ตอนที่ 48 ไถ่ตัวอาเดไลท์
“หา!!”
เสียงร้องตะโกนของเจ้าของซ่องดังขึ้น ขณะผมเอาเงินวางไว้ตรงหน้าและขอไถ่ตัวอาเดไลท์
“ขอสัญญาด้วย ด่วนเลย”
ผมเรียกร้องสัญญาทันที แต่ไม่แปลกที่เจ้าของซ่องจะทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นข้อผูกมัดของสัญญาต่างหาก
ราชินีขายอาเดไลท์ และเป็นฝ่ายรับเงินไป กรรมสิทธิ์ในตัวอาเดไลท์เลยเป็นเจ้าของซ่อง แต่ด้วยเป็นการขายถอดต่อ ที่ไม่ได้มาจากการยินยอมของอาเดไลท์ เธอเลยไม่ได้มีสถานะเป็นทาส เป็นเพียงคนที่แบกหนี้แทน สรุปคือ ก็เหมือนราชินีเป็นคนกู้เงินไป โดยใช้อาเดไลท์มาแบกรับหนี้แทน ฉะนั้นปัญหาของสัญญาคือ ถ้าเกิดราชินีเอาเงินมาไถ่ตัวอาเดไลท์กลับ แล้วเจ้าตัวไม่อยู่แล้ว เขาจะถูกเล่นงานแทน
“ไม่มีปัญหา ถ้าราชินีมา ให้ไปหาผมได้เลย”
“ท่านรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ!”
เจ้าของซ่องคงไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องเยอะแบบนี้ล่ะมั่ง
“คิดดูดีๆ สิ แบบนี้ทางคุณก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงใดๆ กรณีที่เกิดปัญหากับตัวอาเดไลท์ขึ้นมาเลยนะ แถมไม่ต้องแบกความผิดชอบในการดูแลด้วย แล้วเงินที่โดนราชินีบังคับให้ซื้ออาเดไลท์ไว้ ก็ได้คืนจากผมอีก แบบนี้แล้ว ผลได้คุ้มกันเห็นๆ นะ”
“จริงของท่าน บอกตามตรง ผมไม่คิดว่าอาเดไลท์จะทำเงินได้ตามค่าตัวของนางเลย”
“ก็สมควรจะเป็นเช่นนั้น”
“แต่ว่าเกิดคนของพระราชาไปรายงานว่าผมขายอาเดไลท์ไปคงแย่แน่”
“เรื่องนั้นไม่ยาก ผมจะทำสัญญาในการรับตัวอาเดไลท์ไป โดยจะยึดกฎของเธอเหมือนเดิม คือไม่มีการล้วงละเมิดใดๆ กับเธอทั้งสิ้น และการดูแลผมมั่นใจว่าทำได้ดีไม่แพ้ที่นี้”
“แบบนี้เอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ขอถามหน่อยได้ไหม ท่านจะได้อะไรกับการทำเช่นนี้เหรอ ไม่ใช่เป็นการเอาเงินมาทิ้งเปล่าหรอกหรือ”
“ได้ไม่ได้ผมไม่ได้คิดถึงจุดนั้น แต่ผมรู้แต่ว่า ถ้าทิ้งอาเดไลท์ไว้แบบนี้ต่อไปต้องมีปัญหาแน่”
“ปัญหาแบบไหนเหรอครับ”
“ค่าไถ่ตัวของอาเดไลน์ จะบอกว่าแพงก็แพง แต่ไม่ใช่ในวงเงินที่ไม่สามารถหามาได้ แค่เป็นเศรษฐีรวยๆ หรือองค์ชายจากประเทศไหนสักประเทศ สามารถจ่ายเงินตรงนี้ได้สบายมาก”
“จริงด้วยครับ”
“อาเดไลน์อาจจะไม่มีค่าต่อรองใดๆ ในฐานอันดร แต่ว่าถ้าเธอถูกซื้อตัวไปโดยคนไม่ดี หรือเป็นประเทศที่เป็นศัตรูกัน เกียรติของเธอต้องถูกยํ่ายีแน่นนอน เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้น ผมเลยจะขอรับตัวเธอไป”
“นี้ท่านทำไปเพื่อรักษาเกียรติของอาเดไลท์เหรอ!”
“หรือมีอะไรที่มีค่ามากกว่านั้นล่ะ”
“มะ ไม่ครับ แต่ผมประทับใจกับนํ้าใจของท่านจริงๆ เช่นนั้นแล้ว โปรดให้ทางผมได้ช่วยอีกทางด้วยเถอะครับ ผมจะถือว่าที่ผ่านมาอาเดไลท์ได้ทำงานชดใช้หนี้สินไปแล้วส่วนหนึ่ง ท่านก็จ่ายเงินมาแค่ครึ่งเดียวก็พอครับ”
“คุณเองก็เป็นคนที่มีนํ้าใจเช่นกัน เช่นนั้นผมก็ขอรับความหวังดีนี้ไว้”
แล้วการเจรจาก็จบลง แถมยังดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก เพราะเจ้าของซ่องช่วยออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง หลังจากตรวจดูสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็พาดาเซสกับยูรินขึ้นไปหาอาเดไลท์
“อ่ะ เจ้ามาแล้วเหรอ แล้วนั้นที่เจ้าพามาด้วยฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย มาใหม่เหรอ?”
“เปล่าครับ สองคนนี้เป็นทาสของผมเอง จะมาช่วยเก็บของน่ะครับ”
“เก็บของอะไร?”
“เก็บของและพาอาเดไลท์ซังไปอยู่กับผมไงครับ”
“…นี้เจ้าพูดเล่นงั้นเหรอ”
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ ผมจ่ายเงินค่าไถ่และได้รับสัญญามาแล้ว เชิญตรวจดูได้ครับ”
ผมยื่นสัญญาให้อาเดไลท์ดู เธอตรวจสอบมันอย่างละเอียด จนต้องขมวดคิ้ว
“นี้เจ้าจะยอมให้ฉันใช้กฎที่ตั้งไว้ได้อยู่อีกเหรอ”
“ได้สิ แถมถ้าจะเพิ่มกฎอื่นลงไปก็ได้นะครับ เพราะเมื่อคืนก็เห็นแล้วว่ากฎที่คุณตั้งไว้มันมีช่องโหว่ตั้งหลายแห่ง”
“มะ มีแต่คนลามกไร้ยางอายเช่นเจ้าเท่านั้นแหละที่คิดได้!”
“แล้วจะยอมตกลงไปอยู่กับคนลามกคนนี้ไหมครับ อาเดไลท์ซัง”
“…ฉันไม่สามารถเลือกได้สักหน่อย”
“ได้สิครับ ขอเพียงคุณฉีกสัญญาที่ถืออยู่ ทุกอย่างก็จะเป็นโมฆะ แล้วคุณจะได้อยู่ที่นี้ต่อ”
“ตกลงนี้เจ้าอยากได้หรือไม่อยากได้ตัวฉันกันแน่”
“ตอบตามตรง อยากได้ครับ แต่ว่าไม่ใช่ด้วยวิธีการบีบคับหรือการเอาเปรียบ ผมเลยให้คุณเป็นคนเลือก”
“…”
อาเดไลท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น และเดินเข้ามาหาผม
“ถ้าเจ้าคิดจะล่วงเกิน ฉันจะฆ่าตัวตาย”
อาเดไลท์บอกพร้อมกับยื่นสัญญาคืนมาให้ผม
“ไม่เด็ดขาดครับ”
และผมก็รับมาพร้อมกับคำตอบที่หนักแน่น
จากนั้นดาเซสกับยูรินก็ช่วยกันเก็บของส่วนตัวของอาเดไลน์ ลงไปในกระเป๋านักผจญภัย ถ้าเป็นเรื่องใช้แรงล่ะก็ สองคนนี้พึ่งพาได้สุดๆ แค่แปบเดียวทุกอย่างก็ลงไปอยู่ในกระเป๋าแล้ว แม้แต่ชุดโต๊ะนํ้าชาที่อาเดไลท์รักมากที่สุด
ผมพาอาเดไลท์ลงมาเพื่อไปที่รถม้า ระหว่างทางพวกสาวๆ ที่ผมเหมาตัวไปเมื่อคืน เดินออกมายิ้มและก้มหัวให้ บางคนก็กล่าวคำขอบคุณผม เพราะทุกคนผมให้เงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ ไปด้วย เล่นเอาคนคุมทำหน้างงกันไปเลย เพราะปกติแล้ว พวกโสเภณีจะไม่จำหน้าแขกหรือทักทายก่อน แต่นี้พวกเธอแสดงสายสัมพันธ์ที่ดีผมกับออกมา
“ซื้อจริงเหรอเนี่ย!?”
คนคุมที่ดูแลผมเมื่อคืน ทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมพาอาเดไลท์ลงมา
“นะ นี้รถม้าของเจ้าเหรอ”
อาเดไลท์เห็นรถม้าผมแล้วก็ต้องตกใจ เพราะมันดูหรูหรามาก ไม่ใช่รถม้าที่นั่งโดยสารทั่วไป นี้ถ้ามีตราของราชวงศ์ติดอยู่ ก็ต้องคิดว่าเป็นรถม้าที่ใช้ในวังแน่ๆ
“ใช่ครับ เชิญขึ้นได้เลยครับ”
ผมเปิดประตูให้ และยื่นมือประคองมือเธอขึ้นรถ แต่อาเดไลท์หันไปมองเดเม่ที่เป็นทั้งเมดทั้งคนขับรถ
“มีเมดด้วยเหรอ! ตกลงนี้เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“เป็นคนลามกไงครับ”
“ทำตัวลึกลับซะจริงนะ ฉันอยากรู้แล้วสิ ต่อไปจะมีอะไรให้ฉันตกใจอีก คฤหาสน์หลังโตหรือไง”
“แหมๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
ผมยิ้มแห้งๆ ขณะที่พวกสาวๆ กั้นหัวเราะกันอยู่
เพราะไม่ต้องรอให้ไปถึงคฤหาสน์หรอก แต่ขึ้นรถม้ามาเธอก็นั่งตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว เพราะข้างในเต็มไป
ด้วยสาวงาม ทั้งฟราน มิริน โมอา เมยอา ซํ้าด้านในยังมีขนาดใหญ่กว่าที่เห็นภายนอกขนาดนั่งกันได้แบบสบายๆ
“ผมไม่ได้เตรียมชาที่อาเดไลท์ซังชอบไว้ แต่ลองดื่มนํ้าผลไม้นี้ดูสิครับ”
“นํ้าผลไม้เหรอ? หมายถึงนํ้าที่ทำจากผลไม้สินะ”
อาเดไลท์ไม่เคยกินมาก่อนเลยทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่พอจับแก้วที่ผมส่งให้ จากเล็กน้อยเป็นแปลกใจสุดๆ เพราะนํ้าในแก้วมันเย็นเจี๊ยบเลย
“ทะ ทำไมนํ้ามันถึงเย็นได้?”
“ดื่มตอนเย็นๆ มันจะชื่นใจกว่านะครับ”
ผมยิ้มบอก และพออาเดไลท์ลองดื่มเข้าไป เธอก็ถึงกับหยุดไม่ได้ จนดื่มรวดเดียวหมดแก้วเลย
“คะ เครื่องดื่มแสนวิเศษนี้มันอะไรกัน! หวานเย็นชื่นใจ มีเครื่องดื่มแบบนี้อยู่ด้วยเหรอทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเลย”
“ยังมีอีกหลายรสให้ลองนะครับ อ่ะ แต่อย่าพึ่งดื่มมากจนทานมื้อเย็นไม่ลงนะครับ”
จากนั้นพวกสาวๆ ก็ช่วยกันรินนํ้าผลไม้หลายๆ รสให้อาเดไลท์ลองชิม ซึ่งเธอประทับใจสุดๆ โดยเฉพาะตู้เย็นที่เธอเห็นผมหยิบเอาเครื่องดื่มออกมา เธอให้ผมอธิบายให้ฟังตลอดทางเลย
“อืม เจ้าเป็นช่างประดิษฐ์อุปกรณ์เวทนี้เอง เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงมีเงินไปไถ่ตัวฉันได้”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ อุปกรณ์เวทเป็นแค่หนึ่งในงานอดิเรกของท่านโรมะเท่านั้น”
มิรินยิ้มบอกอย่างเป็นกันเอง จะมีก็แค่โมอากับเมยอา ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าหญิงตัวเป็นๆ เลยนั่งตัวแข็งทื่อมาตลอดทาง ส่วนฟรานก็มีมารยาทการวางตัวระดับชนชั้นสูงอยู่แล้ว เลยเข้ากับอาเดไลท์ได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ ส่วนดาเซสกับยูรินเป็นพวกเข้ากับคนง่ายอยู่พอสมควร เลยไม่มีปัญหาอะไร
“แล้วงานหลักเจ้าคืออะไร?”
“มอบความสุขให้สาวๆ ครับ”
ผมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิด
“ฉันผิดเองล่ะ ไม่น่าถามเลย”
อาเดไลท์ถอนหายใจและหันไปคุยกับพวกฟรานต่อ ดูท่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าหากัน ถึงอาเดไลท์จะรู้ว่าฟรานเป็นทาสผม แต่เธอก็ยังปฏิบัติตัวตามปกติ ไม่ได้ถือตัวแต่อย่างใด
พอมาถึงคฤหาสน์ผมก็แปลกใจเล็กน้อย เพราะสวนดอกไม้เริ่มมีสีสันขึ้นมาแล้ว แถมมีรั้วแยกเป็นเป็นโซนเพื่อลงดอกไม้ที่เหลืออย่างชัดเจน ผมเลยต้องหันไปชมโมอายกใหญ่ เธอดีใจจนแก้มแดงเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นไม่มีผิด โดยมีเมยอาส่งสายตาดูแคลนมาให้ผมจากด้านหลัง
แต่ถึงภายนอกจะดูเหมือนสร้างไม่เสร็จดี แต่ตัวคฤหาสน์ก็ถือว่าใหญ่มาก ซํ้าจุดที่ตั้งก็ใกล้กับนํ้าตกทำให้มี
บรรยากาศร่มรื่น อาเดไลท์ที่ลงมาจากรถม้าเงยหน้ามองอย่างตะลึง ถึงจะพูดดักไว้แล้ว แต่พอมาเห็นเข้าจริงมันยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้ซะอีก
“เข้าบ้านกันเถอะ วันนี้ผมต้องใช้เวลาเตรียมอาหารเย็นนานสักหน่อย”
“ค่ะ!”
ทุกคนขานรับและแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
ดาเซสพาม้าไปเก็บที่คอกพร้อมให้อาหารโดยมีเมยอาตามไปช่วยด้วย
เดเม่กับโมอาตามผมไปเพื่อจะไปช่วยงานในครัว ส่วนฟรานกับยูรินตามประกบอาเดไลท์ไว้เพื่อเธอมีข้อสงสัยอะไร
แต่จังหวะที่กำลังจะเข้าบ้าน ดอเรียก็กลับมาถึงพอดี เธอลากรถเข็นติดมาด้วย ข้างในใส่ข้าวของมามากมาย แต่ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นอาวุธที่เธอสะสมไว้ทั้งนั้น
“กลับมาแล้วค่ะ!”
ดอเรียตรงเข้ามาหาผมด้วยการควบด้วยความเร็วสูง อาเดไลท์ตกใจจนผงะ แต่ฟรานจับมือเธอไว้และบอกว่าไม่เป็นอะไร
“อืม ยินดีต้อนรับกลับบ้าน แต่ขนของมาเยอะจัง รู้แบบนี้น่าจะให้กระเป๋านักผจญภัยไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้สบายมาก”
ดอเรียบอกขณะอุ้มผมขึ้นไปกอด ดูเธอชอบการกอดแฮะ
“นะ นั้นมันเซนทอร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีมอนสเตอร์มาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ!?”
อาเดไลท์ชี้นิ้วสั่นๆ ไปทางดอเรีย
“เธอก็เป็นสมาชิกของคฤหาสน์หลังนี้ค่ะ”
“ละ แล้วจะไม่เป็นอันตรายเหรอ”
“ไม่เป็นอันตรายแน่นอนค่ะ ถึงดอเรียจะมาอยู่ก่อนคุณอาเดไลท์เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอเชื่องกับนายท่านมาก”
“อย่าใช้คำว่าเชื่องสิ!”
ดอเรียหันไปโว้ยใส่ฟรานทันที
“งั้นจะใช้คำว่าอะไรดีคะ?”
“อ่ะ อืม…เชื่องก็ได้”
ดอเรียยอมรับซะด้วย สงสัยจะเถียงไม่เก่ง
“ก็อย่างที่เห็นละค่ะ เธอเป็นมิตรมาก ช่วยปฏิบัติดีๆ กับเธอด้วยนะคะ”
“อะ อืมเข้าใจแล้วค่ะ”
อาเดไลท์ท่าทางจะยอมรับได้บ้างแล้ว ดูท่าไม่ใช่คนหัวแข็งไม่ยอมปรับตัว ดีเลยแบบนี้
ส่วนข้าวของของดอเรียผมให้เอาไปเก็บไว้ในห้องก่อน ไว้เดี๋ยวผมจะจัดห้องข้างล่างห้องหนึ่ง ไว้เป็นห้องคลังแสง
เก็บอุปกรณ์อาวุธและชุดเกราะ โดยจะให้ดอเรียเป็นคนดูแล เพราะเธอรู้วิธีดูแลอาวุธและเกราะเป็นอย่างดี
และพอเปิดประตูหน้าออก ลมเย็นๆ ก็ปะทะเข้ากับใบหน้า อาเดไลท์ตกใจอีกครั้ง
“ทำไมในบ้านเย็นสบายแบบนี้ล่ะค่ะ! อากาศแตกต่างจากข้างนอกเลย ระ หรือว่าที่นี้จะเป็นดันเจี้ยน!”
“ไม่ใช่ดันเจี้ยน ที่เย็นเพราะอุปกรณ์เวท ที่นายท่านเรียกว่า เครื่องปรับอากาศ”
ยูรินอธิบายสั้นๆ ได้ใจความ
“นี้ใช้อุปกรณ์เวทแปลกๆ อีกแล้วเหรอ?”
“อย่าพึ่งตกใจมาก มีให้ตกใจอีกหลายอย่าง”
ยูรินบอกขณะเดินไปเข้าห้องตัวเอง เพื่อเอาเสื้อผ้ากับอาวุธไปเก็บ โดยปล่อยให้ฟรานจัดการอาเดไลท์ที่ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ต่อ
“กลับกันมาแล้วเหรอ ใจร้ายจังปล่อยให้ฉันอยู่บ้านคนเดียวได้ไง”
“ชวนแล้ว แต่เอร่าจังไม่ยอมลุกเองนะ”
มิรินหัวเราะคิกๆ แล้วแกล้งยกเสื้อผ้าใหม่อวดเอร่าไปด้วย แต่จู่ๆ อาเดไลท์ก็พุ่งพรวดไปหาเอร่า
“ทะ ท่านคือเทพเอร่าใช่ไหมคะ!”
“อ่ะ ฉันเองแหละ?”
“ละ เหลือเชื่อ!!?? ทำไมท่านเทพเอร่าถึงมาอยู่ที่นี้ได้ อ่ะ ตายจริง ฉันนี้เสียมารยาทอะไรแบบนี้ ขอคารวะท่านเทพเอร่าค่ะ!”
อาเดไลท์คุกเข่าลงไปและยื่นมือแนบไปกับพื้น
“อะไรล่ะนั้น”
ผมเข้ามาถามกับมิริน
“สงสัยเป็นฝ่ายบูชาเทพน่ะค่ะ พวกนี้จะนับถือเทพเฉพาะองค์ๆ ไป ต่างจากโบสถ์ที่นับถือเทพสมมุติที่ไม่มีตัวตนองค์เดียวกัน”
“โอ๋ อย่างยัยเอร่านี้ก็มีคนนับถือด้วยแฮะ”
“ก็มีสิยะ!”
เอร่าได้ยินที่ผมแซวเลยหันมาแว๊ดใส่ทันที
“เสียมารยาท กล้ากล่าววาจาล่วงเกินท่านเทพเอร่าได้อย่างไง รีบคุกเข่าลงสิ!”
ผมถูกอาเดไลท์โกรธซะแล้ว
“ใช่ๆ”
เอร่านี้พอมีคนถือหางก็เอาใหญ่เลยแฮะ
“เอร่า วันนี้โดนงดข้าวเย็น”
“ไม่นะ! หนูผิดไปแล้ว หนูได้ใจไปหน่อยเดียวเอง! อย่างดข้าวเย็นเลยนะ!”
และตอนนี้ท่านเทพผู้น่านับถือก็มาคุกเข่าตรงหน้าผมแล้ว
“บ้านนี้นายท่านใหญ่สุดค่ะ”
ฟรานตบไหล่อาเดไลท์ที่กำลังงงอยู่ พร้อมกับให้คำตอบที่อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ในประโยคเดียว
ตอนที่ 49 ฟูลคอร์ส
“อ่ะ จริงสิ เอานี้เดี๋ยวตอนมื้อเย็นทุกคนใส่ชุดนี้มากันด้วยนะ”
ผมส่งชุดราตรีที่แอบซื้อมาให้กับทุกคน
“เอ๋? มีของฉันด้วยเหรอ”
เอร่าทำหน้าแปลกใจ
“ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ ถ้าใครใส่ไม่เป็นให้ถามฟรานนะ”
จากนั้นผมก็ให้ดอเรียกับโมอาไปด้วย
“ของพวกเราก็มีด้วยเหรอ!”
“ก็บอกแล้วไงว่าทุกคนน่ะ เรื่องขนาดผมมั่นใจว่าพอดี ก็วัดมากับมือเลยนี่น่า”
“นะ นายท่านทะลึ่ง”
โมอาว่าผมแบบเขินๆ ส่วนดอเรียดีใจนหางสะบัดไปมาไม่หยุด เฮ้ยๆ สะบัดแรงไปแล้ว! ผมว่าเดี๋ยวต้องให้เดเม่ช่วยจัดบ้านใหม่ อย่างน้อยก็ต้องเอาพวกแจกันลงจากโต๊ะให้หมด ไม่งั้นโดนหางดอเรียฟาดตกแตกหมดแน่
พอผมแจกชุดให้กับทุกคนแล้ว ตัวสุดท้ายก็เป็นของอาเดไลท์
“ผมไม่มั่นใจเรื่องขนาด ถ้าใส่ไม่ได้ให้รีบบอกนะครับ”
“…ขอบคุณ”
อาเดไลท์ยอมรับแต่โดยดี ถึงจะมีลังเลอยู่บ้าง แต่เธอก็เป็นคนที่ดูบรรยากาศออกล่ะนะ
“ฟรานพาอาเลไลท์ไปเลือกห้องที่ชั้นสามหน่อย เสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุดมารอที่ห้องนั่งเล่นกันได้เลยนะ”
“ค่ะ เชิญตามมาเลยค่ะ”
ฟรานพาอาเดไลท์ไปพร้อมกับข้าวของในกระเป๋านักผจญภัย ส่วนคนอื่นก็รีบกลับห้องกันเพื่อไปลองชุด จนเหลือผมกับเดเม่และโมอา ซึ่งจะอยู่ช่วยผมทำอาหารก่อน
วันนี้ที่ผมจะทำคืออาหารชุด แบบที่เรียกว่า ฟูลคอร์ส
เดเม่กับโมอาแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติผมชอบทำอาหารจานเดียว ไม่ก็ชุดอาหารกับข้าว แต่วันนี้ผมทำหลายอย่าง จนเดเม่กับโมอาก็ได้ช่วยผมทำอาหารแบบจริงๆ จังๆ สักที
ผมให้เดเม่จัดการเรื่องย่างสเต็กเพราะเธอเคยเห็นผมย่างมาแล้ว แถมผมก็สอนเรื่องการจับเวลาเพื่อให้ระดับความสุกที่อร่อยที่สุดไว้แล้ว ส่วนความร้อนในการย่างไม่มีปัญหา
เพราะผมใช้สกิลพ่อบ้านสร้างไฟขึ้นมา อุณหภูมิเลยเป็นแบบที่ผมต้องการพอดี
ส่วนโมอาผมให้เธอจัดการเรื่องซุป ซึ่งแค่คอยคนมันเป็นระยะและใส่วัตถุดิบที่เตรียมไว้แล้วตามที่ผมบอก
แต่ถึงจะบอกว่าเป็นมื้อเย็นที่ต้องใช้เวลาทำมากกว่าปกติ แต่มันก็ใช้เวลาไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ผมสอนเดเม่จัดวางช้อนส้อมแบบการกินฟูลคอร์ส แต่ผมไม่เอาตามแบบเปะๆ ที่ต้องมีชอบหลายแบบและวางเรียงกันเป็นตับๆ ผมอยากให้ทุกคนกินอย่างสบายใจ มากกว่านั่งกินไปด้วยความรู้สึกอึดอัด ผมเองเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารมาจากแม่ แต่ใช่ว่าเวลาไปงานดินเนอร์หรูๆ กับแม่แล้วผมจะรู้สึกอร่อยกว่าทำกินเองที่บ้าน ก็ไอ้เพราะความรู้สึกอึดอัดนี้แหละที่ทำให้ไม่อร่อย
ผมเลยยังไม่วางช้อนส้อมทั้งหมดลงไปให้รกโต๊ะ แต่เอามาจัดวางแยกไว้ที่ครัว แล้วค่อยยกไปให้พร้อมกับอาหารของ
ชุดนั้นๆ คนกินจะได้ไม่ต้องสับสนด้วย ส่วนที่เดเม่ต้องเรียนรู้ก็คือ อาหารจานไหนใช้ช้อนส้อมแบบใด จะได้ช่วยผมจัดเรียงถูก ซึ่งเธอยังคงเรียนรู้ได้เร็วเหมือนเดิม ส่วนโมอายังติดๆ ขัดๆ จำได้แค่ชุดเดียว แต่ผมไม่เร่งอะไร ไว้ค่อยๆ เรียนรู้ไป ผมมีคติที่ว่า ทำจนชินเดี๋ยวก็ทำได้เอง
“เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ พวกเดเม่เองก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วล่ะ”
ผมใช้คลีนนิ่งให้พวกเธอก่อนจะแยกกันไป ชุดของผมนั้นก็คือชุดพ่อบ้านที่ซื้อไว้วันนี้ เพราะวันนี้ผมจะบริการพวกเธอให้เต็มที่ เอาแบบที่ถ้าวันใดวันหนึ่งพวกเธอจะได้ไปงานเลี้ยง พวกเธอจะไม่ต้องอายใคร
และพอผมกลับลงมา พวกสาวๆ ก็รอผมอยู่ในห้องนั่งเล่นกันครบแล้ว ชุดราตรีหลากหลายแบบและสีสันจนลายตาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ทุกคนดูมีความสุขที่ได้ใส่ชุดสวยๆ แบบนี้ แต่ว่าพอทุกคนเห็นผมเข้า สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“นะ นายท่านหล่อมากเลยค่ะวันนี้”
ฟรานรีบชมผมก่อนใคร
“เดี๋ยวนะฟราน ปกติผมไม่หล่อสินะ”
“มะ ไม่ใช่ค่ะ!”
“ล้อเล่นน่า ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไง ตอนนี้ไปนั่งที่โต๊ะกันได้แล้วล่ะ ถึงจะอยากรอมอเรียก่อนก็เถอะ”
ผมพูดยังไม่ทันจบ ประตูบ้านก็เปิดออก พร้อมกับมอเรียที่หอบหายใจอยู่
“กะ กลับมาแล้วค่ะ”
“เอ๋ ทำไมกลับเร็วจัง นี้มันพึ่งหกโมงเย็นเองนะ”
ผมเข้าไปพามอเรียมานั่งพักให้หายเหนื่อย ส่วนเดเม่ก็ไปเอานํ้าเย็นมาให้เธอดื่ม
“ฉันคุยกับหัวหน้าแล้ว จากนี้ไปเลยขอทำงานถึงแค่ห้าโมงเย็นเท่านั้น ถึงจะโดนหักเงินไปตามจำนวนชั่วโมงก็เถอะ
แต่ถ้าเทียบกับการได้กลับมากินข้าวพร้อมกับทุกคน ฉันถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มซะอีก”
มอเรียยิ้มหวานออกมา น่าประทับใจจริงๆ ถ้าทุกบ้านคิดได้แบบนี้ ผมว่าทุกครอบครัวคงมีความสุขอ่ะนะ
จากนั้นผมก็แนะนำเธอให้รู้จักกับดอเรียและอาเดไลท์ แล้วก็ให้ขึ้นไปเปลี่ยนชุด ส่วนชุดของมอเรียผมเอาไปไว้ที่ห้องเธอไว้แล้ว
พอมอเรียกลับลงมาทุกคนก็มานั่งประจำที่กัน ยกเว้นผม
“นายท่านมานั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูยกอาหารเอง”
เดเม่ลุกขึ้นมาช่วยผม แต่ผมรีบห้ามไว้
“ไม่ได้ๆ วันนี้พวกเธอทุกคนเป็นคุณหนูที่ผมต้องดูแล โปรดนั่งเฉยๆ แล้วรอรับการปรนนิบัติจากผมเถอะ”
ถึงทุกคนจะทำหน้าประหลาดใจ แต่ผมก็เริ่มมื้อคํ่าแล้ว ด้วยจากเสริฟเครื่องดื่ม ที่เป็นนํ้าส้มคั้น เดเม่คอยจับตาดูผม
ตลอดเพื่อเรียนรู้ เพราะตั้งแต่วิธีจับแก้ว วางแก้ว ตำแหน่งการวางและอื่นๆ ที่จะไม่ให้ไปรบกวนแขกที่นั่งอยู่ แต่ผมเคลื่อนไหวตัวอย่างลื่นไหลเพราะความเคยชิน จนเดเม่ถึงกับตาลายต้องส่ายหน้าเป็นระยะๆ
จากนั้นก็เป็นจานแรก อาหารกินเล่น ที่ผมเลือกไว้คือ ไข่ตุ๋น ช้อนที่ใช้มีหัวขนาดเล็กแต่ด้ามยาว
“นะ นี้มันคืออะไรเหรอ สีนวลตาน่ากินจัง”
อาเดไลท์ถามแทนทุกคน ไม่สิ ทุกคนรอให้เธอเป็นคนถามมากกว่า อ้อ หน้าที่ของคนมาใหม่สินะ
“มันเรียกว่าไข่ตุ๋นครับ ทำมาจากไข่แล้วทำการปรุงรสจากนั้นก็เอาไปนึ่ง”
“นึ่งคืออะไรเหรอ?”
อาเดไลท์ถามต่อ
“คือการทำให้อาหารสุกด้วยการอบไอนํ้าครับ”
“อบไอนํ้า?”
อาเดไลท์ยังคงทำหน้างงอยู่
“วิธีทำอาหารของนายท่านลํ้าลึกมาก ไม่เข้าใจก็ไม่แปลกหรอกค่ะ พวกหนูอยู่กับนายท่านมาตั้งแต่แรก ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจเลย”
ฟรานช่วยให้อาเดไลท์คลายความกังวลลง
“เชิญทุกคนทานได้แล้วครับ”
ผมเห็นยังไม่มีใครกล้าตักเข้าปาก เลยต้องเชิญอีกครั้ง
ทุกคนค่อยๆ ตักขึ้นมา ยกเว้นแต่เอร่าที่ตักขึ้นมาทีเดียวจนล้นช้อน ว่างๆ ต้องให้เดเม่จับสอนมารยาทซะแล้ว
“อะ อร่อย!”
อาเดไลท์แทบทำช้อนหลุดมือ แต่สมแล้วเป็นเจ้าหญิง ยังควบคุมสติตัวเองได้ดีอยู่
“ขอเติม!”
เอร่ายกถ้วยใส่ไข่ตุ๋นที่ว่างเปล่าขึ้นมา ผมเลยเดินเข้าไปหา พลางใช้ผ้าเช็ดที่ขอบปากซึ่งมีเศษอาหารอยู่ออก
“วันนี้เป็นอาหารชุดที่เรียกว่า ฟูลคอร์สครับ ในแต่ละจานจะมีเสริฟเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ว่าในชุดจะประกอบไปด้วยอาหารหลายแบบ ช่วยอดใจรอชิมจานต่อไปด้วยนะครับ”
ผมอ่อนโยนและสุภาพกับเอร่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำกับเธอมาก่อน แต่ตอนนี้ผมเป็นพ่อบ้านนี่น่า ทว่าได้ผลสุดๆ เอร่าที่ชอบโวยวายบนโต๊ะอาหารสงบปากลงแล้วทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาทันที
อาเดไลท์ก็มองดูผมจนลืมกินเลยทีเดียว คนอื่นๆ ก็ทำหน้าแดงขึ้นมา
พอทุกคนกินเสร็จแล้ว ผมก็ยกจานออก และเริ่มเสริฟจากที่สองต่อทันที จานที่สองคือซุปเห็ด เป็นชุดแบบข้นที่ใส่เห็ดที่หั่นชิ้นบางๆ ไว้
“ชุปล่ะชุป!”
ดาเซสท่าทางจะติดใจชุปที่ผมทำมาก พอเห็นเป็นชุปเลยยิ้มทันที ส่วนช้อนที่ใช้กับชุปนั้นจะเป็นช้อนหัวใหญ่ แต่ไม่ใช่เอาไว้เข้าปาก เพียงแต่แตะไว้ที่ริมฝีปากแล้วดูดชุปเข้ามาแทน ผมสอนเรื่องนี้ขณะที่เสริฟไปด้วย และให้ทุกคนลองทำตามดูทันที แต่พอได้ชิมคำแรกลงไป ดาเซสก็ยกมือขึ้นทันที
“ขะ ขอยกจานขึ้นชดได้ไหม”
“ไม่ได้ครับ เฉพาะวันนี้อยากให้ทุกคนได้ลองบรรยากาศของการดินเนอร์สุดหรูน่ะครับ ฉะนั้นช่วยรักษามารยาทด้วยนะครับ”
“คะ ค่ะ!”
ดาเชสยอมนั่งลง และตักชุปขึ้นกินต่อ เธออร่อยจนยิ้มแก้มปริ ไว้เดี๋ยวผมจะเก็บชุปไว้ให้เธอยกชดทีหลังล่ะกัน
จานชุปหมดอย่างรวดเร็ว สีหน้าทุกคนดูพึ่งพอใจกับมันมาก โดยเฉพาะอาเดไลท์ ถึงกับหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
ตอนนี้เรียกนํ้าย่อยกันเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเริ่มเป็นอาหารหนัก จานที่สามคือ ปลานึ่งมะนาว เพื่อให้กินง่าย ผมได้สไลด์ให้เนื้อปลาเป็นชิ้น สามารถกินได้ทันทีโดยไม่ต้องมาเลาะกางออก และผมรู้ว่าทุกคนกินจุมาก เลยใส่ไปจานล่ะสามชิ้นแทนที่จะเป็นชิ้นเดียว
แค่กลิ่นหอมของจานนี้ ก็เล่นเอายูรินนั่งเช็ดนํ้าลายใหญ่แล้ว ความเปรี้ยวของอาหารจานนี้จะยิ่งทำให้อยากอาหารมากขึ้นอีก
แถมทุกคนไม่เคยกินอาหารรสเปรี้ยวมาก่อน เลยทำหน้าแบบตกใจกันหมด ใช่ ผมสังเกตดูแล้ว บนโลกนี้ไม่มีอาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวเลยสักอย่าง จะบอกว่านี้เป็นจานแรกของโลกนี้เลยก็ว่าได้
อาเดไลท์ทำมือทำไม้เหมือนอยากจะถามผม แต่เธอหาคำพูดออกมาไม่ได้ เพราะนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักมาก่อน
“ปะ ปลา ทำไมปลาถึงมีรสชาติแบบนี้ได้ นะ เนื้อก็นิ่มสุดๆ มันกำลังละลายในปากล่ะ!”
ยูรินที่ปกติพูดน้อย ตอนนี้กำลังอธิบายซะละเอียดเลย อ้อ เธอคงชอบรสเปรี้ยวสินะ
ดอเรียเองนอกจากพึ่งเคยกินปลาแล้ว รสชาติที่ไม่เคยลิ่มรส ทำให้เธอตัวแข็งไปเลย แต่หางเธอฟาดพื้นดังเปรี้ยงๆ ปล่อยไปละกัน
จานนี้ทุกคนไม่รีบกินเท่าไร แต่ค่อยๆ ละเมียดชิมรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อนอย่างเสียดาย แม้แต่เอร่าเองยังค่อยๆ กินเหมือนกัน
ส่วนจากที่สี่เป็นไก่ต้มหั่นชิ้นราดด้วยซอสรสหวาน สีแดงของซอสที่ตัดกับสีขาวของเนื้อไก่ ทำให้ทุกคนมองตาค้าง
“ดะ เดี๋ยวสิ อาหารชุดปกติจะมีแค่สามจานไม่ใช่เหรอ”
อาเดไลท์ตั้งสติได้และรีบทักออกมา
“ครับ ถ้าเป็นอาหารชุดตามปกติก็จะมีแค่สามจาน แต่นี้คือฟูลคอร์สตามแบบฉบับของผม ซึ่งมีทั้งหมด 8 จานครับ”
“ปะ แปดจาน!!! จะ จะบอกว่ายังมีอาหารอร่อยแบบนี้อยู่อีกตั้งสี่จานเลยเหรอ!!”
“ครับ”
อาเดไลท์ปากสั่นมือสั่นไปหมดแล้ว คงไม่คิดมาก่อนว่าจะได้กินของอร่อยแบบต่อเนื่องอย่างนี้ อาหารทั้งหมดที่เธอเคยกินในวัง ไม่อาจเทียบได้กับจานใดจานหนึ่งบนโต๊ะนี้เลย
หลังจากที่เริ่มกินจานที่สี่กัน ดูเหมือนคนที่ชอบที่สุดคงเป็นเดเม่กับพวกโมอาล่ะนะ เพราะไก่มันมีรสชาติพื้นๆ ที่คุ้นปากทุกคนอยู่แล้ว เป็นวัตถุดิบที่ใครๆ ก็หากินได้ แต่พอปรุงรสให้อร่อยขึ้น มันเลยยิ่งทำให้ซึมซับรสชาติได้ง่ายขึ้น
จานที่ห้าเป็นสลัดผัก เพื่อไว้ล้างปากจากความเลี่ยน สำหรับเตรียมรับอาหารจากหลัก
สลัดผักราดด้วยมายองเนส พวกฟรานเคยกินกันมาแล้ว แต่ก็ยังมีการตอบสนองที่ดีอยู่เช่นเดิม แต่คนที่ไม่เคยกินนี้สิ ที่พยายามเก็บอารมณ์และตั้งสติมาทั้งหมดถึงกับปลิวหายไปเลย
เสียงจิ้มกินกันดังกร็อบๆ ไม่หยุด พริบตาเดียวก็หมดจานแล้ว แถมไม่มีใครยอมปล่อยส้อมเลย
ทั้งคำถามและคำชมดังไม่หยุด เลยเป็นฟรานกับเดเม่ที่ต้องคอยตอบให้ทุกคน พวกเธอคุยกันสนุกสนานดีทีเดียว
จังหวะนั้นผมเสริฟจานที่หกกับเจ็ดพร้อมกัน เพราะจานที่หกคือสเต็กเนื้อชิ้นโต เลยเสริฟพร้อมเครื่องดื่มที่เป็นจานที่เจ็ด ซึ่งผมเลือกไวน์รสอ่อนที่เข้ากับสเต็ก ที่เลือกรสอ่อนมา เพื่อให้เด็กๆ อย่างฟรานดื่มได้ด้วย
ผมให้เดเม่ช่วยสอนวิธีกินสเต็กให้กับทุกคน ซึ่งพอทำกันเป็น ก็ไม่มีใครหยุดมือได้อีก ถึงตอนนี้นํ้าตาก็อั้นกันอยู่ไม่อยู่ แม้แต่อาเดไลท์ก็ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน
“นี้มันไม่ใช่อาหารแล้ว! อาวุธ! สิ่งนี้สมควรเรียกว่าเป็นอาวุธชัดๆ!”
อาเดไลท์ก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกันสินะ แต่ดีแล้วล่ะที่ชอบ ตอนแรกผมคิดว่าจะเหลือซะอีก เพราะวันนี้ย่างชิ้นโตเป็นพิเศษ แต่ทุกคนก็กินจนหมดไม่มีเหลือ
“มะ ไม่ไหวแล้ว ขะ ขืนกินมากกว่านี้ต้องตายแน่ๆ”
ดอเรียร้องไห้ออกมาราวกับจะโดนพาเข้าโรงเชือด
“ไม่ต้องห่วงครับ จานสุดท้ายเป็นของหวานแบบเบาๆ น่ะครับ”
แต่พอได้ยินว่าเป็นของหวาน เกือบทุกคนผงะขึ้นมาทันที ส่วนอาเดไลท์ที่ไม่รู้ก็ได้แต่ทำหน้างงๆ
“ดะ ได้กลิ่นอันตรายอีกแล้วค่ะ”
ฟรานถึงกับตัวสั่นขึ้นมา
“ทะ ทุกท่านคะ ตะ เตรียมใจกันไว้ให้ดีๆ นะคะ”
เดเม่เตือนทุกคนขณะนั่งก้มหน้าลง
“อะ เอ๋ทำไมล่ะ? จานนี้มันมีอะไรพิเศษเหรอ?”
“ของหวานของนายท่าน อะ อร่อยถึงตายค่ะ”
ดอเรียเองก็ยังจำเอแคลร์ที่กินไปเมื่อตอนกลางวันได้อยู่ เลยออกอาการหวาดกลัวเหมือนกัน
“ถะ ถึงตายเลยเหรอ! งะ งั้นฉันไม่ขอทานจานนี้ล่ะกันค่ะ”
อาเดไลท์รีบปฏิเสธ แต่มอเรียส่ายหน้าห้าม
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าพลาดของหวานของท่านโรมะไป จะต้องเสียใจจนต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ”
“กะ กินก็ตายไม่กินก็ตาย นะ นี้มันอะไรกันเนี่ย!!!”
จะอย่างไงก็ไม่รู้ละนะ แต่ผมเตรียมเสริฟจากสุดท้ายแล้ว มันคือเมนูที่ผมอยากทำมาตั้งนานแล้ว ไอศกรีมนั้นเอง แถมผมทำรสชาแบบที่อาเดไลท์ชอบด้วย
ผมให้ยูรินทำถ้วยใส่ไอศกรีมไว้แล้วด้วย มันเป็นถ้วยเหล็กครึ่งวงกลมมีขายกขึ้นมาเพื่อให้ถือง่าย
พอผมวางลงตรงหน้า ทุกคนก็พากันสะดุ้ง เพราะมันมีไอเย็นลอยขึ้นมา
“มะ มีควันด้วย!”
มิรินตกใจจนออกท่าทางระวังตัว
“ทะ ทำไมมันถึงเย็นล่ะ!”
เมยอาที่เงียบมาโดยตลอดทนไมไหวแล้วเหมือนกัน
ฟรานเป็นคนแรกที่ตัดสินใจหยิบช้อนขึ้นมาตักมันเข้าปาก แต่เพราะรีบกินเกินไป เธอเลยทำให้เสียวจี๊ดขึ้นสมอง
“ลืมบอกไปครับ สิ่งนี้เรียกว่าไอศกรีม จะต้องค่อยๆ กิน เอาเข้าปากแล้วปล่อยให้มันละลายบนลิ้นครับ”
พอผมบอกไป ฟรานก็ลองดูอีกครั้ง และคราวนี้…เธอทำหน้าเหมือนกับจะละลายไปพร้อมไอศกรีมในปากเลย
“ปะ เป็นไงบ้าง!?”
ทุกคนรีบรุมถามฟราน
“อร่อยจนหาคำพูดมาอธิบายไม่ได้เลยค่ะ มันเย็นมากแต่ว่าให้สัมผัสที่นุ่มลิ้น มีรสหวานแถมยังได้รสชาติของชาอีก เป็นอะไรที่แปลกมากเลยค่ะ”
เมื่อฟังคำอธิบายจากฟรานเสร็จ ทุกคนก็เริ่มตักกินกันบ้าง และก็…พากันละลายไปหมด
พอตอนกินหมด ทุกคนถึงกับร้องเสียดายออกมาเลย
“คราวนี้ลองรสส้มดูไหมครับ”
“มีเติมอีกเหรอ! แถมเปลี่ยนรสได้ด้วย!”
อาเดไลท์ถึงกับลุกพรวดขึ้นมา
“ครับ แต่เติมได้ครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ ไอศกรีมถ้ากินมากไปจะทำให้ปวดท้อง”
แต่ทุกคนไม่ฟังที่ผมเตือนหรอก แต่จ้องผมแบบเร่งให้เติม
ไอศกรีมรสส้มนั้น ทำยากพอสมควร ถ้าใส่ส่วนผสมไม่ดี จะได้รสเปรี้ยวฝาดลิ้น หรือไม่ก็หวานเกินไป แถมต้องใช้นํ้าส้มเป็นจำนวนมาก ปกติเลยเป็นรสที่ไม่นิยมทำกัน โชคดีที่ผลไม้บนโลกนี้ราคาถูกมากเลยใช้เยอะได้ตามต้องการ
ถ้าเทียบกับรสชาแล้ว รสส้มมีความเข้มข้นของรสชาติมากกว่า แถมยังหวานด้วย ทำให้พวกผู้หญิงชอบยิ่งกว่าเดิม…ยูรินถึงกับยิ้มออกเลย นี้ถือว่าเป็นซูปเปอร์รีแอกชั่นได้เลยนะ
“…ฉันขอขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ค่ะ มันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อเลย แถมทั้งบรรยากาศและการบริการของนายก็ไร้ที่ติจริงๆ ฉันบอกได้เลยว่านี้คือมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุด”
“เป็นเกียรติของผมครับที่ได้รับคำชมเช่นนี้ แต่ผมแปลกใจนะครับที่อาเดไลท์ซังยอมร่วมโต๊ะด้วยโดยไม่บ่นอะไรสักคำ”
อาเดไลท์รู้ว่าผมหมายถึงอะไรเลยมองไปที่พวกฟรานแล้วพูดออกมา
“ฉันเป็นแค่นางโลมนายยังให้ร่วมโต๊ะด้วยเลย แค่ทาสกับเซนทอร์ฉันไม่แปลกใจอะไรหรอก”
“อย่ามองตัวเองตํ่าแบบนั้นสิครับ ที่นี้ผมให้ความสำคัญทุกคนเท่าเทียมกัน จากนี้ไปก็ขอให้เป็นเพื่อนที่ดีกับทุกคนด้วยนะครับ”
“ขอฝากตัวด้วยนะค่ะทุกคน”
อาเดไลท์โค้งหัวลง เธอไม่ถือตัวยกตนข่มท่านแม้แต่น้อย นอกจากมารยาทดีแล้วยังไม่มีความยโสโอหังด้วย
“งั้นทุกคนไปนั่งพักกันที่ห้องนั่งเล่นได้แล้วล่ะครับ”
“เดี๋ยวค่ะ! นายท่านยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“อืม ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจัดการเอง พวกเธอไปพักเถอะ”
“ไม่ได้ค่ะ! นายท่านทำให้พวกเรามีความสุขตั้งขนาดนี้แล้ว ให้พวกเราบริการนายท่านบ้างเถอะค่ะ”
เดเม่ทำแววตาขึงขังขึ้นมา จนผมยอมแพ้
“งั้นก็รบกวนด้วยนะ”
ผมนั่งลงบนหัวโต๊ะที่ประจำ เดเม่เลยยิ้มออก แล้วรีบเดินเข้าไปยกอาหารออกมาให้ผม โดยเธอจำลำดับจานที่ต้องเสริฟก่อนได้อย่างแม่นยำ แถมยังจำรายละเอียดในการเคลื่อนไหวตัวของผมมาได้อย่างหมดจด ทุกคนที่นั่งดูอยู่ด้วยถึงกับตบมือชมกันใหญ่
ระหว่างที่ผมนั่งกินไปทุกคนก็นั่งคุยหัวเราะยอกล้อกันอย่างอารมณ์ดี อาเดไลท์สนใจเรื่องอาหารที่ผมทำมาก เลยคุยกันฟรานไม่หยุดเรื่องอาหาร ฟรานที่ได้กินเมนูของผมมา
ตลอด เลยมีเรื่องโม้เยอะเลย ดอเรียหันไปคุยกับดาเซสเรื่องอาวุธ ความชอบของทั้งคู่ดูจะไปด้วยกันได้
แต่จู่ๆ ระหว่างที่ผมกำลังกินไอศกรีมเป็นการปิดท้ายอยู่ หน้ากากที่ใส่มันเลื่อนหลุดออกมาตกลงบนโต๊ะ ทุกคนหันมามองพร้อมกับทำสีหน้าแตกต่างกันออกไป
ตอนที่ 50 แผนการในอนาคต
ดาเซสที่พกดาบไว้ตลอดเวลา ถึงกับชักดาบออกและชี้มาทางผม
“นี้แกเป็นใคร! แล้วเอานายท่านของฉันไปไว้ไหน!”
“เดี๋ยวดาเซสเก็บอาวุธก่อน ท่านโรมะไม่ได้หายไปไหนหรอก ที่นั่งอยู่นั้นแหละคือท่านโรมะ”
มิรินรู้ว่าผมใส่หน้ากากเพื่อปกปิดสกิลอยู่ แต่สีหน้าเธอเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผม
“…สัมผัสของนายท่าน ไม่ผิดแน่ค่ะ นายท่านจริงๆ ด้วย”
ฟรานยืนยันอีกคน นี้แค่มองก็แยกออกได้เลยเหรอ?
“เอ่อ ขอโทษนะทุกคนที่ปิดปังมาโดยตลอด คือว่าไงดีล่ะ…นี้คือหน้าจริงๆ ของผมน่ะ ปกติผมจะใส่หน้ากากปลอมตัวไว้ตลอดเพื่อไม่ให้มีเรื่องยุ่งยากน่ะ”
“อย่าใช้ตรวจสอบกับท่านโรมะนะ”
มิรินหันไปเตือนมอเรียที่จ้องผมแบบตาค้าง
“มะ ไม่ทำอยู่แล้ว”
“เอ่อ ยูริน ช่วยดูให้หน่อยสิ ทำไมหน้ากากมันใส่กลับเข้าไปไม่ได้แล้ว”
ผมส่งหน้ากากให้กับยูริน เธอรับไปแบบเหมือนพึ่งได้สติ หลังจากพลิกดูสองสามรอบเธอก็ส่งคืน
“เป็นไอเท็มที่จำกัดชั่วโมงการใช้งาน ต้องทิ้งไว้สักระยะถึงจะกลับมาใช้ได้ใหม่”
“ท่านโรมะไม่ได้ถอดมันเลยตั้งแต่ได้มาสินะคะ”
มิรินถามโดยระวังไม่ให้เรื่องผมเป็นจอมมารหลุดออกมา
“อืม ไม่เคยถอดเลย”
“เอ่อ โกรธกันหรือเปล่าเนี่ย”
ผมเห็นบรรยากาศมันดูเงียบผิดปกติเลยถามแบบหวั่นใจ
“มะ มะ ไม่ค่ะ!”
ทุกคนแทบจะประสานเสียงกันตอบพร้อมกับทำหน้าแดงกันไปหมด
“แล้วทำไมถึงหลบตาผมกันหมดเลยล่ะ”
“จะไม่ให้หลบตาได้อย่างไงล่ะคะ ก็ตัวจริงท่านโรมะหล่อซะขนาดนี้แถมยังเข้ากับชุดที่ใส่อีก ฉันเองยังนึกว่าเจ้าชายจากประเทศไหนปลอมตัวมาซะอีก”
มิรินเองถึงจะมองสบตาผม แต่เธอก็หน้าแดงไปเหมือนกัน
“เหรอ? ผมคิดว่าตัวเองหน้าตาออกจะธรรมดานะ หรือว่าจะเป็นแบบผลตีกลับ ก็พวกเธอเห็นแต่หน้าปลวกๆ ของผมจนชินแล้ว พอหน้าตาดีขึ้นนิดหน่อยก็เลยดูเหมือนจะหล่อขึ้นเกินจริงประมาณนั้นละมั่ง”
“นะ หนูว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ”
ฟรานนั่งบิดไม่มาขณะบอก
“ทนไม่ไหวแล้ว ขึ้นห้องกันเลยเถอะ”
ยูรินลุกขึ้นมาดึงแขนผม
“นี้อย่าแซงหน้ากันสิ!”
แทบทุกคนลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน และมาดึงแขนแย่งตัวผมกันใหญ่
“พอเลยทุกคน ถึงไม่แย่งกันผมก็รอจะเอาพวกเธออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไปอาบนํ้ากันก่อน”
“ค่ะ!”
ทุกคนดูจะรีบๆ ผมเลยกวักมือเรียกยูรินไว้
“เอานี้เข้าไปด้วย”
ผมหยิบถาดใส่ขวดเหล้าเล็กๆ พร้อมกับแก้วหลายใบให้
“เอาไปลอยในอ่างแช่ แล้วค่อยๆ จิบกันไป แค่จิบนะอย่างซดโฮกเด็ดขาด มันจะช่วยให้เลือดลมไหลดีขึ้น”
ยูรินรับไปด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ฟราน เดเม่ฝากสอนอาเดไลท์ซังกับดอเรียแช่นํ้ากับใช้ชักโครกด้วยนะ”
“รับทรายค่ะนายท่าน!”
ฟรานกับเดเม่รับคำผม แล้วก็ดันหลังอาเดไลท์กับดอเรียตามหลังทุกคนเข้าไปในห้องอาบนํ้า
“ท่านโรมะคะ แบบนี้จะดีเหรอ อาเดไลท์เป็นคนสวยมากเลยนะ ท่านจะไม่แตะต้องเธอจริงๆ เหรอคะ”
มิรินรอจนเหลือกันแค่สองคนแล้วหันมาถามผม
“ก็ไม่แตะน่ะสิ ไม่สิ แตะไม่ได้มากกว่า”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ก็ถ้าอาเดไลท์ไม่บริสุทธิ์แล้วมันจะมีปัญหาในอนาคตได้น่ะ”
“???”
เครื่องหมายคำถามขึ้นเต็มหน้ามิริน
“…ในอนาคตอาเดไลท์จะขึ้นเป็นราชินีของประเทศนี้”
“หา!! เอ๋? แต่อาเดไลท์เป็นแค่ลูกนอกสมรสนะคะ เธอไม่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์”
“ใช่ ตามปกตินะน่ะ แต่ถ้ากรณีไม่เหลือผู้สืบทอดล่ะ”
“หรือว่าท่านโรมะจะ!”
“ไม่ใช่ๆ ฉันไม่ได้บ้าอำนาจขนาดจะชักใยอาเดไลท์เบื้องหลัง จนต้องสังหารหมู่พวกราชวงศ์ทั้งหมดหรอก แต่ว่า”
ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่าให้มิรินรู้ไปเลยดีกว่า อยากเห็นการตอบสนองของเธอด้วย
“มิรินรู้ใช่ไหมว่าผมมีแนวทางปรองดองระหว่างเผ่าปีศาจกับมนุษย์”
“ค่ะ ทราบเรื่องนั้นแล้วค่ะ”
“แต่ว่าพระราชากับราชินีของประเทศนี้น่ะ ไม่คิดแบบนั้น ผมแค่ไปเดินร้านทาสดู ก็รู้แนวคิดของคนในประเทศนี้ได้แล้ว พวกเขาคิดกับคนต่างเผ่าเป็นแค่สิ่งของเท่านั้น เป็นแค่ศัตรูที่ต้องฉกชิงผลประโยชน์มา กับคนแบบนี้ผมไม่คิดว่าการเจรจาด้วยคำพูดจะได้ผลหรอกนะ”
“เพราะงั้นเลยต้องกำจัดทิ้งสินะคะ”
“ก็ต้องให้ถึงที่สุดก่อน ผมน่ะไม่แคร์ที่จะต้องก่อสงครามขึ้นมา แต่ถ้าทำได้ผมจะเลือกหนทางที่สูญเสียกันน้อยที่สุด ถ้าจะต้องเกิดสงครามสู้ผมเด็ดหัวพวกผู้นำประเทศทิ้งไปเลยดีกว่า อย่างน้อยประชาชนก็ไม่ต้องเดือดร้อน แล้วถึงจะมีคนขึ้นมาแทน แต่ถ้ายังมีแนวคิดแบบเดิมอีก ผมก็จะเด็ดหัวมันทิ้งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะวนมาถึงอาเดไลท์
ระหว่างนี้ผมเลยจะคอยปลูกฝังแนวความคิด แบบการอยู่ร่วมกันกับทุกเผ่าพันธุ์ให้กับเธอ แต่ดูท่าจะไม่ต้องวุ่นวายมากแล้ว จากที่ดูอาเดไลท์เองไม่ได้ถูกขังไว้ในกรอบความคิดของพวกหัวเก่า แต่ค่อนข้างเปิดรับมากทีเดียว ประชาชนประเทศนี้จะคิดอย่างไงกันไม่สำคัญเลย ขอแค่ผู้นำประเทศกำหนดแนวทางความคิดขึ้นมา ต่อให้ฝืนธรรมชาติแค่ไหน สุดท้ายประชาชนก็จะเดินตามทางนั้นจนปรับตัวเองได้ในที่สุด
อย่างตอนเนี่ยสมมุติมีการประกาศเลิกทาสขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ต้องทำตามเพราะมันคือกฎหมาย อย่างมากก็ลักลอบขายกัน แต่มันต้องลดจำนวนลงมากแน่ๆ ที่สำคัญ คนจะเริ่มมีความคิดที่ว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ผิด”
“แบบนี้เอง ท่านโรมะช่างมองการไกลจริงๆ แถมเป็นวิธีที่แทบไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันเลย ฉันประทับใจจริงๆ ค่ะ…แต่ว่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับการที่ท่านจะไม่แตะต้องอาเดไลท์?”
“ก็อีกหน่อยเธอเป็นราชินี ก็ต้องแต่งงานมีลูกเพื่อไว้สืบทอดบัลลังก์ แล้วเกิดสามีเธอรู้ว่าราชินีของตัวเองไม่บริสุทธิ์จะไม่เป็นเรื่องเหรอ ถึงจะรักษาหน้ากันไว้ได้ แต่ว่าก็ต้องมีข่าวลือทำให้อาเดไลท์ต้องเสื่อมเสียเกียรติแน่”
“แล้วท่านโรมะไม่จับเธอเป็นภรรยาแล้วขึ้นเป็นราชาซะเองล่ะคะ?”
“ไม่เอา ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ประเทศนี้จะเป็นอย่างไง หรือโลกนี้จะกลายเป็นอย่างไง ฉันไม่สนใจนักหรอก ที่ฉันทำตอนนี้ก็เพื่อมุเอมะที่ต้องดูแลปกป้องเผ่าปีศาจ ตัวฉันขอแค่ได้นอนกอดพวกเธอทุกวันก็พอใจแล้ว ขืนเป็นราชาก็ไม่มีเวลามากอดพวกเธอน่ะสิ แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก”
“ท่านโรมะ”
มิรินมองผมด้วยดวงตาหวานซึ้ง ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น
“ได้โปรดให้ฉันติดตามท่านโรมะด้วยเถอะค่ะ ฉันจะไม่พูดว่าไม่ว่าท่านโรมะจะทำเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าสิ่งที่ท่านโรมะทำลงไปคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ฉันจะเป็นลูกน้องที่แสนซื่อสัตย์และภักดีต่อท่านโรมะเพียงคนเดียวเท่านั้นค่ะ”
“ไม่จำเป็น”
ผมดึงตัวมิรินขึ้นกอดแล้วนวดหน้าอกเธอไปด้วย
“เธอเป็นผู้หญิงของผมแล้ว อย่างไงก็ต้องอยู่กับผมไปตลอดนั้นแหละ ไม่ปล่อยให้ไปไหนหรอกนะ”
“ท่านโรมะ”
แล้วมิรินก็จูบผมอย่างดุเดือด แต่ตอนนั้นเองอาเดไลท์ก็วิ่งออกมาในสภาพเปลือยเปล่า
“ในห้องนั้นมันอะไรกันน่ะ! มีอ่างใส่นํ้าขนาดใหญ่ให้ลงไปแช่ด้วย แถมนํ้าก็อุ่นสบาย! แล้วสายที่ติดตรงกำแพงแล้วพ่นนํ้าออกมาได้มันคืออะไรน่ะ!”
อาเดไลท์ถามเป็นชุด แต่ผมค่อยๆ หันหน้าไปทางอื่นแล้วบอกเธอไป
“อาเดไลท์ซัง เป็นสาวเป็นนางไม่ควรแก้ผ้าวิ่งในบ้านนะครับ”
“…กรี๊ด!!”
ดูเหมือนเธอจะพึ่งรู้สึกตัว ผมเลยให้มิรินพาเธอกลับเข้าไปอาบนํ้าต่อ ส่วนผมก็ไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับลงมาเตรียมนมอุ่นให้กับทุกคนเหมือนเดิม
ห้องของอาเดไลท์อยู่บนชั้นสามตรงกันข้ามกับห้องของผม ซึ่งผมค่อนข้างกังวลที่เธอเลือกห้องใกล้ๆ แบบนี้ เพราะเวลาพวกผมเข้าภาคปฏิบัติกันตอนคํ่า เสียงมันจะไปรบกวนเธอเข้า
แถมวันนี้พิเศษหน่อย ตรงที่มีเดเม่มาร่วมวงด้วย เตียงไม่พอแฮะ สงสัยต้องเปลี่ยนเตียงให้ใหญ่ขึ้นแล้ว
หลังจากดื่มนมเสร็จพวกเธอก็ขึ้นมาหาผมที่ห้องพร้อมกัน ยกเว้นฟรานที่กำลังอธิบายการใช้ตะเกียงด้วยสัญญาณตบมือให้อาเดไลท์ฟังอยู่ แถมตอนนี้ทั้งบ้านสว่างไปด้วยแสงไฟ ทำให้อาเดไลท์ตื่นเต้นแบบสุดๆ เพราะแสงจากตะเกียงสว่างกว่าแสงเทียนจนเทียบไม่ติด
แต่วันนี้ทุกคนพร้อมใจกันให้เดเม่ก่อนเลยเพราะเป็นครั้งแรกของเธอกับผม เดเม่ก็รู้ใจผมซะเหลือเกิน เลยมาทั้งๆ ชุดเมดแบบกระโปรงสั้นสุด
เดเม่เป็นประเภทเสร็จไว ผมเลยเล้าโลมเธอจนแค่ให้เปียกเท่านั้น ต่อด้วยจับไปยืนหันหน้าเข้าผนังห้อง ผมน่ะอยากทำแบบนี้กับเมดมาตั้งนานแล้ว ผมทำกับเดเม่ด้วยท่ายืนนั้นเอง ผมสอดดุ้นเข้าไปในกระโปรงแหวกขอบกางเกงในที่เป็นระบายลูกไม้เข้าสู่ปากถํ้าที่ปิดสนิท
ด้วยการรักษาภายในของผม ทำให้หอยของเดเม่ราวกับเป็นหอยของเด็กสาวบริสุทธิ์ ผมเลยต้องค่อยๆ ใส่เข้าไปทีละนิดอย่างระวัง แต่แค่เสียบเข้าไปได้ครึ่งทางเดเม่ก็แตกซะแล้ว เธอฉี่ราดออกมาพร้อมกับพ่นนํ้าที่ออกมาเป็นจังหวะเดียวกับเอวที่สั่นกระตุกของเธอ
“ขะ ขอโทษค่ะนายท่าน นะ หนูทำสกปรกใส่ห้องของนายท่าน”
“ไม่ต้องใส่ใจ ดีซะอีกเวลาผมเห็นพวกเธอทำเรื่องน่าอายผมยิ่งตื่นเต้นนะรู้ไหม”
ผมนวดหน้าอกคัพB ของเธอไประหว่างให้เธอเครื่องเย็นลงก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวเธอเสร็จติดๆ กันจนหมดแรงซะก่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าเดเม่นั้นไวต่อสัมผัสของผมมาก เพียงแค่นวดหน้าอกแบบปกติ ไม่ได้ใช้เทกนิกอะไร ก็ทำเธอเสร็จไปซะแล้ว
และโควตาของเดเม่มีแค่สองรอบเท่านั้น ผมอุ้มเธอที่สลบไปแล้ว ไปนอนที่โซฟายาว จากนั้นก็ขึ้นไปสนุกกับคนอื่นต่อ จริงๆ อยากฟาดมิรินก่อน แต่มิรินชอบให้ผมทำหลังฟราน ผมเลยต้องไปจัดการยูรินที่ทนไม่ไหวจนนั่งตกเบ็ดไปแล้ว
แต่จังหวะนั้นเองประตูห้องก็เปิดออก ผมนึกว่าฟรานจะมาแล้ว แต่กลับเป็นอาเดไลท์ที่เดินนำเข้ามา เธอไม่สนใจที่ผมกำลังกระแทกดุ้นใส่ยูรินอยู่ ไม่สิสนใจเพราะสายตาไม่ละไปจากจุดนั้นเลย แต่เธอก็เดินตรงมายืนตรงข้างเตียงหน้าผม
“นี้นายข่มขืนกระทั่งเด็กตัวแค่นี้เลยเหรอ!”
เธอเปิดฉากต่อว่าผมทันที
“เอ่อ ยูรินเป็นดวาฟน่ะ ถึงจะเห็นตัวแค่เด็กประถมแต่เธออายุมากแล้วนะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรไปขืนใจเธอนะ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณอาเดไลท์ คือยูรินเธอชอบร้องแบบเหมือนโดนข่มขืนแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว พวกเราทุกคนที่นี้น่ะไม่มีใครโดนนายท่านบังคับขืนใจแต่อย่างใดเลยค่ะ จริงๆ แล้วตรงกันข้ามด้วยซํ้า”
มิรินอธิบายให้ฟังซึ่งทุกคนก็พยักหน้ายืนยัน แต่ยูรินสติหลุดไปแล้ว ไม่สนใจใครทั้งนั้นโยกเอวรับการกระแทกของผมแบบลืมตายอยู่ วันนี้เร้าร้อนและสติหลุดเร็วกว่าปกติแฮะ อย่าบอกนะว่าเพราะถอดหน้ากากออก?
“เป็นแบบนั้นเหรอ? หือ ช่างเถอะ ดาเซสมาช่วยฉันหน่อยสิ”
“เอ๋! แต่ต่อไปคิวฉันแล้วนะ”
“ไม่นานหรอก”
แล้วดาเซสก็เดินคอตกตามหลังอาเดไลท์ไป แต่ไม่ถึงนาทีพวกเธอก็กลับเข้ามา โดยที่ดาเซสแบกโต๊ะนํ้าชาส่วนฟรานยกเก้าอี้เข้ามากับอาเดไลท์
“อย่าบอกนะว่าจะมาตั่งโต๊ะนํ้าชาที่ห้องผมน่ะ”
“ก็นายต้องดูแลพวกเธอไม่ใช่เหรอ ฉันเลยต้องมาหาเองไง”
อาเดไลท์บอกพลางตั้งโต๊ะลงติดกับขอบเตียงและวางกระดานหมากที่เล่นกันเมื่อคืนออกมา ผมเลยต้องเล่นเกมกับเธอไปเย่อสาวๆ ไป ตอนแรกนึกว่าจะทำให้ทุกคนไม่พอใจ แต่กลับออกมาดี เพราะคนที่รอคิวอยู่ก็หันมาสนใจเกมที่ผมเล่นกับอาเดไลท์พลางรวมวงจิบนํ้าชากันไปด้วย เอ่อ แบบว่าบรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันเนี่ย?
หลังจากผมจัดยูรินจนครบโควตาแล้วก็ถึงคิวของดาเซส แต่พอผมเสียบดุ้นเข้าไปในตูดของดาเซสเท่านั้นแหละ อาเดไลท์หยุดเล่นแล้วชี้นิ้วมาที่ดุ้นผมทันที
“นี้นายทำไมใส่ของนายเข้าไปทางทวารหนักล่ะ!”
“เอ่อ ทางนี้มันก็เสียวได้เหมือนกันครับ อย่างดาเซสน่ะชอบแบบนี้จนไม่ยอมให้ผมทำข้างหน้าแล้ว”
“แล้วทำไมนายต้องตีก้นเธอไปด้วย!”
“ยัยนี้มันเป็น M น่ะครับ ชอบให้ผมรุนแรงและหยาบคายใส่น่ะ ใช่ไหมนังหมูตัวเมีย”
“ค่า!! ฉันเป็นหมูตัวเมียโรคจิต นายท่านช่วยอัดดุ้นเข้ามาในรูโสโครกของฉันแรงๆ ด้วยค่า!!!”
“บะ แบบนี้ก็มีด้วย?”
เอาวะ ถือว่าให้เธอเรียกชั่วโมงเพศศึกษาไปในตัวล่ะกัน
จากนั้นไม่ว่าผมจะทำอะไรอาเดไลท์ก็จะต้องคอยถาม ซึ่งผมก็จะตอบเธอไปตามตรง ทั้งเรื่องที่ผมทำฟรานจนเลือดพุ่งหรือที่เธอกัดผมตอนเสร็จ หรือจะเรื่องที่ยัยเอร่าย่องเข้ามาเงียบๆ แล้วมานั่งดูพวกผมพร้อมกับตกเบ็ดเก็บนํ้าหวานใส่ขวดด้วย
หรือกับการออรัลเซ็กส์ของผมกับพวกเธอทีละสามคน ทั้งโมอา มิริน มอเรีย ทั้งที่ผมให้มิรินใช้ปากทำให้ หรือที่มอเรียชอบกินนํ้าเชื้อผม อาเดไลท์ดูสนใจไปหมดจนเกมเล่นไปได้ไม่ถึงไหนเลย เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเซ็กส์มันจะรุนแรงและเร้าอารมณ์ขนาดนี้ ต่างจากที่ผมทำกับพวกสาวๆ ในซ่อง เพราะกับพวกฟรานพวกเรารู้ว่าอีกฝ่ายชอบแบบไหน และมีขีดจำกัดแค่ไหน พวกผมเลยใส่กันจนถึงขอบสุดทุกครั้ง ถึงขนาดที่ว่าถ้าเลยไปนิดเดียวอาจถึงทำให้กลายเป็นบ้าได้ แต่ผมมีสัญญาณเตือนภัยอยู่ เลยหยุดทันเวลาเสมอ
แต่ที่ทำให้อาเดไลท์ตื่นตาตื่นใจมากที่สุด ก็เป็นตอนผมเอากับดอเรียที่เป็นเซนทอร์ กับดอเรียผมไม่ต้องปรับขนาดดุ้นเลย เพราะมันพอดีกันกับของเธอ เพราะความลึกของมดลูกของม้านั้นมากกว่าของมนุษย์ 2-3 เท่า แถมผนังช่องคลอดเองก็มีความยืดหยุ่นกว่า ผมเลยเอากับดอเรียเสียงดังสะนั่นเลย ผมกระแทกใส่แรงจนเนื้อของดอเรียกระเพื่อมเป็นคลื่นตามจังหวะ ปลายดุ้นผมแทงปากมดลูกของดอเรียทุกครั้งที่สอดเข้าไป ยิ่งทำให้เธอเสียวจนต้องยกเท้าหน้าขึ้น ผมเลยได้จังหวะอุ้มเธอขึ้นแล้วสอยในท่าอุ้มยกล้อเลย แรงผมในตอนมีเซ็กส์นั้นไม่มีจำกัดจริงๆ ราวกับสามารถเล่นได้ทุกท่าโดยไม่สนเรื่องขนาดร่างกายเลย
ผมใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะทำให้พวกเธอทุกคนหลับกันไปได้ แต่วันนี้เสร็จกันค่อนข้างเร็วทุกคนเลย เพราะหน้ากากแน่ๆ แบบนี้ หน้าตามีผลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ขณะที่ผมใช้คลีนนิ่งทำความสะอาดและจับพวกเธอแต่งตัวนั้น อาเดไลท์ก็พูดขึ้นมา
“พวกเธอท่าทางมีความสุขกันจังเลยนะ ทั้งได้กินของอร่อย ทั้งได้แช่นํ้า ทั้งได้นอนบนเตียงนุ่มๆ และอุ่นสบาย แถมยังได้รับความรักจากนายจนเต็มอิ่มอีก”
“ครับ ก็พวกเธอเป็นผู้หญิงของผมนี้ครับ ผมเลยต้องดูแลพวกเธอให้ดี ให้มีความสุขเสมอ เพราะยิ่งพวกเธอมีความสุข ผมเองก็จะสุขไปด้วย”
“เป็นความคิดที่แปลกดีนะ”
“ครับ แต่ว่าอาเดไลท์ซังก็เป็นส่วนหนึ่งของที่นี้แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นต้องรีบเข้านอนนะ ไม่งั้นตื่นไม่ทันข้าวเช้าแน่”
“ข้าวเช้าเหรอ! อืม ฉันจะรีบนอน!”
พอเอาของกินมาล่อล่ะเชื่อฟังขึ้นมาเชียว จากนั้นอาเดไลท์ก็กลับห้องไป ผมเองก็อุ้มโมอาไปส่งที่ห้องตามปกติ
แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเมยอากำลังตกเบ็ดอยู่ แถมท่าทางใกล้เสร็จแล้วด้วย
“อย่าหยุดนะ ดีแล้วทำต่อเลย”
ผมกลัวเธออารมณ์ค้างแล้วโกรธ เลยให้เธอทำต่อ เมยอาก็ทำต่อจริงๆ ด้วยโดยจ้องหน้าผมและสอยนิ้วเร็วขึ้นอีก จนเธอเสร็จพ่นนํ้าออกมาชุดใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนหมดแรง แต่พอขยับตัวได้ เธอก็รีบห่มผ้าคลุมโปงทันที ท่าทางจะอายที่โดนผมเห็นล่ะมั่ง แต่สาวๆ วัยนี้ก็ต้องการการปลดปล่อยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แถมสงสัยได้ยินเสียงที่พวกผมทำกันด้วยล่ะ เลยยิ่งทำให้มีอารมณ์ขึ้นมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น