ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 66 - 68 By Kumao






ตอนที่ 66 แข่งประมูลการ์ดวัลวีช

จากนั้นผมก็ไปติดต่ออิลิทที่เป็นคนกลาง และจ่ายค่าจ้างส่วนตัวไป เพื่อขอข้อมูลสินค้าที่เอามาประมูล
ระหว่างที่รอผมก็ไปเดินดูโซนจัดแสดง ซึ่งมือถือที่ผมเคยหลอกขายไป มีคนซื้อไปแล้วล่ะ เชื่อเลยแฮะ ส่วนพวกทาสที่นำมาจัดแสดง ก็มีน่าสนใจอยู่หลายคน แต่พึ่งจะโดนเมยอาว่าไป ผมเลยต้องคัดดีๆ หน่อย
ส่วนแบ่งตลาดทาสนั้นจะเป็น มอนสเตอร์หรือพวกที่เรียกว่าครึ่งสัตว์ซะกว่า 80% อีก 20% เป็นมนุษย์ แต่น่าขำสินค้าที่ขายดีกลับเป็นพวกมอนสเตอร์ โดยเฉพาะแวมไพร์ ตอนนี้ล่าถีบตัวสูงขึ้นมาก
เหตุผลผมมารู้จากอิลิล ว่าเป็นเพราะผมนั้นแหละ ที่พาฟรานซึ่งเป็นแวมไพร์มาเดินอวดทุกวัน จนมีคนอยากได้บ้าง แต่ว่าเผ่าพันธุ์แวมไพร์ถูกทางโบสถ์กวาดล้างครั้งใหญ่ไปเมื่อสองปีก่อน ซึ่งจากเหตุการณ์
คราวนั้น ก็แทบจะทำให้พวกแวมไพร์สูญพันธุ์กันเลยทีเดียว
ตรงจัดแสดงเลยมีแต่ป้ายรับสั่งจองทาสแวมไพร์ หรือรับซื้อ แต่ไม่มีตัวสินค้าเลย ท่าทางจะหายากจริงๆ แฮะ
ส่วนอีกเผ่าที่ได้รับความนิยมก็คือ ยักษ์ เรียกว่าเป็นทาสแรงงานชั้นดีเลยก็ว่าได้ และเพราะค่อนข้างโง่ เลยทำให้ฝึกให้เชื่องได้ไม่ยากเท่าไร แต่ก็ต้องระวังให้มาก ถ้าบางครั้งไปทำให้โกรธมากๆ ยักษ์จะอาราวาดจนไม่สนใจพันธะทาส ส่วนใหญ่พวกทาสยักษ์มักจะตายเพราะสาเหตุนี้
ผมเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งไปเจอกรงหนึ่งในโซนพวกยักษ์ ข้างในกรงมียักษ์สาวสองคน เป็นฝาแฝดกันด้วย พวกเธอไว้ผมเปียสีช็อคโกแลต ถ้าเทียบส่วนสูงกับ
พวกยักษ์ที่เฉลี่ยอยู่ที่สามเมตร พวกเธอจัดว่าตัวเล็กกว่ามาก สูงประมาณสองเมตรสิบได้ ผมเทียบกับคายุนเอาน่ะ แต่พวกเธอรูปร่างค่อนข้างดี มีกล้ามเนื้อไม่มาก แต่หน้าอกใหญ่พอดีตัว น่าจะคัพ C
แต่สภาพของพวกเธอผอมมาก แถมยังป่วยหนักอยู่ด้วย โดยที่แฝดคนหนึ่งหน้าแดงจัดสงสัยมีไข้สูง
ราคาพวกเธออยู่ที่ 15 ล้านรีลเลยทีเดียว แต่ถ้าหารสองก็คนล่ะ 7.5 ล้านรีล แต่ก็ยังแพงกว่าราคาเผ่ายักษ์ทั่วไป ผมเลยเข้าไปถามพ่อค้าทาสดู
เหตุผลที่พวกเธอแพงซะขนาดนี้ เพราะทั้งคู่เป็นทาสสะสม แบบว่าเป็นยักษ์ที่ถือว่าสวยมากๆ ซึ่งจัดว่าหายากยิ่งกว่ายาก ก็จริงล่ะ ที่เดินผ่านๆ มายักษ์เพศหญิงนี้หน้าตาดูไม่ได้เลย มีสองคนนี้แหละที่สวยจนทำให้ผมต้องหยุดดูได้
แต่ผมมีเลือดพ่อบ้านอยู่เต็มตัว ถึงจะมีเงินให้ใช้เยอะ ก็ยังต้องประหยัดให้ถึงที่สุด ผมเลยต่อราคาไป
“แต่พวกเธอคนหนึ่งป่วยใกล้จะตายแล้วนะ ผมซื้อคนเดียว 8 ล้านรีลได้ไหม”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าพ่อค้าทาสไม่แบ่งขายแน่ เพราะเป็นทาสแฝดมันถึงมีราคา แถมทาสที่ป่วยอยู่ก็ขายไม่ออกด้วย ฉะนั้นเขาก็จะต้องพยายามยัดเยียดขายให้ผมแน่ๆ
“มะ ไม่ได้หรอกพี่ชาย ผมขายเป็นคู่น่ะ”
“น่าเสียดายจังแฮะ แต่ไว้อีกสองสามวันค่อยมาดูใหม่ล่ะกัน อย่างไงกลับมารอบหน้าก็คงเหลือคนเดียวอยู่แล้ว”
ใช่ ประเมินจากอาการป่วยแล้ว ผมว่าแฝดที่ป่วยอยู่รอดได้ไม่เกินสองสามวันหรอก
“ดะ เดี๋ยวก่อนพี่ชาย!”
ติดเบ็ดแล้ว
“เอาแบบนี้ไหม ผมลดเหลือ 12 ล้านพอ”
“สำหรับยักษ์หนึ่งตัว 12 ล้านแพงเกินไปนะ”
ใช่สำหรับยักษ์ราคาจะอยู่ที่ 1-2 ล้านเท่านั้นแหละ
“ลดมากกว่านี้ไม่ไหวแล้วล่ะ”
“งั้นทำไมไม่ส่งเข้าประมูลล่ะ”
ผมจี้จุดตายไป ใช่สินค้าที่ไม่ได้เอาเข้าประมูล มีเหตุผลเดียวคือเจ้าของไม่มั่นใจว่าจะขายออก จริงอยู่ที่ว่าพวกนี้คือทาสสะสมที่มีกลุ่มที่สนใจอยู่ แต่สินค้าสภาพไม่ดีแล้ว แถมถึงจะเป็นทาสสะสม แต่คนที่ต้องการยักษ์ก็มีไว้เพียงเพื่อใช้แรงงานเท่านั้น แต่แฝดคู่นี้ตัวเล็ก
แถมผอมมาก เอาไปใช้เป็นแรงงานไม่ได้ ราคาที่ตั้งไว้ตอนนี้ไม่มีทางประมูลออกแน่ สุดท้ายก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม แล้วปล่อยไปอยู่ในสินค้าหลุดประมูล จนโดนลดราคาลงเรื่อยๆ จนถูกเหมือนได้ฟรี
“กะ ก็ได้ 10 ล้านรีล โอเคไหม”
“ไม่ 9 ล้านรีล”
“…โธ่เว้ย! เอาไปเลย เก้าล้านก็เก้าล้าน”
แพ้ซะแล้วล่ะคุณพ่อค้าทาส แต่อย่าโกรธเลยนะ แค่นี้คุณก็ได้กำไรกว่าเอาไปประมูลแล้วล่ะนะ
“ซื้อทาสอีกแล้วเหรอ กลับไปโดยเมยอาบ่นใส่แน่”
เอร่าทำหน้าสะใจอยู่ข้างหลังผม
“ไม่ๆ ฉันซื้อสองคนนี้ไปเพื่อช่วยสร้างกำแพงต่างหาก เพราะดาเซสกับยูรินต้องทำงานหลายอย่าง กำแพงเลยไม่เสร็จสักที”
ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ ถึงจะมีเหตุผลอย่างอื่นแอบแฝงไว้ด้วยก็ตาม
หลังจากทำพันธะทาสเสร็จแล้ว ผมก็ขอเช่าห้อง VIP แบบเดิม ก่อนอื่นอยากจะรักษายักษ์แฝดคนหนึ่ง ที่ป่วยอยู่เป็นอย่างแรกล่ะนะ แต่พึ่งนึกขึ้นได้ วันนี้ผมไม่ได้พาแผนกรีดนํ้าเชื้อมาด้วยสักคนเลย…
เอร่านี้ตัดทิ้งได้เลย ส่วนแฝดยักษ์ก็ไม่อยากให้กลัวตั้งแต่ตอนนี้ ผมมองซ้ายแลขวา ก็มีแต่พนักงานสาวที่กำลังพาผมไปที่ห้อง
ผมเลยลองถามเธอแบบจริงจังสุดๆ ว่าขอมีอะไรกับเธอครั้งหนึ่งโดยจะจ่ายให้สองพันรีล คิดว่าถ้า
เธอไม่ยอมก็จะเพิ่มเงินขึ้นอีก แต่ที่ไหนได้ยอมตั้งแต่สองพันแล้ว ก็ไม่แปลกล่ะ นี้มันราคาตั้งสองเท่าของราคาสาวบริสุทธิ์เชียวนะ
พอเข้าห้องมา ผมก็เลยจับเธอนอนลงบนโซฟา และจัดท่าปกติไปรอบหนึ่ง ระหว่างที่ผมทำ เอร่าก็เข้าไปอธิบายให้พวกแฝดยักษ์ฟัง ดีที่แฝดคนหนึ่งฟังภาษามนุษย์ออก เป็นแฝดคนที่ป่วยอยู่ล่ะนะ
เอร่าบอกว่าเดี๋ยวผมจะรักษาให้ แต่พวกเธอต้องกินนํ้าเชื้อผมเข้าไป เอร่านี้ก็เริ่มเป็นงานแล้วแฮะ เธออธิบายเพื่อไม่ให้ทั้งสองเกิดกลัวหรือตกใจขึ้นมา พอผมเสร็จศึกและดึงดุ้นออกมา ทั้งสองก็มานั่งรอรับนํ้าเชื้อของผมแล้ว
“ขอขอบพระคุณนายท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
แฝดคนที่ป่วยอยู่ตะกี้ พอหายดีแล้วก็รีบก้มกราบผมทันที ส่วนอีกคน ก็โขกหัวให้เป็นการใหญ่ เพราะพูดภาษามนุษย์ไม่ได้เลยต้องใช้การแสดงออกแทน
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะถ้าพวกเธอเป็นอะไรไป ผมก็ขาดทุนน่ะสิ ว่าแต่พวกเธอชื่ออะไรกัน ผมชื่อโรมะ”
“ขะ ข้าชื่อโรสลิน ส่วนพี่สาวข้าชื่อจามิร่า”
ชื่อเพราะแฮะ พวกยักษ์นี้ชื่อทำนองนี้หมดเลยหรือเปล่านะ น่าสนใจ
แต่พอคุยเรื่องงานของพวกเธอ กลับมีปัญหาขึ้นมาซะได้ เพราะถึงทั้งคู่จะยอมทำงานให้ผม แต่พวกเธอไม่ยอมมีอะไรกับผมเด็ดขาด ผมเองก็ไม่ถามซักไซ้หรอก ถ้าไม่ยอมก็คือไม่ยอม ผมไม่บีบบังคับอะไรอยู่แล้ว
โรสลินกลัวผมจะเอาพวกเธอไปขายคืน แต่พอได้ยินว่าผมตกลง เธอก็ทำหน้าประหลาดใจขึ้นมา พลางหันไปอธิบายให้พี่สาวฟังด้วย
จามิร่าพุ่งเข้ามาโขกหัวให้อีกรอบ ผมเลยกวักมือให้พวกเธอลุกขึ้น แต่ในใจเสียดายสุดๆ ว่าจะลองชิมยักษ์ดูสักหน่อย แต่เอาเถอะได้แรงงานเป็นสาวสวย ก็ดีกว่าเป็นพวกผู้ชายลํ่ากล้ามเป็นมัดล่ะนะ
ผมนำอาหารสำรองออกมาให้พวกเธอกินกัน เพราะถึงหายป่วยแล้วแต่ถ้าอดตายไปคงแย่ ส่วนเสบียงคราวนี้ เป็นแซนวิซที่ทำไว้เมื่อเช้า แต่ขนาดมันดูเล็กไปเลย เพราะเพียงแค่คำเดียวก็หมดชิ้นแล้ว สองพี่สองกินไปขอบคุณผมไป เพราะพวกเธอชอบแซนวิซมาก พวกเธอบอกว่าตั้งแต่ถูกจับมาก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย เพราะไม่ยอมมีอะไรกับคนที่มาซื้อ พ่อค้าทาสเลยจับพวกเธออด
ข้าวจนกว่าจะยอม ตอนแรกพวกเธอตั้งแต่จะอดตายกันไปทั้งๆ แบบนั้น ดีที่มาเจอผมซะก่อน
ระหว่างนั้นอิลิทก็เข้ามาพอดี เขาเอาใบข้อมูลสินค้าแบบคราวก่อนมาให้ ส่วนผมก็จ่ายเงินไปตามที่ตกลงกันไว้
ผมกับเอร่ามาตรวจดูรายชื่อสินค้าประมูลรอบเช้ากัน พอเอร่าเห็นมีภาพวาดของเธออยู่อันดับแรกๆ เลย ก็ยิ้มหน้าบานออกมา ยัยนี้จะรู้ไหมนะ ว่าเขาจะเอาสินค้าที่ความน่าสนใจน้อยออกมาก่อน
วันนี้ก็เหมือนเดิม ส่วนใหญ่เป็นทาส แถมมีคริสตัลวิญญาณออกมาแค่ก้อนเดียวอีก คงดุเดือดดีพิลึกล่ะวันนี้ แต่ผมเล็งอย่างอื่นไว้ด้วย มันคือการ์ดวัลวีช
ตัววัลวีชจะอยู่ในดันเจี้ยน เฟรมเนส มีขนาดตัวแค่สามสิบเซน มีลักษณะเหมือนกับต้นหญ้ามีขา พลังโจมตี
ของมันแทบจะเป็นศูนย์ แต่เป็นตัวที่นักผจญภัยไม่อยากสู้ด้วยมากที่สุด เพราะทันทีที่วัลวีชตาย มันจะคายพิษออกมาปกคลุมทั้งชั้น
ส่วนคุณสมบัติของการ์ดที่บวกให้คือ –Medical item (Creation skill)
สรุปคือถ้าใช้การ์ดใบนี้ก็จะได้มีสกิลผลิตยานั้นเอง
กับอุปกรณ์เวทอีกชิ้นที่ผมเล็งไว้ ซึ่งราคาน่าจะแพงเอาเรื่อง แต่ไม่เป็นไร เมยอาให้งบค่าใช้จ่ายความหื่นผมมาไว้ตั้ง 500ล้านรีล เหลือกินเหลือใช้เลยล่ะ
แต่เวลายังเหลือกว่าจะเริ่มการประมูลรอบเช้า ผมเลยพากันไปเดินดูโซนของหลุดประมูล แต่มันแทบไม่เหลืออะไรแล้ว โซนนี้จะคึกคักแค่ช่วงเที่ยงกับหลังหกโมงเย็น เพราะเป็นช่วงหลังปิดประมูลไปแล้ว และสินค้าหลุดจะเริ่มทยอยออกมาที่โซนนี้
สินค้าที่อยู่มาถึงตอนนี้ ก็คือเป็นของค้างมาจากเมื่อวานเย็น แต่เล่นอยู่ข้ามคืนแบบนี้ ราคาก็แทบไม่เหลือแล้ว บางชิ้นถูกยิ่งกว่าข้าวจานหนึ่งซะอีก
เท่าที่เดินดูก็สมควรแล้วจะไม่มีใครเอา มันมีทั้งเสื้อผ้าเก่าสกปรกที่ขาดเป็นรู หรืออาวุธที่หักพัง ไม่เข้าใจเลยคนที่เอามาเข้าประมูลคิดอะไรกันอยู่ แต่ผมแลเห็นประโยชน์อยู่ เลยกวาดซื้อเรียบเลย เพราะเสื้อผ้าถ้าใช้คลีนนิ่งมันก็สะอาดแล้ว จากนั้นก็ให้ไรโมดอลเอาไปใช้ได้ ส่วนอาวุธก็เอาเศษๆ ไปให้ยูรินหลอมสกัดแร่ออกมาใช้ต่อได้อีก งานนี้เหมือนกำลังอยู่ในร้านราคาร้อยเยนอยู่ก็ไม่ผิด (ร้านที่สินค้าทุกอย่างราคาแค่ร้อยเยน)
บางคนก็หัวเราะเยาะสิ่งที่ผมทำอยู่ เรียกผมว่าไอ้โง่บ้างล่ะ แต่ใครจะสนเพราะสำหรับผมนี้ไม่ใช่การ
จ่ายเงิน แต่เป็นการลงทุนที่กำลังจะได้กำไรมหาศาลกลับมา
พอซื้อเสร็จผมก็กลับเข้าไปในห้อง VIP เพื่อเริ่มประมูลรอบเช้า
เมื่อถึงคิวภาพวาดของเอร่า ผมก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เพราะแม้แต่พนักงานบนเทวีก็ไม่รู้จะเชียร์สินค้าชิ้นนี้อย่างไงดี และแน่นอนไม่มีใครเสนอราคาออกมาเลย
เอร่าเลยไปนั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องแล้ว เอาเถอะถือเป็นประสบการณ์ คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่เอาของแปลกๆ มาประมูลอีก
จากนั้นก็ถึงคิวของคริสตัลวิญญาณ เพราะมีออกมาก้อนเดียว แถมคราวนี้มีหลายรายมาแข่งกันซื้อ ราคาเลยพุ่งไปถึงสามแสน ซึ่งผมว่ามันแพงเกินไปแล้ว
เลยยอมแพ้ สุดท้ายก็มีดวาฟคนหนึ่งประมูลมันไปในราคาสี่แสนห้า ดูถูกไม่ได้เลยแฮะ ตลาดของคริสตัลวิญญาณมันไม่นิ่ง บางคนต้องการจริงๆ ก็จะทุ่มเงินเป็นจำนวนมากออกมาเลย
แต่ว่ามันเป็นสินค้าที่มีออกมาเรื่อยๆ ทุกวัน เพราะมีแต่พวกนายช่างใหญ่เท่านั้นที่สามารถปลดผลึกได้ คนที่ใช้ไม่ได้เลยต้องเอามาขายอย่างเดียว แถมพวกเขายังไม่รู้เรื่องช่องสกิลด้วย งานนี้สำหรับบางคนเลยเหมือนเอาเงินมาละลายแม่นํ้าไม่มีผิด
ตอนที่มีอาวุธกับชุดเกราะออกมา ผมก็ใช้ตรวจสอบดู แต่ไม่เจออันไหนมีช่องสกิลว่างเลย จึงยังไม่เข้าร่วมวงประมูลด้วย
ต่อจากอาวุธก็เป็นการ์ดวัลวีช ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5แสน และตามที่คาด มีคนแย่งกันประมูลอยู่หลายราย
แถมยังเพิ่มกันที 40-50% เลย แปบเดียวก็ราคาไปแตะที่ 5ล้านแล้ว แต่ถึงจุดนี้ก็เหลือคนที่แข่งกันไม่กี่คนล่ะ หนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย เพราะต้องการสกิลทำยามาก ไม่งั้นแผนทำยาให้พวกต่างเผ่าอย่างเอร่าก็เหลวหมดน่ะสิ
สุดท้ายผมชนะการประมูลโดยราคาไปอยู่ที่ 7.5ล้านรีล เป็นการประมูลแข่งกันที่น่าสนุกตื่นเต้นมาก ขนาดคนที่ไม่ได้ประมูลสู้ ยังส่งเสียงเชียร์ขึ้นมาเลย เพราะมีไม่มากหรอก ที่สินค้าจะถูกประมูลจนราคาขึ้นมาเกินสิบเท่า

ตอนที่ 67 400ล้านรีล!!!

ถึงจะหมดเงินไปพอสมควรแล้ว แต่ผมยังมีรายการที่จ่อคิวประมูลอยู่อีก ซึ่งชิ้นต่อไปก็คืออุปกรณ์เวท
ถ้าดูผิวเผินมันเป็นแค่ชุดแผ่นรองจานธรรมดา แต่จริงๆ มันคืออุปกรณ์เวทกันสะเทือน ที่จะไม่ทำให้แก้วหรือจานโดนกระแทกตกลงจากโต๊ะ
แต่ผมไม่ได้เอามันไปใช้บนโต๊ะกินข้าวหรอกนะ แค่จะเอาไปประยุกต์ใช้กับรถม้า ไม่ให้มันสะเทือน แต่จะได้หรือเปล่าอันนี้ต้องลองดูเอง
เทียบกับการประมูลการ์ดวัลวีชแล้ว แผ่นรองจานอันนี้ไม่ค่อยมีคนสนใจสักเท่าไร ผมเลยได้มาแบบไม่ต้องแข่งขันเยอะ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2แสน ผมประมาณมาได้ที่ราคา 2.6แสน
ตอนนี้สินค้าที่ผมเล็งไว้ก็ได้มาครบแล้ว พลาดแค่คริสตัลวิญญาณไป ผมมองดูรายการสินค้าประมูลอีกรอบ กะว่าถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจก็จะกลับเลย แถมสินค้าครึ่งหลังเป็นรายการทาสล้วนๆ
แต่แล้วผมก็เห็นรายการสินค้าอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ แวมไพร์ล่ะ มีทาสแวมไพร์เข้ามาประมูลขายด้วย ผมเกิดสนใจขึ้นมาทันทีเลยอยู่ดูต่อ
ยัยเอร่าไม่สนใจการประมูลทาส เลยหันไปนั่งคุยกับโรสลิน ส่วนจามิร่าเพราะฟังไม่ออกพูดไม่ได้ เลยได้แต่นั่งจ้องสองคนนั้น
จากที่ฟังผ่านๆ ดูเหมือนโรสลินจะมีการศึกษาอยู่พอสมควร เพราะเป็นยักษ์ที่ตัวเล็กและค่อนข้างอ่อนแอขี้โรค เลยไม่ได้รับหน้าที่อะไรในหมู่บ้าน ต่างจากจามิร่าที่เป็นพี่สาว เธอเป็นถึงนักรบของหมู่บ้านทีเดียว ผมตรวจสอบจามิร่าดูก่อนจะซื้อมาแล้ว เลเวลเธอคือ 33 มีอาชีพ เทพพิทักษ์ขุนเขา ส่วนของโรสลินเลเวล 1 แต่มีอาชีพแล้วคือ นักประพันธ์ท่วงทำนอง คล้ายๆ นักแต่งเพลงล่ะมั่ง?
“โรสลิน เธอร้องเพลงได้ไหม?”
ระหว่างรอว่างๆ ผมเลยถามเธอขึ้นมา
“ดะ ได้ ทำไมนายท่านถึงรู้ว่าข้าร้องเพลงได้ล่ะ?”
“โทษที ผมใช้ตรวจสอบกับเธอไปนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ! แต่แปลกจังเห็นนายท่านท่าทางเหมือนนักผจญภัย ไม่คิดว่าจะมีสกิลตรวจสอบแบบพวกพ่อค้าได้”
“ผมก็แปลกใจเหมือนกัน ที่เธอรู้เยอะขนาดนี้ ที่ว่าพวกยักษ์ไม่ค่อยฉลาด ดูท่าจะไม่จริงสินะ”
“มะ ไม่หรอก พวกยักษ์อย่างข้าไม่ค่อยมีสมองจริงๆ นั้นแหละ นานๆ ครั้งถึงจะมีหลุดยักษ์แบบข้าออกมาสักที”
“พวกพิเศษสินะ”
“พิเศษ!! ไม่ใช่ๆ ข้าไม่ได้พิเศษ ข้าก็แค่…พวกไร้ประโยชน์ต่างหาก”
“ไร้ประโยชน์? แบบเอร่าน่ะเหรอ”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมต้องพาดพิงฉันด้วย!”
“งั้นเธอทำอะไรได้บ้างล่ะเอร่า”
“อึก!...คือว่า…ไม่มีค่ะ”
“เห็นไหม โรสลินก็เลิกคิดว่าตัวเองไร้ประโยชน์ได้แล้ว ไม่งั้นจะเป็นการดูถูกเอร่านะ”
“ทราบแล้ว”
โรสลินรับคำ พลางมองเอร่าด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ยะ อย่ามองฉันแบบนั้นสิ! เจ็บอ่ะ ทำไมหัวใจของฉันมันเจ็บแบบนี้!”
ผมปล่อยให้เอร่าลงไปชักดิ้นชักงอ และหันกลับไปสนใจบนเวทีประมูลต่อ ทาสที่นำมาประมูลคราวนี้ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไร คือสินค้าคุณภาพดีนะ แต่ผมรู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่างอยู่ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าทุกคนกำลังเก็บเงินเพื่อรอประมูลแวมไพร์อยู่ ไหนเจ้าอิลิทบอกว่าข้อมูลของสินค้าเป็นความลับไง ทำไมเหมือนทุกคนจะรู้อยู่แล้วได้ล่ะ บางที่คงจะจ่ายเงินยัดเพื่อขอข้อมูลเหมือนกันล่ะมั่ง สำหรับพวกเงินถุงเงินถัง ค่าข้อมูลจากคนกลางก็ไม่ได้แพงอะไรเลย
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงคิวของสินค้าที่เป็นไฮไลท์ของงาน กรงที่แน่นหนากว่าปกติแถมแผ่นยันต์ติดไว้เต็ม ถูกเข็นออกมาอยู่กลางเวที ทาส
คนนี้ไม่ได้ถูกจับถอดเสื้อผ้า คงเพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แน่ๆ ถ้าจำไม่ผิดพ่อค้าทาสเคยบอกไว้ว่า แวมไพร์จะทำร้ายเจ้านายตัวเองด้วย ชนิดยอมตายไปพร้อมกันเลย
“เอ๋!? นั้นมัน!!”
ผมลุกขึ้นไปยืนติดกระจก เอร่าสงสัยเลยเดินตามมาดูด้วย ผมขยี้ตาตัวเองดูสองสามครั้ง จนแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดแน่ เพราะที่อยู่ในกรงนั้น ดูมุมไหนก็ฟรานชัดๆ
“ฟราน!”
เอร่าเองก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ แบบนี้ไม่ได้คิดไปเองคนเดียวแล้ว แต่จะเป็นไปได้อย่างไง จริงสิ ต้องใช้ตรวจสอบดูก่อน
ชื่อ เรโมริก้า
เผ่าพันธุ์ แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์
อาชีพ ปัจเจกแห่งความเที่ยงแท้/One hundred-Thousand Dead
เลเวล 120/120
ผมถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่ฟราน แต่การที่หน้าตาเหมือนกัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าเธอจะเป็นฝาแฝดของฟราน ผมหันไปมองฝาแฝดยักษ์ก่อนจะถามกับเอร่า
“เอร่า แวมไพร์นี้หน้าตาจะเหมือนกันหมดเลยหรือเปล่า”
“ไม่มีทาง! แวมไพร์น่ะไม่ถูกนับเป็นมอนสเตอร์เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์สูงไงล่ะ เหมือนพวกเอลฟ์หรือพวกดวาฟ ที่เพราะมีเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์เลยไม่ถูกนับเป็นมอนสเตอร์ เฉพาะยิ่งหน้าตาเนี่ยพวก
แวมไพร์จะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันเลยล่ะ เพราะมันส่งผลกับความสามารถในการดึงดูดเป้าหมายด้วย”
“อ้อ ผลของค่า Charm กับการใช้ Mind control สินะ”
เข้าใจล่ะ แต่แบบนี้ก็แปลว่าคงเป็นญาติของฟรานไม่ผิดแน่ แต่ระหว่างผมชั่งใจอยู่ว่าควรจะสู้ราคาประมูลดีไหม ก็เหลือบไปเห็นราคาตั้งต้นของเธอบนกระดาษ
200ล้านรีลล่ะ…
พนักงานบนเวทีมีสีหน้าตรึงเครียดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มทำการอธิบายสินค้า แต่ต่างจากทุกที ที่จะพูดเหมือนพยายามจะโฆษณา แต่คราวนี้พูดเหมือนกับกำลังเตือนอยู่มากกว่า
อย่างแรกเลยคือ ใครที่ประมูลได้ไป ทางร้านจะไม่รับผิดชอบกับผลที่ตามมาใดๆ ทั้งสิ้น หรือก็คือถ้าซื้อไปแล้วถูกฆ่าตาย ก็จะมาเอาโทษร้านประมูลหรือเจ้าของคนเดิมไม่ได้
อย่างที่สอง ห้ามเปิดกรงโดยเด็ดขาด เพราะเรโมริก้าเป็นแวมไพร์ที่ดุร้ายมาก จะฆ่าทุกคนทันทีโดยไม่สนใจพันธะทาส
อย่างที่สาม พันธะทาสทำได้แค่หยุดเธอ แต่ฆ่าเธอไม่ได้ เรโมริก้าต่อให้หัวกระจุยไปแล้ว ก็ยังคืนชีพมาใหม่ได้ ตอนที่จับเธอมานั้น ทางโบสถ์ใหญ่ต้องเสียนักบวชไปกว่าร้อยชีวิต กับอัศวินศักดิ์สิทธิ์อีกเกือบห้าร้อย แถมขนาดจับมาได้แล้วก็ยังหาวิธีฆ่าเธอไม่ได้เลย แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังสร้างได้แค่รอยข่วนเท่านั้น พลังฟื้นตัวของเธอเข้าขั้นอมตะไปแล้ว
สุดท้ายก็เลยจับขังผนึกไว้ในกรงและขายให้เป็นทาส อย่างน้อยพันธะทาสก็จะช่วยหยุดเธอได้ เผื่อตอนหลุดออกมาจะได้ตามจับได้ไม่ยาก ส่วนเงินประมูลในครั้งนี้ จะถูกส่งไปที่โบสถ์ใหญ่เพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากตอนที่จับเธอมา
และอย่างสุดท้าย ถ้าผู้ที่ซื้อไปถูกฆ่า กรรมสิทธิ์ของเรโมริก้าจะกลับไปอยู่กับทางโบสถ์ใหญ่ทันที
เสียงพึมพำดังขึ้นมาจากโซนที่นั่งด้านล่าง ผมเข้าใจเลยล่ะ ก็เรโมริก้าน่ะ ใช้บำเรอเรื่องบนเตียงไม่ได้ไงล่ะ แค่ปล่อยออกมาจากกรงก็ถูกฆ่าแล้ว อันตรายสุดๆ แถมได้แต่ดู คือเป็นทาสสะสมในหมวดสินค้าไว้โชว์แขกได้อย่างเดียวเท่านั้น
พอเริ่มให้เคาะราคากัน ในห้องก็เงียบกริบ ไม่ใช่เพราะแค่เงื่อนไขหรอก แต่การประมูลครั้งนี้ ทุกครั้งที่เคาะราคา ขั้นตํ่าสุดก็คือครั้งล่ะ 20ล้านเลยทีเดียว คงไม่มีใครบ้าเคาะราคา…อ้าวเฮ้ย! มีด้วยล่ะ
ข้างล่างเริ่มมีการยกมือขึ้นมาแล้ว แถมมีคนสู้ราคาอีกคนด้วย อ่ะ เจ้าหมอนั้นคุ้นๆ หน้าแฮะ…อ้อ เจ้าขุนนางที่เคยเจอในร้านค้าทาสที่เกือบจะโดนฟรานจามกบาลไปนั้นเอง
จากการต่อสู้ของสองคนนั้นราคาเลยขึ้นมาอยู่ที่ 300ล้านรีลแล้ว เจ้าคนแรกดูเหมือนจะสู้ราคาไม่ไหวแล้ว เลยยอมแพ้ไป เจ้าขุนนางทำหน้าเหมือนชนะแล้วไม่มีผิด แต่ยังเหลือผมอีกคน ผมยกมือสู้ราคาต่อ ราคาขึ้นไปเป็น 320 ล้าน
เจ้าขุนนางเริ่มหน้าซีด ดูท่าเงินในกระเป๋าใกล้จะหมดแล้ว เอ่อ ผมก็ด้วยล่ะ ขืนเกิน 450 ล้านผมสู้ไม่ไหวแน่
คราวนี้เจ้าขุนนางยกนิ้วขึ้นมาสามเลย! เฮ้ยเพิ่มทีเดียว 60 ล้านเลยเหรอ
ยอมแพ้ดีไหมนะ นี้มันจะแพงเกินไปแล้วนะ…ไม่สิ ถ้านี้เป็นญาติคนสำคัญของฟราน ราคาจะถูกจะแพงไม่เกี่ยวอยู่แล้ว พอตัดสินใจได้ ผมก็ยกมือขึ้นเพื่อเพิ่มราคาไปอีกครั้ง คราวนี้ราคาเพิ่มไปอยู่ที่400ล้านแล้ว
เจ้าขุนนางทำท่าจะยกมือขึ้น แต่ก็หยุดไว้กลางทาง หลังจากก้มหน้าลงเพื่อคิดใคร่ครวญดู สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้ายอมแพ้
ผมนี้ถอยหายใจโล่งออกเลย ขืนเคาะราคาสู้กันมากกว่านี้ ผมมีหวังต้องไปเอร่าวิ่งไปหาดาเซส เพื่อถอนเงินที่พึ่งฝากไปมาแน่ๆ
400ล้านรีล
เป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดที่ผมเคยใช้ตั้งแต่มาอยู่โลกนี้เลย แต่กลับไม่รู้สึกเสียดายอะไรสักนิด คงเพราะผมมีบ่อเงินบ่อทองรอให้ไปขุดอยู่หลังบ้านล่ะมั่ง รอบนี้ผมกะเก็บตั๋วให้ได้สัก 12-13 ใบแล้วค่อยไปหาเจ้าหญิงโช ดูสิว่าเวลาสองชั่วโมง จะสร้างความพึ่งพอใจให้เธอได้แค่ไหนกัน
ไม่ได้สิ จะปล่อยให้การรับรู้ค่าเงินบิดเบี้ยวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เจ้าหญิงโชเองก็ใช่ว่าจะมีเงินไม่จำกัดสักหน่อย มีความเป็นไปได้มากเลยด้วยว่า เงิน
รางวัลที่ให้มาคราวก่อน เป็นเงินทั้งหมดที่เธอมีก็ได้ อืม ต้องตั้งสติให้ดี
ผมพาพวกเอร่าไปที่ห้องรับสินค้า ตอนหยิบเงินออกมาจ่าย พนักงานถึงกับผงะไปเหมือนกัน เพราะเป็นเงินจำนวนมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ปะ โปรดตรวจเช็คสินค้าด้วยค่ะ”
เธอยื่นถาดใส่การ์ดวัลวีชกับชุดผ้ารองโต๊ะออกมา ผมหยิบชุดผ้ารองโต๊ะเก็บใส่กระเป๋าไว้ ส่วนการ์ดวัลวีชผมคิดไว้แล้วว่าจะใช้กับตัวเอง เพราะงานผลิตยาจะต้องใช้ความละเอียดสูง ซึ่งผมคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่สุด เลยใช้มันทันทีและตอนนี้ผมก็ได้สกิลสายผลิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้ว
จากนั้นพนักงานกลุ่มหนึ่งก็มาพาผมไปที่กรงของเรโมริก้า ด้วยที่เป็นกรงขนาดใหญ่ พวกนั้นเลยถาม
ผมว่าต้องการให้ช่วยในการจัดส่งไหม แต่ผมปฏิเสธไป พลางเดินเข้าไปหาเรโมริก้าจนเกือบติดกับกรง พวกพนักงานพากันร้องเตือนผมเสียงดังกันใหญ่
พูดยังไม่ทันขาดคำ เรโมริก้าก็พุ่งเข้ามาทำร้ายผมทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง แต่ก่อนที่มือเล็กๆ นั้นจะยื่นออกมาจากกรง ผมก็บอกคำๆ หนึ่งออกไป
“ฟรานซิสก้า”
มือของเธอหยุดอยู่ตรงคอผมพอดี…เสียวโว้ย! ช้าไปอีกแค่วินาทีเดียวมีหวังโดนควักลูกกระเดือกไปแล้ว
“รู้ชื่อนั้นได้อย่างไง”
“ตอนนี้ฟรานอยู่กับผม ถ้ายอมทำตามที่บอก ผมจะพาไปเจอเธอ”
“…ได้ แต่ถ้าแกโกหก คงรู้นะว่าฉันเอาตายแน่”
“อืม เลเวลห่างกันขนาดนี้ แค่สะกิดผมก็ตายแล้ว”
จากนั้นผมก็ตกลงกับเธอเรื่องพันธะทาส เหตุที่ต้องให้เธอทำพันธะทาสกับผม ไม่ใช่เรื่องจะเอาเธอมาเป็นทาสหรือจะควบคุมตัวอะไรไว้หรอก แต่มันจำเป็น ถ้าไม่ทำพันธะกับผม เธอจะยังเป็นของโบสถ์ใหญ่อยู่ และที่สำคัญผมจะพาเธอออกไปจากที่นี้ไม่ได้ ซึ่งสำหรับเรโมริก้าจะทำพันธะทาสกับใครไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะกับเธอมันไม่มีผลอยู่แล้ว
“แล้วก็สัญญาได้ไหม ว่าจะทำตัวดีๆ ถ้าตกลงผมจะปล่อยออกมาจากกรงนี่”
“แน่ใจเหรอ ถ้าไม่มีกรงนี่ ฉันทำลายล้างเมืองนี้ได้เลยนะ”
“ถ้าจะทำแบบนั้นก็เอาเลย แต่จะไม่ได้เจอฟรานอีกนะ และเชื่อเถอะคนที่ซวยน่ะมันเธอไม่ใช่ผม”
ผมบอกพลางยื่นมือเข้าไปในกรง พวกพนักงานที่เห็นนี้พากับหลับตาปี๋ แล้วทำหน้าเหมือนเห็นเด็กยื่นมือเข้าไปในกรงสิงโตไม่มีผิด
“…ก็ได้ ฉันสัญญา”
เรโมริก้าจ้องมือผมอยู่พักใหญ่กว่าจะยอมตกลง แต่ว่าทุกคนห้ามผมอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อไม่ให้เปิดกรง แต่ช้าไปแล้วล่ะ ผมให้จามิร่ากระชากกุญแจที่ล็อคอยู่ออก สมเป็นยักษ์แฮะแรงดีจริงๆ กุญแจเหล็กนี้ดึงทีเดียวพังเลย จากนั้นเอร่ากับผมก็ช่วยกันดึงยันต์ออก และเปิดกรงให้เรโมริก้าออกมา
เธอก้าวออกมาอย่างช้าๆ และมองผมอย่างสงสัย แต่กลับคนอื่นเธอจ้องเหมือนอยากจะฆ่า คงเกลียดมนุษย์เอามากๆ เลยแฮะ
“ดี ตามผมมา”
ในเมื่อเธอทำตามสัญญาผมก็จะพาเธอไปพบฟราน แต่พอออกมาข้างนอกเธอก็ขมวดคิ้วทันที
“มีอะไรเหรอ?”
“ฉันไม่ชอบแดด มันแสบทั้งตาทั้งผิว”
“เอ๋? แต่ทำไมฟรานไม่เห็นเป็นอะไรเลยล่ะ”
“เมื่อก่อนฉันดื่มเลือดมากเกินไป ถึงจะเสริมพลังให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ทำให้จุดอ่อนของแวมไพร์เด่นชัดขึ้นตามไปด้วย”
“ขนาดไหนถึงเรียกว่าเยอะเหรอ”
แย่ล่ะสิ เพราะผมก็ให้ฟรานดื่มเลือดผมทุกวันด้วย
“วันล่ะพันชีวิต”
โอเค เซฟ แต่ว่าโหดจริงๆ แบบนี้จะให้ไปเจอฟรานดีหรือเปล่านะ
“อย่ามองแบบนั้น ฉันไม่ได้ฆ่าสะเปะสะปะ ก่อนจะถูกพวกโบสถ์กวาดล้าง ฉันเคยอยู่ฝ่ายมนุษย์ เคยเข้าช่วยร่วมรบต่อสู้กับเผ่าปีศาจ เลือดที่ดื่มไปก็เป็นของเผ่าปีศาจซะส่วนใหญ่ หรือไม่ก็คนที่ไม่รอดจากสงครามเท่านั้น”
“พอโดนกวาดล้างก็เลยรู้สึกเหมือนโดนทรยศสินะ พอเข้าใจล่ะว่าทำไมเธอถึงมองพวกมนุษย์ด้วยสายตาแบบนั้น”
“…ก็ไม่ทุกคน ฉันแยกแยะเป็น”
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ แต่รอแปบนะ ถ้าจำไม่ผิดตอนไปซื้อของหลุดประมูลมา มีคล้ายๆ ร่มอยู่อันหนึ่ง”
ผมค้นดูในกระเป๋าจนเจอ จริงๆ มันไม่ใช่ร่มหรอก เพราะโลกนี้ไม่มีของใช้แบบนั้น แต่ที่ผมซื้อมามันเป็นไม้เท้าแม่เหล็กโดยที่มันติดอยู่กับโล่ เหมือนจะเป็นความผิดพลาดตอนทดลอง มันเลยดึงไม่ออกติดคาอยู่แบบนั้น ผมเอาผ้ามาพันไว้รอบๆ โล่ไม่ให้มันดูเด่นเกินไป และปล่อยชายให้ห้อยลงมาด้วยยกเว้นด้านหน้า จะได้บังแสงได้ทั่วตัว คราวนี้ถ้าจับตรงด้ามไม้เท้า แล้วยกขึ้นก็กลายเป็นร่มได้แล้ว
“หนักไปหน่อยแฮะ พอถือไหวไหม”
ผมส่งร่มที่หนักเกือบสิบกิโลให้กับเรโมริก้า เธอรับไปถือไว้อย่างสบายๆ
“ไม่มีปัญหา…ขอบใจ”
แต่พอออกเดินไปบนถนนได้ไม่ถึงนาที ก็มีเสียงร้องทักมาจากด้านหลัง
“ท่านเทพเอร่า!”

ตอนที่ 68 ผู้กล้าของเอร่า

ผมกับเอร่าหันควับกลับไปทันที
คนที่ร้องทักนั้นแต่งตัวหรูหราและมีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเป็นสิบ เอ่อ แต่สำหรับผมกลับอดคิดไม่ได้ว่า มันเหมือนหลุดมาจากโรงบาลบ้ามากกว่า อากาศก็ร้อนยังใส่ซะหลายชั้น แล้วไอ้เสื้อโค้ตขนสัตว์ที่ยาวถึงพื้นนั้นนะ นอกจากจะไม่เข้ากับคนใส่แล้ว แค่เห็นยังรู้สึกร้อนแทนเลย แต่ก็ดีอย่างนะ เพราะพวกที่แต่งตัวแบบนี้มีแต่ขุนนางเท่านั้นแหละ ทำให้แยกประเภทได้ง่ายดี
“คนรู้จักเหรอเอร่า”
ผมหันไปถามเอร่า
“…ใครอ่ะ?”
เธอหันมาถามผมกลับซะงั้น
“นี้ผมเองไง ปีเตอร์ บาลิน ผู้กล้าที่ท่านส่งมาที่นี้”
“ปีเตอร์ บาลิน…อ้อ นายนี้เอง”
เอร่าทำหน้านึกออกจนได้ แล้วก็รีบหันมาดึงแขนผมและชี้ไปที่ปีเตอร์
“โรมะ เจ้านี้ไงผู้กล้าที่ฉันเคยบอก คนที่ขายฉันไปเป็นทาสไง”
“…แล้วนี้เธอจะดีใจทำพระแสงเซเบอร์อะไร”
“เอ่อ จริงด้วย แฮะๆ!”
พอเอร่าตั้งสติได้ก็หันไปทางเจ้าผู้กล้าปีเตอร์ทันที เจ้านี้เป็นคนตะวันตกแฮะ ผมทองตาฟ้าจมูกใหญ่หน้าตกกระ
“ปีเตอร์ นายรีบส่งของวิเศษที่ฉันให้ไปคืนมาเลยนะ”
“ครับ ได้ครับ เพราะอย่างไงมันก็ใช้ไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าพลังงานของมันจะหมดแล้วน่ะครับ”
นี้แก ถ้าพลังไม่หมดก็คงไม่คิดจะส่งคืนสินะ
“แน่อยู่แล้ว ของวิเศษน่ะถ้าไม่ได้รับการเติมพลังจากเทพอย่างฉัน มันก็ใช้ได้ไม่กี่ครั้งหรอกนะ”
“ว่าแล้วเชี่ยว!”
“เอา รีบส่งมาสิ ฉันจะรีบกลับไปกินมื้อเที่ยงนะ”
“คะ คือมันอยู่ที่บ้านครับ ท่านเทพช่วยตามผมกลับไปเอาได้ไหมครับ”
โกหก!
ผมดูออกได้ในทันที และมั่นใจมากด้วย ผมน่ะจับโกหกคนเก่งนะ เพราะผมต้องคอยมั่นสังเกตความพอใจของสาวๆ เพื่อให้พวกเธอมีความสุขอยู่เสมอ ฉะนั้นถ้ามีวิชาอ่านภาษากายล่ะก็ ผมคงได้คะแนนเต็มอย่างไม่ต้องสงสัย
“อืม รีบนำทางไปสิ”
ยัยเอร่านี้ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ถึงว่าทำไมถึงโดนหลอกไปขายได้ ช่างเถอะ ดูไปเฉยๆ ก่อนดีกว่า อย่างไงนี้ก็เป็นปัญหาของเอร่า
“ขอโทษนะเรโมริก้า ขอจัดการปัญหาทางนี้ก่อน แต่ผมสัญญาว่าวันนี้จะพาเธอไปพบฟรานแน่ๆ”
“ฉันเชื่อคำสัญญาของนาย เพราะงั้นรอได้ แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะ ฉันได้กลิ่นไม่ดีมาจากผู้ชายคนนั้น”
“อ่า ผมรู้แล้วล่ะ”
แค่ลางสังหรณ์หรือจมูกแยกกลิ่นได้จริงๆ ล่ะนั้น?
พวกผมตามปีเตอร์ไปจนถึงคฤหาสน์ของเขา ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งผู้มีบรรดาศักดิ์ หรือจะบอกว่าเป็นย่านเศรษฐีก็ได้ เพราะที่มีแต่คฤหาสน์หลังโตเต็มไปหมด ส่วนคฤหาสน์ของปีเตอร์ มีขนาดเล็กกว่าของผมหน่อย เป็นแบบสองชั้น ไม่มีสวน มีแค่ที่จอดรถม้าและปิดล้อมทุกด้านด้วยรั้วเหล็ก
ห่วยแตก เจ้านี้ไม่มีรสนิยมในการเลือกที่อยู่เลยสักนิด มองไปทางไหนก็เหมือนป้อมติดชายแดน ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักนิด ดูแห้งแล้งห่อเหี่ยวพิกล
อยากกลับบ้านแล้วอ่ะ อยากนอนเล่นกลางสวนดอกไม้ที่โมอาทำเดี๋ยวนี้เลย
แถมพวกผู้หญิงของมันนี้อะไรกันอ่ะ? ไปขุดอีชะนีพวกนี้มาจากไหนฟ่ะ รูปร่างหน้าตาก็โอเคหรอก แต่ไม่ใช่แบบที่จะหาไม่ได้ ส่วนที่โคตรแย่คือมารยาทกับนิสัยเนี่ยล่ะ พอกลับถึงบ้านก็โยนข้าวของที่ซื้อมาทิ้งไว้เรี่ยราด ไม่มีแม้แต่คนรับใช้ที่ค่อยออกมาต้อนรับ
ใช่ บ้านนี้ไม่มีคนรับใช้ เพราะมองไปจุดไหนก็รกสกปรก พวกคุณเธอก็เดินฝ่ากองขยะไปนั่งแช่ที่โซฟา โดยไม่คิดแม้แต่จะช่วยรับแขกหรือทำความสะอายบ้านเลย
“เดี๋ยวก่อน! ให้ทาสสกปรกของแกรอข้างนอก!”
ปีเตอร์หันมาตะคอกใส่ผมทันที เมื่อพวกโรสลินเดินตามผมเข้ามา
“เอ่อ ฉันก็เป็นทาสของโรมะเหมือนกัน ต้องไปรอข้างนอกด้วยเหรอ?”
เอร่าชี้ไปที่พันธะทาสที่คอตัวเอง แถมยังถามด้วยสีหน้าซื่อๆ อีก
“เอ่อ ท่านเทพไม่ต้องครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองทาสของผมสะอาดกว่าบ้านนายซะอีก”
ถึงเสื้อผ้าจะดูเก่าๆ ก็เถอะ แต่ผมใช้คลีนนิ่งให้พวกเธอแล้ว ทุกคนสะอาดปลอดเชื้อยิ่งกว่าผ่านห้องกักกันโรคมาซะอีก ไม่สิ ถ้าจะให้พูดแล้ว ผมกลัวทาสของผมจะสกปรกเพราะบ้านของไอ้เจ้านี้มากกว่าอีก ตั้งแต่อยู่มาสงสัยไม่เคยกวาดบ้านถูบ้านเลยมั่งเนี่ย แบบนี้แล้ว
คุณมึงจะเลี้ยงอีชะนีไว้ทำไมเยอะแยะว่ะ ไม่เห็นพวกนี้จะช่วยทำงานบ้านอะไรสักอย่าง ถ้าจะเอามาให้นอนถางขาอย่างเดียว ไปเที่ยวซ่องดีกว่าไหม จ่ายถูกไม่มีพันธะไม่ต้องรับผิดชอบอีกต่างหาก
ไม่ไหว บ้านเจ้านี้มันแหล่งรวมมลพิษชัดๆ
“แกว่าไงนะ!”
เอ่อ แล้วมรึงจะโมโหทำไม ผมพูดความจริงไม่ใช่เหรอ
“ปีเตอร์!”
เอร่าขึ้นเสียงล่ะ พึ่งเคยได้ยินเนี่ยล่ะ เห็นหัวกลวงๆ ไม่คิดว่าจะโกรธเป็นด้วย
“ตอนนี้โรมะคือเจ้านายของฉัน ถ้านายหยาบคายกับเขาก็เท่ากับหยาบคายกับฉันด้วย ส่วนทาสพวกนี้
ก็เพื่อนๆ ฉันทั้งนั้น ถ้านายจะไม่เข้าบ้าน งั้นเรารอตรงนี้ แล้วนายก็รีบไปเอาของวิเศษมาซะ”
โห! เฉียบขาดมาก…เดี๋ยวดิ! ตอนอยู่กับผมก็ทำตัวจริงจังแบบนี้ด้วยสิเฟ้ย!
“ขะ ขอโทษครับ! ชะ เชิญทางนี้ครับ”
ปีเตอร์รีบขอโทษเอร่า แต่ก็ไม่วายส่งสายตารังเกียจไปยังพวกโรสลิน มันพาพวกผมไปยังห้องรับแขก ที่เก้าอี้ทุกตัวมีเสื้อผ้าไม่ก็หนังสือวางทิ้งไว้…ช่างเถอะ ขี้เกียจจะบ่นแล้ว เจ้าบ้านไม่อาย แขกจะไปอายแทนทำไม แต่นี้ขนาดนํ้าก็ไม่มีเสริฟให้ ไอ้นี้มันไม่รู้จักมารยาทเลยสินะ เดี๋ยวดิ แบบนี้มันแย่กว่าเป็นทาสอีกนะเฟ้ย!
พอพวกเราจัดหาที่นั่งเองได้แล้ว เจ้าปีเตอร์ก็ทำเป็นเดินไปหาของที่โต๊ะหนังสือ แต่ผมแอบเห็นมัน
หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักผจญภัยที่สะพายติดตัวอยู่ตลอดเวลา
“นี้ครับ ตาชั่งที่ไม่วันเอียงเอน”
สิ่งที่ปีเตอร์เอามาวางไว้บนโต๊ะคือตาชั่งทองคำ ซึ่งวิธีใช้ง่ายมาก เพียงแค่วางสิ่งของลงไปบนตาชั่งด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็จะมีของแบบเดียวกันปรากฏขึ้นมา สมมุติวางเงินลงไปกองหนึ่ง ก็จะมีเงินอีกกองโผล่ออกมา แต่ขนาดของมันค่อนข้างเล็ก คงใส่ของใหญ่ๆ ไม่ได้
“ขอคืนเลยนะ”
พอเอร่ายื่นมือออกไป ปีเตอร์ก็ดึงมันกลับทันที…ไอ้หมอนี้
“ท่านเทพช่วยแสดงวิธีเติมพลังให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ”
“หือ? ก็ได้อยู่หรอก”
ปีเตอร์ดันตราชั่งออกมา แต่มือข้างหนึ่งกลับจับแน่น ดูท่าจะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด
ส่วนเอร่าก็เพียงใช้ปลายนิ้วแตะลงไปที่ด้านบน ก็มีแสงไหลอาบไปทั่วตาชั่งจนเปลี่ยนมันให้เปล่งประกาย จนต่างจากเดิมเหมือนเป็นคนละชิ้นกันเลย
ปีเตอร์มันรีบหยิบเอาเหรียญทั้งหมดที่เก็บไว้ออกมา ซึ่งมีไม่น่าถึงล้านเพราะเห็นมีแต่เหรียญทองเล็กกับมาตรฐานไม่กี่เหรียญ เจ้านี้คงใกล้ถังแตกแล้วล่ะมั่ง ระหว่างที่เจ้านั้นใช้ตาชั่ง ผมก็เปิดเรดาร์ขึ้นมา อย่างที่คิดไว้เลย พวกผมกำลังโดนล้อมอยู่…แปดคนเหรอ จะไหวเปล่าหว่า
มันหันไปมองโรสลิน ซึ่งเธอก็มองผมอยู่พอดี เลยค่อยๆ ขยับเข้ามาหา ผมกระซิบบอกที่ข้างหูเธอพร้อมกับส่งกระเป๋านักผจญภัยให้เธอไป
โรสลินกลับไปกระซิบบอกจามิร่าและส่งกระเป๋าให้อีกต่อ ที่ผมบอกไปก็คือ
พวกเรากำลังจะโดนลอบทำร้าย ศัตรูมีแปดคน ในกระเป๋ามีดาบมัจฉาเก็บไว้อยู่ ให้จามิร่าเอาออกมาใช้ทันทีถ้าศัตรูปรากฏตัว
ผมไม่รู้หรอกว่าลูกน้องของปีเตอร์เก่งแค่ไหน แต่ตัวปีเตอร์ขอบอกว่ากากมาก เลเวลแค่ 5 ไม่มีอาชีพ เสื้อผ้าหรูหราก็จริงแต่ไม่ใช่เครื่องป้องกัน อาวุธก็แค่ดาบเหล็กกล้า เจ้านี้เอาแต่ใช้ชีวิตสุขสบายจนไม่สนใจจะเพิ่มเลเวลให้ตัวเองเลย แล้วเท่าที่ดูงบของเจ้านี้ คงจ่ายได้แต่พวกปลายแถว อย่างผมกับจามิร่าคงรับมือไหว ส่วนเรโม
ริก้า ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะสั่งอะไรเธอได้ แต่อย่างเธอดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
ส่วนปีเตอร์พอเห็นตาชั่งกลับมาใช้งานได้ ก็ตาลุกวาวแล้วรีบดึงตาซั่งเก็บไปทันที
“เดี๋ยวสิ! ไหนว่าจะคืนให้ไง”
เอร่ายังไม่รู้อีกเหรอว่าโดนหลอกแล้วน่ะ
“ท่านเทพเอาแบบนี้ดีไหม ท่านมาอยู่กับผมที่นี้ ให้ผมได้ดูแลท่านเทพเถอะครับ”
เล่นไม้นี้เลยเหรอ หน้าแกนี้โคตรหนาเลยไอ้คุณปีเตอร์ กูนับถือ!
“ไม่เอาอ่ะ บ้านนายโคตรโสโครกเลย แถมที่นี้น่ะดูไร้ชีวิตทั้งคนทั้งบ้านเลย เทียบกับบ้านโรมะไม่ได้สักนิด ที่สำคัญตอนนี้โรมะเป็นเจ้านายและผู้กล้าของฉันแล้วด้วย”
พูดซะตรงเลย แต่เห็นด้วย ตอนเห็นพวกผู้หญิงของปีเตอร์ ผมคิดว่าพวกเธอแค่นั่งหายใจทิ้งไปวันๆ เท่านั้น ไม่มีทั้งเป้าหมายหรือความฝัน พูดตรงๆ คือผมไม่เห็นอนาคตในตัวพวกเธอเลย แต่จะดีเหรอเอร่า เป็นบอกว่าผมเป็นผู้กล้าของเธอน่ะ ถ้าเกิดรู้ว่าผมเป็นจอมมารขึ้นมา จะเป็นการทำร้ายยัยนี้ทางอ้อมหรือเปล่านะ
“ท่านเทพพูดตลกแล้ว จะบอกว่าบ้านของเจ้าหน้าหนอนนั้นดีกว่าบ้านของผมงั้นเหรอ!”
“อืม มากๆ เลยด้วย”
เอร่าตอบแบบไม่ต้องคิด
“ชิ ถ้างั้นแกก็ขายท่านเทพคืนมาให้ฉันซะ”
จู่ๆ ก็หันมาสั่งผมเลย
“เอาสิ 100ล้านรีล ห้ามต่อ”
“โรมะ! จะขายฉันจริงเหรอ! แถมทำไมราคาขึ้นอีกต่างหาก ซื้อฉันมาแค่ 10ล้านรีลเองไม่ใช่เหรอ”
“ตอนซื้อน่ะใช่ แต่ไหนจะค่ากินอยู่หลับนอน ค่าเสื้อผ้า ค่าขนม ค่าทำขวัญจิตใจอันแสนเปราะบางของฉันอีก คิดว่ามันฟรีหรือไงยัยเทพไร้ประโยชน์”
“อึก! อันอื่นไม่เถียง แต่ค่าทำขวัญนี้อะไรอ่ะ”
ผมเลิกเล่นมุกกับเอร่าและหันไปเอาคำตอบจากปีเตอร์
“ไง มีปัญญาจ่ายหรือเปล่า และบอกก่อนนะ 100ล้านน่ะราคาของวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะราคาเพิ่มขึ้นอีก เพราะฉันเลี้ยงยัยนี้อย่างดี เหมือนกับขุนหมูอ้วนๆ ไว้รอเชือดกินเลยล่ะ”
“หมู! นี้ฉันเป็นหมูเหรอเนี่ย!”
เอร่าสลดจนคอตกไปแล้ว
“…นี้แกไม่คิดจะขายอยู่แล้วใช่ไหม”
“อ้าว ก็รู้นี้หว่า แบบนี้ก็พูดกันง่ายหน่อย เอร่าเป็นของฉันแล้ว และฉันไม่มีนโยบายขายทาสตัวเองให้ใคร โดยเฉพาะแก หลอกเอร่าไปขายแล้วยังมีหน้าจะชวนกลับมาอยู่ด้วยกันอีก เอร่าจะคิดอย่างไงฉันไม่รู้ แต่ฉันรับไม่ได้ว่ะ”
“โรมะ”
“ตะ ตอนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน!”
“เข้าใจผิดอีท่าไหนว่ะ ยัยนี้ถึงได้กระเด็นไปเป็นทาสได้”
“คะ คือ”
“โรมะช่างมันเถอะ ตอนนั้นถึงฉันจะโกรธมากก็เถอะ แต่พอไปอยู่กับโรมะฉันก็ลืมๆ มันไปหมดแล้วล่ะ ยังต้องขอบคุณปีเตอร์ด้วยซํ้าที่ทำให้ได้ไปเจอกับนาย”
“…นี้เป็นปัญหาของเธอ ถ้าเธอบอกว่าไม่เอาเรื่อง ฉันก็จะไม่ยุ่งอีก ส่วนแกก็รีบๆ คืนตาชั่งมาได้แล้ว”
ผมหันไปเร่งปีเตอร์ แต่ก็รู้หรอกว่ามันไม่คืนให้แน่ แค่อยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ เลยจุดชนวนซะเอง
“คืนให้ก็โง่แล้ว! แกไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้มันทำเงินให้กับฉันได้มากแค่ไหน”
“เหรอ งั้นบอกหน่อยสิได้แค่ไหน”
“หกร้อยล้านไง! ถ้าใช้เหรียญทองคำขาวทั้งหมดวางลงไป มันเป็นจำนวนสูงสุดที่ทำได้ในแต่ละครั้ง”
“น้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ”
ผมคำนวณดูแล้ว เจ้านี้ไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก เพราะตอนขายเอร่าได้อย่างมากก็แค่ 5-8ล้าน แล้วตาชั่งใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง อย่างดีก็ได้แค่ร้อยล้าน แต่มันคงใส่
เหรียญอื่นปนๆ กันไปเพื่อดูจำนวนสูงสุดไว้ล่ะมั่ง ช่างเถอะ แต่เจ้านี้อยู่ในสภาพถังแตกแน่ๆ ดูจากบ้าน เครื่องแต่งกาย พวกผู้หญิง
“จะบอกอะไรไว้ประดับความรู้นะ ผู้กล้าน่ะจะมีค่าพลังที่เพิ่มมาตอนเลเวลอัพ มากกว่าคนปกติบนโลกนี้ แถมยังมีสกิลระดับขี้โกงติดตัวกันไว้คนละสกิลด้วย ถ้าแกใช้จุดได้เปรียบตรงนั้นลงไปทำเงินในดันเจี้ยน ก็ไม่ต้องมานั่งพึ่งของวิเศษเพียงชิ้นเดียวแล้ว อ่ะ โทษทีพูดกับคนโลภมากแบบแกไปก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี เอาขอบอกอีกครั้ง ส่งตาชั่งคืนให้เอร่าซะ แล้วเรื่องจะได้จบๆ กันไป”
“ไม่มีทาง! จับตัวพวกมันไว้!”
มาแล้ว เคาะระฆังเริ่มกันสักที
แล้วพวกกลุ่มชายหน้าโหดก็วิ่งกรูกันเข้ามาในห้อง แต่ทางพวกผมเตรียมตัวไว้แล้ว จามิร่าดึงตัวโรส
ลินมาข้างหลังพร้อมกับดึงดาบออกมาจากกระเป๋านักผจญภัย ส่วนผมก็ดึงให้เอร่ามาอยู่ข้างหลังผมเช่นกัน
แต่ก่อนจะที่จะมีการเริ่มลงมือลงไม้กัน ผมก็ยกมือขึ้นเพื่อขอเวลานอก
“เฮ้ย ไอ้คุณปีเตอร์ เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีใช้เงินให้แกดู”
ผมแสยะยิ้มให้ จากนั้นก็หันไปบอกกับพวกกลุ่มชายหน้าโหด
“พวกนายถูกจ้างมาเท่าไร”
“…สองหมื่น”
“งั้นเอานี้”
ผมหยิบเหรียญทองมาตรฐานออกมาแปดเหรียญ แล้วโยนให้พวกมันไปคนละเหรียญ เงินที่ได้นั้น
มากกว่าค่าจ้างที่พวกมันได้จากปีเตอร์ถึงห้าเท่า ไม่ตาลุกกันได้อย่างไง
“รับเงินแล้วก็กลับบ้านไปซะ ได้ทั้งเงินแล้วไม่ต้องมีใครเจ็บตัวด้วย นี้คือข้อเสนอดีสุดที่ฉันให้ได้ แต่ถ้าพวกนายยังงี่เง่าจะสู้ต่อก็เอา เพราะทางฉันมีเผ่ายักษ์เลเวลสามสิบอยู่ด้วย ส่วนฉันเองก็เป็นผจญภัยที่เปลี่ยนอาชีพมาแล้ว ถึงจะไม่มั่นใจ 100% ว่าจะชนะพวกนายได้ทุกคน แต่เชื่อเถอะ งานนี้ไม่มีใครกลับออกไปได้ครบส่วนแน่”
พอได้ยินที่ผมบอกกลุ่มชายหน้าโหดก็พากันทิ้งอาวุธ แล้วโค้งหัวให้ผมก่อนจะพากันเดินออกไปอย่างเงียบๆ เล่นเอาปีเตอร์อ้าปากค้างไปเลย
“เฮ้ย ไอ้คุณปีเตอร์ แกน่ะยึดติดโลกเดิมมากไปแล้ว โลกนี้น่ะไม่มีการฝึกอบรมบอดี้การ์ดหรอกนะ
ความเป็นมืออาชีพอย่าไปถามหา แถมสภาพความเป็นอยู่ของโลกนี้ค่อนข้างยากจน แค่ใช้เงินนิดหน่อยก็ซื้อตัวได้แล้ว ถ้าแกคิดจะปักหลักอยู่ที่โลกนี้ ก็ควรจะหาความรู้เข้าหัวหน่อยสิ”
พอเจอผมเทศน์เข้าไป ปีเตอร์ก็ทำตาแดงกัดฟันด้วยความโกรธจัด และมันก็ตัดสินใจทำเหมือนหมาจนตรอกออกมา
“Grab!”
ปีเตอร์ใช้สกิลออกมา มันเป็นสกิลของผู้กล้า ที่ใช้คว้าอะไรก็ได้ ที่อยู่ในระยะทำการของสกิลให้ไปหาตัวเอง ถึงบอกไงสกิลของผู้กล้ามันระดับขี้โกงทั้งนั้น
และสิ่งที่ปีเตอร์มันเลือกคว้าไปก็คือตัวของเอร่านั้นเอง ร่างของเอร่าถูกมือสีดำขนาดใหญ่จับตัวไว้
และหายไปจากด้านหลังผม และไปอยู่ในอ้อมแขนของปีเตอร์แทน
“ฮ่าๆๆ ได้มาแล้ว กูได้เอร่ามาแล้ว!”
“…แล้วไงต่อ? นี้แกคิดว่าจะรอดจากดงตีนพวกฉันไปได้เหรอ?”
“ยะ อย่าเข้ามานะโว้ย! ไม่งั้นกูจะฆ่าอีนี้ซะ!”
ปีเตอร์ยกดาบขึ้นมาจ่อที่คอของเอร่า
“…เอร่า อย่าโกรธกันเลยนะ ไว้ฉันจะลงทัณฑ์ไอ้เวรนี้ให้เป็นสิบเท่าเลย”
“ดะ เดี๋ยวสิ! เวลาแบบนี้ต้องมีบทพูดหวานๆ เพื่อปักธงฉันไม่ใช่เหรอโรมะ!!”
“นั้นมันไว้ใช้กับนางเอก แต่เรื่องนี้เธอไม่ใช่นางเอกนะเอร่า”
“ฮะๆๆ ขอโทษค่ะ หนูสำคัญตัวผิดไป ได้โปรดช่วยหนูด้วยเถอะค่ะ”
“ชิ ช่วยไม่ได้แฮะ”
ผมยอมทิ้งมีดมังกรสมุทรลงพื้น และหันไปพยักหน้าให้จามิร่าทำตามด้วย
“ฮ่าๆๆ ดีแบบนั้นแหละ คราวนี้แกก็ยกเลิกพันธะทาสซะ”
“เดี๋ยวก่อน เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะให้สมบัติกับนายแลกกับตัวเอร่า”
“สมบัติอะไร?”
“สมบัติที่มากกว่าเงินทองที่นายจะหาได้จากตาชั่งห่วยๆ นั้นไง”
“…เอามาดู”
มีไอ้หน้าโง่อยู่ตรงนี้หนึ่งคนคร้าบบบ
“โรสลินขอกระเป๋าหรอก”
ผมยื่นมือไปรับกระเป๋ามาไว้ และยื่นมือเข้าไปหยิบของข้างใน
“ช้าๆ นะโว้ย ถ้าตุกติกฉันฆ่าอีนี้แน่!”
“ครับๆ ไม่ตุกติกหรอกครับ”
ไอ้โง่ ถ้าแกฆ่าเอร่า คนที่ซวยสุดก็คือแกนะ เพราะเอร่าเป็นตัวทำเงินให้กับแก แถมถ้าไม่มีเอร่าแกก็โดนตีนพวกผมแน่ แถมจะโดยหนักกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ช่างเถอะเดี๋ยวก็จบแล้ว
ผมหยิบหีบสมบัติออกมาวางลงบนโต๊ะ และค่อยๆ ถอยมายืนที่เดิม
“เชิญเปิดดูได้เลยครับ รับรองคุ้มค่าแน่ๆ”
ปีเตอร์ขยับตัวอย่างระวังโดยให้คมดาบห่างออกจากคอของเอร่าเลย มันยื่นอีกมือไปเปิด ในดวงตาฉายแววละโมบอย่างชัดเจน นี้ถ้ากับคนอื่นแผนนี้คงใช้ไม่ได้ผลง่ายๆ หรอก
พอหีบถูกเปิดออก สิ่งที่อยู่ข้างในก็คือหอก แต่มันไม่ได้จัดวางไว้ตามปกติ แต่มันกำลังพุ่งออกมาด้วยความเร็วราวกับถูกยิงด้วยปืนใหญ่
หอกเสียบเข้าไปในปากของปีเตอร์ เลาะเอาฟันหน้ากระเด็นหมดปาก แทงลิ้นทะลุเพดานปากจนปลายโผล่ออกไปด้านหลัง ปีเตอร์โดนแรงกระแทกจนตัวลอยไปติดกับข้างฝา
“เอร่าอยู่เฉยๆ ก่อน!”
ผมวิ่งเข้าไปรับตัวเอร่า และรีบตรงดูตรงคอของเธอว่ามีแผลไหม เพราะเอร่าเป็นเทพผมรักษาเธอ
แบบคนอื่นไม่ได้ เพียงแค่บาดแผลเล็กน้อย ก็ถือว่าอันตรายสำหรับเธอแล้ว แต่โชคดีที่ตรงคอของเธอมีแค่รอยแดงๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นแผลเปิด
“โล่งอกไปที”
ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ที่ต้องทำเป็นพูดเหมือนไม่สนใจเอร่า เพราะผมต้องการกดดันปีเตอร์เอาไว้ ไม่ให้มันคุมเกมได้ แต่ในใจผมเป็นห่วงเธอแทบแย่
“นี้นายเป็นห่วงฉันเหรอ”
“ก็แน่นอนสิ บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว คราวนี้โชคดีนะที่ไอ้เจ้านี้ไม่ใช่คนฉลาดหัวไว ไม่งั้นเป็นเรื่องแล้ว”
ผมบอกไปแบบหัวเสีย แต่เอร่ากลับเข้ามากอดผมเอาไว้
“ตาบ้าโรมะ ฉันก็กลัวเหมือนกันนะ!”
“…อืม ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ผมลูบหัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ จนเอร่าเริ่มสงบลงผมก็พาเธอลุกขึ้นยืน
“อ้าว ยังไม่ตายอีกแฮะ”
ผมเดินเข้าไปดูปีเตอร์ที่โดนหอกเสียบทะลุปากปักติดกับอยู่พนังห้อง แต่ยังมีลมหายใจอยู่ ถึงจะสาหัสก็เถอะ แต่โชคดีที่ไม่โดนตรงก้านสมอง เลยยังพอมีโอกาสรอดอยู่
“เอาไงดีเอร่า ทำให้มันจบๆ ไปเลยไหม”
“…ช่วยเขาหน่อยนะ”
“อืม ก็ได้”
ผมไม่อยากช่วยหรอก แต่ถ้าเอร่าอยากจะช่วยผมก็จะไม่ถามหรือขัดอะไรเธอ
พอดึงหอกออกมาแล้วเอาร่างของมันลงมาไว้ที่พื้น ผมก็หยิบเอายาฟื้นพลังออกมา และกรอกให้ไปสองขวด แต่คุณภาพอย่าไปหวังอะไรมาก จริงอยู่ที่มันห้ามเลือดและปิดแผลได้ แต่ไม่ใช่หายสนิท ถ้าโดนกดแรงๆ แผลก็ฉีกเปิดได้ ความเจ็บก็ยังอยู่ ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้อีกต่างหาก กรณีถ้าชิ้นส่วนขาดจากร่างกาย ยาฟื้นพลังก็ช่วยอะไรไม่ได้
กรณีนี้คือรักษาหายแต่ฟันมันก็ไม่งอกกลับมาหรอก
พอฟื้นขึ้นมาแล้ว ปีเตอร์ก็รีบคลานหนีผมไปอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับหยิบดาบชี้มาทางผม ด้วยท่าทีกลัวจนขี้ขึ้นสมอง
แต่เป็นเอร่าที่เดินเข้าไปหาปีเตอร์ เธอยืนด้วยท่าทางสงบ แล้วก็มีออร่าเปล่งแสงจางๆ ออกมาจากตัวเธอ
“จงฟัง ปีเตอร์ บาลิน จากนี้ไปถ้ายังมาให้เราเห็นหน้าอีก ในนามของสิบเทพสูงสุด เราจะทำการยกเลิกการคงอยู่ของเจ้าในโลกนี้ซะ เจ้าจะได้กลับไปสู่สถานะจริงของตัวเอง ที่เป็นแค่วิญญาณของผู้ที่ตายไปจากโลกเดิมแล้ว และนี้คือชีวิตใหม่ของเจ้าที่รออยู่ในภพหน้า”
เอร่าสร้างภาพวิดีโอขึ้นมารอบตัว ซึ่งผมแค่เห็นก็ต้องร้องอี๋แล้ว เพราะชีวิตหลังเกิดใหม่ของเจ้าปีเตอร์นี้ไม่ดีเลย เอ่อ ไม่สิ เลวร้ายกว่านั้นอีก นี้มันโคตรโหดร้ายเลย ถ้าเป็นไปได้ส่งไปนรกเลยเถอะ ท่าทางจะสบายกว่าเกิดใหม่อีก
ปีเตอร์ที่เห็นอนาคตของตัวเองไปถึงชาติหน้า ถึงกับหมดแรงถือดาบจนทำหลุดมือ หน้าของเขาซูบลงทันทีราวกับโดนสูบพลังชีวิตออกไป ใบหน้านั้นดูราวกับ
แก่ลงไปนับสิบปี เอาเถอะ ไม่ใช่ผมไม่เข้าใจหรอกนะ เป็นผมก็คงช็อคเหมือนกันล่ะ
“ถ้างั้นก็ อะแฮ่ม ขอให้ท่านผู้กล้าโชคดีมีชัยในต่างโลกนี้นะคะ”
เอร่าโปรยยิ้มนางฟ้าให้ ก่อนจะสะบัดตูดจากมาอย่างยิ้มแย้ม…ปีศาจชัดๆ ยัยนี้!
พอพวกผมกลับออกมาจากคฤหาสน์ของปีเตอร์แล้ว เอร่าก็ยื่นตาชั่งทองคำออกมาให้ผม
“เอานี้โรมะ ฉันให้”
“ไม่เอา เธอนี้ไม่เข็ดเลยหรือไง ขืนเอามาให้ฉันใช้เดี๋ยวก็โดนลงโทษอีกหรอก”
“ไม่เป็นไร ถ้าช่วยโรมะได้ ถึงโดนลงโทษก็ไม่เป็นไร”
“…ยัยเพี้ยน อย่างฉันไม่ต้องพึ่งของวิเศษหรอก ก็เห็นๆ อยู่ว่าฉันสามารถหาเงินเองได้มากแค่ไหน”
“จริงด้วย! โธ่ นึกว่าพอจะทำประโยชน์ได้แล้วซะอีก”
“จะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ เธอก็เป็นสมาชิกในบ้านเหมือนเดิมนั้นแหละ รีบกลับไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ”
“อืม!”
เอร่ายิ้มแป้นแล้วเดินตามผมกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ ตอนที่1 by KUMAO

ขอออกตัวก่อนเลยว่าแอบก็อปไว้ก่อนที่เว็บจะบินไม่ใช่นิยายของผม ซึ่งมันจะเป็นนิยายแต่งหรือแปลก็ช่างมันผมว่าโดยรวมมันดีถึงจะมีข้อด้อยไปบ้างแต่ก็อ่านได้ลื่นไหล สำหรับคนที่ไม่ชอบก็เบรคตัวเองไว้ไม่ต้องอ่านโวยวายไปก็ไม่ได้อะไรเพราะผมแอบก็อปมาลงไว้ให้บางคนที่ไม่เคยอ่านได้อ่านกันบางคนอยากอ่านซ้ำก็จะได้อ่าน ออกความเห็นได้แต่อย่าดราม่ามากนะคับ บ่นแค่นี้พอละแล้วจะรีบมาลงตอนต่อ เนื้อหามีความรุนแรงเกี่ยวกับเพศอายุต่ำกว่า18อ่านได้แต่อย่าทำตามมันไม่ควร ตอนที่ 1 คืนสุดท้าย                ผมมุเกน โรมะ นักเรียนชั้นปีที่ 2 และตอนนี้ ผมกำลังนั่งซักกางเกงในผู้หญิงอยู่ที่ต่างโลกล่ะเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณว่า เมื่อเดือนก่อน พวกผมทั้งหมดถูกส่งมาต่างโลกแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนั่งสอบอยู่ดีๆ เงยหน้าขึ้นมาก็โดนมอนสเตอร์ล้อมแล้วอ่ะ                 แถมที่ซวยที่สุดก็คือ พวกผมไม่ได้ไปอยู่ในจุดของผู้เริ่มต้น แต่กลับมาอยู่ในปราสาทของจอมมารเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับซวยซะทั...

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 14 - 16 By Kumao

พอก่อนนอนดีกว่า ตอนที่ 14 ชายผู้มีอาวุธในตำนาน ผมกลับมาที่คฤหาสน์ก่อนทุกคนตื่นได้อย่างเฉียดฉิว เช้านี้ผมเตรียมเมนูเป็นข้าวสวยกับปลาย่างเกลือเสริฟพร้อมชุปมิโซะและสลักผัก เดเม่ตื่นลงมาช่วยผมเป็นคนแรกแบบทุกที แต่เธอดูยังคงไม่พอใจที่ตื่นนอนหลังผมอยู่ดี ทว่าก็มีท่าทางเอียงอายคงเพราะยังเขินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนอาบน้ำ เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำอาหารของผมแล้ว จึงช่วยในการจัดเตรียมวัตถุดิบเป็นหลัก ผมใช้เวลาทำอาหารไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เลยให้เดเม่ขึ้นไปปลุกทุกคนลงมากินข้าว แต่สงสัยยังติดใจหม้อไฟเมื่อวาน เลยพากันไปนั่งรอบโต๊ะเตี้ยกันหมด จนผมต้องไล่ให้ขึ้นมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแบบเดิม พอผมตักข้าวในหม้อใส่จานให้ทุกคน ก็พากันทำหน้าแปลกใจ “ไอ้ขาวๆ นี้มันคืออะไรเหรอ?” ดาเซสถามขึ้นพลางชี้ไปที่ข้าวบนจาน คนอื่นก็มีคำถามแบบเดียวกันอยู่บนสีหน้า “ข้าวไง” “ข้าว! หมายถึงข้าวที่จะมีแค่ในร้านอาหารสุดหรู ของพวกขุนนางเท่านั้นใช่ไหม ไม่สิ ฉันเองก็เคยกินมันอยู่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มันมีสีคล้ำๆ แล้วก็ไม่ดูนุ่มๆ น่ากินแบบนี้ด้วย” “อ้อ เพราะไม่ได้คัดข้าวไงถึงเป็นแบบนั้น แล้...

ฮาเร็มของจอมมารมือใหม่ 147 - 149 By Kumao จบแค่นี้ไม่มีละ

จบแล้ว เห็นแว้บๆ ว่าคุณ Kazama Phoenix เขียนต่อ ooooooooooo ตอนที่ 147 เก็บแต้ม ผมเมิ่นเรเดียที่ทำท่าตกใจอยู่ และหันไปคุยในรายละเอียดกับกรอเรียให้เสร็จก่อน โดยก่อนจะจัดการเรื่องนิกายใหม่ เธอจะต้องไปกล่อมครอบครัวซะก่อน โดยผมจะให้เอนันโด้นำทีมคุ้มกันไป เอนันโด้ผมให้ลูกน้องไปขุดศพเขาขึ้นมา และใช้อำนาจแห่งจอมมารเปิดใช้งาน วิหารแห่งการกำเนิดใหม่ ซึ่งที่นี้จะเปลี่ยนให้ดวงวิญญาณของมนุษย์กลายเป็นปีศาจ เอนันโด้เลยคืนชีพขึ้นมาในฐานะปีศาจเศียรขาดดูลาฮาน เลเวลของเขายังเท่ากับตอนก่อนที่จะตาย แต่พอกลายมาเป็นปีศาจแล้ว ค่าพลังก็ต่างเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซํ้ายังปลดขีดจำกัดของเลเวลไปอีก เหตุที่ปีศาจมีเลเวลลิมิตมากกว่ามนุษย์ เพราะร่างกายของเผ่าปีศาจสามารถใช้พลังได้มากกว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนกับมนุษย์ได้พลังของซุป XXX มาใช้ แต่ลองชกหมัดด้วยพลังขนาดนั้นดูสิ ร่างกายจะแหลกเหลวก่อนเป้าหมายถูกทำลายแน่ เพราะงั้นระบบเลยสร้าง Lv Limit ขึ้นมาเพื่อป้องกันในเรื่องนี้ และการเปลี่ยนเผ่านัน จึงได้ทำให้ Lv Limit เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ถึงไม่มีเรื่อง Lv Limit ตอนนี้ก็หาคนมาสู้กับเอนันโด้ลำบากแล้ว เพราะ...