร้ายแรง คงเพราะไม่อยากทำให้สินค้าเสียหายมากล่ะมั่ง
แล้วผมก็ใช้นิ้วแหวกฝาหอยที่ปิดสนิทของเธออกเพื่อดูภายใน ขนของเธอยาวลงมารอบฝา เลยต้องแหวกขนเธอไปด้วย อืมภายในยังไม่บุบสลาย ไม่ได้ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศอะไรมาสินะ
“นี้นายไปแหวกดูแบบนั้นทำไม ไหนว่าจะช่วยเธอไง”
อาเดไลท์ต่อว่าผมซะแล้ว
“แค่ตรวจดูว่าโดนข่มขืนมาหรือเปล่าน่ะครับ”
“นี้นายตรวจดูเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นสิครับ”
แต่ผมไม่บอกไปหรอกนะว่าเป็นได้อย่างไง เพราะมันเป็นเรื่องแบบว่าค่อนข้างเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้น่ะ
“งั้นตรวจดูให้ฉันบ้างสิ”
“ฮะๆๆ จะตรวจทำไมล่ะครับ ไม่มีใครไปแตะต้องอาเดไลท์ซังสักหน่อย”
“แค่อยากให้นายมั่นใจว่าฉันบริสุทธิ์อยู่เหมือนกัน”
“เรื่องนั้นผมเชื่ออยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องตรวจดูสักนิด”
“งั้นเหรอ”
แล้วอาเดไลท์ก็ไม่ซักอะไรผมอีก แต่เธอจะเชื่อใจผมเกินไปหน่อยแล้วนะ ขนาดให้ผู้ชายมาตรวจช่องคลอดให้เนี่ย แต่ผมเข้าใจความกังวลของเธอนะ อาเดไลท์คิดว่าผมไถ่ตัวเธอมาจากซ่อง โอกาสที่เธอจะเป็นสาวบริสุทธิ์ตามหลักแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นนางโลมที่ไม่ได้รับแขกก็เถอะ แต่ส่วนใหญ่ถ้ายัดเงินมากๆ หน่อย ก็ต้องยอมเสียตัวกันทั้งนั้น สรุปคือ อาเดไลท์กังวลว่าผมจะคิดว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์นั้นเอง
แต่ก่อนจะกลับผมแวะร้านเสื้อก่อน เพราะถึงจะให้พวกไรโมดอลตัดชุดให้ ก็ต้องใช้เวลาบ้าง ผมเลยให้ฟรานกับเอร่าลงไปซื้อชุดมาให้กินกับซาคุยะใส่ไปก่อนชุดหนึ่ง
ระหว่างรอผม ยูรินก็กระโดดขึ้นตักผม และรีบทำการร่วมรักเวอร์ชั่นเร่งด่วนไปอีกรอบ วันนี้เธอฟิตจัง
เลยแฮะ สงสัยยังติดใจเรื่องที่ผมหึงอยู่ล่ะมั่ง คือตอนนี้ไม่ได้คิดมากแล้วล่ะนะ แถมพอเสร็จแล้วเธอยังปล่อยให้ดุ้นผมเสียบคาอยู่แบบนั้นตลอดทางกลับบ้าน ตอนรถกระแทกแรงๆ ก่อนถึงบ้าน ยูรินเลยเสร็จไปอีกรอบหนึ่ง
อาเดไลท์เลยหันมาว่าผมทันที ว่าให้เผลาๆ ลงหน่อย เพราะเธอเห็นผมทำมาทั้งวันเลย จะว่าไงดีล่ะ นี้คือปกติของผมกับพวกสาวๆ แล้วล่ะนะ คือถ้าอีกฝ่ายมีความต้องการผมจะไม่ขัดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไร ก็พร้อมจะจัดให้เสมอ
ตอนที่ 55 ทางเลือกของซาคุยะ
พอรถม้าจอด ซาคุยะก็ฟื้นขึ้นมาพอดี เมื่อเห็นผมเธอก็ระวังตัวขึ้นมาทันที แต่ไว้เดี๋ยวเข้าบ้านไปแล้ว ค่อยคุยกันดีกว่า
ผมเลยลงจากรถไปก่อน แล้วกินก็กระโดดตามลงมา ตอนอยู่บนรถเธอไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะมัวแต่ตะลึงอยู่ และพอมาเห็นคฤหาสน์เธอก็ตะลึงไปอีกรอบ
ซาคุยะเองตอนแรกไม่เต็มใจลงมา แต่พอเห็นฟรานกับดาเซสทำหน้าดุๆ ก็ต้องยอมตามผมเข้ามาในบ้าน เพราะกลัวโดนอัดอีกรอบล่ะมั่ง
“อย่างไงฉันก็ไม่ยอมเสียตัวให้แกแน่! ฉันขอสู้ตาย”
“ตายทั้งๆ ที่ยังบริสุทธิ์อยู่ น่าเสียดายนะ”
ผมพูดออกไปเป็นภาษาญี่ปุ่น นั้นทำให้ซาคุยะเบิกตาโพรงจ้องใส่ผมทันที
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พลางเรียกพวกไรโมดอลมารวมกัน และชี้ไปที่กินกับซาคุยะ เพื่อให้ตัดชุด
สำหรับพวกเธอ พวกไรโมดอลเดินวนรอบๆ ทั้งคู่จากนั้นก็พากันวิ่งหายเข้าไปในห้องตัดเสื้อทันที
“จะ เจ้านายเป็นผู้ใช้มอนสเตอร์เหรอ”
“เปล่า พวกนี้ผมแค่ชวนมาอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนเธอนั้นแหละ”
ผมตอบกินที่กำลังสงสัยอยู่ จะว่าไปเป็นกินเองก็เป็นมอนสเตอร์ จะรู้ตัวหรือเปล่านะว่าที่นี้มีพลังของจอมมารของผมตกค้างอยู่…คงไม่มั่ง ไม่เห็นจะโวยวายอะไรออกมาเลย
“ฟรานพากินไปเดินดูรอบๆ บ้านก่อนนะ”
ฟรานทำท่าไม่เต็มใจ พลางมองไปที่ซาคุยะคงเพราะกลัวเธอทำร้ายผมอีกล่ะมั่ง
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวถ้าพยศขึ้นมาอีก ผมก็จะข่มขืนเธอเลย”
พอผมบอกแบบนี้ฟรานกับรับได้ทันทีเลยแฮะ ตะกี้แค่พูดเล่นนะ เชื่อจริงๆ เหรอ!
“ไอ้เลว! ไอ้ลามก! ดูหน้าก็รู้แล้ว คิดซื้อฉันมาเป็นถุงเก็บนํ้าเชื้อของแกล่ะสิ! ฉันไม่ยอมหรอก!”
ส่วนซาคุยะก็ด่าผมเป็นชุด เดี๋ยวเถอะ เป็นสาวเป็นนางมาพูดหยาบคายแบบนี้ได้อย่างไง
“มาทางนี้”
ผมบอกพลางเดินนำเข้าไปที่ห้องรับแขก อาเดไลท์กับดาเซสตามเข้ามาด้วยเพราะความสนใจ ส่วนยูรินแยกไปทำงานต่อ เอร่าก็คงหลบไปนอนกลิ้งที่ไหนสักแห่งในบ้านนี้แหละ
พอนั่งลงเดเม่ก็เข้ามาพร้อมกับชาที่อุ่นกำลังดีสำหรับสี่ที่พอดี เดเม่นี้เตรียมอะไรได้ไวดีจริงๆ หรือจะต้มนํ้าและเตรียมชุดนํ้าชารอผมไว้อยู่แล้ว อืมๆ ต้องแบบนี้สิ
ซาคุยะมองดูเดเม่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เมด?”
จากนั้นคงรู้สึกตัวว่าอากาศมันเย็นๆ เลยมองขึ้นไปตรงท่อเครื่องปรับอากาศ
“แอร์?”
สีหน้าเธอยิ่งงงหนักไปกว่าเดิมอีก
“จริงๆ ก็อยากจะให้พักให้สบายก่อนล่ะนะ แต่ดูท่าทางเธอคงระแวงผมอยู่ ถ้าไม่รีบคุยกันให้รู้เรื่อง เกิดหนีไปจนพันธะทาสทำงานขึ้นมาเธอจะแย่ซะก่อน เอาล่ะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย มันเป็นมาอย่างไงทำไมผู้กล้าอย่างเธอถึงได้โดนจับมาขายให้เป็นทาสเนื้อได้”
“นายจะช่วยฉันใช่ไหม!”
“ไม่ เรื่องของผู้กล้าคนอื่นผมไม่อยากไปยุ่งด้วย ผมต้องดูแลปกป้องฮาเร็มของตัวเองเอาไว้ จะซี้ซั้วดึงอันตรายเข้ามาหาพวกเธอไม่ได้ ส่วนที่อยากจะฟังเพราะจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะเอาอย่างไงกับเธอต่อดี”
“…งั้นเหรอ”
ดูท่าทางเธอสิ้นหวังไปทันที แต่สุดท้ายก็เปิดปากเล่าออกมา
ซาคุยะเองก็คล้ายๆ กับพวกผม โดนอันเชิญมาแบบไม่รู้ตัว และโดนมายกห้องเหมือนกัน ไม่สิ พวกเธอดีกว่าพวกผมเยอะ เพราะไม่ต้องไปโผล่เอาตรงด่านสุดท้ายที่เป็นปราสาทจอมมาร แต่พวกเธอได้ไปยังจุดที่ควรเป็นจุดเริ่มต้นจริงๆ หรือก็คือปราสาทของพระราชาแห่งประเทศทางเหนือ เลนคาน
กรอซ่าเองก็อยู่ในเขตประเทศทางเหนือ แต่เป็นพื้นที่ปกครองแบบอิสระ คือมีคล้ายๆ ผู้นำของเมือง และปกครองโดยใช้กฎหมายแยก เนื่องจากเป็นเมืองของนักผจญภัย กฎหมายบางข้อเลยใช้ไม่ได้ ก็คล้ายๆ พื้นที่การค้าพิเศษล่ะนะ
ที่นั้นพวกเธอได้รับการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเป็นผู้กล้า (โชคดีจริงเฮ้ย!)
ตัวซาคุยะเป็นเหมือนผู้นำกลุ่มของผู้กล้าชุดนั้น เพราะที่โรงเรียนเธอเป็นประธานนักเรียนด้วย และไม่น่าเชื่อเห็นหน้าอ่อนแบบนี้ดันอายุมากกว่าผมปีหนึ่งซะได้
ช่วงแรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก กลุ่มของเธอเกาะกันได้อย่างเหนียวแน่น พอเริ่มปรับตัวเข้ากลับโลกนี้ได้แล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปพิชิตดันเจี้ยนต่างๆ
ปัญหามาจากคนในกลุ่มคนหนึ่ง เขาค่อนข้างอ่อนแอเป็นได้แค่ลูกหาบในกลุ่ม ค่อยช่วยงานเบ็ดเตล็ดต่างๆ (คุ้นๆ แฮะ…อ้อ เหมือนตูนี้เอง) จนวันหนึ่งระหว่างที่อยู่ในดันเจี้ยน พวกเธอก็ได้ไปเจอหีบสมบัติประหลาดที่เปิดไม่ได้
เขาคนนั้นใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการเปิดหีบนั้น จนสุดท้ายก็เปิดออกได้ และเขาก็ได้สกิลใหม่มา สกิลที่ชื่อว่า มารแห่งความโลภ
“!!!”
ผมผงะเลย เหมือนมารแห่งราคะของผมสินะ!
มันเป็นสกิลที่เพียงแค่แตะถูกตัวใคร ก็จะขโมยสกิลของคนคนนั้นไปได้ทันที ยิ่งแตะนานเท่าไร ก็ยิ่งโดนเอาสกิลไปเยอะเท่านั้น (พลังโกงกว่าของตูอีก
ไม่ใช่เหรอนั้น! ไม่สิ…ของเราไม่ใช่ขโมย แต่ได้รับมาต่างหาก)
ตอนนั้นพวกซาคุยะไม่ทันคิดอะไร กลับมองว่าเป็นสกิลที่มีประโยชน์ เพื่อใช้เอาสกิลของมอนสเตอร์มาใช้ได้
จนคืนหนึ่งที่พอทุกคนหลับไป เขาคนนั้นก็ได้แอบย่องไปขโมยสกิลของทุกคนมา ซํ้ายังใช้สกิลที่ขโมยมาอย่าง Lock Lv ซึ่งเป็นสกิลที่ทำให้ Lv ลดลง 50 หนึ่งเป้าหมาย แต่เพราะใช้คู่กับ
สกิล Over skill ทำให้การแสดงผลของสกิลก่อนหน้าให้ผลเป็นสองเท่า กับ
สกิล Chain target ทำให้การแสดงผลของสกิลส่งผลกับทุกเป้าหมาย
ทุกคนในกลุ่มเลยโดน Lock Lv จนถึงขั้นติดลบ และไม่สามารถเก็บเลเวลเพิ่มได้ พอทุกคนลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเป็นนรก
เขาคนนั้นใช้สกิลที่แย่งไปข่มขู่พวกซาคุยะ ว่าถ้าอยากให้ปลดล็อคเลเวลและคืนสกิลให้ ก็ต้องทำตามที่สั่ง เขาใช้เหตุนี้ขืนใจพวกผู้หญิงอย่างทารุณ ส่วนพวกผู้ชายก็ถูกใช้เป็นของเล่น ให้เข้าไปสู้กับมอนสเตอร์ทั้งๆ ที่โดนล็อคเลเวลอยู่
ส่วนซาคุยะกับพวกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งตัดสินใจหนีออกมา แต่ระหว่างทางเพื่อนๆ ของเธอก็ถูกมอนสเตอร์ฆ่าตาย จนมีแต่เธอเท่านั้นที่เหลือรอดมาได้ แต่ถึงรอดมาได้ เมื่อขาดพลังไปก็ไม่สามารถจะหาเงินได้ เธอต้องทนท้องหิวจนเกือบอดตาย สุดท้ายก็โดนพวกพ่อค้าทาสจับมาเป็นทาส เพียงเพราะอาหารขยะจานเดียว
“…เข้าใจล่ะ”
ผมถอนหายใจออกมา แต่ทั้งดาเซสและอาเดไลท์โกรธแค้นแทนจนกำหมัดแน่น ก็สมควรจะโกรธหรอก
“บอกตามตรงนะ ผมมีวิธีจะส่งเธอกลับโลกเดิมได้ เธอล่ะต้องการจะกลับโลกเดิมไหม”
“ไม่! ฉันไม่มีหน้ากลับไปพบครอบครัวของเพื่อนๆ ที่ตายไปหรอก ฉันจะอยู่ที่นี้แล้วฆ่าไอ้ชั่วนั้นให้ได้!”
“งั้นก็ตามใจ แต่ผมไม่ช่วยเรื่องล้างแค้นหรอกนะ ทว่า…”
ผมหันไปมองเดเม่ ซึ่งเธอเข้าใจทันที เลยรีบเข้ามาปลดกางเกงผมแล้วดึงดุ้นออกมาดูด
“นะ นายทำอะไรนะ ไอ้โรคจิต!”
“ใจเย็นก่อน นี้เป็นสกิลของผมเอง เป็นสกิลที่ทำให้นํ้าเชื้อของผมมีผลในการรักษาแถมยังล้างผลของสกิลอื่นได้ด้วย”
“มันจะไปมีสกิลอุบาทแบบนั้นได้อย่างไงกัน!”
“เสียใจครับแต่มีไปแล้ว”
“นายท่านไม่ได้โกหกนะ พวกเราที่นี้ส่วนใหญ่ก็ได้นายท่านรักษาให้ด้วยวิธีนี้”
ดาเซสช่วยพูดให้ จนซาคุยะเริ่มทำหน้าสับสนว่าควรเชื่อดีไหม
“ผมน่ะคงช่วยเอาสกิลของเธอกลับมาไม่ได้ แต่แค่ล้างการปลดล็อคเลเวลน่าจะช่วยได้”
“แค่นั้นก็พอแล้ว!”
“ฟังก่อน ผมมีทางให้เธอเลือกอยู่ โอ๋ แปบ เดเม่ผมขอเร่งหน่อยนะ”
เดเม่ดูดเก่งแล้วล่ะ แต่ผมอยากให้มันเสร็จเร็วๆ เลยจับหัวเธอกระแทกเอง แต่เดเม่ก็ตอบสนองทันทีด้วยการเร่งดูดผมแรงขึ้นและเป็นจังหวะตามที่ดุ้นแทงเข้าออกคอเธอ หลังจากผ่านไปห้านาทีผมก็ดึงหัวเธอออก แล้วหยิบเอาแก้วชาขึ้นมา ปล่อยนํ้าเชื้อใส่จนเต็มถ้วย
“มะ ไม่น่าเชื่อ นี้มันเยอะจนผิดปกติแล้ว”
“อ่ะ เรื่องยิบย่อยไม่ต้องสนใจหรอก เอาล่ะนี้คือทางเลือกของเธอ”
“อย่างแรก ดื่มนี้ซะ แล้วเธอจะได้เลเวลคืนมา จากนั้นก็ไปหาเอร่าให้ทำลายพันธะทาสซะ เธอก็จะเป็น
อิสระ ผมจะถือว่าพวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก เธอจะออกไปล้างแค้นใครอะไรที่ไหนก็ตามใจ”
“…แล้วอีกทางล่ะ”
ซาคุยะมองนํ้าเชื้อในถ้วยชาแล้วถามต่อ คงเพราะไม่อยากดื่มล่ะมั่ง
“ก็ไม่ต้องดื่ม แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ไป ไม่ต้องเป็นทาสเนื้อหรอก เพราะที่นี้ผมไม่บังคับข่มเหงใคร ก็มีอิสระในขอบเขตที่ผมกำหนด และคงต้องให้อยู่ในสถานะทาสล่ะนะ แต่ว่า...คนที่อยู่ที่นี้ผมถือว่าเป็นคนของผม แล้วถ้าใครหน้าไหนมันบังอาจมาแตะต้องคนของผม ต่อให้เป็นไอ้ผู้กล้าเวรที่ไหน ผมจะทำให้มันได้เห็นนรกของจริง”
ผมพูดจริง ความรู้สึกนั้นก็ออกมาจากใจจริงๆ จนสร้างแรงกดดันให้ทุกต้องกลืนนํ้าลายดังเฮือก
“เท่านี้แหละครับ พวกเราคุยกันจบแล้ว ที่เหลือเธอก็ตัดสินใจเองเลย”
แต่พอผมจะลุกขึ้น ซาคุยะก็จับถ้วยชาและกระดกนํ้าเชื้อผมลงไป สีหน้าเธอตอนแรกเหมือนฝืนใจสุดขีด แต่พอได้ลิ่มรสชาตินํ้าเชื้อเข้าไป ก็เปลี่ยนเป็นดื่มอย่างเอร็ดอร่อยจนถึงกับต้องเลียปาก
เสียดายแฮะ เลือกแบบนี้เหรอ งั้นก็ช่วยไม่ได้ต้องปล่อยไปล่ะนะ
ผมแอบเสียดายในใจ แต่ว่าซาคุยะกลับลุกขึ้นแล้วตรงเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าผม
“ขอโทษนะ แต่ฉันขอเลือกทางที่สาม”
“ทางที่สาม? ว่ามาครับ”
“อย่างไงฉันก็อยากได้เลเวลคืนมา เพราะการไร้พลังจนทำอะไรไม่ได้เลยมันน่าเจ็บปวด แต่ฉันรู้ว่าถึง
ได้พลังคืนมาแล้ว ก็ไม่สามารถเอาชนะไอ้เจ้าหมอนั้นได้ เลยจะขออยู่ที่นี้ต่อไป แล้วถ้าสักวัน…สักวันหนึ่งถ้าฉันเจอกับไอ้เจ้านั้น นายจะช่วยฉันสู้กับมันได้ไหม”
“แบบนี้เอง…แต่ถ้าเธออยู่ที่นี้เธอต้องอยู่ในฐานะทาสนะ เพราะผมจะไม่ช่วยออกไปตามหาเจ้านั้นเด็ดขาด แต่ถ้าสักวัน เกิดบังเอิญผมไปเจอกับมัน แน่นอนผมจะลงทัณฑ์เจ้านั้นให้เธอเอง”
“ขอบคุณมากค่ะ!”
จากนั้นผมก็ให้ดาเซสพาซาคุยะไปเลือกห้อง และพออยู่กันสองคนอาเดไลท์ก็พูดขึ้นมา
“ไหนๆ ก็จะช่วยแล้ว น่าจะช่วยให้ถึงที่สุดนะ”
อาเดไลท์ทำท่าเหมือนอยากให้ผมช่วยเธอล้างแค้นมากกว่า
“การล้างแค้นมันได้แค่ความสะใจเท่านั้นแหละครับ แต่หลังจากล้างแค้นแล้วล่ะ คิดไหมว่าซาคุยะจะอยู่อย่างไง ผมอยากจะให้เธออยู่ที่นี้จนกว่าจะค้นหาเป้าหมายในชีวิตตัวเองให้เจอซะก่อน อย่างน้อยก็อยากให้ปลงเรื่องเพื่อนที่จากไป และคิดถึงหนทางการกลับบ้าน แล้วก็นะไม่ต้องห่วงหรอก…ตราบใดที่ไอ้เจ้าสารเลวนั้นยังใช้ชื่อผู้กล้าอยู่ มันได้เจอผมแน่”
“อะไรทำให้มั่นใจแบบนั้น”
“…แค่ลางสังหรณ์ครับ”
ไม่หรอก เพราะผมคือปลายทางที่ผู้กล้าทุกคนมุ่งหน้าไปหาต่างหาก
“แต่นายนี้ก็ยังคิดอะไรลึกซึ้งเหมือนเคยเลยนะ ฉันเองต่างหากที่คิดอะไรง่ายไป”
อาเดไลท์ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ที่ตัวเองหลงไปกับอารมณ์โกรธจนคิดถึงแต่ทางแก้แค้น
“ไม่หรอกครับ เพราะผมเป็นแค่ไอ้คนลามก ผมเลยไม่คิดเรื่องอื่นที่จะมาทำลายความสุขของผม ก็เท่านั้นเอง”
“งั้นคุณคนลามก จากนี้ฉันคงต้องขอเรียนรู้จากนายเยอะๆ แล้วล่ะนะ”
“ครับ ด้วยความยินดี แต่ผมว่าไปช่วยเดเม่เตรียมมื้อเที่ยงดีกว่า พอดีมีเมนูที่คิดว่าต้องทำให้สำหรับซาคุยะสักหน่อย”
ตอนที่ 56 รสชาติของบ้านเกิด
พอผมเข้าไปในครัวก็เห็นหม้อซุปของราเม้ง ว่าแล้วเชี่ยวเห็นฟรานกระซิบอะไรกับเดเม่ก่อนออกไป ที่แท้ก็อยากกินราเม้งนี้เอง
“เอ๋? นายท่านจะทำอาหารเหรอคะ?”
เดเม่ที่ตามผมเข้ามาในครัวถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“อืม ว่าจะทำเพิ่มอีกหน่อยนะ แต่ที่เดเม่ทำก็ดีแล้วล่ะ จริงสิ มาดูผมทำด้วยนะ อาหารจานนี้ต่อไปคงได้ทำบ่อยๆ แน่”
“ค่ะ!”
เดเม่เดี๋ยวนี้ร่าเริงขึ้นจริงๆ เธอจะดีใจที่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ และนี้แหละที่ผมอยากให้ซาคุยะเป็น ทิ้งอดีตแล้วมุ่งไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่ผมทำเป็นอาหารง่ายๆ มันคือเทมปุระ ผมหั่นวัตถุดิบต่างๆ เป็นชิ้นๆ แล้วชุบแป้งก่อนจะนำไปทอด
“จะว่าไป ทำไมนายท่านไม่ใช่สกิลนี้กับมอนสเตอร์ล่ะคะ?”
เดเม่เห็นผมเพียงแต่เลื่อนมือผ่านวัตถุดิบ ทุกอย่างก็ถูกหั่นออกมาตามแบบที่ผมต้องการแล้ว
“อ้อ นี้ไม่ใช่สกิลต่อสู้น่ะสิ มันใช้ได้กับสิ่งของที่ถูกยืนยันแล้วว่าเป็นแค่วัตถุดิบเท่านั้น แต่ใช้กับมอนสเตอร์หรือสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถูกระบุว่าเป็นวัตถุดิบไม่ได้ ไฟของฉันเองก็ด้วย ดูนี้นะ”
ผมเดินเข้าไปยืนติดกับเดเม่ แล้วเรียกไฟออกมา แทนที่มันจะลุกไหม้ขึ้นมาตรงเท้าของเดเม่ มันกลับเลื่อนไปปรากฏที่ด้านข้างแทน
“เห็นไหม สกิลของฉันมันล็อคเป้าไม่ได้ แต่เป็นประเภทออโต้ที่จะเลือกความปลอดภัยในการใช้กับผู้รอบข้างด้วย”
“เป็นสกิลที่แปลกสุดๆ เลยค่ะ สมเป็นนายท่าน”
“เดี๋ยวนะเดเม่ อะไรที่มันแปลกๆ ไม่ต้องโยนมาให้ผมหมดก็ได้”
“อุย ขอโทษค่ะ คิกๆๆ”
หัวเราะแล้วล่ะ เดเม่หัวเราะออกมาแล้ว ผมเลยลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู ดีจังที่เธอมีความสุข
“อ่ะเกือบลืม เดเม่ซุปเมื่อเช้าเหลือไหม”
“เอร่ากับคุณอาเดไลท์แอบมาซดจนหมดหม้อแล้วล่ะค่ะ”
“หมดกัน ไม่อยากให้อาเดไลท์เลียนแบบเอร่าเลยแฮะ เอาเถอะ ฝากทำซุปเพิ่มด้วยนะเดเม่”
“รับทราบค่ะ!”
แล้วเดเม่ก็เริ่มทำซุปอีกหม้อข้างๆ ส่วนผมก็เริ่มทอดเทมปุระและคอยบอกวิธีควบคุมความร้อนเพื่อไม่ให้เทมปุระไหม้กับเดเม่ไปด้วย
ดูเหมือนว่ากลิ่นของอาหารจะเรียกทุกคนมารวมกัน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปตามเลย
“อ่ะ แล้วกินล่ะ”
ดาเซสสังเกตว่าหายไปคนจึงถามหา ผมเลยชี้ไปที่ใต้โต๊ะ ทุกคนก้มลงไปมองตาม เลยเห็นว่ากินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กอยู่ตรงหว่างขาผม
“ไปทำอะไรตรงนั้นคะ?”
“คือแบบนี้ เผ่าจิ้งจอกเก้าหางน่ะ ไม่กินอาหารกัน แต่จะกินพลังชีวิตหรือไม่ก็…กินมนุษย์น่ะ”
“หา!”
“อ่อ ไม่ต้องห่วง ผมป้อนพลังชีวิตให้กินได้ทุกมื้ออยู่แล้ว เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าเธอจะไปเผลอเขมือบใครหรอก”
“ฉันก็อยากทานแบบกินบ้างจัง”
มิรินพูดพลางหายใจแฮ่กๆ ไปด้วย ไม่ไหวแฮะหื่นจริงๆ มิรินเนี่ย
“กิน จำที่ฟรานทำได้ใช่ไหม ทำแบบนั้นไปนะเดี๋ยวมันก็ออกมาเอง จะกี่รอบก็ได้กินให้อิ่มล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ”
กินยิ้มรับและเริ่มจับดุ้นผมออกมา ถึงแรกๆ จะทำไม่เป็นแล้วไปโดนฟันบ่อยๆ แต่สักพักก็เริ่มชินและคล่องขึ้นตามลำดับ ส่วนผมก็เริ่มกินข้าวพร้อมทุกคนโดยมีกินดูดดุ้นอยู่แบบนั้น
“นายนี้มันหื่นจริงๆ เลย หน้าไม่อายอีกต่างหาก”
นั้นไงซาคุยะเริ่มด่าผมล่ะ ก็เธอยังมีสามัญสำนึกแบบโลกเก่าอยู่นี้นะ
“กรุณาอย่าด่าว่านายท่านเช่นนั้นเลยค่ะ”
โอ้ว น่าแปลกแฮะ เมยอาช่วยพูดให้ผมด้วยล่ะ
“อย่างนายท่านเรื่องแค่นี้ถือว่าเหมือนการหายใจเข้าออก ปกติแล้วทำเรื่องวิตาถารกว่านี้อีกค่ะ”
เอาช่วยซํ้าหรอกเหรอ!
“เลิกรุมผมแล้วกินกันเถอะนะ”
พอซาคุยะก้มลงไปมองอาหารบนโต๊ะเธอก็ทำหน้าแปลกใจ แน่ล่ะ ก็ล้วนแต่เป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นอย่างเราๆ รู้จักกันทั้งนั้น
ซาคุยะหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคีบเทมปุระจิ้มกับนํ้าจิ้มหวาน และเอาเข้าปาก เธอค่อยๆ เคี้ยวจนหมดแล้วยกถ้วยซุปมิโสะใส่สาหร่ายขึ้นมาดื่ม จากนั้นเธอก็หลั่งนํ้าตาออกมา ใช่แล้วล่ะ ก็นี้น่ะมันคือรสชาติของบ้านเกิดไงล่ะ
“อ่ะ คุณซาคุยะกินแบบนั้นไม่ได้นะคะ ต้องใช้ช้อนตักสิ”
ฟรานหันไปดุใส่ซะแล้ว
“ไม่เป็นไรฟราน ปกติคนบ้านเกิดฉันจะยกถ้วยซุปขึ้นดื่มแบบนั้นแหละ ไม่ถือว่าเสียมารยาทหรอก”
“อ่ะ ยกชดได้เหรอ! แล้วก็ไม่รีบบอก!”
เอร่าหยิบถ้วยขึ้นเตรียมซด แต่ผมใช้ตะเกียบตีไปที่มือซะก่อน
“สำหรับเธอใช้ช้อนไปเลย สังเกตดูดีๆ สิ พวกเราไม่ได้ซดอั่กๆ แบบเธอสักหน่อย แต่ค่อยๆ ดื่มไปต่างหาก”
“โรมะใจร้าย”
“ก็เธอมันมารยาทแย่นี่น่า”
ระหว่างที่ผมว่าเอร่าและทุกคนหัวเราะกันอยู่นั้น ซาคุยะก็พูดขึ้นมาเบาๆ
“คิดว่าจะไม่ได้กินของแบบนี้อีกแล้วซะอีก”
“ผมเข้าใจ จากนี้ไปถ้าอยากกินอะไรก็บอกมาได้เลย ผมจะทำให้เอง ถ้าหาวัตถุดิบได้ล่ะก็นะ”
“อืมๆ ขอบคุณนะ นะ นี้มันอร่อยมากเลย อร่อยจริงๆ”
ซาคุยะยังไม่หยุดร้องไห้ เธอกินไปร้องไห้ไป แต่ต่างจากพวกฟราน เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะมันอร่อยเพียงอย่างเดียว แต่เพราะรสชาติที่แสนคิดถึงต่างหาก
ส่วนคนอื่นๆ ก็มีการตอบสนองต่อเทมปุระอยู่ที่ระดับห้าดาวล่ะ เพราะมันเหมือนขนมล่ะมั่ง ข้างนอกเป็นแป้งกรุบกรอบ ข้างในมีทั้งไก่ ปลา ผัก แถมทานคู่กับราเม้งได้อีกด้วย ฟรานเองเป็นคนที่ฟินมากที่สุด เพราะเธอชอบราเม้งมาก
ดอเรียกับอาเดไลท์เองก็ตื่นตาตื่นใจกับอาหารแปลกๆ ที่ตัวเองไม่เคยเจอจนออกอาการที่ผมว่ามันคุ้นๆ อยู่นะ อย่างการคีบเส้นยกขึ้นจนสุดเนี่ย นั้นไงยูรินนั่งหน้าแดงแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปแล้ว
ซึ่งก็ยังเหมือนเช่นทุกวัน เป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ อะ อุ๊ นี้มัน!
ผมรีบก้มลงไปใต้โต๊ะ เพราะความรู้สึกแปลกๆ ที่ดุ้น ตอนนี้กินท่าทางจะเมื่อยมือกับปากแล้ว เธอเลยใช้หางมาม้วนพันรอบดุ้นผมแล้วชักแทนมือ ขนของกินนิ่มมาก มันเลยเสียวสุดๆ กว่าจะทานกันเสร็จผมก็แตกให้กินไปสองรอบแล้ว รายนี้ก็กินจุใช่เล่นแฮะ
ผมตบท้ายมื้อด้วยไอศกรีม ซาคุยะถึงกับตะลึงตาค้างที่เห็นมัน
“ชอบไอศกรีมเหรอ”
“อืม ชะ ชอบมากเลย! ดีใจจังที่ได้กินอีกครั้ง”
“จากนี้ไปก็จะมีให้กินทุกวันจนเบื่อเลยล่ะ”
“อืม…อยากให้ทุกคนได้มากินด้วยจัง”
“…อย่าดราม่านักสิ ผมไม่ได้ขอให้ลืมเรื่องในอดีตหรอก แต่ตอนนี้เธออยู่ตรงนี้กับพวกผมแล้วนะ”
พอผมบอกซาคุยะก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปข้างหน้าพร้อมกับภาพบรรยากาศที่สนุกสนานและดูอบอุ่น
“ถึงจะไม่สามารถกินกับพวกเพื่อนๆ ที่จากไปได้แล้ว แต่เธอยังกินด้วยกันกับพวกผมได้นี้”
ผมบอกพลางใช้ช้อนปัดช้อนของเอร่าที่จ้องจะมาฉกไอศกรีมของผมไป
“อืม อืม!”
ซาคุยะยิ้มทั้งนํ้าตาและตักไอศกรีมเข้าปาก ทั้งๆ ที่เย็นในปาก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกอบอุ่น
หลังมื้อเที่ยงผมก็วานให้ดาเซสเอาอาหารไปส่งให้กับมอเรียที่กิล ส่วนผมก็กำลังคิดว่าจะฆ่าเวลาด้วย
การไปลงดันเจี้ยนนํ้าตกเพื่อหาปลาเพิ่มดีไหม เพราะที่หามาคราวก่อนใกล้หมดแล้ว แถมอยากจะได้อาวุธมัจฉามาปลดสกิลขายด้วย เพราะช่วงนี้ใช้เงินไปเยอะมาก ต้องหาทางเอาเงินมาเพิ่ม
แต่โครงการทุกอย่างก็เป็นอันต้องยกเลิก เพราะดันมีแขกมาเยี่ยมซะก่อน
“โอ้โห!!! คฤหาสน์หลังโตจริงๆ ด้วย”
เสียงโกร่าล่ะ
“เดี๋ยวขอฉันกลับไปเลิกกับสามีก่อน”
“ไม่ต้องเลยทีโม โรมะข้าจองแล้ว”
“เลิกเสียมารยาทกันสักที มีคฤหาสน์หลังโตขนาดนี้ เขาต้องเป็นขุนนางผู้ใหญ่แน่ๆ”
ผมค่อยๆ แง้มประตูหน้าออก แต่เป็นมือของโกร่าที่คว้าหมับเข้าให้ ไม่ให้ผมปิดประตูไล่พวกเธอได้
“ไงๆ เสียเวลาตามหาซะตั้งนานเลยนะโรมะ”
“ชิ้วๆ ที่นี้ไม่ต้อนรับสัตว์กินเนื้อครับ”
“สายไปแล้ว”
เธอดันประตูหน้าเข้ามา แน่นอนผมสู้แรงเธอไม่ไหวหรอก วันนี้ปาร์ตี้ของโกร่าก็อยู่กันครบองค์ประชุมเหมือนเคย
“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ มาหาถึงบ้านเลย”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะแค่ถามเพื่อถ่วงเวลาคิดหาวิธีหนี
“ไว้คุยกันทีหลังเถอะ ตอนนี้มาเย็ดกันดีกว่า”
“ตรงเกินไปแล้ว!”
“หรือว่าไม่อยาก”
“อยาก!”
“งั้นก็เริ่มกันเลย”
โกร่าเดินเข้ามาหิ้วตัวผม ตอนแรกผมกะว่าถ้าเลี่ยงไม่ได้กะพาขึ้นห้องไป แต่นี้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพาไปที่ห้องเลย
เธอมองหาห้องกว้างๆ แล้วก็ไปเจอห้องนั่งเล่นเข้าพอดี ซึ่งมีทั้งหมอนทั้งเบาะและโซฟา เลยพากันเข้าไปทันที
แถมยังเริ่มที่โกร่าซะอีก เธอรู้ว่าผมไม่ชอบให้ถอดเสื้อผ้า เลยแหวกกระโปรงกับกางเกงในออก แล้วจับดุ้นผมเสียบเข้าไปเลย ผมจับกระโปรงเธอเปิดออกดูซะ
หน่อยว่าวันนี้ใส่แบบไหนมา สรุปเป็นสีดำแบบด้านข้างเป็นเชือกระบาย ส่วนตรงเป้าทำเป็นลูกไม้ เซ็กซี่สุดๆ อ่ะ
“เห็นคายุนบอกว่าแกชอบกางเกงในเหรอ ข้ายกที่ใส่อยู่ให้เอาไหม”
“เอาครับ!!”
“งั้นวันนี้ต้องเย็ดตูดข้าแบบที่ทำกับทีโมด้วยนะ”
“ได้เลยครับ”
ผมเลยจัดการกระเด้งเอวสวนการขย่มของโกร่า ที่เริ่มกรีดร้องเสียงแบบสัตว์ป่าออกมา แถมด้วยเสียงอันดังของเธอเลยไปเรียกทุกคนในบ้านมาด้วย
เดเม่เดินมาเสริฟชาให้ตามปกติ ส่วนฟรานเดินผ่านหน้าห้องไปกับกิน สงสัยจะออกไปเดินเล่นกัน
แต่การไม่คิดจะแวะเข้ามาดู แปลว่าเธอเองก็ไม่ค่อยชอบกลุ่มของโกร่าสักเท่าไร
“หือ ใครอีกล่ะเนี่ย?”
อาเดไลท์ที่เข้ามาเห็นพวกโกร่าก็ทำหน้าแบบเอื้อมระอา ราวกับจะบอกว่านี้นายเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซํ้าเลยนะ ผมเลยต้องแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน แล้วไม่รู้ทำไมเธอต้องไปยกกระดานหมากมาตั้งในห้องนี้ด้วย เข้าใจผิดหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเล่นเดินหมากกับเธอเวลามีอะไรกับคนอื่นอยู่นะ แต่เอาเถอะ ก็ไม่ได้รบกวนอะไรสักหน่อย มีอาเดไลท์อยู่ด้วยดีซะอีก เพราะแค่มองหน้าเธอไปผมก็ตื่นเต้นจนแทบจะแตกแล้ว
ผมเด้งสวนรับจังหวะกระแทกลงมาของโกร่า พลางเล่นหัวนมที่ยื่นออกมาด้วย ส่วนอีกมือก็ลูบไปตามกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งราวกับหิน ร่างกายเธอมีแต่
กล้ามจริงๆ แต่นั้นแหละที่ทำให้ช่องคลอดของเธอฟิตอย่างกับอะไรดี ยิ่งผมลูบกล้ามเนื้อเธอ โกร่าก็ยิ่งมีอารมณ์
“โรมะข้าจะเสร็จแล้ว! ย๊า! อ๊า! ปล่อยข้างในเลย ทำให้ข้าท้องลูกของแกซะโรมะ!”
เฮ้ยซิบหายล่ะ! ท้องแน่ๆ เด้งเป็น On แล้วไง ไม่เอานะเฟ้ย โกร่ามีสามีมีลูกแล้วนะ ผมเลยต้องเร่งให้เธอเสร็จก่อน เลยใช้นิ้วไปเขี่ยปุ่มคริของเธอ โกร่ากัดฟันแน่นและร้องอ๊ากออกมา และพ่นนํ้าร้อนๆ ใส่หน้าขาผมจนเปียก
ฟู่ เซพ
พอโกร่าแตกไปรอบ เธอก็เริ่มอ่อนแรงแล้ว คือจากครั้งก่อนผมก็รู้แล้วล่ะว่า โกร่าไม่ใช่แบบที่อึดเหมือนกับรูปร่างของเธอ เธอแรงดีแค่รอบแรก พอแตก
แล้วก็จะอ่อนเป็นนํ้าผึ้งเลย ผมจับเธอพลิกตัว ให้นอนลงบนพื้นและโก้งตูดขึ้นมา
“อ่ะ นี้จะเอาทางนั้นอีกแล้วเหรอ”
ดูเหมือนอาเดไลท์จะสนใจเวลาผมทำทางทวารหนักมาก เธอมองเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คงไม่เข้าใจว่ามันจะรู้สึกดีได้อย่างไงล่ะมั่ง
ตอนนี้ดุ้นผมชโลมไปด้วยนํ้าเงี่ยนของโกร่าอยู่ เลยสอดเข้าไปในตูดเธอได้ไม่ยาก แถมกล้ามเนื้อเธอคลายตัวหลังจากเสร็จรอบแรกไปแล้วด้วย แต่สำหรับครั้งแรกทางทวารหนัก ต้องรีบใส่เข้าไปในสุด ไม่งั้นเดี๋ยวพอรู้สึกตัวแล้วเจ็บขึ้นมา ก็จะขมิบก้นจนแทงไม่เข้า
ผมกระดกตูดดันดุ้นเข้าไปทีเดียวสุดลำ โกร่าร้องกรี๊ดราวกับคนเสียสติ ว่าไงดีล่ะ ในตูดเธอนี้สุดๆ เลยมันแข็งแรงเหมือนกับกล้ามเนื้อเธอไม่มีผิด ทั้งตอดทั้งดูด
ผมเลยแตกใส่ไปก่อนรอบหนึ่ง เพื่อให้ข้างในตูดเธอปรับสภาพให้เป็นตูดจิมิ พอมีนํ้าหล่อลื่นไหลออกมา มันก็ขยับได้ง่ายขึ้น ผมเลยตะบันไม่ยั้งเลย
ไม่ถึงสามนาทีโกร่าก็เสร็จทางก้นไปแล้ว เธอหลับไปทั้งๆ ที่มีดุ้นผมกระแทกตูดเธออยู่เลย แต่ยังมีอีกตั้งสามคนรออยู่ ผมเลยดึงดุ้นออกมาและรูก้นของโกร่ายังเปิดค้างอยู่เลย ผมใช้คลีนนิ่งใส่ดุ้นที่มีขี้ของโกร่าติดอยู่ออก จากนั้นก็จะไปดึงตัวทีโมทีมาต่อ เพราะดูเธอเงี่ยนสุดในกลุ่มล่ะ เพราะเล่นยืนล้วงหีตัวเองจนนํ้าไหลออกมาเต็มหน้าขาไปหมดแล้ว
แต่คายุนจับมือผมเอาไว้
“โรมะ ช่วยเย็ดบลูมก่อนได้ไหม”
“ได้สิ”
ผมพยักหน้ารับ และดึงแขนของบลูมให้เข้ามาหา ผมเห็นเธอค่อนข้างกลัว เลยไม่แน่ใจว่าอยากทำแน่หรือเปล่า
วันนี้บลูมใส่กางเกงในสีขาวล้วน ไม่มีโบว์แต่มีระบายรอบขอบขาและเอว ผมไม่แม้แต่จะถอดเกราะเธอออก แต่แหวกขอบกางเกงในและลงลิ้นไปเลียทันที
อร่อยแฮะ รสชาติเข้มข้นคาวนิดๆ กลิ่นเหมือนสาวหื่นเลย ปากหอยของบลูมแคบกว่าของยูรินอีก ก็ไม่แปลกก็ตัวเล็กกว่านี่น่า ผมลองเอานิ้วชี้สอดเข้าไป ปรากฏว่าเข้าไม่ได้ มันติดแค่ตรงกลางข้อนิ้วแรก ข้างในเธอรีบรัดแน่นมาก ผมเลยต้องเล่นปุ่มคริเธอไปด้วยเพื่อให้เธอคลายแรงบีบรัดลง แต่กลับยิ่งทำให้ข้างในรัดแบบกว่าเดิม
ผมเลยเปลี่ยนไปจูบกับเธอ แต่บลูมคงไม่ถนัดเลยได้แต่อ้าปากกว้างๆ ให้ผมสอดลิ้นเข้าไปเล่น แค่โดนจูบบลูมก็ทำตาลอยแล้ว
พอลองสอดนิ้วเข้าถํ้าเธออีกครั้ง ข้างในเริ่มคลายตัวแล้วถึงจะยังแน่นอยู่ก็เถอะ ผมจัดดุ้นผมจ่อปากถํ้า และค่อยๆ ให้มันขยับเข้าไป แล้วจากนั้นก็ราวกับเดจาวู ดุ้มผมกำลังโดนหอยของบลูมกลืนกินอยู่ล่ะ หอยของพวกดวาฟเนี่ยเป็นแบบนี้หมดเลยเหรอ!
แต่พอส่วนหัวพ้นเข้าไป บลูมก็เกร็งตัวหนักๆ ขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนหัวดุ้นผมไปโดนบางอย่าง เลยก้มลงมองดู ปรากฏว่ามีเลือดไหลซึมออกมาอยู่
“อ้าว นี้เธอยังบริสุทธิ์อยู่เหรอ!”
“อืม”
บลูมพยักหน้ารับทั้งนํ้าตา
“ดีใจด้วยนะบลูม ถึงจะมาเสียตัวครั้งแรกเอาตอนอายุ 150 แล้วก็เถอะ แต่ดีกว่าแก่ตายไปทั้งๆ ที่ยังบริสุทธิ์ล่ะนะ”
คายุนเข้ามาแสดงความดีใจด้วย แต่ผมนี้ช็อคเลย ถ้าคำนวณอายุของดวาฟเทียบกับมนุษย์ดูแล้ว นี้ผมกำลังเอาคนรุ่นย่าอยู่เลยนะ!
“ขะ ขยับเลย เอาข้าแรงๆ เหมือนที่เอากับทีโมเลย”
โอย น่ารักอ่ะ! ผมเริ่มกระแทกเอวตามที่เธอขอ เลือดไหลออกมาจนย้อมกางเกงในสีขาวของบลูมจนกลายเป็นสีแดงไปแล้ว
แต่ถึงจะเป็นครั้งแรกบลูมก็ถึงจุดสุดยอดไปอย่างรวดเร็ว แถมเสียงร้องออกจะเรียบร้อย ไม่เหมือนยูรินที่ร้องเหมือนกับโดนข่มขืนอยู่
เอ๋ แต่ข้างในไม่เหมือนกันแฮะ? ช่องคลอดของบลูมยืดได้ก็จริง แต่ไม่ยาวจนรับดุ้นผมเข้าไปได้หมด ของบลูมพอพ้นเข้าไปได้เกือบครึ่งก็ชนกับปากมดลูกเธอแล้ว ปากมดลูกของบลูมแข็งเหมือนหินเลย ไม่สามารถดันเข้าไปได้แบบยูริน ผมเลยต้องขยับเอวแบบยั้งๆ ไว้ ความรู้สึกเหมือนเอากับเด็กจริงๆ เลย
แต่เพราะข้างในเธอบีบรัดได้แน่นสุดๆ มันเลยรีดนํ้าเชื้อผมให้พุ่งใส่ พอโดนนํ้าเชื้อร้อนๆ เข้าไปบลูมก็เสร็จไปอีกรอบ แล้วเธอก็นิ่งไปเลย หลับแล้วเหรอ? เดี๋ยวสิ ไหนว่าดวาฟถึกไง ยูรินยังได้ถึงห้ายกเลยนะ
“ต่อไปตาฉันนะ นะ นะ!”
ทีโมทีเข้าจับบลูมโยนออกไปด้านข้างทันที ท่าทางกระหายดุ้นแบบสุดๆ แล้ว แถมยังถอดเสื้อผ้ารออยู่แล้วต่างหาก เธอไม่เหลืออะไรไว้สักชิ้น นมที่เหลวเป็น
ถุงกาแฟแกว่งไปมาเหมือนลูกดิ่ง ทีโมทีจับดุ้นผมจ่อไปที่ตูด อ้าว รายนี้ก็ชอบทางตูดเหมือนดาเซสเหรอ
แต่เพราะผมเคยปรับสภาพภายในตูดเธอมาแล้ว มันเลยมีนํ้าหล่อลื่นออกมาแถมสะอาดด้วย ผมเลยจับเธอให้นอนโก้งตูดแบบเดียวกับที่ทำกับโกร่า แต่ผมสลับใส่ทั้งทางตูดทั้งทางหอยของเธอ จนทีโมทีร้องไม่เป็นภาษา ปากก็ร้องขอโทษสามีแต่สีหน้าเธอนี้มันฟินสุดๆ อยู่เลยนะ แถมยังส่ายเอวสู้ผมไม่ถอยเลย
ทว่าพอผมเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นซาคุยะยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องนั่งเล่น มองมาที่ผมด้วยสายตารังเกลียดสุดๆ
“ไอ้บ้ากาม จะทำก็ไปทำที่ห้องสิ”
“เอ่อ พวกเธอลากผมมาที่นี้น่ะ ถ้ารบกวนก็ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร บ้านของนายนี้ อยากทำอะไรก็เชิญ ว่าแต่ทำไมเธอถึงนั่งดูหน้าตาเฉยเลยล่ะ ไม่คิดจะห้ามหรือต่อว่าอะไรหน่อยเหรอ”
ซาคุยะหันไปถามอาเดไลท์ที่กำลังจ้องดุ้นผมที่สลับเข้าออกทั้งสองรูอย่างใจจดใจจ่อ
“ทำไมต้องห้ามล่ะ? มันน่าสนใจดีออก”
“บ้านนี้มีแต่พวกโรคจิตหรือไงเนี่ย!”
ซาคุยะแหกปากขึ้นมาอย่างหมดความอดทน
“กรุณาอย่ารวมฉันไปกับคนพวกนี้ด้วยสิคะ”
เมยอาเข้ามาพร้อมกับสมุดบัญชีในมือและขัดขึ้นอย่างได้จังหวะพอดี
“เอานี้ค่ะฉันทำเสร็จแล้ว ช่วยตรวจดูแล้วลงชื่อด้วย”
เมยอาส่งสมุดบัญชีให้ผม ซึ่งจัดแยกรายรับรายจ่ายได้อย่างจัดเจนดี แต่ผมงงตรงรายรับ
“เมยอา สมบัติของมิริน กับ เงินเดือนของมอเรีย ทำไมมันมาอยู่ตรงรายรับได้ล่ะ”
“คุณมิรินนำสมบัติที่สะสมตอนเป็นนักผจญภัยมามอบเข้าเงินกองกลางของบ้านค่ะ คุณมอเรียเองก็เอาเงินเดือนทั้งหมดมาเข้ากองกลางเหมือนกัน”
“ลองห้ามพวกเธอยัง”
“ห้ามแล้วค่ะ แต่เธอบอกว่าอยากทำเพื่อนายท่านที่เหนื่อยหาเงินอยู่คนเดียวบ้าง”
“ดีใจหรอกนะที่ทำอะไรเพื่อผม แต่ไม่อยากให้พวกเธอคิดมากแบบนี้เลย”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ แต่ถ้านายท่านยังไม่หยุดกระแทกเอวใส่แบบลิงบ้ากามอย่างนี้ เธอคนนี้คงตายคาดุ้นของนายท่านแน่ค่ะ”
พอเมยอาทัก ผมเลยก้มลงไปมองทีโมทีที่นํ้าลายฟูมปากไปแล้ว เพราะผมไม่ได้หยุดสอยสลับรูเธอเลย สงสัยจะเสียวมากเกินไปหน่อย แต่ตอนนั้นเองซาคุยะก็เข้ามายืนข้างๆ เมยอาและชี้หน้าต่อว่าใส่ทันที
“เธอนั้นแหละโรคจิตที่สุด! เจ้านายตัวเองกำลังทำเรื่องสัปดนอยู่แท้ๆ ยังเข้ามาคุยเรื่องงานเฉยเลย!”
“หา? คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ นายท่านน่ะเหมือนลิงติดสัด ที่มีความต้องการทางเพศอยู่ตลอดเวลา จะเช้าสายบ่ายเย็นก็ทำแต่เรื่องลามก เพราะงั้นถ้ารอให้เขาว่างฉันคงไม่ได้คุยงานแน่ๆ ค่ะ”
“โอ่ย ผมยังอยู่ตรงนี้นะ ถ้าจะนินทาก็ไปที่อื่นสิ”
ผมส่งบัญชีที่เซ็นชื่อรับแล้วคืนให้เมยอาพลางทักไปด้วย แต่ถึงทักไปอย่างไงเมยอาก็ชอบหลอกด่าผมซึ่งๆ หน้าอยู่แล้ว
“นี้โรมะ ตานายแล้วรีบๆ มาเล่นต่อได้แล้ว”
อาเดไลท์เรียกผมไปที่กระดานหมาก
“เธอนี้ก็โคตรเนียนเลยนะ!”
ซาคุยะเริ่มปวดหัว เลยยอมเดินจากไปแต่โดยดี
“อ่ะ ต่อเลยไหมคายุนซัง”
ผมนึกได้ว่ายังเหลือคายุนซังอยู่ แต่เธอไม่อยู่ในห้องแล้ว พอมองไปรอบๆ ก็เห็นเธอยืนอยู่ตรงระเบียง
และยื่นหน้าอกดันกันอยู่กับดอเรีย คนตัวสูงอย่างเธอยังเตี้ยกว่าดอเรียอยู่ช่วงศีรษะ แต่ทั้งคู่เป็นสาวสวยแบบญี่ปุ่นเหมือนกัน แถมยังใส่กิโมโนเหมือนกันอีก เลยมองเป็นคู่แข่งกันล่ะมั่ง
“สวยไม่เบานี้ แต่ขอบอกก่อนนะโรมะน่ะชอบผมของข้าที่สุด”
“เหรอ แต่น้องสาวของข้าเข้ากับเขาได้ดีที่สุด”
กรอดดดด!
นั้นไง แยกเขี้ยวใส่กันแล้ว ผมเลยเดินไปข้างหลังคายุน แล้วเสียบดุ้นที่อาบนํ้าเงียนของทีโมทีใส่ทั้งๆ ท่ายืนเลย
“ดอเรียอย่าทะเลาะกับแขกสิ”
“ยัยนี้มาหาเรื่องก่อน”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ต้องรู้จักอดทนหน่อยนะ”
“รับทราบ ทีหลังข้าจะระวัง แต่เจ้าควรเก็บแรงไว้ให้พวกข้าคืนนี้ด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมทำได้ทั้งวัน”
“อุ๊! สมเป็นชายที่ใช้ดุ้นสยบเซนทอร์เช่นข้าได้ งั้นข้าขอตัวไปหายูรินก่อน อยากให้เธอทำหินลับมีดอันใหม่ให้หน่อย”
“อืม ตามสบาย”
ขณะที่คุยผมก็สอยจนคายุนลิ้นห้อยออกมาแล้ว เลยสอดมือไปจับต้นขาเธอ และยกขึ้นในท่าถางขา และพาเดินกลับไปในห้องนั่งเล่นทั้งๆ แบบนั้นโดยไม่ปล่อยให้ดุ้นหลุดออกมา
พอวางเธอลง ผมก็ปลดกิโมโนของเธอออก วันนี้ก็ยังเป็นผ้าคาดอก แต่หน้าอกเธอนูนจนชัดเจน ส่วน
กางเกงใน…คายุนไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ วันนี้เธอใส่เป็นสีนํ้าเงินเข้ม มีโบว์สีชมพูตรงกลาง และมีระบายตรงขอบบน ตรงขอบสองข้างของตรงเป้า เป็นผ้าแบบซีทรู แต่เส้นตรงกลางที่ปิดเนื้อหอยเป็นผ้าทึบ และมันเป็นแบบเอวสูง เลยขับเน้นส่วนสามเหลี่ยมให้เซ็กซี่สุดๆ
เมื่อเห็นกางเกงในเซ็กซี่แบบนี้ เลยยิ่งทำให้ผมคึกเลยควบเธออย่างหนัก แต่ผมไม่ให้เธอเปิดเบอเซริกโหมดได้ พอเธอทำท่าจะไม่ไหวแล้วเปิดใช้ ผมก็จะดึงดุ้นออกแล้วยัดใส่ปากเธอแทน ผมกระฉูดใส่คาปากเยอะมาก จนนํ้าเชื้อไหลออกทางจมูกเธอ แต่ผมยังอยากทำต่ออีก เลยเอากลับไปเสียบหอยเธอต่อ คายุนใช้ขาพันรอบเอวทันที ผมเลยยกตัวเธอขึ้นมาในท่าลิงอุ้มแตง แต่
จังหวะนั้นเอง ผมก็หันไปเห็นแขกที่พึ่งเข้ามา…เนปฟ่ากับชีเอ้ล่ะ มาได้ไงฟ่ะ!
มาแล้ววว อุตส่าเฝ้าทุกวันพุธน้ำตาจิไหล ขอบคุณครับ
ตอบลบ