ตอนที่ 63 ช่วยเหลือฉุกเฉิน
ในที่สุดกลุ่มของผมก็มาถึงทางถึงไปชั้นสามแล้ว ตรงนี้เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เทตัวลาดเอียงและบันใดหินที่ค่อนข้างคดเคี้ยว
“พักกันตรงนี้ก่อน ผมจะไปตามพวกเนปฟ่า”
พอวางพวกลุงไว้แถวๆ บันได ผมก็หันกลับเตรียมจะลงไปที่ชั้นสี่อีกรอบ แต่เมดารินดึงแขนห้ามผมไว้
“เดี๋ยวก่อน! นายไปคนเดียวไม่ไหวหรอก”
“พวกเนปฟ่าเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน!”
ผมสะบัดมือของเมดารินออก และเริ่มออกวิ่งไปต่อทันที ผมร้อนใจมาก เพราะกลุ่มของเนปฟ่ามีแต่อาชีพแถวหลัง ไม่มีคนที่ชนมอนสเตอร์ได้ ขืนไปปะทะกับมอนสเตอร์ตอนนี้พวกเธอต้องถูกฆ่าแน่
แล้วเมดารินพูดผิดไปอย่าง เพราะถึงผมจะตัวคนเดียว ผมก็เอาตัวรอดได้สบายมาก ผมเปิดเรดาร์และเลี่ยงจุดตำแหน่งของมอนสเตอร์ไปได้อย่างไม่ยากเลย
อาชีพนักล่าสมบัติของผมนั้น เอาจริงๆ เลยเป็นอาชีพสำหรับสำรวจดันเจี้ยนโดยเฉพาะ เพียงแค่สกิลเรดาร์ ก็ทำให้ผมผ่านชั้นลงไปได้โดยไม่ต้องสู้สักนิด ยิ่งผมมีความเร็วกับความอึดพอตัว อยู่คนเดียวก็ไม่ต้องคอยระวังรอบข้างให้คนอื่นด้วย ทำให้ผมใช้ความเร็วในการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่
เพียงแค่ไม่กี่นาที ผมก็วิ่งมาเจอจุดตำแหน่งบนเรดาร์ ทว่าเหลืออยู่เพียงจุดเดียว ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที เพราะนั้นเท่ากับว่ามีสองคนที่ถูกฆ่าแล้วไป
ใครกันล่ะที่รอดอยู่
ผมลดความเร็วเป็นเดินแบบเก็บเสียงฝีเท้าเอาไว้ แต่ถึงจะอยู่ใกล้จุดตำแหน่งแล้ว ก็ยังไม่เห็นตัวอีกฝ่าย กระทั่งผมได้ยินเสียงสะอื้น ดังมาจากด้านบน เลยเงยหน้าขึ้นไป คนที่ผมเจอกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเสาหิน
“กาอินซัง!”
ผมตะโกนเรียกอีกฝ่าย จนสะดุ้งสุดตัว และมองมาที่ผมอย่างแตกตื่น
“ระ โรมะ!”
“ไม่เป็นอะไรนะ…แล้วคนอื่นล่ะ”
พอถามถึงคนอื่น สีหน้าของกาอินก็ดูจะหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
“พะ พวกเราเจอมอนสเตอร์ดักหน้า ละ เลยต่างคนต่างหนี”
“แล้วเนปฟ่ากับชีเอ้ไปทางไหน!”
กาอินชี้นิ้วสั่นๆ ไปยังส่วนลึกของดันเจี้ยน
“อย่าบอกนะว่าจะหนีไปถึงห้องบอสเลยนะ ให้ได้แบบนี้สิ”
“ดะ เดี๋ยวสิ! จะทิ้งฉันไว้ที่นี้เหรอ!”
“ไม่ได้ทิ้งหรอกครับ รออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนล่ะ พอไปรับพวกเนปฟ่าแล้ว ผมจะย้อนกลับมาพาคุณกลับไปด้วย”
“มะ ไม่เอา! มอนสเตอร์มันล้อมฉันอยู่!”
“…ไม่มีหรอกครับ ผมใช้สกิลเรดาร์ตรวจดูแล้ว แถวนี้ไม่มีมอนสเตอร์อยู่ใกล้ๆ เลย ขอแค่อยู่เฉยๆ แล้วอย่าส่งเสียงดัง รับรองปลอดภัยแน่”
“กะ ก็แค่ข้ออ้างจะทิ้งฉันไว้ล่ะสิ”
“ขอโทษนะ ผมไม่มีเวลามาคุยกับคนสติแตกตอนนี้ จะคิดอย่างไงก็ตามสบายเลย แต่ถ้าอยากรอดก็หุบปากแล้วทำตามที่ผมบอกซะ”
อย่างที่บอก ผมไม่อยากเสียเวลากับไอ้หล่อนี้แล้ว พอบอกเสร็จก็ไม่รอดูท่าทีของมันอีก และรีบออกไปตามหาพวกเนปฟ่าต่อทันที เพราะยิ่งช้าโอกาสรอดของพวกเธอก็จะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย
โชคเริ่มเข้าข้างบ้างแล้ว เพราะตลอดทางเนปฟ่าได้ทิ้งรอยของการใช้เวทมนต์ออกมา ผมเริ่มมีความหวังว่าพวกเธอยังรอดอยู่มากขึ้น
พอเดินไปต่ออีกหน่อยก็เริ่มเห็นไอเท็มตกอยู่ ใช่แล้ว เธอยังรอดอยู่และปราบมอนสเตอร์ลงไปบางส่วนแล้วด้วย แต่ความดีใจก็หาบวับไป เพราะผมเห็นแขนข้าง
หนึ่งตกอยู่พร้อมกับรอยเลือดกองใหญ่ ผมแค่มองแว่บเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นแขนของใคร
แขนที่เรียวยาวและผอมบาง ซํ้ายังขาวอย่างกับหิมะ เป็นแขนของเนปฟ่าไม่ผิดแน่
ผมรีบตามรอยเลือดไป และห่างออกมาจากจุดที่เจอแขนไม่กี่เมตร จุดตำแหน่งก็ปรากฏขึ้นบนเรดาร์แล้ว ผมทะยานไปสุดแรงเลยทีเดียว เพราะจุดที่เห็นนั้นกำลังโดนมอนสเตอร์ล้อมอยู่
พอตามมาถึงระยะที่มองเห็น ผมก็เจอชีเอ้กำลังใช้ท่อนไม้ปัดป้องตัวจากพวกอัศวินหนูสามตัว แต่ตามตัวก็บาดเจ็บหนักพอสมควร แต่ที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ คือร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่ด้านหลังของชีเอ้
ร่างกายของเนปฟ่านั้นเอง แขนที่ขาดไปจนถึงหัวไหล่ ต้นขาถูกฟันถากเนื้อหลุดไปเป็นก้อนจนเห็น
กระดูกต้นขา ที่หลังมีดาบของอัศวินหนูปักคาอยู่ แต่จุดตำแหน่งของเธอยังแสดงอยู่ในเรดาร์ แปลว่ายังมีลมหายใจอยู่
ผมพุ่งเข้าไปใส่พวกอัศวินหนูที่ล้อมชีเอ้อยู่ทันที พร้อมกับใช้เบอเซริกโหมด เพราะ Mp ผมหมดแล้ว แต่ไม่ต่างกันหรอก ตอนนี้แค่ฟันดาบลงไปผมก็ผ่าพวกอัศวินหนูให้ขาดเป็นสองท่อนได้แล้ว และอีกสองตัวก็มีซะตากรรมเดียวกัน
“ชีเอ้ รีบรักษาเนปฟ่าเร็ว!”
“มะ มาน่าฉันหมดแล้ว”
ชีเอ้ใช้เสียงแบบโลลิซึนตอบผม
“งั้นนายรีบดื่มยาฟื้นพลังซะ”
ผมหยิบยาฟื้นพลังออกมาและส่งให้ชีเอ้ไป พลางก้มลงไปพันแผลห้ามเลือดให้กับเนปฟ่าไปด้วย ผม
ใช้ตรวจสอบกับเนปฟ่าดูแล้ว เธออยู่ในสถานะ บาดเจ็บสาหัส
เป็นสถานะที่แย่มาก เพราะจะทำการฟื้นพลังด้วยยาไม่ได้ แถมมีชิ้นส่วนของร่างกายขาดออกไป จะต้องใช้เวทรักษาระดับสามขึ้นไป ถึงจะต่อหรืองอกออกมาใหม่ได้ แต่ถึงจะรักษาได้ก็คงจะต้องทิ้งแผลเป็นน่าเกลียดไว้แน่ๆ ที่สำคัญชีเอ้มีแค่เวทรักษาขั้นหนึ่งเท่านั้น
Hp ของเนปฟ่ากำลังลดลงเรื่อยๆ เพราะสถานะบาดเจ็บสาหัส ทิ้งไว้แบบนี้ไม่ถึงสิบนาทีต้องตายแน่
ส่วนวิธีรักษาน่ะ ต้องมีอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่…ตัวช่วยดันเป็นชีเอ้เนี่ยสิ
ว๊าก!!! ช่วยไม่ได้เฟ้ย ช่วยคนสำคัญกว่า
“ชีเอ้ แผลหายดีแล้วใช่ไหม”
“อะ อืม ดีขึ้นแล้ว แต่เนปฟ่า…”
“เดี๋ยวเนปฟ่าฉันจะรักษาเอง”
“เอ๋? ได้เหรอ?”
“ได้ แต่นายต้องช่วยฉันหน่อย อดทนหน่อยนะ”
ผมไม่เสียเวลาอธิบายมาก ดึงกางเกงตัวเองลงและงัดดุ้นออกมาโชว์ทันที ชีเอ้จ้องตาค้างเลย ผมไม่พูดพรํ่าทำเพลงก็จับผมทวินเทลของชีเอ้ไว้และกระแทกดุ้นเข้าไปในปากทันที และเพราะต้องทำเวลา ไม่มีเวลามาฟินอะไรทั้งนั้น แถมนี้มันตัวผู้ด้วย ไม่มีความเพลิดเพลินในการทำแน่นอน ผมเลยจับหัวโยกด้วยจังหวะรัวเร็วเป็นปืนกล
มีแต่เสียงอุ๊กๆ ดังออกมาจากปาก แต่นํ้าลายของชีเอ้เยอะดีจัง ทำให้ลื่นๆ มันๆ เข้าออกสะดวก แถมมีเม้มริมปากกดที่ดุ้นไว้ด้วย ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนโดนปากถํ้าบีบรัดเลย
ถ้าตัดเรื่องที่เจ้านี้เป็นตัวผู้ออกไป ปากของชีเอ้นี้ชั้นหนึ่งจริงๆ แต่พอผมสอยไปได้ไม่กี่นาที แรงด้านก็หายไป ผมเลยลองปล่อยมือออก ปรากฏว่าชีเอ้เป็นฝ่ายโขยกหัวใส่ดุ้นผมอย่างดุเดือดมาก ความเร็วไม่ตกไปจากตอนผมจับหัวเธอโยกสักนิด
ผมมองดูใบหน้าของชีเอ้ไปด้วย และไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักชัดๆ แล้วตาของเธอตอนนี้มันอะไรกัน แทนที่จะมองมาแบบโกรธๆ หรือรังเกียจ แต่ตาของเธอเหมือนคนที่กำลังโดนมอมยาไม่มีผิด
เพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น ผมก็พร้อมจะยิงกระสุนแล้ว ผมรีบดึงดุ้นออกมา
“อา!!”
ชีเอ้ร้องออกมาด้วยความเสียดายแถมยังยื่นมือมาที่ดุ้นผมด้วย แต่เหมือนจะตั้งสติได้ทัน เลยรีบดึงมือกลับและหันหลังไป ส่วนผมรีบเข้าไปหาเนปฟ่าและกรอกดุ้นเข้าปาก ปรับขนาดให้ดุ้นยาวลงคอเธอไปลึกๆ ก่อนจะยิงกระสุนลงคอเธอไปทั้งแบบนั้น
“ทำอะไรน่ะ!”
ชีเอ้พยายามเข้ามาห้าม แต่ผมยกมือขึ้นไปจับหัวไว้ เพราะตัวเล็กล่ะนะเลยทำอะไรผมไม่ได้
“ดูเฉยๆ เถอะน่า”
พอชีเอ้มองไปที่เนปฟ่าก็ต้องตกใจและหยุดเข้ามาขัดขวาง เพราะแขนของเนปฟ่ากับขาของเธอหายเป็นปกติแล้ว ผมถอนหายใจโล่งอก
แต่พอสบายใจขึ้นมาแล้ว ผมก็ได้กลิ่นคุ้นๆ จมูก ใช่ กลิ่นนํ้าเชื้อไงล่ะ แถมไม่ใช่ของผมด้วย ผมหันไปมองตรงกระโปรงของชีเอ้ ที่บริเวณเป้ามีนํ้าซึมออกมาจริงๆ ด้วย ไอ้นี้แค่ดูดดุ้นผมก็ถึงกับแตกเลย หรือว่าที่มันเล็งจะไม่ใช่พวกฟราน แต่เป็นผมเหรอ!
“นี้นาย แค่ดูดดุ้นแล้วแตกเลย ท่าทางจะเก็บกดมามากเลยนะ”
พอผมทักออกไปชีเอ้ก็พึ่งรู้ตัว เลยรีบยกมือกุมเป้าตัวเองไว้ทันที แต่สายไปแล้วล่ะผมรู้หมดแล้ว
“ชิ จะปล่อยให้ใส่กางเกงในชุ่มนํ้าเชื้อเดี๋ยวคนอื่นเขาก็ได้กลิ่นกันพอดี เอามือออกซะ เดี๋ยวฉันทำความสะอาดให้”
ชีเอ้ทำท่าเขินอายจนแทบหน้าไหม้ แต่ก็ยอมเอามืออก ผมเลยใช้คลีนนิ่งให้จนสะอาดหมดจดทุกส่วนไม่เหลือแม้แต่รอยคราบ
“ขะ ขอบคุณ”
“ฉันก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน แบบว่าให้ชักว่าวเองนี้สงสัยไม่ทันเวลาแน่ๆ”
พอยกเรื่องนี้มาพูดชีเอ้ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าทันที แต่ส่วนหูแดงไปหมดแล้ว ไม่ไหวๆ ท่าทางก็น่ารักด้วย สาวดุ้นของแท้ไม่ผิดแน่เจ้านี้ แถมก้นก็…ไม่ได้ๆ แบบนี้ไม่ใช่แนวผมสักหน่อย
เพื่อให้ลืมเรื่องก้นของชีเอ้ไป ผมเลยเปลี่ยนไปถามแทน ว่าทำไมถึงวิ่งหนีมาทางนี้ เพราะถ้าวิ่งเลาะกำลังไปเรื่อยๆ ก็ถึงทางกลับไปชั้นสามแล้ว
ชีเอ้ที่ปกติไม่ยอมพูดเลย กลับหันมาตอบผมด้วยเสียงโลลิซึน
“ก็กาอินน่ะสิ วิ่งแตกแถวออกมา พวกเราก็เลยออกมาตาม แต่กว่าจะรู้ตัวก็หาทางกลับไม่ได้แล้ว ตอนที่หลงทางก็เจอมอนสเตอร์เข้าอีก พอวิ่งหนีกันมากาอินก็ทิ้งพวกเราไปเฉยเลย เนปฟ่าพยายามปกป้องฉันเต็มที่จนต้องเองต้องบาดเจ็บเกือบตาย”
“แบบนี้เอง แล้วถ้ากาอินล่ะก็ ฉันเจอมันกลางทางแล้ว ท่าทางสติแตกได้ที่เลยล่ะ”
ผมถอนหายใจก่อนจะหันไปแบกเนปฟ่าขึ้นหลัง เพราะไม่รู้เธอจะฟื้นเมื่อไร แถมอยู่ในดันเจี้ยนแบบนี้ไม่ปลอดภัยด้วย
“ชีเอ้ตามฉันมาอย่าให้ห่างล่ะ แล้วก็อย่าทำให้เกิดเสียงด้วย ถึงฉันจะเลี่ยงจุดที่พวกมันอยู่ได้ แต่ฉันห้ามเสียงที่จะดึงพวกมันมาหาไม่ได้หรอกนะ”
“อืม”
ชีเอ้พยักหน้ารับและกลับไปสู่โหมดสาวใบ้ตามเดิม
พอแวะไปรับกาอิน เจ้านั้นพอเห็นเนปฟ่ากับชีเอ้ก็ร้องไห้โวยวายออกมา จนผมต้องสั่งให้เงียบ ไม่งั้นก็ตัวใครตัวมัน ผมให้ชีเอ้เดินตามหลังกาอินไว้ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก ก็ให้เอาไม้ฟาดหัวจนสลบไปได้เลย
ผมพาทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย จนกลับไปรวมกับพวกลุงออกัสได้สำเร็จ
แต่ว่าไม่ดีเท่าไร อย่างกาอินน่ะ บางทีอาจจะเลิกเป็นนักผจญภัยไปเลยก็ได้ จิตใจโดนความกลัวเล่นงานจนพังไปแล้ว จะบอกว่ายังเตรียมใจมาไม่พอก็ว่าได้ ส่วนเนปฟ่าผมไม่แน่ใจ ปกติแล้วบาดเจ็บไปขนาดนี้ คงจะเข็ดไม่กล้าสู้กับมอนสเตอร์อีก และต้องรีไทร์ไปแบบมอเรีย
ส่วนลุงออกัสก็เสียความมั่นใจไปมาก และคงรู้สึกโทษตัวเองอยู่ที่เป็นคนชวนทุกคนมาที่นี้ แต่ผมก็บอกลุงไปแบบตรงๆ ว่า ถ้าคิดแบบนั้นก็เหมือนโทษว่าเป็นความผิดของผมด้วย เพราะผมเป็นคนดื้อให้ทุกคนอยู่ต่อ ลุงออกัสเลยไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรอก ใครจะคาดว่าจะได้เจอกับ Raid กันล่ะ ครั้งก่อนตอนมากับพวกฟรานก็ไม่เจอ เลยนึกว่าไม่มี แบบนี้ล่ะนะที่เขาเรียกว่าติดประมาท
วันนี้พวกผมตัดสินใจยุติการล่าเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็รอให้เนปฟ่าฟื้นขึ้นมา แล้วค่อยกลับออกไปกัน
ระหว่างรอผมไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยว่าจะไปเก็บเกราะมาคืนให้กับเมดาริน และจะได้เก็บพวกไอเท็มดรอปมาด้วย
แต่ตอนเดินๆ ไปอยู่ก็ได้เจอกับลอร์ดมนุษย์หนูตัวหนึ่ง ผมว่าใช่แน่ เป็นไอ้เจ้าลอร์ดที่อยู่ทีมแรกแน่ๆ เพราะตอนนี้มันอยู่ตัวเดียว สมาชิกในทีมที่โดนฆ่าไปคงยังไม่เกิดกัน
“แกสินะที่เรียกบารอนมา ขอระบายแค้นหน่อยเถอะ”
ผมย่องไปข้างหลังมันแบบเงียบๆ ไม่ให้มีเสียง และหยิบมีดออกมา พออยู่ในระยะก็พุ่งเข้าไปปิดปากมันจากด้านหลังเพื่อไม่ให้มีโอกาสใช้ Howl ได้อีก ก่อนจะลงมือปาดคอมันจนเลือดพุ่ง ผมปล่อยร่างมันลงกับพื้น และนั่งดูมันค่อยๆ ตายไปเพราะรอเก็บไอเท็ม แถมผมยังมาร์คตำแหน่งเกิดของทีมพวกมันไว้บนเรดาร์ด้วย ไว้คราวหน้าผ่านมา จะได้แวะมาฆ่ามันอีก ข้อหาทำแผนผมพังตายครั้งเดียวมันไม่พอหรอกนะ
พอเก็บของได้ครบแล้ว ผมก็กลับไปหาทุกคน แต่ตอนที่กำลังเดินขึ้นบันได ผมก็เห็นเมดารินมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“อ้อ แต่งตัวแบบนั้นคงอายที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนอื่นสินะครับ เอานี้ครับผมเก็บเกราะของคุณมาให้แล้ว”
ผมส่งเกราะที่เก็บมาคืนให้ เมดาริน รับไปแบบยิ้มๆ และเริ่มถอดเกราะออก? เอ๋ ไม่ใช่ใส่กลับเหรอ อ้อ หรือว่าเป็นเกราะที่ต้องถอดออกมาประกอบก่อนใส่
“เอานี้ รางวัลของเธอ”
เมดารินยืนโน้มไปทางบันไดเพื่อมองต้นทาง โดยกระดกก้นมาทางผม พร้อมกับแหวกขอบกางเกงในสีนํ้าตาลอ่อนออก เนื้อหอยของเธอมีสีเดียวกับสีกางเกงในเลย
“เร็วๆ นะ เดี๋ยวมีคนมา”
เธอเร่งพลางมองขึ้นไปด้านบน แต่เพราะพวกผมอยู่กันตรงหัวโค้งพอดี เธอเลยต้องยื่นคอออกไปถึงจะ
เห็นข้างบนได้ แต่ขณะเดียวกันถ้าคนข้างบนเดินลงมา ก็จะไม่เห็นพวกผมจนกว่าจะพ้นโค้งมา
ผมเองบอกตามตรงว่าเงี่ยนมากๆ ทั้งโดนปลุกความหื่นคูณสองจากเบิกเซริกโหมด ทั้งอารมณ์ค้างมาจากชีเอ้ พอมีคนมาเปิดแคมให้แทงใส่ถึงที่นี้แบบนี้ ผมไม่คิดอะไรอีกแล้ว เลยงัดดุ้นออกมาเสียบใส่ทันที
“โอย!”
เมดาลินถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อถูกผมแทง เธอดูตกใจมาก จนต้องก้มองหัวแทบติดพื้น แต่พอเห็นลำดุ้นที่กำลังเข้าออกหอยเธออยู่ เมดาลินก็ถึงกับนํ้าตาไหล เธอคงกลัวล่ะมั่งที่เห็นอะไรใหญ่ขนาดนี้กำลังเข้าออกตัวเธอ
เธอขาอ่อนลงทันตาเห็น ผมเลยต้องจับขาเธอยกขึ้น เสียงร้องเธอมีแต่อ๊อกๆ อั่กๆ เพราะโดนดุ้นผมเข้าไปจนจุก ตอนแรกผมกะจะอัดแบบแรงๆ ใส่เธอ แต่พอ
นึกได้ว่าเดี๋ยวต้องเดินกลับกันอีก เลยต้องผ่อนแรงลง และให้เสร็จแบบธรรมดาพอ
ผมเลยสอยไปเรื่อยๆ แบบปกติจนเธอถึง แล้วผมก็ดึงดุ้นออกมาชักอีกพักหนึ่งก็แตกใส่หน้าเธอไป เมดารินจ้องดุ้นผมราวกับมองดูคนรักที่ผลัดพรากจากกันไปแต่ชาติปางก่อน แต่ก่อนเธอจะขอต่อรอบสอง ผมก็ใช้คลีนนิ่งและรีบจับเธอแต่งตัวทันที ตอนนี้ผมอารมณ์ขึ้นสุดๆ เลยอยากจะรีบกลับออกไปไวๆ
แน่นอนเป้าหมายของผมจากนี้ต้องเป็นซ่องอยู่แล้ว
ตอนที่ 64 ผู้มองเห็นลางร้าย
พอเนปฟ่าฟื้นขึ้นมาก็งงไปหมด เพราะเธอนึกว่าตัวเองต้องตายไปแล้ว ซึ่งแน่นอนผมขอให้ชีเอ้เก็บเป็น
ความลับไว้ โดยให้อ้างไปว่ามีนักบวชเทพๆ ผ่านมาพอดีเลยช่วยเธอไว้ ดีกว่าให้เธอรู้ว่าโดนดุ้นผมยัดลงคอแล้วพ่นนํ้าให้กิน
ส่วนกาอินเงียบไปเลย เกิดเรื่องแบบนี้คงมองหน้าเนปฟ่าไม่ติดแล้ว แต่พูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่เหมาะหรอก ไว้กลับไปนอนกันสักตื่น แล้วพอจิตใจกับเป็นปกติแล้ว เดี๋ยวคงคิดออกเองล่ะว่าจะทำอะไรกันต่อ
รายได้วันนี้แทบไม่ได้อะไรเลย เพราะพึ่งเริ่มล่าได้แปบเดียวเอง หารกันแล้วได้คนละไม่ถึงพันรีล
แต่ไม่มีปัญหาสำหรับผมหรอก เพราะเงินน่ะไว้ไปหาเองคนเดียวน่าจะไวกว่า หรือไว้มาลงกับพวกฟรานก็ได้ วันเดียวก็ได้เงินมาพอใช้ไปทั้งอาทิตย์แล้ว
ผมลาทุกคนไปแบบเงียบๆ ซึ่งพวกออกัสเหมือนจะไปร้านเหล้ากันเหมือนเดิม แต่ก็อย่างที่บอก
ผมไม่อยากเสียเวลาไปเมาหัวทิ่มหรอก เอาเวลาไปเล่นสนุกกับสาวๆ ดีกว่า
ที่ผมตรงไปคือซ่องแห่งสุดท้ายที่ผมยังไม่เคยไปใช้บริการ หลังจากตรวจเงินติดตัว ก็คิดว่าคงพอแบบเหลือๆ เลย
ที่นี้ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก แต่ไม่ได้แย่ที่สุด เพียงแค่ที่นี้จะไม่ค่อยมีเด็กใหม่เข้ามา ส่วนใหญ่ก็รับมาจากที่เขาโละทิ้งมาจากที่อื่น นอกจากจะไม่มีสาวบริสุทธิ์แล้วส่วนใหญ่ยังมีอายุกันแล้วทั้งนั้น แต่จากที่ผมขอเดินดูรอบหนึ่ง สรุปได้เลย ถึงจะของทิ้งมา แต่ส่วนใหญ่ยังหน้าตาดีอยู่เลยนะ พอคิดๆ ดู ก็เจอคำตอบได้ไม่ยากเลย
ก็ผู้ชายโลกนี้ดุ้นโดยเฉลี่ยมันเล็กมากเลยนี่น่า ถ้าของผู้หญิงหลวมไปนิดหน่อย ก็ทำให้พวกมันไม่มี
ความสุขแล้ว ส่วนใหญ่พวกมาเที่ยวเลยมองหาแต่เด็กใหม่ที่รูยังฟิตๆ อยู่เท่านั้น
แต่สำหรับผมแล้ว เหล่าสาวๆ ที่เหลือทิ้งมา พวกเธอเหมือนกับเด็กสาวบริสุทธิ์ไม่มีผิด ผมเลยขอเหมาพวกที่ว่างทั้งหมดมาเลย ซึ่งมีราวสิบกว่าคน แถมค่าตัวก็โคตรถูกเลย แพงสุดแค่ 300 รีลเอง
ตอนแรกคนคุมคิดว่าผมจะเหมาพวกเธอแค่ไปนั่งดื่มด้วย แต่หลังจากปิดห้องแล้ว เสียงร้องในห้องก็ดังอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง
มีสองคนที่ผมถูกใจจนอยากซื้อกลับ พวกเธออายุสามสิบกว่าแล้วก็จริง แต่อึดใช้ได้เลย สามารถมีอะไรกับผมได้ถึง 4 ยก เกือบจะพอๆ กับยูรินเลยทีเดียว แถมหน้าตาก็จัดว่าดีทีเดียว แค่เพราะพวกเธอเป็น
โสเภณีมานาน นิสัยเลยบิดๆ เบี้ยวๆ ซึ่งผมขอดูไปอีกสักระยะก่อนจะตัดสินใจว่าจะซื้อพวกเธอหรือเปล่า
ก่อนจะกลับออกมา ผมก็แอบให้เงินค่าขนมพวกเธอทุกคนไว้ด้วย ตอนคนคุมเห็นผมเดินออกมานี้มองตาค้างไปเลย แถมเป็นโชคดีของสาวๆ ที่ผมเหมามาด้วย เพราะพวกเธอโดนผมทำจนหมดสภาพ ขนาดไปรับแขกคนอื่นต่อไม่ไหวแล้ว จึงได้พักเร็วกว่าปกติ แต่เพราะเรื่องที่ผมเหมาสาวๆ มาขยี้จนหมดสภาพนี้เอง ทำให้บรรดาซ่องทุกแห่งในเมือง ต่างพากันเรียกผมว่า จอมโหดโรมะ แต่ฉายาลับๆ ของผมในหมู่โสเภณีคือ คุณชายใหญ่
ถึงจะได้ปลดเปลื้องออกไปได้พอสมควรแล้ว แต่ดูจะไม่พอสำหรับความหื่นสองเท่าของผมในตอนนี้ ถึงผมจะตั้งใจใช้เงินเที่ยวไม่ให้เกินที่หามาได้เองก็เถอะ
แต่คราวนี้มันฉุกเฉินจริงๆ ถือว่าเป็นค่าความรู้ ว่าทีหลังอย่าไปเปิดใช้เบอเซริกโหมดอีก ตอนนี้ผมเลยมุ่งหน้าไปที่ซ่องอีกแห่ง เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า
แต่ตอนเดินตัดเข้าไปในสลัม ซึ่งเป็นทางลัดที่ค้นพบตอนที่เมยอาพามา ผมก็ไปเจอตรอกเล็กๆ ที่คนในสลัมเรียกว่าส้วม แต่มันไม่ใช่ส้วมแบบที่ใช้ขับถ่ายหรอกนะ แต่หมายถึงผู้หญิงที่ใช้ทำเรื่องอย่างว่าได้โดยเหมือนกันเป็นแค่ส้วมที่ใช้ปลดปล่อยของเสียใส่ สรุปคือ เป็นตรอกของโสเภณีในสลัมนั้นเอง
พวกนี้จะใช้เพียงแค่แผ่นไม้มากั้นเป็นคอกๆ กว้างแค่คนนอนสูงไม่ถึงเมตร ด้านในแต่คอกจะมีผู้หญิงที่มาขายตัวนอนอ้าขารออยู่บนกองฝาง ด้านข้างจะมีถ้วยเล็กๆ ไว้ใส่เงินค่าตัว ซึ่งค่าตัวพวกเธออยู่ที่ 5-20 รีล
เท่านั้น พอใครทำเสร็จก็ลุกออกแล้วรอคนใหม่เข้ามาต่อ คืนๆ หนึ่งถ้าคนใดเป็นที่นิยมก็ทำเงินได้หลายรอบ รายได้ไม่แพ้กับพวกที่อยู่ในซ่องเลย เพียงแต่รับแขกมากกว่า แถมเสี่ยงต่อโรคและการถูกทำร้ายด้วย เทียบกันแล้วพวกโสเภณีในซ่องนี้ดูดีไปเลย
ผมเดินดูไปเรื่อยๆ อย่าไม่เร่งรีบ แต่เพราะมันเป็นคอกแบบเปิดโล่ง มีแค่ฝากั้นสองข้าง คอกไหนรับแขกอยู่เลยเห็นกันจะๆ ส่วนผู้หญิงที่มาขายตัวก็มีทุกประเภทตั้งแต่เด็กยันแก่ พวกที่พิการกระทั่งพวกที่ท้องอยู่ก็มี ผมใช้ตรวจสอบใส่พวกเธอไปด้วย แรกๆ ก็ด้วยความสงสัยหรอกนะ เพราะบางคนที่พิการผมคิดว่าคงเคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน
ถ้าเจอพวกเลเวลสูงๆ ดูมีแววเอาไปใช้งานได้ ก็ว่าจะพาตัวไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่เจอมีแต่พวกเลเวลไม่
ถึงสิบยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพเลยด้วยซํ้า แถมบางคนก็เป็นทาสคนอื่นอยู่แล้ว คงโดนเจ้านายบังคับมาขายตัวเพื่อหาเงินให้ล่ะมั่ง ผมเดินมาจนถึงช่วงกลางๆ ตรอก เจอคอกหนึ่งที่ผมหยุดดูนานหน่อย
เธอที่อยู่ในคอกกำลังนอนถางขาและคาบไปป์สูบยาแบบก้านยาว ผมสีส้มแสกกลางยาวถึงกลางหลัง แต่ที่เป็นจุดเด่นคือเธอคาดผ้าปิดตาสีดำไว้ด้วย ผมเลยใช้มองทะลุดู ปรากฏว่าตาเธอใต้ผ้าปิดตานั้น เป็นเหมือนก้อนหิน ไม่มีลักษณะแบบดวงตาด้วย ดูน่ากลัวเอาเรื่องถึงว่าต้องปิดเอาไว้
ผมมองไปดูในถ้วยใส่เงินของเธอซึ่งว่างเปล่า เป็นคนแรกเลยนะ ตลอดทางที่เดินมาอย่างน้อยต้องมีเงินใส่ไว้ห้าสิบหกสิบเหรียญทุกคน
ทั้งๆ ที่หน้าตาเธอก็ดี แถมหน้าอกก็ใหญ่คัพ D ได้ ผิวก็ขาวถึงจะดูผอมจนหนังติดกระดูกและดูสกปรกไปหน่อยก็ตาม อายุประมาณ 20 ปลายๆ แต่พอมองไปตรงจิมิของเธอที่ถางขาโชว์อยู่ ก็พอเข้าใจที่เธอไม่มีแขกแล้ว เพราะที่จิมิของเธอมันมีแผลฉีกขาดอย่างน่ากลัว สภาพอย่างกะมีใครขับสิบล้อพุ่งชนจิมิเธอมาไม่มีผิด
“แค่ 10 รีลเองพี่ชาย ช่วยๆ หน่อยเถอะข้าไม่ได้กินอะไรมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว”
เธอบอกกับผมแต่ไม่มองหน้าแม้แต่น้อย เธอนอนสูบยาพลางมองดูท้องฟ้าไปอย่างไร้อารมณ์
ผมหยิบเงินออกมาและวางลงไปในถ้วยของเธอ
“ขอบคุณ ใส่เข้ามาได้เลย”
“…กินอะไรก่อนไหม อย่างไงเธอก็ไม่มีแขกคนอื่นอยู่แล้วนี้”
ผมหยิบอาหารสำรองออกมาจากในกระเป๋า พอได้กลิ่นเธอก็ถึงกับวางไปป์แล้วลุกพรวดขึ้นมาทันที อาหารที่ผมพกไว้ติดตัวเสมอก็คือข้าวปั้น มันเพราะกินง่ายและอยู่ท้อง ส่วนกลิ่นหอมมาจากชุปที่ไว้กินคู่กัน
“จะให้ข้าเหรอ!”
“อืม กินซะ”
เธอคว้าข้าวปั้นไปจากมือผมทันที และเอาเข้าปากทีเดียวไปทั้งก้อน แน่นอนสิแบบนั้นก็ติดคออยู่แล้ว ผมเลยส่งซุปไปให้ดื่มข้าวจะได้ลงคอ และสมแล้วที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งอาทิตย์ ข้าวปั้นสิบลูกของผมหายวับไปในพริบตาเดียว
“อร่อยมาก! ไม่เคยกินอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ขอบคุณนะพี่ชาย อ้อ แต่เงินนี้ข้าไม่คืนให้หรอกนะ”
“เอาไปเถอะ”
“งั้นก็เริ่มได้เลย”
เธอกลับลงไปนอนถางขาให้ ผมเลยถอดกางเกง แล้วค่อยๆ เอาดุ้นไปจ่อที่ปากถํ้าซึ่งมีสภาพเละเทะ เธอคงรู้ตัวแล้วว่าบางสิ่งที่กำลังจะเข้าไปในตัวเธอมันมีขนาดไม่ปกติ แต่กว่าจะลุกขึ้นมาดูก็สายไปแล้ว ผมดันดุ้นเข้าไปตัวเธอจนถึงด้านในสุด เธออ้าปากค้างส่งเสียงครางออกมาเบาๆ ส่วนขาเหยียดตรง
“ขะ ของพี่ชาย ทะ ทำไมใหญ่จัง!”
“ก็ขนาดพอดีกับของเธอนั้นแหละ”
ผมแช่ดุ้นไว้ในถํ้าที่แห้งผากของเธอ และก็เริ่มชวนคุย
“ผมชื่อโรมะ เธอล่ะชื่ออะไร”
“อะ เอสเตอร์”
เธอพยายามยิ้มตอบ แต่ในท้องเธอมันรู้สึกแน่นมาก จนหายใจไม่สะดวก
“งั้นเอสเตอร์ ขอถามได้ไหม ว่าเธอไปโดนอะไรมา ทำไมน้องสาวเธอถึงได้มีสภาพเละเทะแบบนี้”
“ขะ ข้าเคยโดนพวกออร์คจับไปตัว พวกมันข่มขืนข้าสี่วันโดยไม่หยุดพักเลย มะ มันก็เลยมีสภาพเป็นแบบนี้แหละ”
“…เสียใจด้วยนะ”
“จะ จะมาเสียใจกับข้าทำไมล่ะ มะ มันไม่ใช่เรื่องของพี่ชายสักหน่อย ตะ แต่พี่ชายอย่าพึ่งขยับนะ ขะ ของพี่ชายมันใหญ่กว่าของพวกออร์คอีก ขืนขยับตอนนี้ของข้าต้องฉีกอีกแน่ๆ”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าถ้าขยับของเธอต้องฉีกแน่ เพราะข้างในมันแห้งสนิทเลย ผมเลยใช้มือไปเล่นกับหน้าอกของเธอ ขณะชวนคุยต่อ
“แล้วมีญาติพี่น้องไหม”
“มะ ไม่มี อดตายไปหมดแล้ว”
“นอกจากมาขายตัวตอนกลางคืนแล้ว ยังทำงานอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า”
“พะ พี่ชายถามเยอะจัง พะ เพราะไม่มีใครรับข้าไปทำงาน ก็เลยต้องมาขายตัวแบบนี้ไงล่ะ อุย! แล้วนี้มัน! สะ เสียวจัง”
เอสเตอร์แอ่นอกขึ้นมาทันทีขณะโดนผมบี้เข้าไปที่หัวนม
“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม”
ผมเริ่มรู้สึกว่าในถํ้าของเธอเริ่มแฉะขึ้นมาบ้างแล้ว แต่อยากให้เธอมีอารมณ์มากกว่านี้อีกหน่อยค่อยเริ่ม
“อืม ดีโคตรๆ เลย ไม่รู้เลยนะว่าโดนบีบตรงจุกแล้วจะเสียวได้ขนาดนี้ อ๊า!!”
“ก็ถ้าโดนบีบแรงไปมันก็จะเจ็บแทนเสียวน่ะ ต้องกะแรงให้พอดีๆ”
“พะ พี่ชายสุดยอดไปเลย อย่าหยุดนะ!”
เพราะเสียงร้องของเอสเตอร์ทำให้คอกข้างๆ เริ่มลุกขึ้นมามุงดูกัน ผมน่ะเจออาเดไลท์จ้องจนชินแล้ว ตอนนี้เวลาโดนจ้องเลยยิ่งจะมีอารมณ์
ผมเลื่อนมือไปลูบหน้าท้องของเอสเตอร์ ส่วนอีกมือก็ไปเขี่ยเล่นที่ปุ่มคริ เจอไปแบบนี้เอสเตอร์เลยเริ่ม
ทนไม่ไหว ร่อนสะโพกบดดุ้นผมไปมาในถํ้าที่ตอดรัดแน่นของเธอ
“มะ ไม่ไหวแล้ว! ขยับสิพี่ชาย! เย็ดข้าเลย ช่วยเย็ดหีเน่าๆ ของข้าทีเถอะ!”
ผมไม่ปล่อยให้เธอต้องรอนาน เลยเริ่มโยกเอวด้วยจังหวะสั้นๆ เอสเตอร์ส่ายเอวรับไปด้วย พอเริ่มเร่งจังหวะเอสเตอร์ก็เร่งจังหวะส่ายเอวไปด้วย สีหน้าเธอดูความสุขมาก
“ยะ ยังไม่ออกอีกเหรอพี่ชาย! อะ อึดอะไรแบบนี้ ขะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว! จะแตกแล้ว!”
“ปล่อยออกมาเลยเอสเตอร์”
“อา! อา! อ๊า! สะ เสียว ขอโทษนะพี่ชาย อา! อ๊า! จ จะแตก! แตกแล้วววว!”
พอเอสเตอร์ถึงจุดสุดยอดไป พวกสาวๆ ที่มุงดูอยู่ก็พากันกลืนนํ้าลายดังเฮือก พวกผู้ชายที่มาตามเสียง ก็สงสัยเกิดอารมณ์ขึ้นมา เลยรีบพาพวกสาวๆ เข้าคอกกันหมด
“เอสเตอร์ ทำไมถึงไม่มีใครรับเธอเข้าทำงานเหรอ”
ผมถามต่อขณะที่แช่ดุ้นซึ่งยังไม่ได้พ่นนํ้าออกคาถํ้าเธอไว้
“…เพราะข้านำโชคร้ายมาให้พวกเขา”
“นี้เธอ หรือว่าใช้พลังของตาข้างนี้แล้วเที่ยวไปทักคนนู้นคนนี้ไว้ใช่ไหม”
“พี่ชายรู้ด้วยเหรอ!”
เอสเตอร์พยายามหลบหน้าผมทันที ใช่แล้วล่ะ ตาของเธอข้างที่แข็งเป็นหิน ผมใช้ตรวจสอบดูแล้ว
ปรากฏว่ามันคือนัยน์ตาวิบัติ ผู้ที่มีมันสามารถจะมองเห็นลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ รวมถึงสิ่งที่ใกล้จะตายด้วย อย่างเช่นคนแก่ที่ใกล้ถึงอายุขัย สิ่งของที่จะหมดอายุการใช้งาน ของวัตถุที่ชำรุด
“ผมมีสกิลตรวจสอบน่ะ แถมเลเวลสกิลสูงพอจะเห็นรายละเอียดสิ่งที่ตรวจดูได้ ว่าแต่ยังไหวใช่ไหมผมจะต่อยกสองล่ะนะ”
“ดะ เดี๋ยว! ยังทำไหวอีกเหรอ!”
ผมเริ่มโยกต่อ แต่สงสัยเอสเตอร์ยังไม่ฟื้นตัว เลยไม่ได้เด้งเอวรับแล้ว แต่เธอดูจะพึ่งพอใจกว่ารอบแรกซะอีก
“คนทั่วไปคงรับเรื่องสูญเสียไม่ได้หรอก ยิ่งไปทักก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนแช่ง ไม่แปลกล่ะนะที่คนอื่นจะไม่ชอบเธอกัน”
“ก ก็ อ๊า! อ๊า! หะ เห็นคนจะตาย จ จะไม่เตือนได้ไง! อ๊า!”
“อุ๊ เป็นคนดีผิดคาดนะเนี่ย”
ผมเปลี่ยนท่าเป็นเล่นท่าหมา และซอยถี่ๆ ไปเกือบห้านาที จนพวกเราเสร็จไปพร้อมกัน
“ผมสนใจความสามารถของเธอนะ อยากมาอยู่ด้วยกันไหม”
“ปะ ไปอยู่กับพี่ชายน่ะเหรอ?”
“อืม มีข้าวให้กินสามมื้อ กับที่นอนดีๆ ส่วนเงินเดือนไว้เดี๋ยวค่อยดูก่อนว่าเธอจะทำอะไรได้บ้าง”
“เหอะ คิดว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรือไง มันจะไปมีข้อเสนอดีๆ แบบนี้ที่ไหนกัน จะหลอกข้าไปเป็นทาสล่ะสิ บอกก่อนนะร่างกายเน่าๆ แบบข้าเอาไปขายก็ไม่ได้ราคาหรอก”
“รู้จักระแวงก็ดีนะ งั้นเอาแบบนี้ไหม ผมจะจ่ายเงินให้ เพื่อซื้อเวลาของเธอหนึ่งวัน คิดซะว่าผมพาไปเที่ยวที่บ้าน ส่วนถ้าเธอสนใจ ข้อเสนอแรกก็ยังอยู่ แบบนี้ดีไหม”
“พี่ชายนี้แปลกคนนะ ถ้าได้เงินข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“แค่นี้พอไหม”
ผมส่งเหรียญเงินใหญ่ไปให้
“พอๆ!!”
เอสเตอร์รีบรับไปทันที เพราะหนึ่งพันรีลนั้นใช้อยู่ได้สบายๆ ไปเกือบทั้งสัปดาห์เลย
“งั้นก็ไปกันเถอะ พอดีผมมีที่ต้องแวะก่อนด้วย”
ผมใช้คลีนนิ่งให้กับเอสเตอร์ ตอนแรกคิดว่าเธอจะเดินไม่ไหวซะอีก แต่ดูท่าเอสเตอร์จะอึดเอาเรื่องเหมือนกัน
“จริงสิ ไปป์ของเธอน่ะ ดูท่าจะมีราคานะ ทำไมไม่เอาไปขายหาเงินมากินข้าวล่ะ”
ผมสนใจตั้งแต่เห็นลวดลายมันแล้ว แถมพอใช้ประเมินราคา ก็พบว่ามันมีราคาถึงสามหมื่นรีลเลยทีเดียว
“ขายไม่ได้หรอก นี้เป็นของสำคัญของข้า”
“บอกได้ไหมสำคัญอย่างไง”
“มันช่วยให้ข้ารอดมาจากพวกออร์คได้”
“เอ๋? ไปป์เนี่ยนะ”
“อืม แทงเข้าตาเลยไง”
“…แล้วยังหนีมาได้อีกนะ เธอนี้สุดยอดในหลายๆ ความหมายเลยแฮะ”
“แล้วนี้จะพาข้าไปไหน”
“คือกลับบ้านไปตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำน่ะ ไงก็ตามผมไปซ่องก่อนล่ะกัน”
“ซ่อง! นี้พี่ชายเสร็จกับข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ!”
“อ่า ใช่ แต่ว่ายังไม่พออ่ะสิ แถมถ้าไม่เอาออกให้พอ มีหวังได้ดุ้นแข็งไปทั้งวันแน่”
“พี่ชายนี้…ประหลาดคนนะ”
“เอาน่า ตามมาเถอะจะเลี้ยงข้าวด้วยนะ”
พอบอกว่ามีข้าวให้กินเท่านั้นแหละ เดินตามติดมาทันทีเลย
เมื่อไปถึงซ่องผมก็เหมาพวกเกรตA ที่ว่างทั้งหมดมา พร้อมกันสั่งอาหารและขอซื้อเสื้อผ้าต่อมาชุดหนึ่งให้เอสเตอร์ด้วย เพราะตัวที่เธอใส่อยู่มันเป็นผ้าขี้ริ้วดีๆ นี้เอง ขนาดใช้คลีนนิ่งไปแล้ว เนื้อผ้าก็ยังดูเก่าแค่จับเบาๆ ก็ขาดแล้ว
ผมให้เอสเตอร์นั่งกินอาหารที่สั่งมาไปพร้อมกับพวกสาวๆ ที่รอคิวอยู่ แต่ผมก็เตือนเอสเตอร์ไปว่าอย่าพึ่งกินจนอิ่ม เพราะเดี๋ยวต้องไปกินมื้อเช้าที่บ้านผมด้วย
เอสเตอร์ดูจะเชื่อใจผมขึ้นมาอีกหน่อย หลังจากได้รับเสื้อผ้าสะอาดๆ และดูดี กับอาหารราคาแพง
แต่ที่เธอยังมองผมแปลกๆ ก็เพราะไม่เคยเห็นใครมีเซ็กส์แบบมาราธอนอย่างผมมาก่อนก็ได้ เพราะถ้านับรวมที่ทำกับเธอไปด้วย ตอนนี้ผมแตกไปแล้วสิบรอบ
ส่วนพวกผู้หญิงที่เหมามาก็หมดแรงจนหลับกันไปหมดแล้ว
“ทันเวลาพอดี”
ผมเริ่มสงบความหื่นในตัวได้แล้ว พร้อมกับที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี
“ไปกันเถอะ เอสเตอร์ บ้านผมอยู่นอกเมืองน่ะ เดินกันไกลหน่อยนะ”
“อะ อืม ได้ไม่มีปัญหา”
ระหว่างทางผมก็ลองให้เอสเตอร์ตรวจดูมีดมังกรสมุทร เธอดึงผ้าปิดตาออก แล้วใช้ดวงตาข้างที่แข็งเป็นหินมองดู
“อืม ของดีมากเลยล่ะ สีสดใสเป็นประกายแบบนี้ นอกจากจะไม่มีตำหนิหรือความเสียหายแล้ว คุณภาพของวัตถุดิบก็ดีมากเลย”
“โห! ดูได้ละเอียดแบบนั้นเลยเหรอ สุดยอดเลยแฮะ”
“แค่นี้สบาย!!!”
พอเอสเตอร์เงยหน้าขึ้นมามองผม เธอก็หน้าซีดและก้าวเท้าถอยไปแบบไม่รู้ตัว
“…เห็นลางร้ายจากตัวผมเหรอ?”
เอสเตอร์ส่ายหน้า
ถ้าไม่ใช่ลางร้ายงั้นก็…พลังของจอมมารสินะ จะว่าไปมันก็เป็นพลังด้านลบซะด้วย แถมมีสกิลแบบพวกออร่าแห่งลางร้ายซะด้วย
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกเอสเตอร์ ไม่มีอะไรที่เธอเห็นเป็นแค่ผลกระทบของสกิลผมน่ะ”
ถึงจะบอกแบบนั้นไป แต่เอสเตอร์ก็ยังตัวสั่นอยู่ดี พลังของจอมมารนี้มีผลกระทบกับคนที่สัมผัสถึงได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“งั้นใส่ที่ปิดตาไว้ตามเดิมเถอะ”
เอสเตอร์รีบดึงผ้าปิดตาขึ้นมาใส่ตามเดิม และมองมาที่ผมแบบหวาดๆ
“พี่ชายเป็นใครกันแน่น่ะ”
“เอ่อ…คงเพราะผมบ้ากามกว่าคนปกติล่ะมั่ง ออร่าแห่งความหื่นมันเลยรุนแรงขนาดนั้น”
แถไปก่อน อย่างไงก็บอกความจริงไม่ได้อยู่แล้ว
เอสเตอร์ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยอมเดินตามผมมาในที่สุด ทว่าพอได้เห็นคฤหาสน์เท่านั้น เธอก็ลืมเรื่องตะกี้ไปจนหมด
ตอนที่ 65 สะสางงานช่วงเช้า
“ยะ ใหญ่!”
เอสเตอร์อ้าปากค้างเงยหน้ามองคฤหาสน์ตรงหน้า ส่วนผมกลับมองไปที่สวนดอกไม้ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้เห็นอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ โมอานี้ทำงานได้ดีจัง ถ้าจะขยายพื้นที่แปลงดอกไม้ออกไปอีกโมอาจะทำไหวหรือเปล่านะ ไว้เดี๋ยวค่อยลองคุยดู
“เอสเตอร์ เข้ามาสิ”
ผมเรียกเอสเตอร์ให้ตามเข้ามาในบ้าน เธอดูประหม่ามาก พยายามเช็ดมือเช็ดเท้าให้สะอาดที่สุด แต่ผมบอกว่าไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น
และก็เหมือนกับทุกคนที่พึ่งเคยมาที่นี้ ที่ต่างต้องตกใจไปกับอากาศที่เย็นสบาย วันนี้ผมกลับมาได้จังหวะที่เดเม่กับโมอาตื่นนอนพอดี
“อรุณสวัสดิ์เดเม่ โมอา”
“สวัสดีค่ะนายท่าน แล้วก็ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”
ทั้งคู่ตอบพร้อมกันและโค้งตัวให้ผม
หลังจากแนะนำให้รู้จักเอสเตอร์แล้ว ผมก็ให้เธอไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น โดยที่คราวนี้โมอาเป็นคนเอาชาไปเสริฟ เพราะอยากจะทดสอบมารยาทการรับแขก ที่ได้เรียนมาจากเดเม่
ส่วนเดเม่ก็เข้ามาช่วยผมเตรียมมื้อเช้าในครัว
วันนี้ผมจะทำมื้อเช้าแบบง่ายๆ โดยมีขนมปังปิ้งเป็นตัวยืนพื้น แต่เพิ่มไข่ดาวกับไส้กรอกไป ส่วนที่ใช้
ทากับขนมปังก็มีเนยกับแยมให้เลือก แต่ที่เดเม่สนใจจนถึงขั้นตกใจ คือวิธีตอกไข่และวิธีทอดไข่ดาว ใช่ ที่โลกนี้ไม่รู้จักไข่ดาวกันล่ะ เมนูไข่ที่ผมเห็นมา ล้วนแต่เป็นไข่คนแบบเละๆ เท่านั้น
“นะ นายท่านเล่นกลอีกแล้ว!”
“ไม่ใช่เล่นกล มานี้สิ ผมจะสอนให้”
ผมจับมือเดเม่ไว้ และให้ควบคุมแรงที่ปลายนิ้ว ไม่ต้องเกร็งทำให้เป็นธรรมชาติ แรกๆ ก็ทำไม่ได้ แต่ส่วนที่ตอกพลาดผมก็เก็บไว้ทำอย่างอื่นได้ เลยบอกให้เดเม่ไม่ต้องห่วงที่ทำพลาดไป แต่เดเม่เองก็เรียนรู้เร็วจริงๆ เพียงแค่ตอกพลาดไปสิบกว่าฟอง ก็เริ่มทำได้โดยไม่มีทั้งเปลือกติดออกมาและไข่แดงก็ไม่แตก
จากนั้นผมก็สวนวิธีทอดต่อ โดยผมทอดไว้ทั้งสองแบบ คือแบบไข่แดงสุกและไข่แดงไม่สุก เพราะไม่รู้ใคร
ชอบแบบไหน เลยทำมันสองแบบซะเลย แถมผมใช้เนยแทนนํ้ามัน ทำให้มีกลิ่นหอม และเป็นวิธีใหม่สำหรับโลกนี้อีกเช่นกัน ขนาดวิธีใช้นํ้ามันทอดก็ไม่เหมือนกันแล้ว คนในโลกนี้จะเทนํ้ามันลงไปในวัตถุดิบที่จะทอด แล้วโยนใส่กระทะร้อนๆ ทั้งแบบนั้นเลย
“หะ หอมจังเลยค่ะ!”
“แต่ห้ามใส่เยอะไปนะ เนยจะให้กลิ่นหอมก็จริง แต่ถ้ามากไปจะทำให้เลี่ยนและรสชาติอาหารเพี้ยนได้ง่ายๆ”
“ค่ะ! นายท่านรู้ทุกอย่างเลย สุดยอดจริงๆ เลยค่ะ!”
“ไม่รู้ทุกอย่างหรอก แค่รู้เรื่องที่ตัวเองอยากรู้ เดี๋ยวอีกหน่อยเดเม่เองก็ทำได้เหมือนผมเองล่ะ”
“ถ้าหนูเรียนรู้ทุกอย่างจากนายท่านได้แล้ว หนูจะปรนนิบัตินายท่านได้ใช่ไหมค่ะ”
“อย่ารีบร้อนนักล่ะ เพราะผมชอบที่จะได้ทำอาหารด้วยกันกับเดเม่นะ”
“นายท่าน”
เดเม่ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ผม แต่ก็หวานกันได้ไม่นานเพราะไข่เริ่มไหม้แล้ว
เดี๋ยวนี้หน้าที่ในการปลุกทุกคนเป็นของไรโมดอลแล้ว แถมยังช่วยยกอาหารไปจัดไว้บนโต๊ะให้อีก มีประโยชน์จริงๆ เลย คริสติน่าแอบมากระซิบบอกผมว่า ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้พวกไรโมดอลมีความสุขมาก เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่โดนล่าจากพวกนักผจญภัย บรรยากาศของบ้านก็ดี มีเจ้าของให้ความสนใจ พวกเธอ
เลยตั้งใจกันทำงานเพื่อตอบแทนทุกคนในบ้านนี้กันอย่างเต็มที่เลย
ส่วนเอสเตอร์พอเห็นมีมอนสเตอร์เดินกันเต็มบ้าน ก็ตกใจจนหนีไปแอบหลังเก้าอี้แล้ว เลยต้องวานให้เดเม่ไปช่วยอธิบายให้ฟัง และให้อุปกรณ์เวทที่ใช้สื่อสารกับไรโมดอลไปด้วย แต่พอชินกับไรโมดอลแล้ว ดอเรียก็เดินลงมาพอดี เอสเตอร์ที่หันไปเห็นก็ยืนตัวแข็งทื่อแทบจะหยุดหายใจไปด้วย
“คนใหม่อีกแล้วเหรอคะ จะมีสักวันไหมที่นายท่านกลับมาโดยไม่พาคนมาเพิ่ม”
เมยอาเดินมาเจอเอสเตอร์ก็หันมาจิกกัดผมทันที
“อุ๊! ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ เอสเตอร์มีความสามารถที่น่าสนใจมาก น่าจะช่วยงานพวกเราได้น่ะ”
“จะบอกว่าแค่ชวนมาช่วยงาน และนายท่านไม่ได้แตะต้องเธอเลยเหรอคะ”
เมยอาเธอนี้รู้จักผมดียิ่งกว่าตัวเองอีกนะเนี่ย
“ก็ทั้งสองงานเลย”
“…ลามก”
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความและโคตรเจ็บ!
“หือ คนใหม่เหรอ…เอ๋ ยังไม่ใช่นี่น่า?”
อาเดไลท์เดินลงมาเห็นเอสเตอร์ ก็ทักออกมาตามปกติ ก่อนจะเดินวนดูรอบๆ ตัวอีกฝ่าย และส่ายหน้าออกมา
“อะไรที่ไม่ใช่เหรอ?”
ผมอดสงสัยไม่ได้
“ก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะเอาเข้าฮาเร็มไง”
“แล้วรู้ได้ไงครับ”
“ดูก็รู้แล้ว ถ้าเป็นสาวๆ ที่อยู่ฮาเร็มของนาย จะต้องได้รับยาก่อน แต่สภาพของเธอเห็นชัดๆ ว่ายังไม่ได้รับยา เส้นผมก็แห้ง ผิวก็สาก แถมผอมเป็นซอมบี้อีก”
“ช่างสังเกตจริงๆ!”
“แต่พามาด้วยแบบนี้…จะให้มาช่วยงานหรือรอให้อีกฝ่ายตัดสินใจล่ะ”
“โห! รู้ขนาดนี้ไม่ต้องให้ผมบอกแล้วมั่ง!”
“นั้นสินะ คงทั้งสองอย่างเลยล่ะสิ”
สุดยอด! อาเดไลท์นี้อ่านผมขาดยิ่งกว่าเมยอาอีกแฮะ แถมเธอยังหันไปทักทายกับเอสเตอร์แล้ว
“สวัสดีค่ะ ฉันอาเดไลท์”
“อะ เอสเตอร์”
เอสเตอร์ไม่คุ้นเคยกับมารยาทในวงชนชั้นสูง เลยพูดออกไปแบบห้วนๆ กับอาเดไลท์ที่อายุน้อยกว่า แต่เอสเตอร์กลับรู้สึกเกรงใจซะแทน
“ไม่ต้องเกร็งนะ ที่นี้ไม่มีพิธีรีตองอะไรกันหรอก ส่วนอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามพวกฉันได้ค่ะ”
ได้อาเดไลท์ดูแลแขกให้แบบนี้ ผมรู้สึกวางใจขึ้นมาเลย
เพียงแต่ว่ามาดสง่าภูมิฐานของอาเดไลท์ก็มาจบลงที่โต๊ะอาหารจนได้
“นะ นี้มันไข่เหรอ! มีทั้งสีขาวสีส้ม นะ น่ากินจัง! แล้วทำมันติดอยู่ด้วยกันล่ะ ทำได้อย่างไง!!??”
อาเดไลท์ถามเป็นชุด แต่เจอถามแบบนี้ไปผมก็อธิบายไม่ถูกแฮะ เลยสาธิตวิธีทำกันบนโต๊ะให้ทุกคนดูกันไปเลย
“นายท่านเล่นกลอีกแล้ว!”
ฟรานร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่เล่นกล! แค่วิธีทำอาหารเท่านั้นล่ะ!”
พอเสร็จแล้วก็มานั่งอธิบายเรื่องไข่แบบสุกและไม่สุก และผมก็ไม่บังคับให้กินอันที่ไม่ชอบหรอกนะ ส่วนที่เหลือผมจะเอาไปทำเป็นแซนวิซตุนไว้ในกระเป๋า เป็นเสบียงตอนฉุกเฉิน
แต่ผลปรากฏว่า…เรียบเลย ทุกคนกวาดเรียบทั้งแบบสุกและไม่สุก พอผมถามว่าชอบแบบไหนกว่ากัน
ทุกคนก็ทำหน้าแบบคิดหนัก ผมเลยสรุปได้ว่าพวกเธอชอบหมดล่ะไม่ว่าแบบไหน มีรีเควสซะอีก ว่าอยากให้ขนมปังแผ่นใหญ่กว่านี้
เอสเตอร์แอบเอาขนมปังเก็บไปด้วย ผมเลยบอกว่าไม่ต้องซ่อนไว้หรอก กินให้อิ่ม ส่วนถ้าจะเอากลับผมมีให้ต่างหาก ส่วนแยมนี้ได้รับความนิยมยิ่งกว่าเนยซะอีก แค่มื้อเดียวก็แทบหมดกระปุกเลย สงสัยต้องเร่งการผลิตซะแล้ว
พอกินกันเสร็จผมก็ใช้คลีนนิ่งและปล่อยให้พวกไรโมดอลยกจานไปเก็บให้ ถึงพวกเธอจะตัวเล็ก แต่ทำงานกันเป็นทีม เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ขนาดที่เก็บจานอยู่สูง ก็ยังกระโดดต่อตัวกันขึ้นไปได้อย่างกับนักกายกรรม ส่วนพวกที่อยู่ด้านล่างก็จะล่อนจานขึ้นไปให้ แค่ดูวิธีเก็บจานของพวกเธอก็เพลินแล้ว
แถมชุดที่สั่งตัดไว้ก็เสร็จแล้วด้วย ทั้งของกินทั้งของซาคุยะ จะว่าไปพวกไรโมดอลนี้ใส่เสื้อผ้ากันไม่ซํ้าวันเลย สงสัยต้องไปหาผ้ามาเพิ่มให้อีกแล้ว
หลังมื้อเช้าอาเดไลท์มาเตือนผมเรื่องกิน ว่าผมไม่ควรให้กินนั่งดูดนํ้าเชื้อผมแบบนี้ให้แขกเห็น ผมก็เห็นด้วย เลยว่าจะทำใส่ขวดสำรองไว้ให้กรณีที่ผมไม่อยู่ด้วย อย่างไงนํ้าเชื้อผมก็คงทนเก็บไว้ได้นานอยู่แล้ว ยิ่งใส่ไว้ในกระเป๋านักผจญภัยด้วย
ส่วนเอสตอร์ผมให้ฟรานพาไปนอนก่อน เพราะเมื่อคืนก็อยู่กับผมตลอดไม่ได้นอนเลย แต่อาจเพราะกินจนอิ่มแล้วก็ได้ ท่าทีระแวงของเธอเลยลดน้อยลง ออกจะเป็นแบบเกรงใจมากกว่า
“แล้วก็ ดาเซส เดเม่ เมยอา ผมวานพวกเธอหน่อย”
“โอ๋ บอกมาได้เลย”
“นายท่านสั่งมาได้เลยค่ะ”
“จะสั่งทำเรื่องลามกให้ล่ะสิ”
“เอ่อ ดาเชสกับเดเม่ผมขอบคุณล่วงหน้านะ ส่วนเมยอาตกเบ็ดให้ดูหน่อยสิ”
เพียะ!
โดนเมยอาตบหน้าล่ะ ก็สมควรแล้วดันไปพูดเรื่องต้องห้ามออกมาเองนี้ผม แต่การได้ยิกๆ ยอกๆ กับเมยอาก็ถือว่าเป็นความสุขของผมเหมือนกันนะ
จากนั้นผมก็จ่ายงานให้พวกเธอ โดยให้ออกไปซื้อของพร้อมกับพามอเรียไปส่งด้วย แล้วให้ซื้อกระเป๋านักผจญภัยมาเพิ่มอีก โดยให้ซื้อใบใหญ่มาห้า ใบกลางกับใบเล็กอย่างล่ะสิบ เพราะว่าจะทดลองทำอะไรสักหน่อย เงินทุนก็มีแล้วด้วย
ดาเซสนั้นผมวานให้เอาเงินที่ได้มาเมื่อวาน ไปฝากไว้ที่ร้านแลกเปลี่ยนเงิน
ส่วนเดเม่ผมให้ไปซื้อของที่ผมจดให้เหมือนเดิม ซึ่งมีทั้งของกินและก็ของใช้
เมยอาเลยได้รับหน้าที่เอาปลาไปขาย โดยปลาสายรุ้งแบบทั้งตัวผมเก็บไว้แค่ตัวเดียวที่เหลือเอาไปขายหมด ที่ต้องให้เมยอาไปขายแทนเดเม่ เพราะพ่อค้าจะได้จำหน้าไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวให้คนเดิมไปขายตลอด จะถูกจับตาเอาได้
แล้วผมยังให้เมยอาทำบัญชีค่าขนมให้กับทุกคนด้วย โดยผมตั้งวงเงินไว้ให้คนละล้านรีล แน่นอนว่าผมให้มีบัญชีของเมยอาด้วย ส่วนถ้าเงินของใครหมด ผมจะคอยเติมให้เองตามความเหมาะสม
พอนึกได้ว่ายังอยากจะเพิ่มสวนดอกไม้ขึ้นอีก เลยถามโมอาดู เธอเลยบอกว่ามีพวกไรโมดอลช่วย จะเพิ่มสวนอีกก็ได้พวกเธอดูแลไหว แต่ก็แนะนำผมว่าลองทำเป็นซุ้มดอกไม้ดู ซึ่งผมก็บอกว่าให้โมอาจัดไปตามที่เห็นควรได้เลย งบไม่จำกัด ขอแค่ดูร่มรื่นสบายตาและน่าอยู่ก็พอ โมอาเลยติดรถม้าไปกับพวกดาเซสด้วยอีกคน
ส่วนของยูรินผมมีงานให้เธอทำเหมือนกัน
“หา! หมดเลยเหรอ!”
“ใช่หมดนี้เลย”
ผมเอาพวกอาวุธชุดเกราะมัจฉาที่ไม่มีช่องสกิลออกมากองไว้ตรงหน้ายูริน
ที่ผมจะให้ยูรินทำก็คือ เอาพวกมันไปหลอมเพื่อสกัดแร่ออกมา เพราะอาวุธมัจฉามีความคมและ
ทนทานกว่าเหล็กกล้าซะอีก แปลว่ามันต้องมีส่วนผสมของแร่บางอย่างที่ดีมากๆ อยู่แน่
“แต่ถ้าเอาไปขายจะได้เงินเป็นจำนวนมาก แล้วเอาไปประมูลซื้อของดีๆ มาได้”
“ไม่ล่ะ ผมมองถึงอนาคตข้างหน้าด้วย ถ้ายูรินสามารถผลิตสินค้าที่เป็นออริจินอลของตัวเองได้ ก็สามารถทำเงินได้มหาศาลแน่ แต่นั้นหมายถึงในอนาคตล่ะนะ ตอนนี้ไม่ต้องคิดไปถึงขั้นนั้นหรอก แค่ใช้พวกนี้ฝึกฝีมือทดลองตามที่ต้องการได้เลย”
“…นายท่านฉลาด ข้าจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
“อย่ากดดันตัวเองให้มากนักนะ ผมให้ยูรินทำเพราะมันเป็นงานที่ยูรินชอบ ส่วนความสำเร็จมันเป็นแค่ผลที่ตามมาเท่านั้น”
“อะ อืม!”
ยูรินดึงคอผมลงไปหอมแก้ม ก่อนจะรีบยกเอากองอาวุธวิ่งหายเข้าไปใน Workshop ของตัวเอง
ส่วนผมคิดว่าจะไปที่ร้านประมูล เพราะอยากได้คริสตัลวิญญาณเพิ่ม เลยไปชวนคนอื่นๆ ดู
ฟรานผมขอให้เธออยู่ดูแลบ้านแทนดาเซส ส่วนมิรินกระซิบบอกผมว่า วันนี้จะกลับไปที่ปราสาทจอมมาร ไปเยี่ยมมุเอมะและจะขอเรียนเวทมนต์ใหม่ๆ ด้วย จะกลับมาตอนเย็นเลย
ส่วนดอเรียผมวานให้เธอที่ดันเจี้ยนลาลาพัส เพื่อล่ามอนสเตอร์หาผ้ามาให้พวกไรโมดอล จริงๆ เธอบอกว่าไปคนเดียวไหวสบายมาก แต่ผมไม่อยากเสี่ยงเลยให้พาซาคุยะกับกินไปด้วย ซาคุยะนี้ดีใจจนกระโดดเลยแฮะ
พอลองชวนอาเดไลท์ดู เธอดันหมดความสนใจร้านประมูลแล้ว เลยจะขออยู่บ้านนั่งอ่านหนังสือแทน ฉะนั้นคนที่จะไปกับผมเลยเป็นเอร่าคนเดียว…เอาเถอะ ถือว่าพาสุนัขไปเดินเล่นล่ะกัน
ตอนแรกผมคิดว่าเธอจะบังคับให้ผมแวะซื้อของกินให้ตามข้างทางซะอีก แต่นี้ตรงกันไปที่ร้านประมูลเลย พอถามดู เอร่าบอกว่าเคยมาลองซื้อทานดูแล้ว ตอนที่ผมให้เป็นวันหยุดคราวก่อน แถมไม่มีอันไหนอร่อยสู้ที่ผมทำได้เลย เธอจึงหมดความสนใจเรื่องอาหารนอกบ้านไปแล้ว
“แล้วนี้จะตามไปร้านประมูลทำไมล่ะ?”
“ฉันจะเอาเจ้านี้ไปประมูลไงล่ะ”
เอร่าเปิดห่อผ้าที่สะพายหลังออกมาให้ดู ข้างในเป็นรูปวาดภาพเหมือนของเอร่า แถมมีลายเซ็นด้วย
“ทุกคนชอบว่าฉันเป็นตัวไร้ประโยชน์ คอยดูเถอะพอรูปวาดของฉันจะทำเงินได้อย่างมหาศาล จนทุกคนต้องหันมานับถือฉัน ฮ่าๆๆ”
“เอาตามที่สบายใจเลย”
ผมเหนื่อยใจกับยัยนี้จริงๆ แต่ไม่แน่แฮะ พวกบูชาเธออย่างอาเดไลท์ก็มีนี่น่า บางทีอาจจะขายได้แพงก็ได้นะ
พอไปถึงร้านประมูลผมเลยให้เอร่าเอาภาพไปลงทะเบียนไว้ก่อนเลย กฎการฝากประมูลเข้าใจได้ง่ายและค่อนข้างยุติธรรม
ข้อแรกคือสินค้าที่ฝากประมูลจะได้รับการประกัน โดยทางร้านจะออกใบรับรองให้ เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าจะโดนขโมยหรือโดนโกง
ข้อสอง เจ้าของจะเป็นฝ่ายตั้งราคาต้นขึ้นมา โดยที่ทางร้านจะได้ 10% ของราคาที่ขายได้
ข้อสาม สินค้าจะถูกลงทะเบียนเป็นระยะเวลาสามวัน โดยที่จะถูกนำออกมาประมูลวันละสองรอบ จนเมื่อครบสามวันแล้ว ถ้าสินค้ายังไม่ถูกประมูลออกไป ร้านจะหักค่าธรรมเนียมเป็น 10% ของราคาที่เจ้าของตั้ง กฎข้อนี้มีไว้เพื่อป้องกันการตั้งราคาสินค้าที่แพงเกินเหตุจนขายยาก และกรองสินค้าขยะที่ไม่เป็นที่ต้องการออกไป
ข้อสี่ สินค้าที่ไม่ถูกประมูลออกไปตามเวลาที่กำหนดไว้ และจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว เจ้าของสามารถเลือกได้ว่าจะเอาสินค้าคืนเลย หรือจะปล่อยไปสู่ขั้นตอนของหลุดประมูล
ของหลุดประมูลนั้น จะถูกลดราคาลง 5% ในทุกๆ ชั่วโมง จนกว่าจะมีคนซื้อ โดยคนที่เสนอราคาจะได้ไปทันที โดยไม่ต้องประมูลแข่งกัน เพราะงั้นเลยแข่งกันที่ความเร็วและความใจปลํ้ามากกว่า เพราะถ้ามัวแต่รอให้ลดราคาไปจนถูกๆ แล้วค่อยซื้อ ก็จะโดนตัดหน้าไปซะก่อน ในแง่ความดุเดือดแล้วตลาดของหลุดร้อนแรงกว่าเวทีประมูลซะอีก
“เข้าใจแล้วนะเอร่า อย่าตั้งแพงนักล่ะ เดี๋ยวจะโดนค่าธรรมเนียมฟันเละเอา”
“อืมเข้าใจแล้ว”
“แล้วจะตั้งราคาเท่าไรคะ”
พนักงานที่รอกรอกราคาลงในใบรับรองเงยหน้าขึ้นมาถาม
“หนึ่งล้านรีล!”
“พึ่งบอกไปว่าอย่าตั้งแพง!”
ผมสับกะโหลกเอร่าทันที
“นี้ก็ถูกแล้วนะ! ดูสิมีลายเซ็นของฉันด้วย”
“เอาเถอะๆ แต่บอกก่อนนะถ้าขายไม่ออก เธอต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเองนะ หักจากบัญชีเงินค่าขนม”
“อึก! อำมหิต!”
“นี้เธอเองก็คิดว่าจะขายไม่ออกด้วยไม่ใช่เหรอ!”
ผมยืนเถียงกับเอร่าอยู่จนไม่รู้ว่าข้างล่างมีแถวมาต่อเริ่มยาวแล้ว พนักงานเลยต้องเร่งพวกผม สุดท้ายก็ตั้งไปที่หนึ่งล้านรีล
ลงต่อเลยคับ
ตอบลบมาแล้ว ขอบคุณมากจ้า
ตอบลบชอบคุณที่มาลงให้อ่านต่อนะครับ ยังติดตามอยู่เรื่อยๆ
ตอบลบสนุกมากๆมันดีแท้น้อ
ตอบลบ